กระเรียนหลงฟ้า บทที่4 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
กระเรียนหลงฟ้า บทที่4
บททดสอบที่ 1
อีก 15 นาทีก็จะ 01.00 นาฬิกา ดวงจันทร์ย้ายตำแหน่งมาตรงหัวพอดี แสงเย็นๆ สีเงินยวงแผ่รัศมีทรงกรดกระจ่างชัด จนแทบไม่เหลือเงาแห่งรัตติกาลเหมือนเช่นค่ำคืนที่ผ่านมา ดาบไผ่พยายามข่มตาให้หลับแต่แสงจันทร์ข้างนอกทำให้เขาเทียวคิดถึงชายชราในชุดกิโมโนสีขาวขึ้นมา ใบหน้าที่อาบยิ้มอบอุ่นกำลังวนเวียนอยู่ในหัว
(ผมอยากจะเจอท่าน…ผมอยากพบท่านอีก…) ดาบไผ่ภาวนาในขณะที่นอนอยู่บนเตียง
(คืนนี้พระจันทร์ทรงกรด…ข้าไม่สามารถปรากฏกายได้…) และทันทีเสียงสื่อก็ตอบกลับ
(ท่าน…เสียงของท่านจริงๆ) ดาบไผ่ยันตัวเองลุกนั่งพลางหันไปสำรวจเพื่อนที่กำลังหลับเป็นหนอนเมาอยู่บนเตียงใกล้ๆ
(ใช่…ข้าเอง)
(ผมมีหลายเรื่องที่อยากรู้)
(ข้าให้คำตอบกับเจ้าไม่ได้…ทุกปริศนาจะถูกฝังอยู่ในใจ…เจ้าจะรู้คำตอบจากประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง…อูคาชิ เซดะ จิตพิรุธจะนำทางเจ้าไม่ต้องกังวล…)
(ท่าน…)
(คำตอบทั้งหมดอยู่ที่ตัวของเจ้า…บททดสอบแรกของชิโนบิกำลังจะเริ่มต้น…ในคืนนี้ อูคาชิ เซดะ…คืนนี้!)
(จิตพิรุธอะไร…ชิโนบิอะไร…บททดสอบอะไร) ดาบไผ่คิดคำพูดเร็วจนรัว
“ท่านเดี๋ยวก่อน….เดี๋ยวก่อนอย่างเพิ่งไป” เขาเผลอหลุดเสียงดัง ก่อนจะรีบหันไปสำรวจเพื่อน ยังดีที่ต้องตะวันยังหลับเป็นหนอนเมาอยู่ท่าเดิม
(คุณเป็นใครกันนะ…อูคาชิ เซดะ รอคอยการกลับมากว่า 60 ปี…ไม่ใช่ซิ จากวันนั้นจนถึงวันนี้มันต้องบวกเพิ่มเข้าไป 3 ปี เขารอคอยการกลับมานานกว่า 63 ปี…) ดาบไผ่ทบทวน สักครู่เขาก็ล้มตัวลงนอนลงไปอีกแต่ดวงตาที่เห็นทุกอย่างในความมืด ยังคงสว่างเป็นสีเขียวอมเหลืองอยู่อย่างนั้น เขาหันไปมองเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะพยายามข่มตาหลับให้ได้ แต่แล้วอยู่ๆ เสียงเคลื่อนไหวดุจสายลมก็สะกิดความรู้สึกโดยบังเอิญ
(ไม่ใช่บอดี้การ์ด…ไม่ใช่ยามที่ป้อมประตู) ดาบไผ่วนคิดบอกตัวเองก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับแสงสะท้อนให้สว่างพอและค่อยๆ ยันตัวเองลุกจากเตียงเพื่อจะดักฟังเสียงจากข้างนอก
(เสียงเต้นของหัวใจ ไม่ใช่สัตว์เล็ก) เขาลุกเดินตรงไปยังทิศต้นเสียงและแนบใบหูเข้ากับผนัง
(มันมาใต้ลม…ฉลาดมาก) ดาบไผ่หยุดนิ่งหลังม่านก่อนจะค่อยแหวกดูความเคลื่อนไหวด้านนอก แล้วร่างในชุดพรางสีดำในระยะห่างเพียงไม่กี่เมตรก็โผวูบจากเงาหนึ่งไปอีกเงาหนึ่งที่ระเบียงกว้างหน้าห้องนั่งเล่น ความเร็วของมันไม่แพ้สายลมกระชาก เขาเบี่ยงมุมจ้องตามกลิ่น และยังเห็นมันชัดเจนที่กำลังแนบร่างติดนิ่งกับความมืดของมุมเสา มันพรางตัวและหายไปตรงนั้น
(นินจา…มันเป็นนินจา…) ความรู้สึกเย็นวาบบอก “ไอ้พวกปลิงลมสันดานหนอน…” และเขาก็เผลอกล่นด่าด้วยความเกลียดชังอย่างเคย แต่พฤติกรรมของมันก็ดลใจให้เขาแทรกตัวผ่านประตูระเบียง เขาพยายามเรียนแบบการเคลื่อนที่ของมันไปทุกๆ ย่างก้าว ซึ่งมันก็ได้ผล และทันทีที่ลมวูบแรกกระตุ้นเขาจึงลองดีดในแบบเดียวที่มันทำ…น่าประหลาดที่ตัวเขารู้สึกเบาลอยข้ามมายืนนิ่งบนระเบียงใกล้ๆได้สำเร็จ มันใช้ความมืดกลืนร่างเขาเองก็ใช้วิธีเดียวกันเพื่อหลบเร้นให้พ้นจากสายตาของมัน แต่ก็ยังผูกสายตากับตำแหน่งสุดท้ายที่เห็นอย่างไม่ยอมลดละ เขานิ่งสักครู่ก่อนจะกระโจนอ้อมตามทิศใต้ลมเพื่อไม่ให้มันได้กลิ่นและฝังตัวอีกกับมุมเสาที่อยู่ในระนาบเดียวกัน เขาพยายามดักฟังเสียงเต้นของหัวใจแต่เสียงเพลงจากวิทยุที่ป้อมยามด้านหน้ากลับแทรกกลบเข้ามาแทนที่
(ทำไมมันนิ่ง…หรือว่ามันเห็นเรา) ดาบไผ่เอะใจกับพฤติกรรมที่นิ่งจนผิดปกติ เขากระพริบตาถี่ๆ อีกหลายครั้งเพื่อปรับแสงในเงามืดให้เห็นชัดเจน…(มันยังอยู่ที่เดิม) คราวนี้เขาเห็นเงารางๆของมันยังฝังแน่นติดกับมุมเสาไม่ต่างอะไรกับตุ๊กแก และเสียงฝีเท้า เสียงพูดคุยของบอดี้การ์ด 2 คน ที่กำลังเดินผ่านมาทางสระว่ายน้ำก็เฉลย (มันระแวงบอดี้การ์ด) และทันทีที่มีโอกาส ร่างในชุดพรางสีดำก็โผทะยานต่อไปยังระเบียงหน้าห้องนอนคุณป๋า
(คุณป๋า) ดาบไผ่อุทานเมื่อเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายออก แต่ในตำแหน่งที่เขายืนไม่มีทางจะดีดตัวตามมันไปได้ ดาบไผ่จึงเลือกที่จะเดินอ้อมไต่ไปตามกันสาดคอนกรีตด้านหลัง เขาหยุดนิ่งในตำแหน่งที่เห็นมันชัดเจนในอีกมุม แต่เวลานี้เขาต้องระมัดระวังตัวมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะตำแหน่งที่ยืนเป็นทิศเหนือลม เขากระชับชายชุดนอนให้แน่นขึ้น แต่ดูเหมือนมันจะเป็นกังวลกับความเคลื่อนไหวของบอดี้การ์ดที่กระจายตัวกันอยู่รอบบ้านมากกว่า สักพักแสงสีเขียวอมเหลืองจากดวงตาทั้ง 2 ข้างก็เห็นมันดึงอะไรบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ ม้วนเล็กๆคล้ายเทปกาวติดกระดาษถูกลอกออกมาที่ละแผ่นแล้วทาบแปะลงไปตรงตำแหน่งที่เป็นบานพับและรางเลื่อนของหน้าต่าง สักครู่มันก็ค่อยดันหน้าต่างบานนั้นเปิด เขาได้แต่ยืนมองอย่างตระหนกอยู่กับที่ กลุ่มบอดี้การ์ดยังคงนั่งรวมกันอยู่ที่ป้อมยามด้านหน้าห่างออกไปหลายสิบเมตร เขาป้องปากเตรียมจะตะโกน แต่จิตพิรุธก็สั่งให้หยุดเพราะความไวของมันอาจจะทำให้เขากลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้ในพริบตา ดาบไผ่สับสนแต่ที่สุดก็ตัดสินใจเปิดหน้าต่างบานที่ใกล้ที่สุดแล้วปีนเข้าไปยืนภายในห้อง เขาเห็นร่างคุณป๋าในเงามืดยังคงหลับลึกอยู่บนเตียง แต่จุดสนใจยังอยู่ที่หน้าต่างที่เปิดกว้างบานนั้นเขาเร่งฝีเท้าไปหยุดในระยะคาดการ ฝ่ามือที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อยึดผ้าม่านไว้แน่น และขณะที่ขาข้างหนึ่งของมันยกลอยโผ่เข้ามาภายใน เขาก็ตัดสินใจเหวียงตัวกระโดดถีบเข้ายอดอกที่คาดหมายเอาไว้ แรงประทะผลักให้มันล่วงลงสู้พื้นคอนกรีตชั้นล่างโดยไม่ทันตั้งตัว
#ตุ๊บ!# เสียงดังที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าบอดี้การ์ดที่รวมตัวอยู่ที่ป้อมยามเปิดไฟสปอร์ตไลท์สว่างพร้อมๆ กัน
“มึงเป็นใคร” คำถามสั้นๆ ที่เจือไปด้วยความระแวง มันดังขึ้นที่ด้านหลัง ดาบไผ่นิ่ง เสียงปลดล็อกห้ามไกรก็ทำให้เขาพอเดาออกว่ามันคืออะไร
“มึงเป็นใคร!” คุณป๋ากระแทกเสียงดังขึ้นไปอีกระดับ…เวลานี้ตัวเขากลายเป็นจำเลยแทนมันไปเรียบร้อยแล้ว
“คุณป๋า…” ดาบไผ่พูดขึ้นเบาๆ…แต่ชายคนที่ถือปืนอยู่ในมือก็ยังไม่แสดงท่าทีจะปรานี
“หันหน้ามาช้าๆ…ไม่อย่างนั้นหัวมึงเละแน่” คุณป๋าตะคอกอย่างเอาจริง ดาบไผ่หมดทางที่จะแข็งขืน เขาค่อยๆ หันกลับไปตามคำสั่ง ใบหน้าที่เกร็งเครียดทำให้คุณป๋าดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าที่เคยเห็นหลายเท่า
“ไผ่…” คุณป๋าอุทาน กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมลดปลายกระบอกปืนลงง่ายๆ และแล้วเสียงเอะอะโวยวายจากด้านล่างก็ช่วยเขาเอาไว้
“ผมคิดว่ามันเป็นนินจา” ดาบไผ่บอกพลางชายหางตาออกไปด้านนอก…คุณป๋ายังนิ่งและไม่ยอมวางใจง่ายๆ สักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ช่วยเขาเอาไว้อีกครา
“ไม่ได้ล็อก” คุณป๋าตะโกนเสียงดังแต่ก็ยังไม่ยอมลดปืนในมือลง จนกระทั้งอลันเปิดประตูเดินรี่เข้ามา เขาชะงักกับภาพที่เห็น ก่อนจะกระซิบบอกอะไรบางอย่าง
#คาดว่าจะเป็นพวกนอกรีต มันถูกจับอยู่ข้างล่าง#
“ป๋า!…ป๋า” และเสียงต้องตะวันตะโกนเรียกมาจากข้างล่าง ก็ทำให้คุณป๋าพาร่างที่กำลังโมโหเดินกระแทกส้นเท้าออกประตูห้องไป
“ไผ่…ตามมา” อลันเรียกสติและตบไหล่เขา 2 ที “ตามมา!…”
ดาบไผ่เดินตามพี่เลี้ยงฝรั่งของต้องตะวันลงไปด้านล่างอย่างเสียไม่ได้ สักครู่ภาพของชายในชุดพรางสีดำถูกบอดี้การ์ดจับล็อกกุญแจมือนอนนิ่งอยู่กับพื้นก็ปรากฏชัดต่อหน้า มันเป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญหน้ากับพวกปลิงลมสันดานหนอนตรงๆ คุณป๋ารี้เข้าไปกระชากผ้าคลุมหน้าสีดำของมันออก แต่เขาต้องชะงักสั่นเกร็งจนเห็นต้นคอด้านหลังแดงกล่ำขึ้นมา…
“บารุคุง!” เสียงอุทานแผ่วเบา แต่ตระหนกพอๆ กับความเป็นความตายเมื่อครู่
“ทำไมต้องเป็นแก…ชิชิบารุ…ทำไม” คุณป๋านั่งกระชากคอเสื้อนินจาคนนั้นเข้ามาถามใกล้ๆ แต่ทุกคำก็ดังมากพอที่ดาบไผ่จะได้ยิน และทันทีที่คุณป๋าเบี่ยงมุมไปทางอื่น สายตาที่เห็นแววความพึงพอใจของนินจาคนนั้นก็เพ่งตรงมาที่เขา “คุณชาย!…” มันอุทานด้วยยิ้ม…อย่างเปิดเผย
(คุณชายรึ!) ดาบไผ่ทวน แต่ก็ยังไม่เข้าใจในพฤติกรรมของมันอยู่ดี “บัดซบ!…” นาทีนั้นคุณป๋าก็ผลักมันล้มลง ก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น ดาบไผ่เห็นคุณป๋ากำมือเกร็งสั่นอยู่กับที่เหมือนกับทำอะไรไม่ถูก ก่อนบอดี้การ์ดคนหนึ่งจะเดินเข้ามากระชากมันลุกขึ้น แต่รอยยิ้มกับแววตาของมันยังคงจับจ้องและสื่อในความหมายเดิมมาที่เขา สักพักในปากของมันก็ดุลอะไรบางอย่างขึ้นมาจากใต้ลิ้น “คุณชาย” มันจงใจจะเรียกเขาเสียงดัง จนคุณป๋าหันขวับจ้องเขม็ง…
“ชิ!…” แต่มันก็พ่นหางเสียงที่เกลียดชังใส่หน้าคุณป๋าก่อนจะใช้ฟันกรามกัดบางอย่างจนแตก กลิ่นเหม็นของสารพิษลอยโชยออกมาพร้อมๆ กับฟองสีม่วงที่กำลังผุดล้นจากปากของมัน
“ยาพิษ…” เสียงอลันดังขึ้นก่อนคนอื่น เขาพยายามใช้มือง้างปากให้เปิดออก แต่ก็ไม่สำเร็จ รอยยิ้มที่เจือด้วยความลับบางอย่างค่อยเปลี่ยนไปเป็นความเจ็บปวด กระนั้นก็ไม่มีเสียงอ้อนวอนขอชีวิตแต่อย่างใด
“ไม่ต้องช่วยมัน…นี้แหละคือรางวัลแห่งความผิดพลาด…ไอ้พวกนอกรีต” คุณป๋ากระแทกเสียงดังใส่ บอดี้การ์ด 2 คนโยนมันลงกับพื้นอย่างไม่ยีหระ
“พวกคุณทำงานประสาอะไร…อยู่กันเป็นสิบยังปล่อยให้พวกเศษสวะ จากหุบเขานรกปีนเข้าจนถึงห้องนอนอั๊วได้…บัดซบที่สุด” คุณป๋าไล่ตบหน้าบอดี้การ์ดไปทีละคน
“ไอ้สัตว์นรก…ปัง! ปัง! ปัง!” แล้วอยู่ๆ เสียงระเบิดความแค้นพร้อมกับเสียงปืนที่สาดกระสุนใส่ร่างของนินจาที่นอนนิ่งอยู่กับพื้นก็ดังขึ้นหลายนัด จนร่างที่พวกเขาคิดว่าตายสนิทแล้วกลับดิ้นพล่านๆ เป็นปลาถูกทุบหัว
“อ้า!…” คุณป๋าเบิกตาอ้าปากค้าง ใบหน้าของเขาซีดเผือดเป็นผ้าดิบ
“เราเกือบหลงกลลวง…มันแค่กินยานอนหลับผสมกับกลิ่นยางสน ที่พวกนอกรีตชอบใช้ประจำ บ้าที่สุด” เสียงบอดี้การ์ดอีกคนดังแทรกขึ้น
“นายท่าน…” ท่าทีของอลันก็ตกใจพอกัน
“ไอ้บัดซบ…ใครบอกให้ยิงมัน…ใครบอกให้ยิงมัน” คุณป๋าได้สติเดินเข้าไปใช้ด้ามปืนตบหน้าบอดี้การ์ดคนดังกล่าวอย่างสุดกำลัง
(นี้อะไรกัน…)ดาบไผ่และต้องตะวันยังคงยืนงงอยู่กับที่
“โกะโร่คุง!….” คุณป๋าเรียกบอดี้การ์ดคนหนึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่น ก่อนจะชายตาและเดินนำเขาเข้าไปในบ้าน “อลัน!” เสียงคุณป๋าดังขึ้นอีกอลันถึงได้วิ่งตามเข้าไปสมทบ…
#โกะโร่คุง…จับตัวไอ้บันลือส่งให้ยูกาว่า#
#เด็กใหม่…เลือดร้อนไปหน่อยนะนาย ยกโทษให้มันสักครั้ง#
#นั้นนะ ยูกาว่า ชิชิบารุนะ…คิดหรือว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ไอ้นาธารมันจะยอม…เอาศพไปขึ้นเรือแล้วนำไปส่งให้ถึงมือเขา# เสียงสนทนาจากด้านในเงียบไปสักพักก่อนเสียงตอบรับจะดังตามขึ้นอีก
#ครับนายท่าน#
#…จัดการทุกอย่าง…ให้เรียบร้อย อย่าเหลือร่องรอย…#
#วู้!…ซวยชะมัด อลันพรุ่งนี้เช้า…ช่วยโทรไปเลื่อนประชุมกับท่านรัฐมนตรีเชี่ยวชัยให้อั๊วด้วย#
#เปลี่ยนเป็นกี่โมงดีครับท่าน#
#ห้องประชุม แกรนมิทติ้ง ของ The M ตอนบ่ายโมง# คุณป๋าตอบเสียงเบาๆ… #เพราะตอนเช้ามีงานที่ใหญ่กว่าต้องเคลีย…วู้!# คุณป๋าอธิบายเร็ว เสียงเป่าลมออกจากปากหลายครั้ง สักพักทั้ง 3 ก็เดินกลับออกมาข้างนอกอีก คุณป๋าเดินเข้ามาหยุดจ้องหน้าดาบไผ่ด้วยอารมณ์อีกด้าน
“ขอบใจไผ่มากๆ…ขอบใจมากไอ้ลูกชาย…” คุณป๋าพูดขึ้นพลางตบไหล่เขาเบาๆหลายครั้ง…ดาบไผ่ทำได้เพียงพยักหน้า ก่อนคุณป๋าจะเดินเข้าไปหากลุ่มบอดี้การ์ดที่ยังรวมตัวกันอยู่ “ต่อจากนี้ไป…พวกลื้อ! ทุกคนจำเอาไว้…อั๊วมีลูกชายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน…จงปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับต้องตะวัน…” คุณป๋าพูดต่อด้วยท่าทีแข็งกร้าว สักพักเขาก็หันไปกำชับกับคนที่พึ่งจะรับคำสั่งไปเมื่อครู่ “จัดการให้เรียบร้อย…” โกะโร่พยักหน้า และคุณป๋าก็ตวัดหางตาเรียกอลันเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกรอบ
“ขอบใจมากเพื่อน…นายรู้ได้อย่างไรว่า…เอ่อ…” ต้องตะวันถาม
“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง…” ยังไม่ทันจะเดินจากที่เกิดเหตุ อลันก็เดินสวนกลับออกมา เขากระซิบบอดี้การ์ดแผ่วเบาเหมือนไม่อยากให้ทั้งคู่ได้ยิน
#โกะโร่ รู้ใช่ไหมว่าจะทำอะไร#
#ข้ารู้แล้ว#
“บันลือนายตามไปช่วยพวกเขา” อลันหันไปสั่งเสียงดัง
“เอ่อ…อลัน ผมคิด…” ดาบไผ่ตั้งใจจะแย้ง แต่…
“คุณไผ่…ขึ้นห้องนอนได้แล้ว ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรทั้งสิ้น…” อลันตอกกลับไล่ส่ง…และชายตาเชิงบังคับอีกที
“เราไปกันเถอะ…ง่วงแล้ว” ต้องตะวันกระซิบ เขาจึงต้องเดินตามไป
(เราทำอะไรลงไป…เราฆ่าคน…เราฆ่าคน)
(ทุกปริศนาจะถูกฝังอยู่ในใจ…เจ้าจะได้คำตอบจากประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง…)
(ท่าน…) ดาบไผ่อุทาน…แต่เสียงสั่งการที่อยู่ข้างล่างก็ดึงดูดความสนใจของเขาได้มากกว่า
#นายท่านไม่อยากมีเรื่อง…เออ…กับพวกนอกรีต…รีบจัดการตามคำสั่ง…คุณชนะชล…พรุ่งนี้เตรียมตัวสลับหน้าที่กับ พี.ที. ติดตามนายท่านเข้ากรุงเทพแต่เช้า#
#จับกูทำไมวะ#
#มันเป็นคำสั่ง#
#ปล่อยกู…ปล่อย…#
#ลากตัวมันออกไป#
……….
เช้าวันต่อมา
ดาบไผ่ตื่นทันทีที่แสงแรกเข้ามาปลุกถึงเตียงนอน ซึ่งความจริงเขาไม่สามารถข่มตาให้หลับเลยตั้งแต่เกิดเหตุ ความตายจากน้ำมือของตัวเองยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เขาหันไปมองต้องตะวันที่ยังคงหลับเป็นหนอนเมาอยู่บนเตียงข้างๆ
“นายทำได้อย่างไร ต้อง” เขาละเมอถามเพื่อนตามความรู้สึก “วู้!…” พลางเป่าความอึดอัดออกมาทางปาก ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
แสงแรกสะท้อนผิวขรุขระของกลีบเมฆกลางฤดูฝน ทำให้เช้านี้ดวงอาทิตย์จึงถูกบดบังจนมองไม่เห็น ดาบไผ่ป้องปากห้าว 2 ครั้ง ก่อนจะนั่งลงกับพื้นทรายที่เย็นชื่น โดยมีสายตาของบอดี้การ์ดที่ชื่อโกะโร่ ยืนจ้องเขาอยู่บนระเบียงชั้น 2
………..
กระทั้ง
“คุณชาย…แอบโรแมนติกอีกแล้ว…ได้เวลาอาหารเช้าแล้วครับ” เสียงต้องตะวันในอารมณ์ไม่รู้ไม่ชี้
“คุณชายธารารักษ์…ครับ” ต้องตะวันกระเซ้าต่อ เขาเดินอ้อมมานั่งข้างๆ
“นายทำได้อย่างไร…ต้อง”
“อะไร…ฉันทำอะไร” ต้องตะวันถามกลับอย่างคนไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไง…” ดาบไผ่กดเสียงต่ำใกล้ๆหูอย่างคนรำคาญ
“อ๋อ…นึกว่าอะไร…เราชอบเพลงป๊อบเวลาได้ยินเพลงร็อกหรือลูกทุ่งก็ไม่จำเป็นต้องร้องหรือเต้นตาม…ก็เท่านั้น…เฮ้ยคิดมากน่าเพื่อน” เขาเปรียบเทียบอย่างได้ใจ แถมยักไหล่แบะปากให้เห็นอีก “ฮื้อ!…ไปกินข้าวดีกว่า เดี๋ยวคุณป๋าต้องรีบเข้ากรุงเทพฯแต่เช้า”
“อะไรของนาย” ดาบไผ่ยังจับอารมณ์เพื่อนไม่ถูก
“เออน่า…เดี๋ยวก็ชินไปเอง ไปๆ…คุณป๋ารออยู่” ต้องตะวันพูดพลางฉุดแขนเพื่อนให้ลุกตาม
……….
#นายท่านเมื่อคืนมีนินจาติดตาม ยูกาว่า ชิชิบารุมา 2 คน#เสียงกระซิบของหนึ่งในบอดี้การ์ดดังขึ้นทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้ห้องอาหาร
#บ้าเอ้ย…ปานนี้มันคงรู้เรื่องของคุณชายแล้วชิ#เสียงเงียบไปสักครู่ก่อนเสียงฉุนเฉียวจะดังขึ้นอีกครั้ง #แล้วเรื่องของไอ้บันลือละ#
#เรียบร้อยไม่มีปัญหา#
#อื่อ…เราต้องยอมตัดแขนตัวเองเพื่อความอยู่รอด…แล้วศพชิชิบารุละนาธารมันรู้รึยัง#
#เมื่อคืนเขาไม่อยู่ แต่ปานนี้คงรู้เรื่องหมดแล้วครับผม#
#โง่บรม…เป็นนินจามาตั้งแต่เกิดกลับเสียท่าให้กับเด็กที่ยังไม่รู้จักแม้กระทั้งจิตวิญญาณโคลนของตัวเอง#
#ระวังหน่อยนายท่าน จิตพิรุธของเขาใช่ย่อยซะเมื่อไร#เสียงบอดี้การ์ดคนเดิมกระทุ้งเตือน
“อรุณสวัสดิ์ค้า…คุณหนู…” และเวลาเดียวกันแม่บ้านคนเดิมก็กล่าวทักทาย นางหน้าซีดทันทีที่เห็นสีหน้าไม่พอใจของต้องตะวัน “เอ่อ…คุณชายอาหารเช้าพร้อมแล้วคะ” แล้วก็ยิ้มเจื่อนๆ กลบเกลื่อน ดาบไผ่โค้งศีรษะทักตอบนิดๆ ก่อนจะเดินผ่านและทันทีที่คนทั้งคู่นั่งเรียบร้อย
“ดาบไผ่…ป๋าขอบใจอีกครั้ง…แต่รู้ได้อย่างไรว่ามีนินจาอยู่บนบ้าน” คุณป๋าถามด้วยน้ำเสียงที่แปลกพิกล
“ตอนนั้นผมยังไม่หลับเลยออกมาเดินเล่นที่ระเบียง” ดาบไผ่โกหก เมื่อจิตพิรุธแจ้งเตือน
“นินจา ทุกวันนี้ไม่มีอุดมการณ์อะไรในหัวเหมือนสมัยก่อน…เงินมาพวกมันทำได้ทุกอย่าง อันที่จริงไม่สมควรเรียกพวกนี้ว่านินจาเสียด้วยซ้ำ” ทุกคำพูดที่หลุดจากปากทำให้ดาบไผ่ได้รู้จักพวกปลิงลมสันดานหนอนในอีกมุมหนึ่ง “ต้องตะวัน…ป๋ามีเราเพียงคนเดียว…ระวังตัวให้มากกว่านี้…รู้ใช่ไหมว่าพวกมันเคยทำอะไรไว้กับครอบครัวเราบ้าง” คุณป๋าเน้นประโยคสุดท้ายแน่นๆก่อนจะไล่สายตามาตกที่เขาอีก
“ดาบไผ่…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณป๋าถือว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของประภาสกร…ป๋ายินดีหากจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านThe M” คุณป๋าพูดพร้อมกับจ้องเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก…
“เอ่อ!…ผม…”
“อย่างนั้น…พรุ่งนี้ถ้ากลับถึงกรุงเทพก็ย้ายเลยซิ” ต้องตะวันสนับสนุนอีกคน
“นั้นซิ…เดี๋ยวป๋าให้อลันจัดการให้” และคุณป๋าแทรกด้วยไม้ตายที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
“ผม…”
“นายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” ต้องตะวันดักคอเพื่อน เขาจึงทำได้แต่เพียงพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ให้คนทั้งคู่เห็น
……….
หลังอาหารเช้า คุณป๋ากลับเข้ากรุงเทพฯ โดยทิ้งบอดี้การ์ดไว้กับต้องตะวันเพิ่มขึ้นอีก 2 คน
“หากลูกอั๊ว…เป็นอะไรไปพวกลื้อ!…ตาย!” เสียงฉุนเฉียวสาดไปทั่ว “อลัน อั๊วฝากดูแลเด็กๆ ด้วย”
“ครับนายท่าน…ไม่ต้องเป็นกังวล” อลันก้มหัวตอบนิดๆ
คุณป๋าจึงก้าวขึ้นรถตู้… “อั๊วมีเวลา 1 ชั่วโมง” เขาสั่งก่อนประตูรถจะปิด
#นำหน้าเคลียเส้นทาง 50+80 #
#มีเวลา 1 ชั่วโมง ต้องถึงที่หมาย#
#OK…เคลีย# เสียงบอดี้การ์ดที่ขึ้นไปนั่งคู่กับคนขับพูดตอบโต้กับรถนำขบวนที่พร้อมรออยู่ที่ป้อมยามด้านหน้า ในที่สุดรถทุกคันก็แล่นตามกันออกไปอย่างรวดเร็ว
……….
“…..ดวงตาที่สะท้อนเห็นความมืดกระจ่างชัด
ประหนึ่งข้าคือปิศาจจากโลกที่มองไม่เห็น…….”
ดาบไผ่ ธารารักษ์
……….
จบ กระเรียนหลงฟ้า บทที่4