เสียงกระซิบ คุณนายซาอุฯ บทที่ 12 (ฉบับบ้านโคกอีรวย) นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
คุณนายซาอุฯ บทที่ 12
#ไรราสุดที่รักของอ้ายทิดดอน แดดที่ประเทศซาอุดิอาระเบียร้อนมากๆ เลยไรเอ้ย อ้ายทำงานทุกวัน แต่ตอนกลางคืนกับวันหยุดคนงานในแค้มป์พักไม่ค่อยออกไปไหน หลายคนนั่งๆ นอนๆ แต่ละคนมีเงินมีคำเยอะมากเลยไรเอ้ย และในช่วงเวลาว่างๆ นี้อ้ายอยากจะหาเงินพิเศษเพื่อจะส่งไปให้ไรเยอะๆ อ้ายอยากได้ลูกไฮโล ลูกเต้าเล็กๆ สัก 2 – 3 ชุด เห็นคนทางภาคเหนือให้เมียที่ประเทศไทยเอาลูกไฮโลใส่มากับตลับเทป เขาหาเงินหาคำได้เยอะกว่าเป็นกรรมกรก่อสร้างหลายเท่านัก ถ้าไรอยากเป็นคุณนายซาอุฯ เร็วๆ ให้ไรไปซื้อตลับเทปมาสักม้วนแล้วใช้ไขควงหมุนน็อตเปิดตลับเทปออกแล้วเอาลูกไฮโลใส่ไว้ข้างในส่งมาให้อ้ายเร็วๆ นะ อย่าเอาลูกไฮโลใส่มาในซองจดหมายตรงๆ เด็ดขาด ถ้าโดนจับเดี๋ยวไรกับลูกจะลำบาก ไรส่งให้อ้ายได้เร็วเท่าไรตำแหน่งคุณนายซาอุฯ ประจำบ้านโคกอีรวยก็จะเป็นจริงเร็วเท่านั้น#
และสายๆ ของวันหนึ่ง
“อีไร นั้นมึงกำลังเฮ็ดหยัง (มึงกำลังทำอะไร)” พ่อใหญ่บุญมาที่เพิ่งกลับจากวัดเห็นลูกสาวกำลังใช้ไขควงหมุนน็อตเปิดฝาครอบตลับเทปแยกออกจากกัน โดยมีลูกไฮโลเล็กๆ 3-4 ชุดวางกองอยู่ข้างๆ เลยอดถามขึ้นไม่ได้ ไรราไม่มีท่าทีจะสนใจ กระทั้งพ่อใหญ่บุญมาเดินเข้าไปยืนค้ำหัวก้มดูชัด “อีไร มึงอย่าบอกกูนะว่าจะส่งไปให้บักทิดดอนนะ”
ไรราแหงนหน้าขึ้นมองพ่อสั้นๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ตรงหน้าต่อแบบคนไม่ใส่ใจ
“อีไร อีไร…มึงเฮ็ดจังซี่ (มึงทำแบบนี้) มันหมายความว่าอย่างไร…”
“เจ่าอย่ามาสู่ฮู้ได้บ่ (อย่ามาสู่ฮู้ได้บ่=อย่ามาสู่รู้ได้ไหม)” ไรราตวาดเสียงเบาๆ แต่มือก็ยังทำงานต่อไม่หยุด “มันหาเงินได้เยอะกว่าจะเป็นกรรมกรก่อสร้างอย่างเดียวซะอีก พวกเจ่าคอยดูก็แล้วกัน”
“มันบ่ดีเด้อ…กูบ่มักแนวนี้” พ่อใหญ่บุญมาขึ้นเสียงดัง จนไรราดึงขาพ่อปรามให้เงียบ
“เจ่าอยากให้ตำรวจมาจับข่อยแม่นบ่…”
“อีไร”
“ถ้าข่อยบ่รวย บ่ได้เป็นคุณนายซาอุฯ ก็อย่ามาเรียกอีไรรา” เธอจัดการงานตรงหน้าเสร็จก็เอาตลับเทปยัดใส่ในซองจดหมายแล้วใช้ลิ้นเลียปิดผนึก ก่อนจะลุกขึ้นประจันหน้ากับพ่อตัวเองตรงๆ “ลูกไฮโลนี้แหละมันจะทำให้เรารวยเร็วขึ้น เจ่าอยู่เฉยๆ งานนี้อีไรลุยเอง” พูดจบเธอก็เร่งฝีเท้าลงบันไดหายไป จนทำให้พ่อใหญ่บุญมาทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองตามหลังลูกสาวด้วยความเป็นห่วงและวุ่นวายใจที่สุด
“อีไรเอ้ย…..มันจะพามึงไปสู่ขุมนรกซิไม่ว่า เฮ้ยยยยย! แล้วแต่เวรแต่กรรมเถอะ”
……….
และวันเดียวกัน เมื่อตะวันลับยอดไม้ได้สักพัก ที่บ้านทิดทองก็มีแขกมาหา
“อ้าว! ลุงสัก อีสำลี มามืดๆ ค่ำๆ” เสียงวารีทักทายขณะกำลังเก็บของอยู่ใต้ถุนบ้าน
“ก็ว่าจะมาปรึกษาทิดทองนี้ละ มันอยู่บ้านบ่” ลุงสักพูดเบาๆ ก่อนสำลีที่อยู่ด้านหลังจะเดินเข้ามาจับมือวารีกระซิบเบาๆ อีกคน
“วารีเอ้ย!…ช่วยเอื้อยแน่อยากให้ทิดสักได้ไปเฮ็ดงานกับเขาบ้าง”
“เออ…ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปคุยกับทิดทองเอาเองโลดกำลังกล่อมลูกอยู่ข้างบนนั้นละ เก็บผ้าเสร็จจะตามขึ้นไป” วารีบอกก่อนคนทั้งคู่จะเดินขึ้นบันไปหายเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
“บักทิดทองเอ้ย กูโดนต้มให้ไปนอนรอขึ้นเฮือบินอยู่ดอนเมืองตั้ง 2 วัน 2 คืน หมดเงินไปเกือบแสน อย่างไรพอมีทางก็แนะนำให้ได้ไปด้วยคนเถอะ สงสารอีสำลีมัน” เสียงลุงสักดังขึ้นก่อนวารีจะเดินค้อมหลังผ่านคนทั้งคู่ไปนั่งอุ้มลูกชายให้สามีคุยได้ถนัด
“อีก 2 วัน หลานคุณอำนาจจะพาอีศรีไปตรวจโรคที่ โคราช ถ้าพร้อมก็ไปด้วยกันก็ได้” ทิดทองบอก
“อ้าว! อีศรีจะไปตรวจโรค มันเป็นอิหยัง (เป็นอะไร) ทิดทอง” สำลีชะโงกข้ามไหล่สามีถามขึ้นอย่างคนอยากรู้อยากเห็น
“อ้อ…อีศรีกำลังเฮ็ดเรื่องจะไปซาอุฯ พร้อมทิดทองนี้ละ” วารีตอบแทนสามี พร้อมกับหันหลังให้นมลูกอยู่ข้างๆ
“อีศรี อีศรีเมียบักทิดไซนั้นนะ มันเป็นผู้หญิงไปเฮ็ดงานกับเขาได้นำติ” สำลีพูดติดๆ ขัดๆ “แล้ว แล้ว ผู้หญิงจะ จะไปเฮ็ดงานอีหยัง (ผู้หญิงจะไปทำงานอะไร)”
“เออ…กะอีศรีหมู่ข่อยนั้นละ….มันบ่มีทางเลือก” ทิดทองบอก
“โอ…ถ้าเป็นแบบนี้มื้ออื่นเซ่า (พรุงนี้เช้า) จะเอาโฉนดที่นาเข้าไปคุยกับดาให้เรียบร้อย วันมะรืนจะได้ไปตรวจโรคพร้อมกับอีศรีมันซะเลย” ลุงสักบอก พร้อมกับขยับเข้ามาจับไม้จับมือขอบอกขอบใจทิดทองเป็นการใหญ่ “ขอบใจพวกสูหลายๆ ทิดทองเอ้ย คนแก่ๆ อย่างลุงก็อยากจะพาเมียลืมตาอ้าปากกับชาวบ้านเขาเหมือนกัน”
“อ้าวพวกเจ่าก็แต่งงานกันมาโดนแล้วบ่อยากมีลูกมีเต้าบ่ สำลี” วารีหันหลังถามขึ้น
“อยากมีอยู่ แต่มันบ่มีเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เออ ถ้าแบบนั้นพวกกูบ่รบกวนสูแล้ว เป็นอันว่าบอกกับหลานคุณอำนาจให้แน่เด้อฝากทิดสักไปกับหมู่เผินด้วย…กลับไปจะได้ให้ทิดสักไปขอโฉนดที่ดินกับแม่เขาอีก”
“ที่นาของสำลีมีน้อย เลยว่าจะไปขอยืมโฉนดเก่านาทุ่งของอีแม่ติดกับนาพวกสูนั้นละไปเอาเงินเอาคำจากอีดามันออกมาใช้เป็นค่าเดินทางก่อน”
“เออ เดี๋ยวมื้ออื่นตอนแลงเข้ามานัดเวลาจะไปตรวจโรคอีกทีหนึ่งเด้อ” ทิดทองบอกส่งท้าย
“เออ..ขอบใจๆ” ลุงสักพูดก่อนจะเดินนำสำลีลงจากบ้านไป
……….
และในคืนเดียวกัน
สำลีก็ไล่สามีกลับบ้านไปก่อน โดยตัวเองบอกจะแวะไปขอรายละเอียดการเดินทางจากไรรา ลุงสักก็เชื่อตามนั้นและเมื่อเธอมาถึงบ้านไรรา แสงตะเกียงวับๆ วิบๆ บอกสถานะยังไม่หลับให้เธอรู้
“คุณนายไร คุณนาย หลับแล้วบ่” เธอเรียกเสียงเบาจากใต้ถุนบ้าน ก่อนเสียงแม่ใหญ่สายพินจะดังขึ้นก่อน
“ผู้ใดมาเอิ้น (เรียก) มึงอยู่ใต้ถุนนะไร”
“ท่าจะเป็นอีสำลี….เอ้อ เอื้อยสำลีแม่นบ่”
“เออ กูเอง”
ไรรา เร่งฝีเท้าออกจากห้องลงไต่บันไดแบบคนรีบร้อน ก่อนสำลีจะลากแขนไปนั่งมืดๆ กับแคร่ไม้ไผ่แบบคนร้อนใจ
“มึงมีอีหยัง” ไรราลงเสียงต่ำๆ ถามด้วยความแปลกใจ
“อีศรี…มึง มึง ฮู้ข่าวอีศรีแล้วบ่” สำลีกดเสียงเบาๆ ตาม พร้อมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“มีหยัง (มีอะไร) อีศรีมันมีอีหยังอีก”
“กูกับทิดสักเพิ่งจะลงมาจากเรือนอีวารี ทิดทองเป็นคนบอกกูเองว่าอีศรีมันจะไปซาอุฯ”
“ห่า!…แม่นอีหลีติ (ใช่จริงๆ เหรอ)” ไรรากระซิบเสียงสั่น
“เออ แม่นอีหลี อีก 2 วันก็จะไปตรวจโรคพร้อมทิดสักที่โคราช”
“เป็นผู้หญิงไปซาอุฯ ได้ด้วยบ่ แล้วมันจะไปเฮ็ดงานอีหยัง (แล้วมันจะไปทำงานอะไร)” ไรราตั้งคำถามก่อนจะโพล่งต่อขึ้นติดๆ “หรือว่าจะไปเป็นกระหรี่”
“กูก็คิดแบบมึง…ผู้หญิงไปซาอุฯ มีงานอย่างเดียวให้ทำคือไปเป็นกระหรี่แน่นอน คนบ่มีทางเลือกก็แบบนี้ละ มึงว่าบ่”
ไรรานิ่งคิดพลางเผยอริมฝีผีปากจนโหนกแก้มนูนเด่นในความมืด “สงสัยมันอยากเป็นคุณนายซาอุฯ จนตัวสั่น ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“แมนๆ (ใช่ๆ) คุณนายซาอุฯ สำหรับคนอย่างอีศรีคือไปเป็นกระหรี่อยู่ที่ประเทศซาอุฯ”
“คุณนายซาอุฯ สำหรับบ้านโคกอีรวยจะต้องเป็นของคุณนายไรราคนเดียว….” ไรราพูดยังไม่ทันจบสำลีก็แทรกแบบคนไร้มารยาท
“คุณนายสำลีอีกคน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮา ฮา”
……….
และดึกๆ ของวันต่อมา ขณะที่ลูกๆ 2 คนของศรีหลับกันเรียบร้อยแล้ว แม่ใหญ่ย้อยก็ถือตะเกียงน้ำมันก๊าชเดินไปนั่งลงใกล้ลูกสาวที่เห็นพ่อใหญ่เงินนั่งสูบยาเส้นมวนใบตองแห้งแดงวาบๆ รับลมอยู่นอกชาน
“ศรี….”
“หึ…มีอีหยังแม่”
“คนคุ้มวัดกับคุ้มโรงเรียนเขาคือพูดถึงมึงอย่างนั้น”
ศรีเงยหน้าจากกองเอกสาร ถามแบบคนไม่ใส่ใจ “เขาคุยกันว่าจังใด (เขาพูดกันว่าอย่างไร)”
“โอ้ย! มันบ่ดี กูกระดากปาก”
“เขาว่าข่อยจะไปเป็นกระหรี่แม่นบ่”
“ศรีเอ้ย…แม่ก็แค่บ่สบายใจ กลัวว่ามึงจะบ่สบายใจนำ” แม่ใหญ่ย้อยพูดแบบคนกำลังประเมินปฏิกิริยาลูกสาว กระทั้งแน่ใจว่าศรีนิ่งพอ “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว บ่สู้เฮาก็ตาย”
“แม่ ในหัวใจข่อยเย็นชาเป็นหินไปแล้วละ ถ้าอีศรีมันจะเป็นกระหรี่จริงๆ บ่ต้องเดินทางไปไกลถึงประเทศซาอุดิอาระเบียดอก”
“เออกูฮู้หัวใจของมึง มึงเข้มแข็ง แค่นี้กูก็สบายใจแล้วละ….” แม่ใหญ่ย้อยลงเสียงต่ำ ก่อนจะวาดสายตาไปบนท้องฟ้าที่กำลังมีเมฆมรสุมไล่กลืนกินหมู่ดาวมาจากทางทิศใต้ในขณะที่ป่าเต็งรังรอบๆ บ้านยังสงบนิ่ง
“ปากคนยาวกว่าปากกา ศรีเอ้ย…ดีแล้วละที่มึงกับบักทิดไซมีหมู่ (เพื่อน) ดีๆ แบบบักทิดทองกับอีวารี กูเชื่อใจบักทิดทองมัน ถ้าตกระกำลำบากอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนอย่างบักทิดทองมันบ่ทิ้งมึงดอก” พ่อใหญ่เงินที่นั่งฟังเงียบๆ เอ่ยขึ้น
“ห่วงแต่พวกเจ่านั้นละ อยู่บ้านกับหลาน 2 คนก็อย่าได้เจ็บ อย่าได้ป่วยเด้อ รอให้ข่อยกลับมาพู้นละ จะเป็นอีหยัง (จะเป็นอะไร) ค่อยเป็น” ศรีบอกพลางรวบเอกสารทั้งหมดใส่คืนในซองพลาสติก
“แล้วจะไปส่งอีพรรณให้แม่ใหญ่หงส์วันไหน” แม่ใหญ่ย้อยถามขึ้น
ศรีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังดำมืดก่อนจะหายใจทิ้งยาวๆ “พู้นละ วันออกเดินทางพู้นละ แม่ใหญ่หงส์เผินก็ไม่ได้เร่งรัดดอกว่าจะให้อีพรรณไปอยู่บ้านเขาเลย ก็จะให้มันไปๆ มาๆ นี้ละ เผินเป็นคนดีนะเจ๊กเตี้ยนะ บ่เคยพูดลับหลังให้ใครเสียหาย ข่อยถึงไว้ใจฝากลูกไว้”
“เผินฮักลูกสาวเฮาเหมือนกับลูกสาวเผินก็ดีแล้ว อีกอย่างอีพรรณเองก็สนิมสนมกับเผินมาตั้งแต่เด็กแต่เล็กคงบ่มีปัญหาดอก ไว้ข่อยกลับมาวันไหนค่อยว่ากันอีกที”
ดาวที่เคยพร่างพราวเมื่อครู่ค่อยลับหายหลังก้อนเมฆ เมื่อสายลมเริ่มกระโชกปลายต้นมะม่วงหลังบ้าน แสงตะเกียงที่เคยนำทางก็ดับพรึบลง อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรน้อ…เธอจะช่วยสามีได้หรือไม่ ถึงจะไม่มีแสงดาวนำทางเธอผู้เอาชนะเสียงกระซิบก็ไม่มีท่าทีจะยอมแพ้
“ปิดประตูนอนเถอะพรุ่งนี้นัดกับคุณอำนาจที่ตลาดแต่เช้าต้องไปรอที่บ้านเจ๊กเตี้ยตี 4”
“บักสักก็จะไปด้วยแม่นบ่” พ่อใหญ่เงินถามส่งท้ายก่อนจะมุดเข้ามุ้ง
“ว่าจังซั่นละ (ก็ว่าอย่างนั้นละ)”
“บักสักมันเป็นคนซื่อๆ กูไว้ใจมันอยู่ดอก แต่อีสำลีเมียมันนั้นติ”
“ซางเขาพ่อใหญ่ นอนๆ”
……….
เมื่อแสงแรกกระทบปลายไม้อีก 2 อาทิตย์ถัดมา สำลีที่ใส่เสื้อผ้าลูกไม้อย่างดีก็เดินถือถาดไก่ต้มพร้อมกับเหล้าขาวผ่านบ้านโคกอีรวยด้วยท่าทีคนกำลังอิ่มเอิบสุดๆ
“ได้ไก่ต้มกับเหล้าจะไปเลี้ยงญาพ่อปู่ติสำลี” เสียงป้าหมายดังขึ้นที่โคนต้นมะขามใหญ่ข้างบ้าน
“จ้า…อีก 2 มื้อทิดสักก็จะได้บินแล้วเลยจะไปเลี้ยงญาพ่อปู่ให้หน่อย”
“คราวนี้ขอให้ได้บินจริงๆ เด้อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ไปกับทิดทองผัวอีวารีได้บินแน่นอน….และคุณนายซาอุฯ คนต่อไปก็จะต้องเป็นอีสำลีอีกคน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
……….
จบ เสียงกระซิบ คุณนายซาอุฯ บทที่ 12 (ฉบับบ้านโคกอีรวย)