ร้านก๋วยเตี๋ยวทิดไซ คุณนายซาอุฯ บทที่ 16 (ฉบับบ้านโคกอีรวย) นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
คุณนายซาอุฯ บทที่ 16
เช้าวันเสาร์เมื่อแสงแรกแตะขอบฟ้า รถ 2 แถวของเจ๊กเตี้ยก็พร้อมจะออกเดินทางเป็นเที่ยวแรก ป้ายชื่อวัดโคกอีรวยก็ยังเด่นสว่างจนทำให้หลายคนแสบตา เพราะตัวหนังสือสีทองที่แกะสลักบนแผ่นปีกไม้เก่าๆ กระนั้นผู้คนก็ยังนั่งรอบๆ ม้านั่งหินอ่อนฝั่งตรงข้ามเพื่อรอเวลาออกเดินอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง คนบ้านหนองบุกเดินข้ามห้วยลำพังชูมาต่อรถ 10 กว่าคนรวมทั้งคนบ้านโคกอีรวยกับบ้านมะกอกรวมกันก็เต็มรถพอดี และเมื่อทิดมืดปัดกวาดรถเสร็จเรียบร้อยแล้วเด็กหญิงหน้าแหลมวัย 12 จะย่างเข้า 13 ปีก็เดินออกมาจากร้านพร้อมเจ๊กเตี้ย
“พร้อมแล้วก็ขึ้นรถเลยเด้อ” เป็นเสียงจากทิดมืดบนรถที่จอดอยู่ไม่ไกล จึงทำให้ผู้คนต่างทยอยไปขึ้นรถจนแน่นกำลังดี
“อ้าว!…อีพรรณก็ไปบ่” ป้าถีหญิงวัยเกือบจะ 50 ปีสะพายตะกล้าผักจะเอาเข้าไปขายในตลาดถามขึ้น
“วันเสาร์วันอาทิตย์เขาต้องเป็นคนไปเลือกซื้อของมาขายเอง บ่อย่างซั่น (ไม่อย่างนั้น) เด็กๆ จะไม่ยอมเข้าร้าน ฮะๆๆๆๆ” เจ๊กเตี้ยบอกพลางหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี
“แล้วพ่อไซเด่ ได้ข่าวมาบ้านเกือบ 2 อาทิตย์แล้วยังบ่ได้เดินไปคุยด้วยเลย มันเป็นอย่างไรแน”
“พ่อไซสบายดีจ้ะป้า กำลังเตรียมของจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว อย่าลืมแวะไปอุดหนุนเด้อจ้ะ” เสียงพรรณดังขึ้นฉะฉานพร้อมกับยิ้มกว้างๆ ให้เห็น
“ฮ่าๆ….มาเป็นลูกสาวเจ๊กเตี้ยแล้วจังแมนคือกับเจ๊กเตี้ยน้อ….หัวการค้าขนาด”
“อุ้ย!…หลังๆ ยายหงส์วางมือแล้วตั๊ว เรื่องไปซื้อของเข้าร้านต้องเป็นเขาคนเดียว ต่อรองเก่งขนาด แม่ใหญ่แพะในตลาดยังยอมแพ้เลย ฮะๆๆๆ” เจ๊กเตี้ยสาธยายราวจะเห่อลูกสาวเป็นพิเศษ
“เป็นบุญของพวกเจ่าอีหลีเนาะเจ๊กเตี้ยที่ได้อีพรรณมาเป็นลูกสาวนะ”
“ฮะๆ…ไปๆ ป้าขึ้นรถเดี๋ยวผักจะเหี่ยวซะก่อน” เจ๊กเตี้ยไล่ก่อนทิดมืดจะเข้ามาช่วย พรรณเดินคู่ไปนั่งหน้ารถกับเจ๊กเตี้ย ทันทีที่แสงแรกแตะยอดมะขามหน้าศาลปู่ตา รถ 2 แถวสีน้ำเงินก็วิ่งผ่านต้นขนวนใหญ่หายเข้าไปในม่านฝุ่นสีโอวัลตินทันที
และไม่ถึงชั่วโมงรถ 2 แถวก็มาถึงตลาด เจ๊กเตี้ยให้พรรณเข้าไปซื้อของตามปกติ ส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งรอหน้าบ้านของดาแอบมองลูกสาวอยู่ห่างๆ
“อ้าวหนูพรรณ วันนี้จะเอาอะไรบ้างจ้ะ” เสียงแม่ใหญ่แพะพูดสำเสียงลาวปนไทยดังออกมาจากข้างใน โดยมีเด็กหนุ่มอายุน่าจะมากกว่าพรรณสัก 2 หรือ3 ปีเป็นผู้ช่วย
“หลายอย่างอยู่จ้ะป้า….” แล้วเธอก็ส่งแผ่นกระดาษให้
“ตี๋ใหญ่….ไปจัดของให้น้องแนลูก…ไปๆ หนูพรรณเดินตามพี่เขาไปเลือกของหลังร้านเลย”
“ขอบคุณคะ….เฮียตี๋ ขนมมาใหม่ๆ มีบ่”
“มีๆ เพิ่งจะลงของเมื่อวานหลายลังอยู่ แต่ที่พี่มักก็มีอันนี้” ลูกชายแม่ใหญ่แพะที่ชื่อตี๋ใหญ่หยิบอมยิ้มชูให้พรรณเห็นก่อนจะยิ้มกว้างให้
“เขาเอิ่นว่าอีหยังเฮีย (เขาเรียกว่าอะไรคะเฮีย)” พรรณถาม
“อมยิ้ม….”
“หึ!….ชื่อขนมอีหยังคือประหลาดแท้ๆ…มีให้ลองบ่ ถ้าบ่ได้ลองก่อนบ่ซื้อเด้อ”
“ทุกรอบ เธอนี้ชิมทุกอย่างจริงๆ” ตี๋ใหญ่พูดแบบคนรำคาญแต่ก็ไม่จริงจังนักก่อนจะหยิบให้พรรณชิ้นหนึ่ง
“อ้าวเป็นหยังจังมีหลายสีแท้”
“แต่ละสีรสบ่คือกัน อันนี้สีส้ม รสจะออกเปรี้ยวๆ หวานๆ หน่อย ส่วนสีแดงกลิ่นจะหอมและหวานดีอร่อยอมแล้วยิ้มทุกคนละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ขายดีแท้ๆ บ่เฮียตี๋” พรรณถามอย่างคนต้องการความมั่นใจ
“อ้าว! ที่เฮียแนะนำให้เอาไปขายนะขายดีบ่ละ”
“จ้า….ขายดีทุกอันนั้นแหละ แต่ขอของแถมเยอะๆ นะคราวหน้าจะมาเอาของร้านเฮียทั้งหมดเลย”
“ตลอดแหละเธอนะ….ต่อรองก็เก่ง ขอของแถมก็ที่ 1 จนเฮียโดนอาม่าด่าหลายรอบแล้วเนี้ย”
“อ้าว!….โดนอาม่าแพะด่ามันบ่เกี่ยวกับพรรณเด้อ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่ๆ อย่างที่หนูพรรณบอก คนซื้อเขาต้องการราคาถูกอยู่แล้ว ส่วนคนขายนะต้องรู้ราคาต้นทุนด้วย ลึ! เข้าใจไหมอาตี๋ใหญ่” แม่ใหญ่แพะดุลูกชายเสียงดังก่อนจะเดินออกไปหน้าร้านและข้ามถนนไปนั่งคุยกับเจ๊กเตี้ยอย่างคนมีจุดประสงค์
“เห็นเด็ก 2 คนนั้นแล้ว ฉันคิดว่าเฮาน่าจะวางมือได้แล้วละเจ๊กเตี้ย”
เจ๊กเตี้ยที่นั่งมองลูกสาวตัวเองค่อยๆ ยิ้มบางๆ และพูดขึ้นเบาๆ ว่า “รึว่าเฮาจะมาเป็นดองกัน ฮะฮะ ฮะ ฮะ”
“ได้แบบนั้นก็ดี เนี้ยปีหน้าอาตี๋ยใหญ่ก็จะขึ้น มศ.3 แล้ว”
“ส่วนหนูพรรณปีหน้าก็จะให้มาเข้าเรียน มศ.1 ที่นี้ละ เขาอยากเป็นพยาบาล”
“อาตี๋ เขาบอกว่าอยากเป็นหมอ” แม่ใหญ่แพะตามอย่างคนอารมณ์ขัน แต่ก็ดูจริงจังไม่น้อย
“โอ้ย! ถ้าเป็นแบบนั้นก็เหมาะสมกันขนาด” เสียงดาดังออกมาจากข้างในก่อนเจ้าตัวจะเดินออกมาสมทบ “มั่นหมายกันไว้ก่อนเลยซะเป็นหยังละ”
“ข่อยกะอยากได้อาตี๋ใหญ่เป็นลูกเขยอยู่ดอก แต่กลัวว่าพรรณนั้นตี้!….ข่อยบ่อยากบังคับ” พ่อใหญ่เจ๊กเตี้ยบอก
“เจ้าก็พาหนูพรรณมาซื้อของกับไอ้ตี๋ใหญ่ทุกอาทิตย์ซิ ทางฉันก็จะให้ไอ้ตี๋มันมาช่วยงานทุกเช้าวันหยุด เขา 2 คนจะได้เจอกันบ่อยๆ ไง เดี๋ยวก็มักกันไปเองแหละ…” แม่ใหญ่แพะพูดยาวอย่างจอมวางแผนก่อนจะก้มลงกระซิบเจ๊กเตี้ยกับดาอีกที “พูดก็พูดนะ ฉันนะชอบหนูพรรณมากๆ เลือกของก็เก่ง คิดเลขบ่ต้องดีดลูกคิดเลย ต่อรองก็เก่ง จนไอ้ตี๋ใหญ่ของฉันยอมแพ้ก็แล้วกันละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“โอ้ย! วันหยุดแม่ใหญ่หงส์วางมือเลยตั๊ว!…..ให้พรรณมันดูแลเองหมด ของที่ซื้อไปก็ขายดีกว่าสมัยก่อนหลายเท่าตัว ใกล้อาทิตย์ก็จะหมดทุกรอบ…เอาไปวันนี้เด็กบ้านโคกอีรวยก็รอหนูพรรณแล้ว ฮะ ฮะ ฮะ”
“มั่นหมายกันเงียบๆ ไว้โลด…ดูๆ ไอ้ตี๋ใหญ่มันยกของ แล้วดูหนูพรรณเธอสั่ง มันน่าฮักแท้ๆ พ่อใหญ่แม่ใหญ่เอ้ย ฮา ฮ่า ฮ่า” ดาชี้มือให้ทั้งคู่ดูกิจกรรมของเด็กๆ ที่เทียวเดินเข้าเดินออกร้านยังกับคู่ใหม่ปลามันก็ไม่ปาน
“เออ แมนความอีดามัน…ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แม่ใหญ่แพะเห็นด้วยแถมหัวเราะเสียงดังตามขึ้นอีกคน กระทั้งแกขอจับมือกับเจ๊กเตี้ยแทนสัญญาจากปาก “เฮาสัญญากันแล้วนะเจ๊กเตี้ย”
“เอาๆ…ฮะๆ…เบิ่งๆ กันไป” พูดจบเจ๊กเตี้ยก็ตะโกนข้ามฝั่งบอกลูกสาว “พรรณเอ้ยเช็คของเสร็จก็วางไว้หน้าร้านนั้นละเด้อ พ่อจะให้ทิดมืดมายกให้”
“บ่เป็นหยังดอก…วันนี้ของแถมได้น้อยกว่าทุกครั้งพรรณจะให้เฮียตี๋นี้ละยกไปใส่ท้ายรถเองบ่ต้องเป็นห่วง”
“นั้น! เห็นฤทธิ์เห็นเดชลูกสาวเจ่าแล้วบ่ ใช้ลูกชายฉันขนของให้อีก”
“ฮะๆๆๆๆๆ”
……….
และข้างๆ บ้านแม่ใหญ่ย้อยพ่อใหญ่เงิน
ทิดไซกับลูกชายก็เร่งมือช่วยกันสร้างร้านขายก๋วยเตี๋ยวแห่งแรกของบ้านโคกอีรวยอย่างขะมักเขม้น อาคารเพิงหมาแหงนเล็กๆ ใต้เงาต้นจิกใหญ่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง หม้อก๋วยเตี๋ยวและอุปกรณ์ทั้งหมดก็กองรวมกันอยู่ใกล้ๆ ทิดไซกำลังนั่งตีแผ่นสังกะสีอยู่บนโครงหลังคาเด็กชายตัวน้อยก็คอยส่งโน้นส่งนี้ให้ไม่ยอมห่าง กระทั้งพ่อใหญ่แสงเดินตากแดดผ่านมาตะโกนถามเสียงดัง
“จะเฮ็ดอีหยังน้อ…ทิดไซ”
“โอ้ยว่าจะเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกับบักพอนว่าซั่นละพ่อใหญ่…แล้วพ่อใหญ่จะไปใส (จะไปไหน)”
“ว่าจะไปดูวัวซะหน่อย ล่ามไว้ที่นาพ่อใหญ่นิวนี้ละ (ล่ามไว้=ผูกไว้)” พ่อใหญ่แสงบอกก่อนจะหยุดยืนดูสักพัก
“วัวมีกี่ตัวพ่อใหญ่” ทิดไซตะโกนถามขึ้นมาอีก
“ตอนนี้เหลือ 2 ตัว ขายไปเมื่อวาน 2 ตัว คนบ้านกุดเทา ติดแม่น้ำมูลมาเอา”
“โอ่…คือจะมีกำไรหลายเนาะ”
“บ่ดอก…พอได้ใช้นั้นละ ขอให้ร้านขายดีๆ เด้อ ว่างๆ จะแวะมากิน จะเปิดขายมื้อใดละ”
“ก็อีกสัก วัน สองวันนั้นละ”
“เออ…ขายดี ขายดี กูไปละเดี๋ยวแดดจะร้อน”
และในคืนเดียวกันในวงข้าวแม่ใหญ่ย้อยจึงถามลูกเขยขึ้น
“บักทิดไซ เรื่องที่นาเฮาเป็นอย่างไรแน…”
“ผมเอาเงินไปตัดดอกไว้แล้วละแม่ พอเงินเหลือก็เอามาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวนี้ละ เรื่องที่นา 2 แปลงผมบ่ให้มันหลุดง่ายๆ ดอก อย่างไรลูกผมก็มีตั้ง 2 คน ต้องเก็บไว้ให้พวกเขานั้นละ”
“คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วละลูกเอ้ย” พ่อใหญ่เงินพูดก่อนแกจะใช้ช้อนตักแกงเห็ดเข้าปาก เมื่อเคี้ยวกลืนลงคอเรียบร้อยแล้วแกก็ถามขึ้นมาอีก “ไอ้ก๋วยเตี๋ยวของมึงมันคือกับแกงเห็ดบ่”
“ฮะ ฮ่า ฮ้า ตาเอ้ย เจ่าเข้าไปในตลาดตะลีบ่เคยนั่งกินก๋วยเตี๋ยวบ่” แม่ใหญ่ย้อยพูดไปหัวเราะไป จนทิดไซอดหัวเราะตามไม่ได้
“บ่ๆ ข่อยใช้ไม้ตะเกียบบ่เป็น เลยบ่ได้กินสักที ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เดี๋ยวอีก 2 มื้อบักไซจะเฮ็ดให้กิน แซบกว่าแกงเห็ดบักพอนหลายอยู่ตั๊ว!…”
“อีพ่อนะ…เดี๋ยวข่อยกะบ่เข้าป่าดอก” พอนพูดท่าทีน้อยใจจนทิดไซดึงลูกเข้ามากอดเอาใจ
“อีพ่อเว้าเล่นกับพ่อใหญ่ซื่อๆ ดอก….แซบคือกันนั้นละ ฝีมือบักทิดไซชะอย่าง”
……….
ที่บ้านพ่อกับแม่ของลุงสัก ทันทีที่สมรเปิดอ่านจดหมายตอบกลับจากพี่ชาย เธอก็เอามือปิดหน้าตัวเองร้องไห้ แดดเกือบจะเที่ยงบอกสถานะชัดเจน สมรก็ยังสะอึกสะอื้นอยู่แบบนั้นจนกระทั้งแม่ใหญ่สวนเดินเข้าไปหยิบจดหมายขึ้นมาพิจารณาเสียเอง
“บักสักมันว่าอย่างไรแนอีนาง”
“เจ่ากะอ่านเอาเองวะ ฮื้อๆ….ข่อยเจ็บใจ”
“กูอ่านบ่ออกดอก”
“บักทิดสักมันบ่เชื่อข่อย…มันเชื่อแต่เมียมัน ซ้ำยังมาด่าข่อยเสียๆ หายๆ หาว่าคอยยุแยงให้ผัวเมียเขาผิดใจกันอีก….ฮื้อๆ อีแม่เฮาจะเฮ็ดอย่างไรดี อ้ายทิดสักหูหนวกตาบอดไปหมดแล้ว”
“ก็จ้างคนไปถ่ายรูปส่งไปให้มันเบิ่งโลด”
“ไผละจะไปถ่ายรูปให้ แล้วมัน 2 คน จะให้ถ่ายรูปง่ายๆ ติแม่…ฮื้อๆ นาทุ่งห้วยหมดก็คราวนี้ละ”
“ถ้าอย่างนั้นมื้ออื่นกูจะเข้าไปให้อีดามันอัดเทปแล้วส่งไปให้มันฟังเอง ดูซิว่า ระหว่างเมียกับแม่ บักทิดสักจะเชื่อไผ….โอ้ย ตาย ตาย ตาย บักห่าขั่วมึง เป็นหยังจังหลงเมียมากมายถึงเพียงนั้น…แล้วอีสำลีเด่….มันเป็นจังใด (มันเป็นอย่างไร)”
“ข่อยก็ไปแอบเบิ่งมันอยู่ตลาดตอนอีไรรามาบอกว่าอีสำลีจะไปเอาเงินที่เมืองพลนั้นละ….มันก็ไปกับบักทิดมิตร….อีแม่เอ้ย ท่าทางมันคือแบบที่อีไรราบอกบ่ผิด จับมือถือแขนกันราวกับเป็นผัวหนุ่มเมียสาว ฮื้อๆ ข่อยเจ็บใจ เป็นหยังทิดสักคือโง่แท้ๆ….ไปเสียนากลับมาเสียเมียชัดๆ ฮื้อๆๆๆ อีแม่ อีแม่”
“ใจเย็น ใจเย็น มื้ออื่นเซ่ากูจะเข้าตลาดพร้อมเจ๊กเตี้ยแต่เช้า…ถ้ามันบ่เชื่อแม่ก็ให้มันรู้ไป”
ความอยากได้อยากมี อยากเด่น อยากดัง เปลี่ยนสังคมบริสุทธิ์ไปแล้วตลอดกาล แดดสุดท้ายยังสาดฉายมาจากทางทิศตะวันตก แต่บ้านโคกอีรวยกลับค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ป่าเต็งรังถูกตัดถูกถางเป็นไร่เป็นสวนเป็นบ้านหลังใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ หนองกะเดาที่เคยเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต คนบ้านโคกอีรวยก็กำลังจะลืม แม้น้ำก้นหนองจะแห้งเหือด ดินจะแตกระแหงไปแล้วหลายฤดู แต่เด็กรุ่นใหม่กลับไม่เคยเห็น กบ-เขียด-หอย-ปู-ปลา ที่หลบแล้งลงไปอยู่ใต้ดิน ก็ยังคงอยู่ใต้ดิน กระทั้งฝนแรกมาเยือน ตั๊กแตนตามคันนาตอนหน้าฝนไม่มีเด็กๆ วิ่งไล่ตีเหมือนเมื่อก่อน วัวควายค่อยๆ หายออกจากใต้ถุนบ้านจนแทบจะไม่เหลือให้เห็น สายลมแสงแดดสีอะไรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ เวลาได้เปลี่ยนคนบ้านโคกอีรวยไปแล้วจริงๆ
………
จบ คุณนายซาอุฯ บทที่ 16 (ฉบับบ้านโคกอีรวย)