คุณนายซาอุฯ บทที่ 20

คุณนายซาอุฯ บทที่ 20

คุณนายซาอุฯ บทที่ 20 (ฉบับบ้านโคกอีรวย) นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง

คุณนายซาอุฯ บทที่ 20

วันต่อมา ตี๋ใหญ่ ขับรถมอเตอร์ไซด์มาส่งพรรณช่วงบ่าย ทั้งคู่เลยแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านทิดไซด้วยกัน รสชาติของน้ำซุปทำให้ตี๋ใหญ่ฝืนกินจนหมด กระทั้งค่ำๆ ก็แอบแวะเข้ามาหาทิดไซกับศรีอีกรอบ

“พ่อ เฮียตี๋ใหญ่มาอีกแล้ว” พอนบอกขณะที่เห็นรถมอเตอร์ไซด์เลี้ยวมุมโค้งบ้านป้าหมายตรงดิ่งเข้ามาหา ทิดไซกับศรีที่กำลังช่วยกันเก็บร้านก็วางมือเดินออกมารอรับ

“ลืมอีหยังตี๋ใหญ่” ทิดไซถามก่อนเสียงมอเตอร์ไซด์จะเงียบลง เมื่อตี๋ใหญ่ลงขาจอดเรียบร้อยแล้วเขาก็ถือถุงผ้าใส่ของหลายอย่างเดินเข้าไปหาในร้าน

“บ่ลืมหยังดอกพ่อ…อาม่าแพะมีของมาให้”

“แม่นหยังน้อ…คือห่อใหญ่แท้” คุณนายศรีถามก่อนทิดไซจะนำทั้งหมดเข้าไปนั่งคุยกับโต๊ะมุมด้านในสุด

“อันนี้เป็นเคล็ดลับสูตรก๋วยเตี๋ยวของอาม่าเลยนะ” ตี๋ใหญ่บอกพร้อมกับวางถุงผ้าลงกลางโต๊ะก่อนจะสาธยายสรรพคุณสมุนไพรจีนพร้อมกรรมวิธี-ขั้นตอนให้ฟังโดยละเอียด คุณนายศรีกับทิดไซได้แต่ผงกหัวถลึงตาโตๆ สลับกันขึ้นๆ ลงๆ โดยมีพอนเป็นคนช่วยตี๋ใหญ่จับโน่นจับนี่อยู่ข้างๆ

“ตี๋ใหญ่ อาม่าแพะไม่ว่าบ่ลูก นี้มันเคล็ดลับสูตรเด็ดเลยนะ” คุณนายศรีถาม

“บ่ดอกครับ อาม่ายิ่งกลัวว่าสูตรทำก๋วยเตี๋ยวของตระกูลจะสูญหาย เพราะทั้งผมและน้องชาย 2 คน ก็บ่มีคนเอา อาม่าแพะเลยเร่งให้ผมเอามาให้….และยังย้ำว่า ก่อนจะเอาเครื่องเทศและสมุนไพรจีนพวกนี้ลงหม้อก๋วยเตี๋ยวต้องเอาผ้าขาวมาห่อมัดรวมกันให้แน่นก่อนแล้วจึงใส่ลงหม้อตอนน้ำเดือดแล้วทิ้งไว้สัก 20 นาทีค่อยลงเนื้อสัตว์และอื่นๆ”

“แล้วห่อนี้ใช้ได้โดนบ่ ถ้าหมดจะไปหาซื้อได้ที่ไหน” ทิดไซถามขึ้นบ้าง

“ใช้ได้เป็นปีครับคุณพ่อ ผมเขียนชื่อไว้ให้แล้ว ถ้าตัวไหนหมดก็เข้าไปหาผมที่ร้านได้เลย เดี๋ยวจะให้อาม่าโทรสั่งกับอาเจกที่เยาวราชให้” ตี๋ใหญ่บอก พลางแนะโน้น บอกสรรพคุณสมุนไพรจีนตัวนั้นตัวนี้ไปเรื่อยๆ กระทั้งบ้านโคกอีรวยเริ่มจุดตะเกียงให้เห็น ตี๋ใหญ่จึงขอตัวกลับ

เมื่อคุณนายศรีอยู่กับทิดไซเพียงลำพัง

“อันนี้มันเป็นสูตรลับของแท้เลยนะทิดไซ”

“คุ้นๆ ว่าร้านของอาม่าจะอยู่หลังตลาดเก่า เคยไปกินอยู่ เออมันแซบหลาย ลูกค้าเต็มทุกมื้อเลยเด่”

“ข่อยก็ว่าคุ้นๆ นะร้านเนี้ย…เฮาโชคดีอีหลีเลยเนาะ”

“เดี๋ยวมื้ออื่นจะลองลงสูตรบักตี๋ใหญ่ดู”

“ทำดีๆ เด้อ เห็นเจ้าตัวบอกจะพาเพื่อนเข้ามาชิมซะด้วย เจ่าได้จดสูตรลับที่บักตี๋ใหญ่มันบอกแนบ่ละ”

“บ่ๆ…แต่ทั้งหมดอยู่ในหัวบักทิดไซเรียบร้อยแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

และอีก 2 วันต่อมาวัยรุ่นกลุ่มใหญ่มาด้วยชุดนักเรียนมัธยมปลายก็ขับมอเตอร์ไซด์ตามกันมาเป็นขบวนยาว หัวหน้าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นตี๋ใหญ่กับพรรณนั้นเอง

และเมื่อตี๋ใหญ่ได้กินก๋วยเตี๋ยวของทิดไซรอบ 2 เขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กว้างๆ พร้อมกับก้มกระซิบใกล้ๆ ว่า “แซบหลาย คือกับก๋วยเตี๋ยวของอาม่าเลย…แต่ให้เพิ่มโปยกั๊ก อบเชย และรากผักชีลงอีกหน่อย จะหอมแซบกว่านี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ได้ๆ….วันหลังพ่อจะลองทำดู ตั้งแต่ได้สูตรก๋วยเตี๋ยวมา ร้านพ่อขายดีขนาดเด่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทิดไซหัวเราะก่อนจะจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าที่กำลังใช้ตะเกียบคีบลูกชินเข้าปากด้วยท่าทีไม่ผิดหวัง “ขอบใจหลายๆ ตี๋ใหญ่”

“บ่เป็นหยังดอกพ่อ วันหน้าจะพาอาม่ามากินด้วย เห็นบ่นว่าอยากลองชิมบ้าง เพราะตั้งแต่อาม่าเลิกขายแกก็ไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวที่ไหนอีกเลย”

“แล้วนี้จะกลับกันเลยไหม” ทิดไซแทรกถามติดๆ

“ครับ เย็นๆ มีลงของที่ร้าน ต้องเข้าไปเบิ่งหน่อยเดี๋ยวเช็คของผิด”

“ดีๆ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะได้ทำก๋วยเตี๋ยวฝากไปให้แม่ใหญ่แพะลองชิมอีกคน…รอเดี๋ยวนะ”

“งั้นคุณพ่อต้องแยกน้ำกับเส้นนะครับ บ่อย่างนั้นเส้นก๋วยเตี๋ยวจะอืดเดี๋ยวจะเสียชื่อร้านทิดไซหมด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอ 3 ชุดนะพ่อเผื่อไอ้ซาตี๋กับตี๋เล็กอีกคน”

“งั้นเอาไป 5 ชุดเลย จะได้ฝากไปให้ดากับสวัสดิ์ชิมด้วย”

“ขอบคุณครับ”

“พรรณเอ้ยพรรณ ใส่ถุง 5 ชุดลูก”

“จ้า….ของอาม่าแพะนำแม่นบ่จะได้ใส่เห็ดหอมกับขิงอ่อนไปให้ด้วย” พรรณตะโกนถาม ทำให้ตี๋ใหญ่ที่กำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเพลินๆ ถึงกับเผลอยิ้มออกมากว้างๆ จนเพื่อนทั้งกลุ่มแซวเสียงดัง

“ตี๋ใหญ่ แม่นของอาม่าแพะบ่ น้องพรรณถาม ฮิ้วๆๆๆ”

“แม่น แม่น แม่น ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

………

ก่อนวันออกเดินทางหลังจากเลี้ยงญาพ่อปู่ที่ศาลปู่ตาเรียบร้อยแล้ว คุณนายไรราในชุดโก้หรูสวมรองเท้าส้นสูงก็เดินขึ้นบ้านนั้นลงบ้านนี้เพื่อไปร่ำลาผู้เฒ่าผู้แก่ จนเสียงกระซิบดังกระหึ่มเป็นผึ้งเป่าลมไปทั้งหมู่บ้าน สายๆ หน่อยเมื่อถึงเวลาออกเดินทางจริงๆ รถเจ๊กเตี้ยที่ถูกเหมาเอาไว้ล่วงหน้าก็สตาร์ทเครื่องรอที่หน้าวัดโคกอีรวย คนบ้านหนองบุกข้ามห้วยเป็นผู้หญิงที่จะไปพร้อมกัน 1 คนก็นั่งรอตั้งแต่เช้า เมื่อหญิงสาวตัวสูงผมยาวเดินลากกระเป๋ามาพร้อมกับแว่นตาอันใหญ่ เสียงทิดมืดจึงดังขึ้น

“ป้าด!…คุณนายคืองามแท้”

“งามบ่…กูงามบ่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“งามขนาด” เสียงเจ๊กเตี้ยที่เดินออกมาจะขับรถตอบแทน “พวกสูจะไปจักคน นัดกันอยู่ใส”

“นัดกันในตลาดหน้าบ้านอีดานั้นละ กะมีผู้หญิงไปนำกัน 3 คน แล้วพวกผู้ชายอีก 4 คน” ไรราตอบ ก่อนจะหันไปเรียกเพื่อนที่นั่งรออยู่ม้าหินอ่อน “หวี หวี ขึ้นรถ พร้อมแล้ว”

“เออ…ขอกูดื่มน้ำก่อน”

“ขอให้ได้เงินได้คำกลับบ้านกลับเฮือนแบบคุณนายศรีเด้อไรเด้อ” เจ๊กเตี้ยบอกส่ง

“แน่นอนเจ๊กเตี้ย ถ้าอีไรมันได้เดินหน้าแล้ว บ่มีถอยหลังเด็ดขาด บ่ร่ำบ่รวยอีคุณนายไรราบ่กลับมาบ้านให้อายหมาดอก”

“อายแต่หมา แต่บ่อายทิดมืดแม่นบ่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“บักห่าขั่วมึง….ไป ไป เจ๊กเตี้ยออกเดินทาง เดี๋ยวจะบ่ทัน”

“ทัน…อีกตั้ง 3 ชั่วโมง ทิดมืดๆ ไปช่วยอีหวียกกระเป๋าแน่…มันมาคนเดียวเหลือโตนมัน”

“เอาๆ ขึ้นรถเลย กระเป๋าเป็นหน้าที่ของบักมืด อ้าวๆ….ไป ออกเดินทางได้”

ไรราพนมมือไหว้ซุ้มประตูทางเข้าวัดโคกอีรวยพร้อมกับบ่นงึมงำๆ จนจับสำเนียงไม่ได้ก่อนจะลูบเสยผมไปไว้ด้านหลัง เธอยิ้มพร้อมกับโบกมือให้กับทุกคนที่ตามมาส่งกระทั้งม่านฝุ่นสีโอวัลตินจะพลางทั้งหมดหายลับต้นขนวนหน้าศาลปู่ตาไป….คุณนายไรราจากบ้านโคกอีรวยไปแล้ว กระนั้นเสียงของผู้คนที่กล่าวถึงเธอทั้งด้านบวกด้านลบก็ยังดังกระหึ่มไม่จบสิ้น

ตอนบ่ายแก่ๆ ของวันต่อมาที่สนามบินดอนเมือง….คนนำทางเก็บหนังสือเดินทางออกนอกประเทศของทุกคนไปไว้ที่ตัวเองเพียงคนเดียว เมื่อถึงเวลาเธอก็เดินนำพวกเขาไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ เมื่อกระเป๋าสัมภาระถูกโหลดเข้าท้องเครื่องเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินนำไปยังประตูจะไปขึ้นเครื่องบินแบบคนรีบๆ ก่อนจะกำชับเช่นเดียวกับเมื่อคืนและส่งหนังสือเดินทางคืนให้ทีละคน

“บ่ต้องเปิดหนังสือเดินทางเด้อเดี๋ยวตั๋วจะหล่นให้พากันฟ้าวๆ (ฟ้าวๆ= รีบๆ) เดินตามลูกศรไปยังประตู 32 ไวๆ ไม่อย่างนั้นจะตกเครื่องบินบ่ฮู้นำเด่…เข้าใจบ่ลุง เจ่าท่าทางจะเก่งกว่าทุกคนรีบนำไปให้ถึงประตูเครื่องบินเด้อ ข่อยส่งพวกเจ่าได้แค่นี้แหละ….เพราะเจ้าหน้าที่สนามบินบ่ให้เข้าไป โชคดี ได้เงินได้คำกลับบ้านกลับเฮือนกันทุกคน”

“ขอบใจเจ่าหลายๆ…” ไรราบอกส่งพร้อมกับดึงแว่นตากันแดดอันใหญ่เอามาสวมเดินหายเข้าประตูไป

ส่วนสาวคนนำทางเมื่อหมดหน้าที่เธอก็อมยิ้มพร้อมกับสาวเท้าออกนอกสนามบินดอนเมืองไปอย่างรวดเร็ว

คุณนายไรรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเครื่องบินนำเธอและเพื่อนๆ รวมกัน 7 ชีวิตทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แดดบ่ายๆ จวนค่ำฉาบใบหน้าขาวๆ ยาวๆ ที่กำลังยิ้มปลื้มๆ จนเห็นเป็นสีทองเหลืองอร่าม กระทั้งเครื่องบินตั้งลำนำสู่ทิศทางที่ไม่รู้จัก เธอมองออกนอกหน้าต่างกระนั้นก็ไม่เห็นนางฟ้า ไม่มีเทวดาบนปุยเมฆอย่างที่คาดหวัง หัวใจที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย้องเต้นตุบๆ ไม่หยุด

#กูจะทำให้คนบ้านโคกอีรวยได้ร่ำลือยิ่งกว่าอีศรีอีก ฮื้อ…มึงคอยดู คอยกราบตีนยามอีคุณนายไรรากลับไปเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า กูจะยิ่งใหญ่ ต่อไปจะบ่มีผู้ใดมาดูถูกได้อีก งานนี้อีไรราสู้ตาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า#

และไม่ถึง 2 ชั่วโมง เครื่องบินก็ปักหัวลงสู่พื้นดิน ไรรากับเพื่อนต่างมองหน้ากันไปมาแต่ก็ไร้เสียงพูดคุยกระทั้งพนักงานสาวประจำเครื่องแจ้งประกาศ

#เรียนผู้โดยสารทุกท่าน บัดนี้สายการบินของเราได้นำทุกท่านถึงสนามบิน จังหวัดอุดรธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กราบขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่โดยสารมากับเรา ขอบพระคุณมากคะ#

“อีไร อีไร เขาคือว่าเป็นสนามบินจังหวัดอุดรธานี ลุงคม เขาคือว่าจังซั่น” (จังซั่น=อย่างนั้น)

“เขาอาจจะให้พวกเฮาต่อเครื่องบินก็ได้….”

“ลองไปถามเขาเบิ่งก่อนนะ มันคือเป็นแบบนี้”

เพลงซาอุดรฯ

คาราบาว

เขียนป้ายไปปักไว้
บอกคนทั้งหลายว่าอยากขายที่นา

นำทรัพย์สินเงินตรา
จากขายที่นาตีตั๋วเครื่องบิน

จะไปซาอุ

บอกเมียและลูกน้อย

คอยพี่หน่อยพ่อหน่อยเถิดหนา

อีกไม่นานกลับมา
เยี่ยงราชาเงินทองล้นกาย

จะมีโทรทัศน์วิทยุ สเตอริโอ

บ้านตึกหลังโตโต

โอ้หะโอ นั่งกินนอนกิน

เขียนป้ายไปปักไว้
บอกคนทั้งหลายว่าอยากขายที่ดิน

ทิ้งถิ่นฐานทำกิน
ตีตั๋วเครื่องบินไปหากินแดนไกล
จะไปซาอุ

เบื่อทำไร่ไถนา
ทำได้มาไม่พอได้กิน

กลัวลูกเก็บดินกิน
อย่างที่หนังสือพิมพ์เขาลง

บอกเมียรอหน่อยหนา
อย่าเผลอใจ ไปมีชู้

จับได้เป็นน่าดู
จู้ฮุกกรู ไม่นานน้องยา

ซาอุดิ จะแรงจะร้อน
ระอุปานใด อ้ายก็จะทน

จะยอมอดเหล้า เอาเงินสะสม

จะข่มจิตใจ ไม่เล่นไฮโล

เชื่อพี่เถิดน้องพี่ไม่ได้ร้องเพลงหลอก
จะเอาเงินใส่กระบอก
หอบมาเป็นกระบุง
ขนมาให้น้อง ฝากธนาคาร

ขายที่นาได้แล้ว

เจอคนแจว รับส่งคนงาน

จ่ายเงิน จ่ายหลักฐาน
ได้ไม่นานเขาพาไปขึ้นเครื่องบิน
จะไปซาอุ

เกิดมาเป็นคนจน

ยามคบคนไม่เคยเป็นต่อ

คิด คิดไปใจท้อ
คนหนอคน ยิ่งจนยิ่งเจ็บ

เก็บเงินเราไปแล้ว

เรือบินแจวลงจอดบนลาน

บนแผ่นดินอีสานขนานนามว่า ซาอุดร

……..

(: กราบขอบพระคุณผู้แต่งเพลงซาอุดรฯของวงคาราบาวเป็นอย่างสูงที่ผู้แต่งนำมาเสริมเนื้อหานิยายโดยพลการ หากเห็นว่าไม่เหมาะสมผู้แต่งต้องกราบขอโทษมา ณ ที่นี้และพร้อมจะถอดออกทันทีหากมี Comment แจ้งเตือน กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ)

“ฮื้อๆ พวกเฮาโดนต้ม พวกเฮาโดนหลอก จะเฮ็ดจังใดดี จะเฮ็ดจังใดดี….กูอยากตาย กูอยากตาย ฮื้อ ฮื้อๆ”

“อ้าวๆ ทุกคนบ่ต้องโวยวายครับ ถือกระเป๋าสัมภาระเดินตามเจ้าหน้าที่ไปเลย เดี๋ยวเจ้าพนักงานตำรวจจะลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานให้” เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสนามบินจังหวัดอุดรธานีแจ้งพร้อมกับกันคนทั้งหมดให้เดินสู่ห้องรับรองที่อยู่ข้างใน แต่ไรรากลับนิ่งราวกับหุ่น เธอเดินลากกระเป๋าแยกไปอีกทาง ความฝันที่จะได้ไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบียสิ้นสุดลงแล้วโดยสิ้นเชิง เธอหวนคิดถึงคนงานชุดลุงสักกับคนบ้านมะกอกที่โดนหลอกเมื่อหลายปีก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ คณะของเธอในวันนี้ก็จะไม่ต่างกัน

“สุดท้ายก็โดนเจ้าหน้าที่ส่งกลับบ้าน กูกลับบ้านโคกอีรวยบ่ได้อีกแล้ว…ฮื้อๆ กูกลับบ้านโคกอีรวยบ่ได้ กูกลับไปในสภาพนี้บ่ได้ ที่ดินที่นาก็จะบ่เหลือ อีไรราเอ้ย อีไรราเอ้ย มึงจะเฮ็ดจังใด๋กับชีวิตดี ฮื้อๆ” คุณนายไรราเอามือปิดหน้าตัวเองร้องไห้เกือบ 10 ชั่วโมงและก่อนจะสว่างของคืนเดียวกัน ชายวัยกลางคนท่าทางดูดีก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ

“จะไปไหนหรือครับ พี่เห็นนั่งร้องไห้มานานแล้ว”

ไรราเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ…สุดท้ายเธอก็กลับไปก้มหน้าร้องไห้อย่างเดิม และก่อนแสงแรกจะแตะขอบฟ้า ชายคนดังกล่าวก็อาสาลากกระเป๋านำเธอไปยังรถตู้คันใหญ่มุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพมหานคร…และแสงแรกที่จังหวัดอุดรธานีก็พรากเธอหายไปอีก

“ฉันไม่มีทางเลือก คุณจะหลอกไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ นาทีนี้อีไรราก็ไม่มีทางเลือกอีก ฮื้อๆ”

“สวยๆ อย่างน้องไรราหางานสบายที่ได้เงินเยอะๆ ไม่ยากหรอกครับ พี่ชื่อสมยศนะ เรียกพี่ยศเฉยๆ ก็ได้”

“คะ ชีวิตของหนูคงต้องฝากไว้กับพี่ยศแล้วละ ฮื้อๆ ฮื้อๆ”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ พี่ยศซะอย่างน้องไรราไม่ต้องห่วง”

“ขอบคุณมากๆ คะ พี่ยศ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

ฝ่ามือที่โอบปลอบกำลังลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง สายตาแบบเดียวกับเสือหิวก็วนเวียนอยู่กับเนินหน้าอก….ไรรารู้ ไรราเข้าใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง กระนั้นทางเลือกของเธอก็แทบจะไม่เหลือ

“พี่ยศ พี่ยศคะ”

“หนูสวยเหลือเกินไรรา หนูเป็นดาวเบอร์ตองได้ไม่ยากหรอก ปีเดียวก็ทำเงินได้หลายแสนแล้ว เชื่อพี่ยศเถอะ”

……….

(Visited 107 times, 1 visits today)