กระเรียนหลงฟ้า บทที่13 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
กระเรียนหลงฟ้า บทที่13
คาตานะ มูโตดาบซามูไร
#มันจะเป็นของเจ้า อูคาชิ เซดะ…มันจะเป็นของเจ้าเมื่อพร้อม# ความทรงจำในอดีตผุดเข้ามาในหัวและมันก็มาพร้อมๆ กับเสียงร้องของนกกระเรียน ในความมืด
#แกร๋ๆ…แกร๋ๆ…แกร๋ๆ# เซดะที่ทรุดนั่งข้างๆ เขาหันซ้ายทีขวาทีอย่างคนกำลังหวาดวิตกและทันทีที่ห่อผ้าไหมสีขาวมาวางอยู่ต่อหน้า เสียงกรีดร้องของพวกมันอีกหลายสิบตัวก็ดังขึ้นเป็น 2 เท่า
#แกร๋ๆ…แกร๋ๆ…แกร๋ๆ# ดาบไผ่คลายปมใช้มือลูบปลอกหนังสีดำไปมาเสียงเหล่านั้นจึงค่อยๆ เงียบลง เซดะจ้องไปที่ดาบคาตานะไม่กระพริบ
(นี้ไงดาบที่ผมหมายถึง) ดาบไผ่ยื่นให้ เซดะรับไปและสำรวจมันอย่างคนกระหาย
(หนังปลากระเบน…) เขาไล้ฝ่ามือจากปลายของปลอกหนังจนไปหยุดที่ด้ามจับที่พันด้วยหนังปลากระเบนสีดำ และหยุดนิ่งที่ตราวงกลมคล้ายดวงอาทิตย์มีรูปนกกะเรียนกำลังโผบินอยู่ตรงกลาง เขาพลิกดูอีกด้านและมันก็ปรากฏตราสัญลักษณ์เดียวกันชัดเจนในความมืด
(ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล มินาโมโตจริงๆ) เขาอุทานหลงเข้าไปในความหมายที่รับรู้จากปากของฟูจิกาว่า สักครู่เขาก็เงยหน้าที่เริ่มแดงกล่ำถาม (เจ้ารู้สึกอย่างไร เมื่อสัมผัสกับมัน)
(เย็น…มันเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก) ดาบไผ่บอก เซดะยิ้มปลื้มๆ ให้กับความสุขที่พึ่งจะสัมผัสเป็นครั้งแรก (แต่ข้ากลับรู้สึกอุ่นจนร้อนติดมือ) เสียงสื่อของเซดะเริ่มไม่มั่นคง ดาบไผ่กระพริบตาจ้องใบหน้าและเวลานั้นน้ำตาของชายวัย 72 ก็กำลังล้นทะลักดั่งสายน้ำ…มันคือความสุขครั้งใหม่ในรอบ 72 ปีของเขา (ท่านพ่อ) เขากระวีกระวาดลุกถอยห่างออกไป 2 ก้าวก่อนจะก้มหัวลงจรดกับพื้น…อย่างที่ใจสั่ง “ท่านพ่อ…”
(เซ เซดะ…คุณ คุณ…) ดาบไผ่ตกใจพอๆ กับความรู้สึกเย็นวาบ เงาของเซดะยังก้มสะอื้นอยู่กับพื้น “ท่านพ่อ!…” ความรู้สึกโหยลึกกำลังถูกระบายออกมา
(เซดะ…อย่าทำอย่างนี้…มันไม่ดี คนไทยถือ) ดาบไผ่ทักท้วงอีก
(อันที่จริงดาบเล่มนี้ข้ายังไม่เคยเห็นมันหรอก มีแต่ท่านปูและย่าใหญ่เล่าให้ฟัง นี้คือตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล มินาโมโต มันเป็นรูปดวงอาทิตย์สีแดง มีนกกระเรียนสีขาวกำลังโผบินอยู่ตรงกลาง…เจ้าคือคนที่ข้าตามหามาทั้งชีวิต)
(เซดะ…)
(เจ้าคือ คุณชายมินาโมโต โคทาโร่ หรืออีกชื่อหนึ่งที่พวกนินจาในหุบเขาอิงะตั้งให้คือ อูคาชิ เซดะ) เสียงของเขาสั่นเครือหนักขึ้นไปอีก (ท่านปูก็คือพ่อของเจ้าเมื่อชาติภพที่แล้ว ได้ส่งข้ามาเมืองไทย หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไม่นาน เพื่อมาตามหาเจ้าและดาบคาตานะเล่มนี้ ก่อนท่านจะเสียข้าได้กลับไปญี่ปุ่นครั้งหนึ่งเพื่อจะบอกล้มเลิก แต่ท่านกลับกำชับข้าหนักมากขึ้น ท่านบอกว่า ท่านเห็นใบหน้าของเจ้าได้ยินเสียงค่ำครวญผ่านดวงอาทิตย์สีแดงเหนือยอดซากุระทุกๆเช้า…ว่า…อยากกลับบ้าน) เซดะก้มศีรษะลงจรดพื้นอีก (ข้าจะไม่ร้องไห้ ข้าจะไม่ร้องไห้)
(อยากกลับบ้าน…) ดาบไผ่อุทานคิดตาม
(อยากกลับบ้าน…ใช่)
(เจ้าคือพ่อของข้าจริงๆ ข้าจะพาเจ้ากลับบ้านพร้อมๆ กับดาบคาตานะ มูโตเล่มนี้ บ้านมินาโมโตและคาโกคุมะก็กำลังรอเจ้า ต้นซากุระเองก็ยังออกดอกบานสะพรั่งต้นฤดูใบไม้ผลิรอเจ้าทุกๆ ปี) เซดะลุกสวมกอดดาบไผ่แน่น (ข้าอิจฉาที่เห็นเจ้ากอดพ่อกับแม่…แต่เวลานี้มันหายกันแล้วละ…ท่านพ่อ)
(ผมอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด…) ดาบไผ่พูดเรียบๆ สักพักเขาก็ค่อยๆ ดันเซดะออกอย่างระมัดระวัง
(ทุกเรื่องของคุณชายอูคาชิ เซดะ และคุณชายมินาโมโต โคทาโร่ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด…มันถูกเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง แต่ข้าจะเล่าให้ฟังเท่าที่ได้ยินมา…แต่ตอนนี้เราต้องกลับกันได้แล้ว…ท่านพ่อถือดาบคาตานะ มูโต เพราะมือข้าจะลุกเป็นไฟแล้วละ) เขาใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ
(แปลกนะพ่อผมก็รู้สึกเช่นเดียวกับคุณ…)
(ใช่ก็มันไม่ได้เกิดมาเพื่อข้านี้นา!…คาตานะ มูโตเป็นดาบซามูไรเล่มเดียวที่เลือกเจ้านาย มิใช่เจ้านายเลือกมัน)
(วันนี้ผมพร้อมแล้ว) รอยยิ้มของทั้งคู่ ฉายออกมาในความมืด (…เออแล้วพ่อกับแม่ละ ผมกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย)
(หากไม่มีดาบคาตานะ มูโตอยู่ที่นี้ พวกมันก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องมาที่นี้อีก..โปรดเชื่อข้า…ท่านพ่อ)
(…….)
(ในตัวของเจ้า มีเลือดซามูไรของมินาโมโต มากกว่าเลือดนินจาของอูคาชิเสียอีก ตอนนี้เราต้องกลับแล้วละ ข้าจะเล่าทั้งหมดให้ฟังเมื่อกลับถึงบ้านมินาโมโตแล้ว) เซดะพูดและใช้หลังมือปาดน้ำตาอีกที เขานำร่างกึ่งฝันของพ่อกับแม่ของดาบไผ่เอนลงนอนอย่างเดิม ก่อนจะกางอาคมปิดกั้นไม่ให้ดาบไผ่เข้าถึงได้อีกเป็นครั้งที่ 2 (โรนินชัย…ข้าจะกลับมาหาเจ้าใหม่เพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมด) เขาพูดกับร่างกึ่งฝัน…(น้องข้า)
(เราไปกันเถอะ…) และเสียงสื่อจากเซดะก็กระตุ้นอีก ดาบไผ่มองร่างที่กำลังหลับของพ่อกับแม่ สักครู่ก็กระโจนตามเซดะออกไป
เมฆฝนก้อนใหญ่เหนือท้องฟ้าจังหวัดเพชรบุรี ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ ดวงดาวที่หลบอยู่ด้านหลังก็ได้โอกาสฉายแสง โดยเฉพาะดวงดาวที่กำลังสุกสว่างสีอำพันเหนือขอบฟ้าทางทิศใต้ดวงนั้น…
………..
อีกมุมหนึ่ง
#เราพราดแล้วละ…#
#แต่ข้ายังเชื่อ…ว่าได้เด็กนั้นต้องมาที่นี้#
#ข้าก็เชื่ออย่างสึเดโอะซัง….เราต้องรอ…#เ สียงพูดคุยเบาๆ ลอยออกมาจากรถตู้สีขาว เซดะกระตุกมุมปากตามความสะใจ ก่อนจะดึงสายป่านติดตะขอออกมาเพื่อจะนำทางให้ดาบไผ่ แต่เด็กหนุ่มก็โผวูบลอยขึ้นไปยืนนิ่งบนสันหลังคาก่อนแล้ว เซดะได้แต่ยืนอมยิ้มก่อนจะรีบกระโดดตามขึ้นไปอีกคน
(เจ้าทำได้…ทั้งที่ไม่เคยรู้จักมัน)
(ผมเลียนแบบคุณเซดะ) ดาบไผ่บอกขณะวิ่งตามไปติดๆ
(เจ้าจะต้องเรียนทั้งศาสตร์บูชิโดและชิโนบิโนะโมโนะไปพร้อมๆกัน) เซดะพูดขณะ 2 ร่างกำลังกระโจนตัดกับขอบฟ้าจากหลังคาบ้านหลังหนึ่งข้ามไปยังหลังคาอีกหลัง พวกเขาโรยตัวต่ำลงข้างต้นตระแบกที่กำลังออกดอกสีม่วงเต็มต้นแล้วเดินต่อไปตามทางเดิมที่มา กระทั้งหยุดอยู่ตำแหน่งที่เคยจอดรถ แต่เวลานั้นมันว่างเปล่าเหมือนไม่มีอะไร แต่พอเซดะโบกมือขวาไปมา 2 ที รถ BMW สีดำก็ปรากฏอีกครั้ง พวกเขาเปิดประตูเข้าไปนั่งคนละฝั่งก่อนเซดะส่งสัญญาณมือบอกคนขับ แต่อยู่ๆ…
(เมื่อครู่พวกมัน)
(เจ้าก็ได้ยินรึ…) เซดะถาม ดาบไผ่พยักหน้า (ข้าจะล่อพวกมันเอง)
“ปล่อยเสียงเครื่องยนต์ให้เต็มที่…แต่เจ้าพร้อมนะ” เซดะพูดกึ่งตะโกน เขาลดกระจกลง ก่อนจะตะโกนออกไปในความมืดอีก “การแข่งขันรถยนต์…Motor on street…เริ่มแล้วพรรคพวก…ยู้…ฮู!” และเสียงเครื่องยนต์ก็คำรามดังลั่นไฟหน้าสาดนำทางพาคนทั้ง 3 พุ่งทะยานออกไป ทิ้งไว้เพียงเสียงสุนัขที่คลายจากมนต์สะกดเห่าหอนอยู่ด้านหลัง จาก 1 ตัว เป็น 2 3 4 5 รับกันเป็นทอดๆ
“โฮ้งๆ…โฮ้งๆ…”
เกือบ 04.00 น พวกเขาก็มาถึงถนนใหญ่
“รอคู่แข่งก่อน…ไม่อย่างนั้นเกมคืนนี้คงขาดรสชาติไปเยอะ” เซดะเอ่ยอย่างได้อารมณ์ สักพักแสงไฟนำทางของรถตู้ก็พุ่งแหวกความมืดตามพวกเขาออกมา ดาบไผ่ยิ้มขำๆ
“หึๆ…คุณนี้เจ้าเล่ห์ใช่เล่นเลยนะ” ดาบไผ่แหย่…เซดะยักไหล่พลางส่งสัญญาณมือบอกคนขับทันใดนั้นรถ BMW สีดำของพวกเขาก็เปลี่ยนสีเปลี่ยนยี่ห้อและเลขทะเบียนสลับไปมาหลายรอบ จนแน่ใจว่าพวกนอกรีตที่อยู่ในรถตู้เห็นชัดเจน ความสะใจจึงหลุดออกมาเป็นเสียงหัวเราะ “ฮา ฮ่า….ฮ้า ฮา…”
“ไปก่อนนะพรรคพวก” เขาลดกระจกข้างตะโกนท้าทาย ความเร็วของรถหลากสีที่กำลังพุ่งทะยานมุ่งหน้ากลับเข้าสู่กรุงเทพฯ โดยมีรถตู้สีขาวแล่นท้ามัจจุราชตามาติดๆ
“ฮา ฮ่า ฮ่า ฮา…”
……….
#เรื่องคืนนี้ อย่าบอกใครเด็ดขาด…ฮื้อ! เจ็บใจนักไอ้เด็กนรก#
# หากไอซึเกะรู้…คงจะ…#
#หุบปาก!…#
……….
“เจ้าได้ยินเสียงพวกมันเช่นเดียวกับข้าใช่ไหม…ท่านพ่อ”
“ฮา ฮา ฮ่า ฮ่า…หึๆ…คุณเหมือนลูกชายวัยกำลังซนของผมเลยนะเซดะ”
“ก็ข้าเป็นบุตรชายของเจ้าจริงๆ นี้หนา ฮาๆ…ฮ่าๆ…”
……….
“บทเรียนสุดท้ายของคนขลาด……..คือการยอมแพ้ก่อนลงสนาม
แต่ความพ่ายแพ้หลังพยายาม………..เป็นคำถามของคนกล้า”
ดาบไผ่ ธารารักษ์
……….
จบ กระเรียนหลงฟ้า บทที่13