กระเรียนหลงฟ้า บทที่9 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
กระเรียนหลงฟ้า บทที่9
แผนลวงบทที่ 1
หลังอาหารค่ำมื้อพิเศษ ดาบไผ่กับต้องตะวันกลับบ้านพร้อมกับคุณป๋า ซึ่งทันทีที่แยกตัวจากเจ้าหญิงแห่งพรินซ์เซสส์ไดมอล ประสาทหูและการได้ยินเสียงก็กลับมาเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ผู้หญิงที่มีดวงตาเป็นพิษ…ผู้หญิงที่มีดวงตาเป็นพิษ” เขาทวนตามเสียงสื่อที่ได้ยินจากของชายชราในชุดกิโมโนสีขาวด้วยอาการที่คล้ายกำลังเคลิ้มฝันขณะนอนราบอยู่บนเตียงนอน
“คุณสวยเหมือนกุหลาบสีโอโรส นิลดา” ดาบไผ่อมยิ้มพร้อมคำพร่ำเพ้อ “นิลดา…ผู้หญิงที่มีดวงตาเป็นพิษ…พิศสวาท…ใช่แล้วพิศสวาท ไม่ใช่ พิษ สวาท” เวลาเดียวกันเสียงของต้องตะวันจากห้องข้างๆ ก็พลันแทรกเข้ามาในหัว
#คุณนิลกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ…คือผมเป็นห่วงนะครับ#—…..
#พรุ่งนี้…พรุ่งนี้เราดินเนอร์กันนะครับ#—……
#คราวหน้า คุณนิลต้องให้สัญญานะ ว่าจะไม่ปฏิเสธผมอีก#—…..
#ไม่หรอกครับ มันช้าไปเสียด้วยซ้ำ…#—…….
#แน่นอนที่สุดครั้งหน้าจะมีแค่เราเพียงสองคน#—…..
#ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมเคยหลบเที่ยวออกจะบ่อย….#—……
#คุณนิล พูดอย่างนี้แสดงว่า คุณนิลชอบดาบไผ่หรือครับ#—…..
#ไผ่เขาออกจะหล่อ ขรึม…น่าค้นหาออกอย่างนั้น สาวๆ คนไหนไม่สนใจก็แปลกแล้วละ#—……
#โอเค สัญญาเลยครับว่าเดท ครั้งหน้า จะมีเพียงเรา สองคน#—…..
#เขาไม่มีทางได้ยินหรอกครับ เพราะอยู่อีกห้อง#—……
#จ้า…จา…จ้ะ…โอเค…ไม่มีปัญหา…ได้เลยครับ แล้วเจอกันนะ#
#อ้อ…เดียวครับนิล…#—………..
#คืนนี้…เราเจอกันในฝันนะครับ# เสียงต้องตะวันเงียบลง แต่กลับทำให้อีกคนถึงกับเอามือกุ่มที่ตำแหน่งหัวใจ ดาบไผ่ลุกจากเตียงแล้วเดินตรงไปยังประตูที่เชื่อมระหว่าง 2 ห้อง เขาเคาะรัวถี่ๆ จนดูเหมือนจงใจจะสั่นประสาทให้อีกคนโมโห
“มีอะไรวะ…” ต้องตะวันเปิดประตูถามเสียงแข็ง เขายืนจ้องหน้าเพื่อนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปล้มตัวนอนต่อ
“เมื่อสักครู่…นายโทรศัพท์กับ…เออ” ดาบไผ่กระแซะอย่างคนเก็บอาการ
ต้องตะวันพลิกตัวยิ้มอย่างมีชัย “เสียใจด้วยนะเพื่อน…นิลเลือกฉัน”
“ฉันเอ่อ…ไม่รู้หรอกนะ…ว่านิล…จะเลือกใครแต่…เอ่อนาย…ไม่ควร…ไว้ใจ…มากนัก” เขาใจสั่นจนแทบจะนึกคำพูดไม่ออก ดาบไผ่ทิ้งตัวนั่งข้างๆ แต่ก็ยังนั่งไม่สนิท
“นายแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์ อีกแล้ว…” ต้องตะวันลุกขึ้นพลางขยับเข้าใกล้จนเกือบชิด
“เฮ้อ!…ใจเย็น…นาย…ก็รู้ถึงไม่แอบฟัง ฉันก็ได้ยินอยู่ดี…แม้กระทั้งเสียงหัวใจของนายเต้นไม่เป็นจังหวะ…ในเวลานี้ก็ตาม” ดาบไผ่ผ่อนเสียงเบา ชี้ตำแหน่งหัวใจของเพื่อนและลุกเดินห่างออกไป แต่ต้องตะวันกระโจนตามไปดักเอาไว้
“นายไม่ให้ฉันไว้ใจนิล…ก็แสดงว่านายจะไว้ใจเธอเสียเองอย่างนั้น”
“เปล่า…อะไร…ไม่เกี่ยว…” เขาปฏิเสธเสียงแหลมสูงแต่ต้องตะวันก็เหมือนจะไม่เชื่อ “นายต้องสัญญากับฉันก่อน…”
“สัญญา…อะไร”
“จะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร โดยเฉพาะคุณป๋ากับอลัน” ต้องตะวันกดเสียงต่ำใกล้ๆ อย่างเอาจริง พร้อมกับจ้องลึกเข้าในในดวงตาของเพื่อนอย่างท้าทาย แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเสียเองที่ยืนหลับสนิท ทั้งๆ ที่ยังอ้าปากค้าง
“ต้อง…ต้อง…ต้อง…หลับได้ไง” ดาบไผ่เรียกอยู่นาน แต่ต้องตะวันก็ยังคงหลับลึกไม่รู้ตัวซะแล้ว
“ฉันชอบและระแวงนิลดาพร้อมๆ กับนาย…แต่เวลานี้ฉันกลับห่วงนายมากกว่า ต้องตะวัน” ดาบไผ่พยุงร่างเพื่อนกลับไปยังเตียงนอน ก่อนจะพาหัวใจที่เบาหวิวกลับเข้าห้องตัวเอง… “นิลดา…”
……….
“ดวงตาใสดุจกระจกเงา………..จะสะท้อนความจริง
แต่ยามรักของแมลงโง่……1,000 ตาก็บอดสนิททั้ง 1,000 ดวง”
ต้องตะวัน ประภาสกร
……….
แผนลวงบทที่ 2
#ไอ้ยูกาว่า…มึง!#
#เรื่องว่าจ้างนินจาในหุบเขาโคงะมาดูแลข้าเคยเตือนนายท่านแล้วและไอ้พวกกินเนื้อผสมเครื่องเทศมันไว้ใจได้ซะที่ไหน…ฮื้อๆ#
#หยุดค่ำครวญเสียที…นั้นนะมันลูกชายอั๊ว#
#โถ…คุณชาย ฮื้อๆ#
#เราต้องเล่นไปตามเกม…แล้ววันหนึ่งข้างหน้าพวกมันจะได้รู้ฤทธิ์เดชของอั๊วบ้าง#
#เราพลาดเรื่องของบารุคุง หากพวกนอกรีตจะกระทำกับคุณชายอย่างเดียวกันบ้างละ…เราจะทำอย่างไร…#
#พวกมันคงไม่โง่พอจะทำอย่างนั้น…เพราะสมบัติที่มีค่ายิ่งเป็นเพื่อนรักของเขา…ความรู้สึกที่เปราะบางเยี่ยงนี้พวกนี้ไม่กล้าแตะแน่ๆ#
#แต่ที่ผ่านมาเรื่องโง่ๆ อย่างนี้แหละ ที่พวกมันฉลาดนัก…#
#หยุด…รำคาญ…โถ่โว้ย!#
……….
แดดวันใหม่ไล่อาบท้องฟ้าจนกระจ่างใสกว่าทุกๆ วัน ลมที่โชยเข้ามาทางหน้าต่างไม่ทำให้ ดาบไผ่ ธารารักษ์ หายใจได้โล่งขึ้น เขาลุกจากเตียงนอนพร้อมกับแสงแรกก่อนจะลากอาการงัวเงียเดินออกไปยืนซึมซับบรรยากาศเช้าๆ ที่ระเบียงด้านหลัง นับตั้งแต่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ไม่เคยมีเช้าวันไหนที่จะเห็นดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตเหมือนเช่นที่เพชรบุรีเลยสักวัน…แต่นั้นก็มิใช่สาเหตุที่จะทำให้ความรู้สึกประหลาดในตัวเองลดทอนลงไป
“อยากกลับบ้าน” เสียงแหบแห้งมักหลุดออกมาจากลำคอเสมอ
“คิดถึงบ้านที่สุด แล้วมันที่ไหน ที่ไหน” เขาเทียวถามตัวเองทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีคำตอบ เขาถอนหายใจออกมายาวๆ อีกหลายครั้ง ก่อนจะหันไปดูนาฬิกาที่แขวนติดไว้ที่หัวเตียง
“…วันนี้มีสอบชั่วโมงแรก” เขาอุทานตระหนกพลันเหลือบมองผ่านกระจกบานใหญ่เข้าไปในห้องของต้องตะวันที่อยู่ติดกัน ทุกอย่างยังปกติ แสดงว่าเพื่อนเขายังคงหลับเป็นหนอนเมาเช่นเคย เขาเดินกลับไปกดปุ่มสีขาวเล็กๆ ที่ติดไว้ข้างเตียงนอนก่อนจะกรอกเสียงเข้าไป “ต้องตื่นได้แล้ว…ชั่วโมงแรกมีสอบ” สักครู่น้ำเสียงเป็นหนอนในอาการแฮ้ง! ก็ตอบกลับมา
“เออๆ…กำลังฝันดีอยู่เชียว”
“ถ้าช้ากว่านี้ รับรองว่าเราสองคนฝันร้ายแน่ๆ”
“เออๆ รู้แล้วเจอกันข้างล่าง” ดาบไผ่ละมือแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ไม่นานเสียงสายน้ำจากอีกห้องก็ดังตามขึ้นพร้อมๆ เสียงฮัมเพลงเบาๆ
#ลา ล้า ล่า….นิล ละด่า…นิล ละด้า โอ้นิลละดา ฮื้อ ฮือ ล่า ลา โอ้นิ ละ ดา ฮื้อ ฮือ#
…………
อีก 2 วันต่อมา
ดูเหมือนต้องตะวันจะเงียบผิดปกติ เขาไม่พูดในสิ่งที่ไม่จำเป็นตั้งแต่อาหารเช้า แต่เสียงเต้นของหัวใจที่ดาบไผ่สัมผัสได้บอกว่าเขากำลังตื่นเต้นอย่างหนักประกอบกับดวงตาก็สื่อออกมาตรงกัน
“นายเป็นอะไร” ดาบไผ่ถาม แต่ก็รู้ว่าเพื่อนต้องปฏิเสธในแบบที่เขาเคยทำ
“เปล่าเป็นซะหน่อย…” และต้องตะวันก็ปฏิเสธแบบนั้น แต่สักพักเขาโพล่งขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน “ไผ่ นายยังคาใจเรื่องของคนชื่อ อูคาชิ เซดะ มิใช่หรือ”
“อื้อ!…ทำไม”
“ไปค้นหาในอินเตอร์เนตหอสมุดชั้นล่าง” เขาชักนำทันที
“นายต้องป่วยแน่ๆ…” ดาบไผ่เหน็บ แต่ก็แอบเห็นด้วยลึกๆ
“ไปกัน…ไปได้แล้วคุณชาย เร็วดิ” ต้องตะวันกำกับและรุกหนักมากกว่าทุกครั้ง จนทำให้ดาบไผ่จำต้องเดินตามอย่างเสียไม่ได้ กระทั้งคนทั้งคู่เข้ามานั่งสุมหัวอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“นายกำลังจับผิดอะไรฉัน”
“……” ดาบไผ่ยักไหล่ แต่ก็ยังไม่เข้าใจในอาการของเพื่อนอยู่ดี เขาลุกเดินหายเข้าไปยังตู้หนังสือทั้งๆที่คอมพิวเตอร์ยังเปิดค้าง
#ฉันนะตัว…ขำกลิ้งเลย เพราะคนทั้งมหาวิทยาลัยนึกว่ามีผีคางคาวในห้องสมุดจริงๆ ฮะ…ฮะ# เสียงซุบซิบดังแผ่วเบาออกมาจากมุมขวาหลังสุด
#ตำนานบทใหม่ของมหาวิทยาลัยถูกเขียนขึ้นเพราะตั๋วนี้เอง ฮิๆ# เสียงพวกเธอดึงดูดให้ดาบไผ่ต้องรุกคืบอย่างคนเสียมารยาท
#แล้วตัวได้ค่าจ้างเท่าไรละ…ตั๋วต้องแบ่งเค้านะ#
#เดี๋ยว…ฉันเป็นเจ้ามือ คืนนี้เลยดีไหม…ตัว…ตั๋ว…ตัว ฮิๆ..ฮิๆ# เรื่องราวที่กำลังพูดถึงทำให้ดาบไผ่ชาทั้งตัว เหมือนพวกเธอไล่ตบหน้าเขาไปทีละคน…เพราะเหตุการณ์ที่พูดถึงมีตัวเขาที่เป็นต้นเหตุ
(นังอ้วนกลมคนนั้นจริงๆ) ดาบไผ่อุทาน
“ขอโทษนะน้องๆ พี่ขอขัดจังหวะแปลบหนึ่ง” ดาบไผ่โพล่งขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งก็ทำเอาสาวๆ ที่นั่งสุมหัวล้อมวงกันอยู่ตื่นตาค้างเมินหน้าหนีไปคนละมุม
“พี่…พี่ไผ่” น้องผู้หญิงอ้วนกลมลืมตัวยกมือไหว้ หน้าเธอซีดเผือด
“ใคร…จ้างให้ทำอย่างนี้”
“เราไม่เกี่ยวขอตัว…นะตั๋ว…แล้วเจอกันคืนนี้นะตั๋ว…” ไม่ถึงนาทีสาวๆ ก็แตกกระเจิงเป็นผึ้งแตกรัง วิ่งออกจากห้องคนละทาง ดาบไผ่นิ่งและใช้ความเงียบเข้ามาบำบัด…พร้อมกับสะบัดหัวไปมาแล้วจึงหันไปหยิบหนังสือติดมือ 2 เล่มเดินกลับไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างทิ้งเอาไว้ แต่ยังไม่เห็นต้องตะวันอยู่ตรงนั้น
“เอกสาร ปากกา และสมุดพกยังอยู่ครบ คงไปเข้าห้องน้ำ” ดาบไผ่พึมพำแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาพิมพ์คำว่า อูคาชิ เซดะ เป็นภาษาไทยลงไปในบล็อกค้นหา…และมันก็ขึ้นรายชื่อเว็บไซต์ให้เป็นแถวยาว เขาเริ่มค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ จนกระทั้งผ่านไปครึ่งชั่วโมงต้องตะวันก็ยังไม่กลับมา
“ไปไหนของเขานะ” ดาบไผ่พูดกับตัวเองก่อนจะลุกเดินไปตามซอกของชั้นหนังสือ แต่ก็ไม่เจอ (อย่างไว้ใจผู้หญิงที่มีดวงตาเป็นพิษ) พลันสมองเขาก็ปล่อยเสียงสื่อของชายชราออกมาจากความทรงจำ มันทำให้ความวิตกเล่นงานจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
“หรือว่า…นิลดา” เขาอุทานขึ้นพร้อมๆ กับเสียงตะโกนเรียกของไหมจีนที่ประตูด้านหน้าทางเข้า
“พี่ไผ่…พี่ไผ่…เกิดเรื่องแล้ว” เธอสะพายกระเป๋าใบใหญ่สีดำ มือหนึ่งหอบหนังสือสองเล่มวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหาในท่าทางที่ตื่นตระหนก
“อะไรเหรอ จีน”
(พี่ต้อง…พี่ต้องตะวัน ถูกจับตัวไป) เธอเดินเข้ามาพร้อมกับจับมือเขาไว้แน่น แต่เสียงพูดของเธอกลับไม่ได้หลุดออกมาจากจากปากที่กำลังสั่น แต่มันดังขึ้นในหัวของเขา เหมือนกับเสียงสื่อจากชายชราในชุดกิโมโนสีขาวไม่ผิดเพี้ยน
“จีน…” เขาตกตะลึงทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน
(พี่ไผ่…) เธอใช้เสียงสื่อกระตุ้นอีก และทันทีที่ได้สติดาบไผ่ก็หันไปมองอลันและบอดี้การ์ดที่มุมกาแฟ ดูเหมือนยังไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักคน
“จีนรู้ได้อย่างไร…ใครจับตัวเขา” ดาบไผ่กระซิบ พลางบีบไหล่ทั้ง 2 ข้างของเธอลู่เข้าหากัน “บอกมาเร็วเข้า…ใครเป็นคนจับตัวเขาไป แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” ดาบไผ่กดเสียงตะคอกหนักเข้าไปอีก ดวงตาของเขาเบิกกว้างจ้องเข้าไปค้นหาความจริงจากดวงตาของหญิงสาวที่จ้องเขาเช่นกัน
(พี่ไผ่…พี่ไผ่ อย่า…) เสียงสื่อของเธอดังในหัว แต่ดวงตากลับค่อยๆ หรี่ลง (อย่า…อย่า…อย่า ) และในที่สุดเธอก็หลับไป
“จีน จีน ไหมจีน นี้อะไรกัน…ตื่นซิ…ตื่นเดียวนี้ ไหมจีน” ดาบไผ่เขย่าตัวเธอแรงๆ จนเริ่มเป็นเป้าสายตา
(หลับได้ไง…ไหมจีน ในเมื่อหัวใจเต้นยังเต้นเร็วจนรัวเป็นเสียงกลอง…) ดาบไผ่อุ้มร่างที่หลับสนิทวิ่งออกจากห้องสมุดและตรงไปยังห้องพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด
“คุณไผ่…”
“อลัน…” ดาบไผ่เอ่ยชื่อเขาทันทีที่เห็นหน้า แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดจนชายฝรั่งตัวใหญ่ต้องวิ่งตามไปติดๆ
“มันเกิดอะไรขึ้น” อลันพยายามคาดคั้น
“ต้องตะวันหายไป…” ดาบไผ่กดเสียงต่ำใกล้ๆ พร้อมกับแทรกตัวผ่านเหล่านักศึกษาที่เดินสวนมากลุ่มใหญ่
“อะไรนะ!…” อลันหยุดอุทานพอๆ กับตะลึงงันอยู่กับที่ แต่ดาบไผ่ก็ยังอุ้มร่างของไหมจีนหายลับมุมตึกที่เป็นห้องพยาบาลไปแล้ว
#หาคุณชายให้เจอ…ค้นทุกมุม ไม่อย่างนั้นเราตายแน่# เสียงอลันสั่งการที่ด้านนอก
“เธอเป็นอะไร” อาจารย์ที่ประจำอยู่ห้องพยาบาลถาม
“ไม่รู้ครับ…อาจจะช็อกหรือหลับ”
“เอาเข้าไปในห้อง”อาจารย์พยาบาลแนะอีก ดาบไผ่อุ้มไหมจีนเข้าไปวางบนเตียง ไม่นานอลันและบอดี้การ์ด 2 คนก็ตามเข้ามาสมทบ
“จะทำอย่างไรดีคุณไผ่…หรือจะโทรไปแจ้งคุณป๋า” เสียงอลันสั่นและแห้งสนิท มันพอๆ กับใบหน้าที่ขาวซีดของเขาในเวลานี้
“ยัง!…ไม่ต้อง…ให้บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งออกค้นหารอบๆ มหาวิทยาลัย…ส่วนผมจะรอฟังคำตอบจากปากผู้หญิงคนนี้”
#บี จี 1. ออกค้นหาให้ทั่ว ที่เหลือไปดักที่ประตูทางออกทุกทาง#อลันสั่งการผ่านไมล์ตัวจิ๋วที่ซ่อนไว้ในปกเสื้อสูท บอดี้การ์ด 2 คนวิ่งตามกันออกไป ก่อนคนใหม่จะวิ่งมาหยุดนิ่งที่ประตูหน้าห้องพยาบาลอีก
“ผู้หญิงคนนี้ คือกุญแจสำคัญ” ดาบไผ่ควบคุมน้ำเสียงให้เรียบที่สุด ทั้งๆ ที่ข้างในกำลังจะปะทุเดือดเป็นไอ
“คุณไผ่ ผู้หญิงคนนี้เชื่อได้ เหรอ” อลันถามเสียงต่ำ หางตาชำเลืองไปที่ร่างหลับสนิทของหญิงสาวอย่างไม่เชื่อมั่น
“จริตของเธออาจจะทำให้ผมไม่ไว้ใจ แต่เสียงในหัวใจเมื่อครู่บอกว่าเธอไม่ได้เสแสร้ง”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบปลุกเธอให้ตื่น…เดี๋ยวนี้!” เสียงอลันแข็งกร้าวจนเหมือนจะขู่ในเชิง
“ไม่มีประโยชน์…เพราะเธอหลับเหมือนกับโดนยาสลบมา พวกคุณต้องรอ” เสียงอาจารย์พยาบาลพูดนิ่มๆ ขึ้นกลางวง
“บ้าเอ้อ!…เฮงซวยชัดๆ”
“อลัน!…” ดาบไผ่ตวาด
“ผมขอโทษ…ผมไม่ได้หมายถึงคุณไผ่…แต่ผมกำลังจะเป็นบ้า…ผมกำลังจะเป็นบ้า” เสียงของเขาดูเกรี้ยวกราดมากกว่าที่เคยเห็น
“เราต้องใช้สติ…แก้เหตุ…นาทีนี้ใช้อารมณ์ไม่ได้ผล” ดาบไผ่แนะ
“เธอตื่นแล้วคะ” อาจารย์พยาบาลบอก ทั้ง 2 จึงวิ่งกรูกันเข้าไปหา
“จีน…ไหมจีน”
(พี่เป็นชิโนบิ พี่คือคุณชาย อูคาชิ เซดะ จริงๆ หรือนี้) ดาบไผ่ได้ยินเสียงของไหมจีนจากเสียงสื่อในหัวอีก เขาถึงกับชาก้าวขาไม่ออก
“จีน!…”
(ใช้ความรู้สึกคุยกับจีนสิ…คิดเป็นคำพูดออกมา…จีนจะได้ยินทุกอย่าง…บางคนในห้องนี้ไว้ใจไม่ได้โดยเฉพาะ…) เธอชายตาไปยังบอดี้การ์ดที่ยืนนิ่งที่ประตูเหมือนจะบอกใบ้ให้เขารู้
(ชิโนบิ…คุณชายอูคาชิ เซดะ) ดาบไผ่พยายามนึกเรียบเรียง
(ใช่…อย่างนั้นแหละ…มันง่ายจะตาย พี่ใช้ดวงตาสะกดฉันให้หลับอย่างชิโนบิ…พี่คือคนที่พวกเขากำลังตามหา)
(ชิโนบิ คืออะไร) ดาบไผ่ถามสั้นๆ
(ชิโนบิ…ก็คือ นินจา นินจาก็คือชิโนบิโนะมิโนะ…เราต้องคุยเรื่องนี้กันยาว) ไหมจีนตอบพลางหลบสายตาจากเขาไปมา
(อูคาชิ เซดะ…ชั่งเถอะ…แต่เธอรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนลักพาตัวต้องตะวันไป) ดาบไผ่กลับมารุกเรื่องของเพื่อนต่อ
(คุณชายอูคาชิ…พี่ต้องรู้เรื่องนี้…เดี๋ยวนี้…) ไหมจีนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“คุณต้องตะวันอยู่ที่ไหน…บอกเรามาเดี๋ยวนี้” และอลันก็ตะโกนใส่ ทำให้ดาบไผ่หันขวับไปเตือน “ผมกำลังจัดการในแบบของผม…”
“คุณไผ่!”
“อลัน…” ดาบไผ่ตวาดอีก
(พี่เกิดมาพร้อมๆ กับพรสวรรค์พิเศษเยี่ยงชิโนบิ พี่คือสมบัติที่มีค่าสำหรับพวกมันไปแล้ว)
(สมบัติของนินจาเหรอ)
(ใช่…ตามจารีตของชิโนบิ ใครก็ตามที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์พิเศษ ชิโนบิทุกกลุ่มก็จะถือว่า คนๆ นั้นเกิดมาเพื่อเป็นอาวุธและสมบัติโดยชอบธรรมของพวกเขา…จะเป็นอื่นไปไม่ได้) ไหมจีนอธิบาย
(ไม่…พี่ไม่ใช่สมบัติของใคร…แต่ตอนนี้ จีนต้องบอกมาก่อนว่า ต้องตะวันอยู่ที่ไหน) ดาบไผ่จับไหล่ทั้งสองของไหมจีนขย่าอย่างบ้าคลั่ง จนอลันที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เข้ามาจับตัวเขาให้นิ่ง
“ถามเธอสักที่ซิ คุณไผ่”
“ผมกำลังถาม!” ดาบไผ่ดุเสียงดังขึ้นไปอีก จนอาจารย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ต้องเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
(พี่ไผ่…พี่ต้องเชื่อฉัน…พวกนินจาจะไม่ทำอะไรพี่ต้องตะวันเพราะมันคือแผนลวง เพื่อให้พี่แสดงตัว)
(เธอเป็นใคร กันแน่…ไหมจีน) ดาบไผ่เริ่มหมดความอดทน
(ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันได้ตัวพี่ไปเพียงเพื่อประโยชน์บางอย่างที่ไม่ใช่อุดมการณ์ของชิโนบิแน่ๆ) หญิงสาวตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะย้ำคำเดิมอีกครั้ง (พี่ ต้อง เชื่อ ใจ ฉัน)
“คุณไผ่…ถามเธอสักที อย่านิ่งเฉยอย่างนี้” อลันว๊ากเสียงสูง และดูเหมือนความเกรงใจจะหมดลงไปแล้วด้วย
“อลัน!…”
“ไม่เห็นจะพูดคุยอะไรกัน แล้วจะรู้เรื่องได้อย่างไร” อลันโวยวายและพาใบหน้าที่แดงกล่ำเดินส่ายไปทั่วห้อง
“…หยุดสักที!” ดาบไผ่ขึ้นเสียง จนอลันยอมเดินกลับไปนั่งลงที่เดิมแบบเด็กๆ
“เธอพูดความจริงได้แล้วไหมจีน…เธอเป็นใครกันแน่”
(ตอนนี้ขอให้พี่รู้ว่าฉันเป็นนินจาก็พอ…จงใช้จิตพิรุธเชื่อใจฉัน)
“ไอ้พวกปลิงลมสันดานหนอน” ดาบไผ่พ่นคำด่าออกมาอย่างเหลืออด
(เออ…เป็นคำด่าที่เข้าถึงกระดูกทีเดียว…)
(ถ้าไม่บอก…พี่จะจัดการกับพวกมันเอง)
(พี่ไผ่…อย่าตามพวกมันไปเด็ดขาด) หญิงสาวรั้ง
“อลัน คุณโทรบอกคุณป๋า…ว่าต้องตะวันยังปลอดภัย…ผมจะตามพวกมันไปเอง” ดาบไผ่กระแทกเสียงเหมือนจะประชดที่หลงเชื่อผู้หญิงที่เขาไม่เคยไว้ใจมาตั้งแต่แรก (พี่เสียท่าให้เธอแล้วละไหมจีน) พร้อมๆ กับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอเพื่อหวังจะทำให้หลับอีกครั้ง
“อย่านะ…พี่จะทำอะไร” ไหมจีนตบหน้าพร้อมกับกระโจนถอยฉากไปตั้งหลักหลายก้าว
“พี่จะทำให้ฉันหลับอีกใช่ไหม…บ้าที่สุด ถ้าจะตามพวกมันไปจริงๆ ต้องมีฉันไปด้วย…ตามมาทางนี้” เธอพูดอย่างคนเอาจริง
“ไม่ต้องตกใจ…อาจารย์ไม่ใช่เป้าหมายของพวกมัน” ดาบไผ่บอกขณะอาจารย์เดินกลับเข้ามาได้ยินเสียงสนทนาเข้าจนทรุดลงไปนั่งราบอยู่กับพื้น “อลันคุณตามสัญญาณโทรศัพท์ผมไปห่างๆ” คราวนี้อลันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
(ทางนี้…) เสียงไหมจีนเร่งที่หน้าต่าง ดาบไผ่พยักหน้าให้อลันเชื่อก่อนจะดีดตัวตามไหมจีนออกไป
#เช็คสัญญาณโทรศัพท์ของคุณไผ่# อลันใช้มือแตะลำโพงตัวเล็กในหูและกรอกเสียงผ่านไมล์ที่ปกเสื้อ
#ตอนนี้สัญญาณบอกว่าคุณไผ่กำลังจะออกไปทางประตูสระบัว#
#เตรียมรถ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้# อลันตอบกลับ “อะไรกัน…ทำไมไวขนาดนั้น” เขาพึมพำขณะวิ่งออกประตูห้องพยาบาล
……….
อีก 2 ชั่วโมงต่อมา
แดดสุดท้ายหมดไป พลันแสงจากโคมไฟบนทางด่วนที่สูงขึ้นไปก็ค่อยๆ สว่างทีละดวง เหมือนคบเพลิงสีทองเรียงรายในระนาบเดียวกันสุดลูกตา รถเบ็นซ์สีดำ 2 คันแล่นตามกันออกจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็วสูง แต่ไม่ทันไรทั้ง 2 คันก็ชะลอความเร็วและจอดนิ่งสนิทริมถนนประดิษฐ์มนูธรรม แมลงกลางคืนกำลังบินออกจากที่ซ่อนขึ้นไปเล่นแสงไฟบนทางด่วน พวกมันไม่หวั่นหรือเกรงกลัวแต่อย่างใดแต่สำหรับพวกเขาในเวลานี้เหมือนนรกกำลังตามล่าไม่ผิดเพี้ยน สัญญาณมือถือของดาบไผ่ที่ตามติดๆ เมื่อครู่กลับขาดหายไปเฉยๆ…เหมือนมีเหตุไม่ปกติเกิดขึ้น พวกเขารอจนกระทั้งรถตู้สีบลอนซ์แล่นเข้ามาสมทบ
#กริ้ง!กริ้ง!# เสียงโทรศัพท์เรียกเข้า อลันลนลานรีบรับสายโดยไม่ทันดูเจ้าของรายชื่อที่โทรเข้ามาว่าเป็นใคร
“ว่าไง!…เอ่อๆ คุณท่าน”
“………”
“ครับ” อลันหน้าซีดเหมือนจะร้องไห้ เขากดวางสาย ก่อนจะหันไปสั่งคนขับรถด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า
“กลับบ้าน!…”
……….
ความมืดประดุจเงาของปิศาจฉันใด
แสงสว่างก็ประหนึ่งไออุ่นจากทวยเทพฉันนั้น
ดาบไผ่ ธารารักษ์
……….
จบ กระเรียนหลงฟ้า บทที่9