นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง กระเรียนหลงฟ้า บทที่12 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3
กระเรียนหลงฟ้า บทที่12
เด็กหนุ่มวัย 20 ปีกับบุตรชายวัย 72 ขวบ
“นายเกิดมาเพื่อฉัน…หรือฉันเกิดมาเพื่อนายกันแน่นะ ต้องตะวัน” ดาบไผ่พึมพำเมื่อภาพคุณป๋าผุดเข้ามาในหัว “จิตพิรุธที่พึ่งรู้จัก…บอกว่านายถูกกระทำ…รอฉันนะเพื่อนรัก”
เวลานี้เรื่องราวที่เสมือนตัวเองเป็นต้นเหตุกำลังทำให้เด็กหนุ่มจากจังหวัดเพชรบุรีสับสน บางอย่างในร่างกายที่เคยคิดว่าปกติแต่เวลานี้มันกลับไม่ปกติ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังกลายเป็นสมบัติโดยชอบธรรมของพวกปลิงลมสันดานหนอนหลายกลุ่ม พรสวรรค์พิเศษที่พวกมันเรียกกำลังจะทำให้เขากลุ้มใจและอาจจะกลายเป็นตัวประหลาด หากไม่รู้จักระมัดระวัง
(เราคือสมบัติโดยชอบธรรมของพวกปลิงลมสันดานหนอนจริงๆ หรือนี่) ดาบไผ่นิ่งคิด เขาเอียงศีรษะพิงกับกระจกข้างประตูหลัง โดยมีสายตาที่อบอุ่นของเซดะคอยชำเลืองเป็นระยะๆ
(ไอ้พวกปลิงลมสันดานนอน) เขาพ่นลมหายใจออกมาพร้อมๆกับคำด่าที่แสนจะเกลียดชัง แต่บัดนี้สิ่งที่เกลียดกำลังจะกลายเป็นตัวเขาเสียเอง #อูคาชิ เซดะข้าจะปลุกเจ้าให้ตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับมัน# เสียงของชายชราในชุดกิโมโนสีขาวผุดขึ้นมาจากความทรงจำ กระทั้งเวลานี้มันก็ยังก้องอยู่ในหัว (เราคือมินาโมโต โคทาโร่จริงหรือ)
“หากดาบคาตานะ มูโตยืนยัน…คุณชายมินาโมโต โคทาโร่ เป็นชื่อสุดท้ายของคุณชายอูคาชิ เซดะและเป็นชื่อเดียวกับตัวข้าเอง” เซดะบอกเสียงนิ่มๆ
“คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า เซดะ….” ดาบไผ่หลับตาพูด แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเซดะพยักหน้ารับ
(กลิ่นตัวคุณแรงมากเลย…) ดาบไผ่แกล้งพร้อมกับเปิดตาสังเกตปฏิกิริยา เซดะซุกใบหน้ากับรักแร้ของตัวเอง เหมือนจะพิสูจน์ตามที่เขาคิด จนดาบไผ่หลุดขำออกมา “หึ…หึ…”
“เจ้าแกล้งข้า…โอ้!…ไม่น่าเลย ฮา….ฮา” เซดะแก้เก้อขำตัวเองตามอีกคน “กลิ่นตัวกับนินจาสำคัญมากนะ…เจ้าไม่ควรล้อเล่นอย่างนี้อีก” เซดะพูดต่อ แต่สักพักคิ้วทั้ง 2 ข้างของเขาก็ขมวดเข้าหากัน (แต่…เดี๋ยวหยุดก่อนกำลังมีคนตามเรามา)
(ฮื้อ!…)
(มันคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์พิเศษกำลังสำรวจเราด้วยกระแสจิต)
“เลี้ยวเข้าปั้มน้ำมันข้างหน้า” เซดะออกคำสั่งกับคนขับรถ ไฟสัญญาณเลี้ยวกระพริบถี่ๆ ในแสงสลัว เหมือนจงใจจะให้กลุ่มบุคคลที่กำลังตามสังเกตเห็น คนขับรถเลี้ยวอ้อมไปจอดด้านหลังข้างๆ ห้องน้ำ ไม่นานรถตู้สีขาวที่ดาบไผ่สังเกตเห็นก็เลี้ยวตามเข้ามา แต่พวกมันก็เลือกจอดอีกมุมที่แสงไฟไปไม่ถึง
(พวกนอกรีตกำลังเล่นเกมกับเรา…คืนนี้แหละข้าจะแสดงให้พวกมันเห็นว่าซามูไรก็มีเล่ห์เหลี่ยมกลพลางไม่แพ้นินจา)
(พวกมันรู้ได้อย่างไรว่าเราจะไปไหน) ดาบไผ่ถามผ่านเสียงสื่อ
(บางคนของพวกนอกรีตมีพรสวรรค์พิเศษเยี่ยงเรา…พวกมันตามดูพฤติกรรมของเจ้ามาหลายปีแล้ว แต่อย่าห่วงเลยตราบใดที่เจ้าไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น…พวกมันจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม และที่สำคัญคนพวกนี้ก็ต้องการดาบดาบคาตานะ มูโต พอๆ กับพรสวรรค์พิเศษที่ติดตัวเจ้ามานั้นแหละ)
(รู้สึกว่าพวกปลิงลมที่ติดตามมีอยู่ 2 กลุ่ม หากพวกนี้คือพวกนอกรีตและอีกกลุ่มหนึ่งละ)
(ข้าจะเล่าทุกอย่างให้ฟังโดยละเอียดภายหลัง เวลานี้เจ้าอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์หากดาบเล่มนั้นคือคาตานะ มูโตและถ้ามันเลือกเจ้า มันก็สมควรจะอยู่ใกล้ตัวเจ้า มิฉะนั้นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับมันจะได้รับภัยร้ายที่คาดไม่ถึง…เราต้องหยุดเสียงสื่อกันก่อน เพราะมีบางอย่างไม่ปกติ) เสียงสื่อของเซดะเงียบลง สักพักก็หันมาพยักหน้าให้ดาบไผ่เห็น “เข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว เราไปต่อกันเถอะ” เขาเปล่งเสียงเรียบๆ ทั้งคู่ยิ้มที่มุมปากก่อนเซดะจะใบ้สัญญาณมือและรถ BMW สีดำก็กระชากความเร็วออกจากปั้มน้ำมันอย่างรวดเร็ว
และหลังจากวิ่งฝ่าความมืดออกมาได้สักระยะ…อยู่ๆ เซดะก็ส่งสัญญาณมือเป็นภาษาเฉพาะอีก คนขับรถกดปุ่มไฟสีแดงและน้ำเงินที่พวงมาลัยและทันใดนั้นตัวรถก็สั่นโคลงทั้งๆ ที่ความเร็วยังไม่ชะลอ แต่เซดะก็ยังหันมายักคิ้วให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เซดะ ” ดาบไผ่หลุดเสียงอุทาน
(ระวังหน่อย…ดูภายนอกซิ) เสียงสื่อแนะ ดาบไผ่เหลือบมองดูภายนอกรถแล้วต้องแปลกใจเมื่อทุกอย่างของรถ BMW สีดำกำลังเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งคัน
(สีรถ…)
(ไม่เพียงแต่สีเท่านั้น เลขทะเบียน รูปร่างรวมทั้งยี่ห้อด้วย…เดี๋ยวข้าจะเล่นอะไรสนุกๆให้เจ้าเห็น) เสียงเซดะดังขึ้นอย่างคนได้ใจ ขณะเดียวกันสัญญาณมือแทนคำสั่งที่ 2 ก็ถูกส่ง คนขับรถมองผ่านกระจกหลัง เขาพยักหน้ารับ รถยนต์คันใหม่ก็เริ่มชะลอความเร็วลง ไม่นานนักรถตู้สีขาวของพวกนอกรีตก็พุ่งแซงหายวับเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
(เราต้องเปลี่ยนเส้นทางแล้วละ)ดาบไผ่เสนอ
(ดีมาก…เจ้าบอกเส้นทางเลย ข้าจะจัดการกับคลื่นวิทยุห่วยๆ นี้ก่อน) เซดะตอบกลับ ดาบไผ่บอกให้คนขับย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ สักระยะก็แนะให้เลี้ยวเข้าถนนสายรองที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักอีกเส้นที่มีปลายทางเดียวกัน
“หากโชคดีพวกมันอาจจะหลงกลเลี้ยวกลับกรุงเทพฯ แต่ถ้าโชคร้ายพวกมันอาจจะรอที่บ้านของเจ้า”
“อ้าว!…แล้วต้องหนีพวกมันทำไม” ดาบไผ่โพล่งขึ้น
“ข้าอยากจะสนุกบ้างจะเป็นไรไป” เซดะพูดหน้าตายแบบคนไม่รู้ไม่ชี้
“คุณนี้เจ้าเล่ห์ใช่เล่นเลยนะ เซดะ” ดาบไผ่ว่าให้และทั้ง 3 คนก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดอีก
“คืนนี้…ยังมีอะไรสนุกๆรอเราอยู่อีกเยอะ…ฮาๆ”
……….
ที่จังหวัดเพชรบุรี
อีก 2 ชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงตัวจังหวัดเพชรบุรี ดาบไผ่บอกคนขับรถเลี้ยวเข้าทางลาดยางเล็กๆ ตรงข้ามกับปั้มน้ำมันบางจาก ที่ไม่มีโคมไฟข้างถนน แสงสว่างที่ใช้จึงมีเฉพาะไฟจากหน้ารถยนต์เท่านั้น กระทั้งมันเล่นเข้ามาได้สักระยะ เซดะจึงสั่งปิดไฟหน้าและแสงอินฟาเรดที่กระจกใสหน้าคนขับก็สว่างขึ้นมาแทน ดาบไผ่เห็นคนขับรถกดปุ่มไฟสีเหลืองที่อยู่ใกล้กับคันโยกสัญญาณไฟเลี้ยว สักพักแผงวงจรสีเขียวอมเหลืองก็ปรากฏเพิ่มขึ้น มันเต็มไปด้วยอักษรภาษาอังกฤษรวมทั้งเส้นทางรอบๆ
“อู้!…นี้มันบอกทุกอย่างในรัศมี 10 กิโลเมตรเชียวรึ…”
“อื้อ! เจ้าคงจะเคยชินกับแสงสีเขียวอมเหลืองนี้แล้วซินะ”เซดะถามแต่ไม่จริงจังเท่าใดนัก
“ครับ…”
“เจ้าชอบรถคันนี้มากหรือ”เซดะถามอีก
“…..” ดาบไผ่หันไปมองหน้าเขานิ่งๆแต่ไม่ได้พูดอะไร
“อีกไม่นานมันก็จะเป็นของเจ้า…” เขาเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับปรับเสียงเป็นเสียงสื่ออีก
(หากเราโชคร้ายพวกมันอาจจะรอเราอยู่ที่บ้านของเจ้า)
(ถ้าอย่างนั้นเราต้องจอดรถไว้ข้างหน้า…แล้วเดินต่อ) ดาบไผ่แนะในประเด็นเดียวกัน เซดะดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ (ใกล้จะ 01.00 น.)
และทันทีที่รถยนต์สีขาวจอดสนิท ทุกอย่างภายในและภายนอกก็ค่อยๆเปลี่ยนกลับมาเป็นรถ BMW สีดำคันเดิม ดาบไผ่ก้าวลงมาแล้วเดินนำเซดะเข้าสู่หมู่บ้านตัวเองอย่างระแวดระวัง
(เดี๋ยวข้าต้องพลางรถก่อน) เสียงเซดะดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับส่งสัญญาณมือบอกคนขับรถที่ยังคงนั่งเงียบราวกับกับถูกฝึกมาอย่างดี สักครู่ฝ่ามือที่วนไปมาหลายรอบก็ทำให้สีดำของตัวรถกับเงาของราตรีค่อยๆกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ดาบไผ่กระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับแสงสีเขียวอมเหลือง แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นรถยนต์คันนั้นแล้ว
(มันเป็นไปได้อย่างไร)
(ข้าสั่งออกแบบมาพิเศษ…เราไปต่อกันเถอะ) เซดะอธิบายสั้นๆ เขากวาดสายตาไปรอบๆ ทันใดนั้นแสงสีแดงที่สะท้อนกลับมาจากดวงตาของสุนัขที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เซดะก็สะกิดดาบไผ่หยุดและสะกดมนต์เข้าไปในดวงตาที่เปิดค้างเพื่อปิดจุดหลับ จนสุนัขตัวนั้นยืนอ้าปากค้างนิ่งยังกับหุ่นหิน
(เสียงของมันจะปลุกทุกคน รวมทั้งพวกนอกรีต)
(คุณกำลังทำให้ผมกลัว) ดาบไผ่ตะลึง เขามองหน้าเซดะสลับกับสุนัขตัวนั้นไปมา
(เจ้าก็เคยทำมาแล้ว…มันเป็นมรดกเฉพาะสำหรับทายาทโดยตรงจากหุบเขาอิงะ กลับไปข้าจะแนะวิธีใหม่ๆ ให้) เสียงของเซดะเบาลง ดาบไผ่ได้แต่พยักหน้ารับ ทั้งคู่ เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนคล้ายวิ่งบนความเงียบ หลังคาสีแดงของบ้านปรากฏอยู่ลิบๆ และก็มีรถตู้สีขาวของพวกนินจาจอดนิ่งอยู่ข้างทางในระยะที่สายตาสังเกตเห็นตามที่คาดการณ์เอาไว้จริงๆ
(ไอ้พวกปลิงลมสันดานหนอน!)
(เรื่องโง่ๆ อย่างนี้แหละที่พวกนอกรีตฉลาดนัก) เซดะเสริมพลางส่งสัญญาณมือให้หยุด เขาดึงสายป่านออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับม้วนเป็นวงกลมกว้างๆ หลายรอบ และใช้อีกมือแกว่งปลายสายปานติดตะขอไปมา
(เจ้าปีนได้นะ…..) เซดะหันมาถาม
(ไม่มีปัญหา)
เซดะขว้างปลายสายปานติดตะขอขึ้นไปบนสันหลังคาบ้านหลังที่ใกล้ที่สุด มันเงียบกริบจนดาบไผ่อดแปลกใจในเทคนิคของเขาไม่ได้
(เจ้าปีนขึ้นไป) เสียงสื่อบอก แต่ร่างของเขาเองกลับลอยวูบขึ้นไปยืนนิ่งบนสันหลังคารอเรียบร้อยแล้ว ดาบไผ่ยืนงงสักพักเขาก็ออกแรงปีนตามขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้
(เจ้าต้องฝึกอีกมาก)
(วู้!…เหนื่อยใช้ได้ทีเดียว)
(ยังไหวนะ…ใช้ปลายเท้าเดินตามข้ามา) เสียงสื่อแนะและที่เส้นขอบฟ้าของคืนนั้นก็ปรากฏเงาสลัวของคน 2 คนวิ่งไต่ไปตามสันหลังคาบ้านหลังหนึ่ง ไม่มีเสียงฝีเท้าตะกุยแผ่นกระเบื้องมีเพียงเสียงลมและเสียงแมลงกลางคืนเท่านั้นที่ช่วยอำพลางไม่ให้นินจาที่ซุ่มดักรอในรถตู้สัมผัสถึงความเคลื่อนไหวนั้น
(สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วค่อยกระโจนตามข้าลงไป…อย่าลืมใช้ปลายนิ้วเท้าสัมผัสพื้นเป็นส่วนแรก…มันจะช่วยลดเสียงดังได้) เซดะแนะต่อและไม่รอจนพูดจบ ร่างของชายวัย 72 ปี ก็กระโดดลงไปยืนนิ่งบนระเบียงชั้น 2 อย่างเงียบกริบ ดาบไผ่ทำตาม…และ
(มันได้ผล)
(ก็เจ้าเป็นนินจานิ…)
(เดี๋ยว!…ผมต้องปลุกพ่อกับแม่ก่อน)
(มันก็เท่ากับเราปลุกพวกนอกรีตให้รู้ตัว…เดี๋ยวข้าจัดการเอง) เซดะเตือน เขาเดินตรงไปยังประตูที่ปิดสนิทพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ ติดกันหลายครั้ง เหมือนจะปรับแสงที่ใช้มองในความมืดให้ชัดมากขึ้น ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบเบาตำแหน่งกลอนและกุญแจลูกบิด จนได้ยินเสียงดัง “คลิก” เบาๆ จากข้างใน
(พวกนินจาคงใช้วิธีนี้ซินะในการเข้าไปโจรกรรมบ้านคนอื่น)
(ถ้าอย่างนั้น..ข้าก็รอดตัว เพราะข้าคือซามูไร) เซดะอมยิ้มยักคิ้วในแบบของเขาให้ (เดี๋ยวข้าปลุกเอง…) เซดะพูดต่อเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างในเรียบร้อยแล้ว เขากางอาคมปิดกั้นไม่ให้เด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์พิเศษเยี่ยงนินจาสัมผัสถึงความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุมหากมันคือเรื่องจริง… (จิตพิรุธไม่เคยโกหก….โรนินชัยน้องข้า) ความรู้สึกในก้าวแรกที่เดินเข้าไปหา 2 ร่างที่กำลังหลับสนิทของชายหญิงวัย 63 ปี..(ไม่ปรากฏดวงดาวแห่งนักฆ่า…ตอนสงครามจบลง…เพราะเหตุนี้กระมังที่ทำให้เจ้ารอด…และเป็นเหตุให้ข้าตามหาเจ้าไม่เจอ…) เสียงสื่อในประโยดสุดท้ายเศร้าสนิท แต่ดาบไผ่ก็ยังไม่รับรู้ เซดะหันไปมองหน้าเขาสลับกับร่างชายหญิงที่กำลังหลับอีกครั้ง ก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆ
(ตื่นได้แล้วโรนินชัย…ตื่นเถอะน้องพี่) เซดะกางฝ่ามือวนเป็นวงกลมเหนือใบหน้าของคนทั้งคู่ สักครู่พวกเขาก็ค่อยๆ ลุกนั่งแข็งๆ…ไม่ต่างกับคนละเมอ
“พ่อแม่…ผมเองดาบไผ่เอง…” ดาบไผ่กระซิบใกล้ แต่เสียงสื่อก็แทรกเข้ามากระทุ้ง…(อย่าหลุดออกเสียงดังเวลานี้พ่อกับแม่ของเจ้ายังไม่ตื่นเต็มที่นักหรอก พวกเขาจะอยู่ในสะภาพกึ่งฝัน…เจ้าสามารถพูดโดยผ่านกระแสจิตเช่นเดียวกับที่คุยกับข้า) เขาแนะและพยักหน้าย้ำให้เชื่อ
(ผมกอดพวกเขาได้ไหม)
(ตามสบาย…) เซดะบอก เขายิ้มแบบคนอิจฉาทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มโผเข้ากอดร่างของพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งยิ้มอยู่บนเตียง (ข้าเองก็ปรารถนา…จะได้กอดท่านสักครั้ง…พ่อข้า) เซดะปล่อยความโหยหาทั้งชีวิตหลุดออกมา…สักพัก (เราต้องรีบแล้วละ…เพราะถ้าพวกนอกรีตรู้ว่า ดาบคาตานะ มูโต อยู่ที่นี้ พ่อกับแม่เจ้าจะไม่ปลอดภัย)
(ผมต้องบอก พ่อก่อน)
(เจ้าไม่จำเป็นต้องพูด…ทำตามที่ข้าแนะ) เซดะย้ำ เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะเผลอลืม
(พ่อเคยบอกว่า มันจะเป็นของผมเมื่อพร้อม และเวลานี้ผมอายุ 20 ปี…) เขานิ่ง (หากที่ด้ามจับมีรูปนกกระเรียนกำลังโผบินอยู่กลางวงกลม…ชื่อของมันคือ มูโต ดาบคาตานะ มูโต)
(ข้าปรารถนาเหลือเกินว่าจะเป็นเจ้า…ท่านพ่อ) เซดะกางอาคมครอบความรู้สึกที่กำลังจะทำให้ร่างกายอ่อนแออีกครั้ง
(วันนี้ผมพร้อมแล้ว) รอยยิ้มของโรนินชัยที่ดาบไผ่สื่อแทนคำอนุญาตจากปากก็ทำให้คนทั้งคู่ ยิ้มรับกันไปมา
(ถ้าใช่…ข้า ข้าจะไม่ร้องไห้ ให้พวกเจ้าเห็น…) #น้ำตาของซามูไร มีค่ายิ่งกว่าเพรชอะโออิ# และเสียงของมินาโมโต ฟูจิกาว่าก็ผุดเตือนจากความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน… (ข้าจะไม่ร้องไห้ ข้าจะไม่ร้องไห้…ท่านพ่อ)
……….
“เสียงสื่อไม่เคยโกหกความรู้สึกฉันใด
จิตพิรุธก็ไม่มีวันหลอกตัวตนฉันนั้น”
ดาบไผ่ ธารารักษ์
……….
จบ กระเรียนหลงฟ้า12 (บทที่12)