คุณนายซาอุฯ บทที่ 4

คุณนายซาอุฯ บทที่ 4

ประชุมวางแผน คุณนายซาอุฯ บทที่ 4 (ฉบับบ้านโคกอีรวย) นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง

คุณนายซาอุฯ บทที่ 4

วันรุ่งขึ้นหลังจากที่คนแปลกหน้าได้จากบ้านโคกอีรวยไปแล้ว ทั้งหมู่บ้านก็คึกคักขึ้นทันที หลายครอบครัวคุยโตโอ้อวดทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เดินทาง และหลายครอบครัวกลับพากันจมเครียดเพราะเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จเรียบร้อย ข้าวเปลือกที่กองอยู่บนลานตากก็ยังกองอยู่อย่างนั้น กระทั้งกำหนดงานบุญ “ข้าวคูณลาน” หรือบุญข้าวใหญ่ถูกกำหนดขึ้นในวันเพ็ญ ชาวบ้านจึงนำข้าวเปลือกมากองรวมกันไว้ที่ศาลาวัด บ้านละตระกล้าหรือบ้านละกระสอบมาให้พระทำพิธีเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนจะนำขึ้นเก็บบนยุ้งฉาง สถานที่ถกเถียงประเด็นดังกล่าวก็จะมารวมกันอยู่ที่วัดอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

“กะจังว่า…แม่ใหญ่ย้อย ปีนี้ได้ข้าวหลายปานได” แม่ใหญ่สำราญเคี้ยวหมากตุ้ยๆ กำลังนั่งรวมกันบนศาลาพูดขึ้นก่อนจะถ่มน้ำหมากใส่กระป๋องนมที่เตรียมมาด้วยและหันกลับไปสนทนากับแม่ใหญ่สายพินที่เพิ่งจะกราบพระเสร็จอีกคน

“กะบักไซผัวอีศรีมันกำลังวิ่งเต้นจะไปซาอุฯ ได้ข้าวหลายปานใด ก็จะได้ขายให้มันนั้นละ”

บัวผันที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันกลับมาแทรกขึ้น “โอ้ย แม่ใหญ่ย้อยเอ้ย…ขายข้าวหมดทุ้งกะบ่พอค่าเดินทางดอก เขาสิเอาตั้งแสน 5 ต่อคนต่อหัว ต้องเอาที่นาพู้นละไปจำนองถึงจะไปได้”

“ป้าดดดด! (โอ้โห) ปานนั้นเลยติบัวผัน”

“ปานนั้นตั๊ว จังสิได่ไป” ยายสำราญสำทับขึ้นอีกคน

“โอ้ถึงปานนั้น กูกะบ่ให้บักไซไปกับหมู่ดอก…นาแฮงมีน้อย (แฮง=ยิ่ง) จำนองเขาปีหน้าสิได้ข้าวใสกิน ตาย ตาย กูตาย อีศรีเฮ็ดกูแล้ว”

“โอ้ยแม่ใหญ่เอ้ย….ผู้ใดผู้ใดกะเป็นคือกัน (ใครก็เป็นเหมือนกัน) เอาที่ดินที่นาไปจำนองให้เขาโลด (โลด=เลย) บ่อยากเป็นแม่ยายซาอุฯ กับเขาบ่”

“ฮา ฮ่า อีนงพูดถูกใจ…คันซั่นสิกลับไปคุยกับอีศรีมันใหม่ดอก แม่ใหญ่สำราญเอาตระกล้าหมากมานี้ขอเคี้ยวหมากสักคำ จะได้ใจเย็น”

“เหอะ เหออ! อยากหัว (อยากหัวเราะ) เอาไปพลูก็มีหาเอาเอง” ยายสำราญเลยยกตระกล้าหมากข้ามมาให้ พลางหัวเราะลั่นศาลา กระทั้งพระสวดจบ ทุกคนก็แยกย้าย แดดเดือนมกราคมยังคงหนาว….หลังจากที่แม่ใหญ่ย้อยเดินกลับถึงบ้าน ศรีกับไซที่ตั้งท่ารออยู่ก่อนแล้วก็พูดขึ้นในวงข้าว

“อีแม่ อ้ายทิดไซจะไปเฮ็ดงานประเทศซาอุฯ กับอ้ายทิดดอนทิดทองเด่…”

แม่ใหญ่ย้อยเหลือบมองพ่อใหญ่เงินที่นั่งเคี้ยวข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม แกงผักขี้เหล็กที่ลูกเขยโชว์ฝีมือสุดชีวิตก็ยังทำอะไรแกไม่ได้กระทั้ง “บักทิดไซ”

ข้าวปั้นทิดไซเกือบจะหลุดมือ จนศรีต้องตีเข่าเรียกสติ “อีหยังแม่ (อะไรแม่)”

“ถ้ามึงได้ไป กะให้มึงตั้งอกตั้งใจเฮ็ดงาน หาเงินหาคำกลับมาให้ลูกให้เมีย อย่าเล่น อย่ากิน (กินเหล้า) นาแม่มีแค่ 2 ทุ่ง ถ้าบ่ได้เงินกลับบ้าน นาหมด เฮากะบ่มีนาเฮ็ด ข้าวเฮากะบ่มีกิน มึงฮู้บ่”  พูดจบทั้งศรี ทั้งทิดไซต่างตกใจไม่นึกว่าแม่ตัวเองจะให้ที่นาไปจำนองง่ายขนาดนี้ ไซลุกขึ้นก้มกราบลงพื้นอย่างคนสำนึก ก่อนจะเป็นศรีที่เข้ามาโอบ

“ขอบใจอีแม่หลายๆ”

“ยาย เป็นหยังจังให้ง่ายให้ดายแท้ (ยาย ทำไมถึงให้ง่ายดายขนาดนี้)” พ่อใหญ่เงินอดแปลกใจไม่ได้

“อยู่วัดเขาเว้ากัน ข่อยเลยคิดได้…” แล้วแกก็หันหน้าไปทางลูกเขยอีกรอบ “บักทิดไซ ลูกมึง 2 คนกำลังโต อนาคตพวกเขาขึ้นอยู่กับมึงเพียงผู้เดียว มึงฮู้บ่”

“ฮู้ครับแม่” ทิดไซก้มหน้าตอบแบบคนกำลังตื้นตันสุดชีวิต

“เออ กูเว้ากับสูแค่นี้แหละ สิเอามื้อใดก็บอก จะไปหยิบมาให้” พูดจบ ทิดไซกับศรีก็ก้มลงกราบแม่ตัวเองอีกรอบ ในความฝันบ้านโคกอีรวยกำลังจะมีว่าที่คุณนายซาอุฯ เพิ่มขึ้นอีก 1 คนแล้วขณะนี้…..

………

เวลาเดียวกัน…ที่บ้านพ่อใหญ่บุญมา แม่ใหญ่สายพิน พ่อแม่ของไรรา ขณะที่ทิดดอนต้อนควายออกทุ่งได้ไม่นานการพูดคุยในประเด็นดังกล่าวจึงเริ่มต้น

“อีศรีมันเพิ่งบอกข่อยว่า พ่อใหญ่เงินกับมาใหญ่ย้อยให้นาหัวไร่ไปจำนอง ถ้าบักทิดไซมันได้ไป อ้ายทิดดอนก็ต้องได้ไป ถ้าอีศรีมันได้เป็นคุณนายซาอุฯ อีไรราก็ต้องได้เป็นคุณนายซาอุฯ เหมือนกัน” ไรราขึ้นเสียงสูงใต้ถุนบ้าน จนพ่อใหญ่บุญมาต้องกำชับให้เงียบๆ แต่แม่ใหญ่สายพินก็ไม่ยอมแพ้ลูกสาวขึ้นเสียงดังแหลมใส่อย่างคนไม่ยอมแพ้

“อีไร มึงฟังกู บักทิดดอนกินแต่เหล้า เล่นแต่ไฮโลได้ไปซาอุฯ มันสิเฮ็ดงานให้มึงบ่ (เฮ็ด= ทำ)”

“อีแม่อย่ามาเว่าแบบนี้…อย่างไรไอ้ทิดดอนก็ต้องได้ไป…” พร้อมกับกระทืบเท้าอยู่แพล๊บๆ

“นาเฮามีแค่ 2 ทุ่งนะไร หมดแล้ว หมดเลยเด่” พ่อใหญ่บุญมาพูดแทรกขึ้นบ้าง

“งานนี้ไผสิขวางอีไรบ่ได้…อย่างไรนาก็ต้องเป็นของข่อย (ฉัน) อยู่แล้ว จะช้าหรือเร็วเท่านั้น เพราะฉะนั้นงานนี้อีไรบ่ยอม” พูดจบไรราก็กระวีกระวาดเดินกระทืบเท้าขึ้นไปหาลูกบนบ้าน

“ยายสายพินเอ้ยยยย….เฮาเฮ็ดบุญเฮ็ดกรรมอีหยัง (อะไร) มาเนาะ ลูกสาวคนเดียวถึงได้เป็นแบบนี้”

“โอ้ย ข่อยอยากตาย อยากตายแท้ๆ”

……….

เมื่อท้องฟ้าของอีกวันสว่างขึ้น

หลังจากทิดทองมาช่วยพ่อตาแม่ยายขนข้าวขึ้นยุ้งฉางแล้วเสร็จ ระหว่างที่อยู่กันตามละพัง อยู่ๆ วารีกับทิดทองก็ขยับไปนั่งใกล้ๆ จนทำให้พ่อใหญ่เหลือกับแม่ใหญ่สิมอึดอัด

“พวกสูสิมาขอหยัง (พวกมึงจะมาขออะไร หึ!)”  แม่ใหญ่สิมพูดขึ้นอย่างคนรู้ทัน ก่อนที่พ่อใหญ่เหลือจะตามขึ้น

“พวกสูคือสิอยากไปเฮ็ดงานที่ประเทศซาอุฯ กับเขาเนาะ”

“แม่นแล้วละพ่อ ถ้าบ้านเฮาฝนแล้งสลับน้ำท่วมอยู่แบบนี้ลูกๆ ข่อยต้องอดตายแน่นอน” ทิดทองได้โอกาสเลยเกริ่นนำล่อง

“สูคิดกันดีแล้วแม่นบ่…น้องๆ พี่ๆ มีตั้ง 12 คน แฮกสวนไร่นาก็ต้องแบ่งเท่าๆ กัน”

“อันนี้แล้วแต่อีพ่อจะให้แล้วละ” วารีรับตามก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้นเช่นเคย

“บักทิดทอง…กูกะเห็นมึงเอาการเอางาน งานหนักบ่ทิ่ม (ทิ่ม = ทิ้ง) งานเบากะบ่ปล่อย เพราะฉะนั้น นาที่กูจะให้สูก็เป็นนาที่กูแบ่งไว้ให้พี่ให้น้องเรียบร้อยแล้ว” พ่อใหญ่เหลือพูดก่อนจะหันไปหากระติกน้ำ แต่วารีก็ไวกว่า “เออ….พวกสูเอานาทุ่งติดห้วยไป แล้วเอาไปดูแลเอง พ่อกับแม่มึงสิได้บ่ต้องเป็นห่วงอีก”

“ขอบใจพวกเจ้าหลายๆ อีพ่ออีแม่เอ้ย” วารีกับทองก้มลงกราบบนแคร่ไม้ไผ่ที่ทั้งคู่นั่งอยู่ ก่อนจะเป็นทองที่พูดขึ้นบ้าง

“ข่อยจะเฮ็ดงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด ลูกๆ ข่อยจะได้เรียนหนังสือสูงๆ เพื่ออนาคตของพวกเขา”

“สูคิดได้จังซั่น (อย่างนั้น) กะถือว่าดีแล้วละ มาขยับเข้ามาอีกทั้ง 2 คนพ่อกับแม่สิได้ให้ศิลให้พร” พ่อใหญ่เหลือพูด ก่อนแม่ใหญ่สิมจะขยับนั่งยกมือรับไหว้ทิดทองกับวารีที่นั่งไหว้ก้มหน้าอยู่กับพื้น

ต้นเดือน มกราคม ปี พ.ศ. 2523 แดดสุดท้ายที่บ้านโคกอีรวยก็งดงามขึ้นอีกคราหนึ่ง ความหวังความฝันของคนทั้งหมู่บ้านผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด คำนิยามของ “คุณนายซาอุฯ” ก็เริ่มมีอิทธิพลขึ้นมาแบบจริงๆ จังๆ….

………

เมื่อทุกฝ่ายทุกคนชัดเจนขึ้นมาระดับหนึ่ง

ไรราก็เป็นโต้โผในการเรียกประชุมเพื่อเช็คเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ให้ตรงกัน….คอกวัวคอกควายส่งกลิ่นอับๆ ชื่นๆ เพราะมูลสดๆ มีแมงวัน-แมงจีนูนปีกแข็งบินตอมอยู่หึ่งๆ แต่ก็ทำอะไรหนุ่มสาวบ้านโคกอีรวยไม่ได้ โอ่งมังกรรองรับน้ำฝนจากหลังคาที่มีฝาสังกะสีปิดเก็บไว้ดื่มก็วางอยู่ใกล้ๆ แดดตอนบ่ายโมงสีขาวสะท้อนหลังคาสังกะสีเก่าๆ บ้านยายมนมาตกใกล้ๆ ไรราตักน้ำจากโอ่งมังกรใส่เหยือกมาวางไว้ตรงกลางก่อนเธอจะเชิดหน้าพูดขึ้นก่อนคนอื่นๆ

“เอกสารที่ต้องใช้ 1.สำเนาบัตรประชาชน 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3.สำเนาโฉนดที่ดิน 4.ใบตรวจสุขภาพ”

“ป้าด! อีไร มันต้องตรวจสุขภาพนำบ่ เฮาบ่ทันไปตรวจเลย” ทิดไซถามขึ้น

“มันบ่ทันไปตรวจกันจักคนดอก ต้องรอคุณอำนาจ เผิ่นพาไป” ไรราบอก ก่อนจะไล่เรียงเอกสารที่ต้องใช้อีกรอบ

“เอกสารเฮาสิไปถ่ายมื้อใด” ทิดทองถามก่อนศรีจะแทรกขึ้น

“มื้ออื่นหรือรอให้คุณอำนาจพาไปกะได้ตั๊ว”

“ถ้าแบบนั้นเอกสารที่เฮามี เอาเข้าไปให้อีดากับคุณสวัสดิ์ถ่ายให้มื่ออื่นกะได้” ทิดดอนทีแอบฟังอยู่กับทางเข้าคอกวัวแทรกขึ้น

“ตกลงพวกเฮา 3 ครอบครัวสิเอานาไปจำนองกับอีดาทั้งหมดแม่นบ่” วารีถามเบาๆ พลางจิปากแบบคนไม่มั่นใจให้เพื่อนเห็น

“อีดาบอก มันสิช่วยดูแลให้ หรือไผสิเอาไปจำนองที่อื่นกะแล้วแต่เด้อ”

“อีไรเป็นหยังจังเว้าจังซั่น…อีดามันเป็นเสี่ยวเฮา (เสี่ยว=เพื่อนรัก) เป็นหยังจะเอาไปจำนองไว้ที่อื่นสูว่าแม่นบ่” ศรีร่ายยาวก่อนจะหันไปพยักหน้าให้วารีเห็นคล้อยตาม

“อีศรีมันเว้าถูก…กูเชื่อใจอีดา แต่พ่อกับแม่คุณสวัสดิ์นั้นตี้! จะไว้ใจได้บ่”

“อีวารี เวลาจดจำนองเขาจะมีสัญญา ถ้าเราเฮ็ดตามสัญญาที่นาเฮาก็บ่หลุดเป็นของเขาดอก” ไรราเสริม เวลานั้นบรรดาสามีต่างเงียบนิ่งคิดอยู่คนละมุมก่อนจะเป็นทิดทองสรุปปิดท้าย

“เป็นอันว่าเฮาไว้ใจอีดาแม่นบ่ ตกลงถ้าอย่างนั้นขนเอกสารทั้งหมดไปให้อีดาถ่ายเอกสารให้นำ…อีดามันเป็นคนดีข่อยกะเห็นนำอยู่”

“แม่นๆ (ใช่ๆ) กูกะเห็นกับไอ้ทิดทอง ให้อีดาซอยเบิ่ง (ช่วยดู) คนไปเฮ็ดเวียก (เฮ็ดเวี่ยก = ทำงาน) จะได้สำบายใจ” ทิดไซที่เงียบตั้งนานเสริม รวมทั้งทิดดอนก็พยักหน้าหงึกๆ ตามอีกคน

“เออๆ…สรุปได้แบบนี้หมู่เฮากะสำบายใจแล้วเนาะ”

“มื้ออื่นเซ่า (พรุ่งนี้เช้า) กินข้างงายแล้ว (กินข้าวเช้าเสร็จ) เฮาจึงจะออกเดินทาง” ไรราวางแผนก่อนศรีจะตบท้าย

“ออกไปถ่ากัน (รอกัน) อยู่บ้านเจ๊กเตี้ยหน้าวัดเลยเด้อ”

“ได้ๆ…เอาๆ ถ่าตกลงได้แบบนั้นหมู่เฮากะแยกย้ายไปเอาควายกินน้ำเถอะ จะไปหากบหนองกะเดานำ” ทิดดอนพูดพลางหันไปสบตาไรราแว๊บหนึ่ง จนเพื่อนหัวเราะลั่น

“ฮ่า ฮา ฮ่า ฮ่า…คือสิมักแต่หนองกะเดานี้ละเนาะบักทิดดอนเอ้ยยยยยย ฮ่า ฮ้า ฮ่า”

“ไปพ้อ (เจอ) กันอยู่หนองกะเดาเด้อทิดดอนเฮาจะเอาซิง (ซิง=อุปกรณ์ดักสัตว์ขนาดเล็ก)ไปดักนกคุ้มนำ (นกคุ้มคือนกขนาดเล็กหากินกับพื้น ขนสีเทาน้ำตาลลาย บินต่ำๆ สั้นๆ)”

“เออบักทิดไซคิดดี แล้วโตเด่หมอ (แล้วนายละเพื่อน) จะไปกับเฮาบ่”

“โอ้ย เสียดายเด่….ควายอยู่โนนต้นตาลทางนาพ่อใหญ่มาพู้น เอาไว้วันหน้าเด้อ” ทิดทองบอกก่อนจะพากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน…..

หนองกะเดาคือซุบเปอร์มาเก็ตของบ้านโคกอีรวยทุกฤดูกาลจริงๆ หน้าฝนดอกบัวแดงก็บานอวดสีสันรอให้คนมาเก็บไปแกงเต็มหนอง กุ้งหอยปูปลาไม่ต้องพูดถึงมีให้ช็อบตลอดเวลา พอหน้าแล้งท้องหนองแห้งดินแตกระแหง ก็จะมีอาหารใต้ดินให้ได้เลือกอีก เพราะฉะนั้นจะว่าไปแล้วบ้านโคกอีรวยขาดหนองกะเดาไม่ได้เด็ดขาด…

………

จบ ประชุมวางแผน คุณนายซาอุฯ บทที่ 4 (ฉบับบ้านโคกอีรวย)

(Visited 76 times, 1 visits today)