อนุชาย2 บทที่27 คุณพ่อแกล้งหนู
คุณพ่อแกล้งหนู
เรือยอร์ซขนาดกลางพาครอบครัวบ้านสายสกุลออกจากฝั่ง จังหวัดภูเก็ต ก่อน 10 โมงไม่กี่นาที ผิวทะเลยามไม่เห็นแผ่นดินแทบจะเรียบนิ่ง แดดสีขาวมาพร้อมกับอุณหภูมิ แต่เมื่อมีลมจากแรงปะทะบวกกับลมทะเลตามธรรมชาติทุกอย่างจึงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ดร.ชานนท์ไม่ยอมให้อนุชัยห่างกายการเล่นละครตบตาจึงยังดำเนินต่อไป อาตี้กับ หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ เองก็มีหลายเรื่องหลายราวต้องกระซิบกระซาบอยู่ท้ายเรือ ส่วนคุณหญิงพวงพรเมื่อลงซันบล็อคไปรอบหนึ่งเธอก็ใช้ผ้าลูกไม้พลิ้วๆ บางๆ ลาย กุหลาบสีเบจ โพกศีรษะสวมแว่นตากันแดดอันใหญ่สวยเก๋นั่งเกาะแขนสามีไม่ยอมห่าง มีเพียงหญิงรัดดาคนเดียวที่คอยย้ายไปนั่งกับกลุ่มนั้นทีกลุ่มนี้ทีไม่อยู่นิ่ง….
………แดดขาวขาว น้ำทะเล แลฟ้าคราม………
……….ลมเลียลาม โชยเอื่อยเอื่อย เลาะเลื้อยหา………
………กวัดแกว่งผม ที่โลมเล้า เคล้าไปมา………
………ชื่นนัยน์ตา ตรงฟ้าจบ พบทะเล………
พอเดินทางถึงโรงแรมที่พักบนเกาะพีพีก็เลยช่วงบ่ายมาพอสมควร แน่นอนอนุชัยกับดร.ชานนท์พักห้องเดียวกัน ดร.ชวนนท์ผู้เป็นพ่อกับคุณหญิงพวงพรก็ห้องหนึ่ง อาตี้กับหมอเดียรเนียลเลือกจะอยู่ด้วยกันด้วยเหตุผลบางประการ สรุปแล้วหญิงรัดดาจึงต้องนอนคนเดียวตามระเบียบ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางดร.ชวนนท์หัวเรือใหญ่ก็แจ้งหมายกำหนดการคร่าวๆ ประมาณว่าต่อจากเวลาที่มาถึงกระทั้ง 1 ทุ่มตรงเป็นช่วงฟรีสไตล์และ 1 ทุ่ม 15 นาทีทุกคนต้องไปรวมกันที่ห้องอาหารภายในโรงแรม พอแดดลดระดับสู่ยามเย็น ผิวของอันดามันทางทิศตะวันตกก็ค่อยอาบแสงสุดท้ายทีละเฉดของช่วงเวลา จุดที่ฟ้ากับมหาสมุทรบรรจบกันจึงได้เห็นปฏิกิริยาของธรรมชาติชัดเจน ความงดงามมาพร้อมกับสายลมสบายๆ ฝ่าเท้าของดร.ชานนท์กับอนุชัยก็กำลังจมไปกับพื้นทรายสีขาวทีละก้าว เสื้อผ้าที่ทั้ง 2 เลือกใช้ก็ยังคล้ายคลึงจนนักท่องเที่ยวหลายคนบริเวณท่าเรือไม่ต้องเสียเวลาเดาสถานะให้ยาก ยิ่งฝ่ามือที่จับประสานราวกับไม่ต้องการแยกจากกันด้วยแล้วยิ่งเด่นชัดจนหลายคนอดมองตามไม่ได้
“นายจำวันที่เรามาเที่ยวที่นี่ครั้งแรกได้ไหม” อยู่ๆ เสียงของดร.ชานนท์ก็ดังขึ้น
“อื้อ!….” อนุชัยตอบสั้นๆ เขาสบตานิดๆ ก่อนจะยกหลังมือขึ้นมาจูบ “ฉันคิดถึงมันมาโดยตลอด แล้วนายละ”
“ฮื้อ!….แต่…..” ดร.ชานนท์ใช้คำเพื่อหยุดประเมิน จนอนุชัยต้องฉุดมือให้หยุด
“แต่อะไร….” อนุชัยถาม ดร.ชานนท์หันมาเผชิญ ลมทะเลยกระดับแรงขึ้น เสียงคลื่นกระทบฝั่งก็ดังขึ้นไปด้วย ดร.ชานนท์ยิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดไม่จา อนุชัยจึงกระตุ้น “ชานนท์…นายอย่ามาลองดีกับฉันนะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า….นายเคยสัญญาว่าหากฉันไม่ยอมปล่อยมือนาย…..” ดร.ชานนท์ยิ้มแบบคนเจ้าเล่ห์พลางโน้มกระซิบ “นายจะแหกปากให้ก้องอันดามันว่า……”
อนุชัยเกือบจะหัวเราะ เขาปล่อยมือหันหน้าเดินลงสู่อันดามันทีละก้าว แดดสุดท้ายจับไปที่เขาเต็มๆ ดร.ชานนท์ยืนมองแผ่นหลังคนรักกระทั้งอันดามันกลืนกินเกือบถึงหัวเข่า อนุชัยจึงหันกลับมายิ้มให้เห็น “นายฟังดีๆ นะชานนท์” พูดจบเขาก็ยกมือป้องปากหันหน้ากลับสู่ทิศเดิมแล้วเสียงทุ้มๆ ก็ดังสะท้อนไปไกล
“ฉัน รัก นาย ชานนท์”
ดร.ชานนท์หันซ้ายแลขวาด้วยความเขินอาย
“ฉัน รัก…….” และระหว่าที่อนุชัยกำลังจะแหกปากออกมาอีก เขาก็พุ่งกะจะเข้าไปปิดปาก แต่อนุชัยก็ไหวตัวทันจึงวิ่งหนีสุดชีวิต “ฮ่า ฮ่า ฮ่า……”
“อย่าหนีฉันนะ…..”
“จะให้ฉันแหกปากอีกกี่ครั้ง ฉันก็จะบอกว่า…..ฉัน รัก นาย ชานนท์”
“พอแล้วๆ อายชาวบ้านเค้า” ดร.ชานนท์ตะโกนตามหลังขณะวิ่งตามไม่หยุดกระทั้งอนุชัยพุ่งตัวลงสู่ทะเล ดร.ชานนท์ก็พุ่งตามลงไปติดๆ ทั้งคู่อยู่ใต้อันดามันหลายนาทีกระทั้งแสงอำพันบอกมีเงาสีดำโผล่ขึ้นมาในลักษณะคน 2 คนกำลังประกบปากจูบกันให้เห็น…..อีก 2 ร่างที่แอบตามมาห่างๆ ก็หมุนตัวออกจากหลังต้นมะพร้าวเดินกลับไปตามทางเดิม
“ชัวร์แล้วฮะอาหมอ” อาตี้ใช้ระดับเสียงกระซิบ
“ชานนท์ นายเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับฉันเนี่ยนะ ฮื้อ!….คืนนี้ขอเอาคืนมั่งก็แล้วกัน” หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ บ่นเป็นหมีกินผึ้งพร้อมกับสาวเท้ากลับเข้าสู่โรงแรมเร็วๆ
“อาหมอฮะ” อาตี้เรียกกะจะให้เขาชะลอฝีเท้าแต่ก็ไม่เป็นผล “อาหมอ….อาหญิงกำลังจะ….”
“แหม! ดูช่วงนี้สนิทสนมกันเหลือเกินนะยะ…มีอะไรกันหรือเปล่า” เสียงหญิงรัดดาดังใกล้ๆ
ทำเอา หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ ถึงกับชะงักค่อยๆ หันไปยิ้มแบบอายๆ “ก็ เอ่อ ก็…..เอ่อ”
“อาตี้….” เมื่อ หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ พูดไม่รู้เรื่องเธอก็หันไปเล่นงานหลานชายอีกคน “แปลกๆ ตั้งแต่อยู่ที่บ้านนะ….มีอะไร….เดียรเนียลบอกฉันมาให้หมด….อาตี้อย่าหนีมานี้เลย”
เมื่อทั้ง 2 โดนหญิงรัดดาดักไว้ทุกทาง อาตี้กับหมอเดียรเนียลจึงพยักหน้าให้กัน ก่อนจะเป็นอาตี้ชี้นิ้วไปยังพ่อ-พ่อของตัวเอง “อาหญิงก็ลองสังเกตพ่อชายดูซิฮะ….คนตาบอดจะวิ่งไล่ตะครุบคนตาดีแบบนั้นได้อย่างไรกัน”
หญิงรัดดามองไปที่อนุชัยกับชานนท์แบบคนใช้ความคิดอย่างหนักก่อนลูกตาจะขยายใหญ่กว่าไข่เป็ดเบอร์ศูนย์และยกมือขึ้นปิดปากอย่างคนคาดไม่ถึง กระทั้งเห็นคุณหมอจากอเมริกาพยักหน้ายืนยัน “อย่าบอกนะว่าหญิงโดนหลอกมาตั้งแต่แรก”
“ไม่ใช่ You คนเดียวหรอก แต่ยังรวมถึงหมอระดับเซียนอย่างไอด้วย….น่าอายชะมัด” หมอเดียรเนียลบ่นแล้วยังจิ! ปากแบบคนไม่เข้าใจอีกหลายที…
“อาตี้!….”
“คุณอาจะร่วมมือกับเราไหมฮะ” อาตี้ถามกลับในลมหายใจเดียวกัน
“มีแผนแล้วเหรอ” หญิงรัดดากระซิบ….อาตี้พยักหน้า
“ทำไมคุณไม่บอกฉันละคะเดียรเนียล…เราก็อีกคน…” หญิงรัดดาคล้ายจะโวยวาย แต่เสียงอาตี้ก็ดังขึ้นก่อน
“สรุปอาหญิงจะร่วมมือกับเราไหมฮะ”
หญิงรัดดามองอาตี้สลับกับหมอเดียรเนียลไปมาหลายรอบก่อนเธอจะพยักหน้าแบบคนมั่นใจสุดชีวิต…
“เป็นไงเป็นกัน ปิดบังเกือบ 3 เดือน…เล่นเรากินไม่ได้นอนไม่หลับซ้ำยังเสียน้ำตาให้ไปหลายปี๊บ….ฮื้อ!….พี่ชายนะพี่ชาย” เธอเงียบสักครู่ “ไหนมีแผนอะไรลองว่ามาซิ….”
อาตี้กับหมอเดียรเนียลยิ้มให้กันก่อนทั้ง 3 จะนั่งลงกับพื้นทรายและใช้ทรายสีขาวแทนแผ่นกระดาษปลายนิ้วก็ใช้แทนปากกาได้ดีในเวลานั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..” หญิงรัดดาหัวเราะก่อนจะยื่นมือเข้าขอจับสามัคคี “มา…เรียกพลังกันหน่อย”
เมื่อทั้ง 3 จบจากลง MOU ก็เร่งฝีเท้าตรงไปยังโรงแรมทันที
“เร็วเข้า….” หญิงรัดดาเร่ง “อาตี้ต้องรีบเข้าประจำจุด เดี๋ยวอาหญิงจะไปหันเหความสนใจบอดี้การ์ดให้เอง”
“ชานนท์งานนี้นายเสร็จฉันแน่ ๆ……ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ หัวเราะพลางหันไปตีมือกับอาตี้อีกที…. “ทนได้นะ….”
“ฮะอาหมอ สบายมาก” อาตี้บอกและพยักหน้าหนักแน่นให้เห็น…..
“เอาละๆ….เราแยกย้ายกันไปทำงานได้”……
เมื่อเวลาอาหารค่ำมาถึง
1 ทุ่มกับ 20 นาที ดร.ชวนนท์ คุณหญิงพวงพร หญิงรัดดา ดร.ชานนท์กับอนุชัยก็เข้าที่ ขาดเพียง 2 คนที่ยังมาไม่ถึงนั้นก็คืออาตี้กับหมอเดียรเนียล สแปนเลย์ ดร.ชานนท์กับอนุชัยที่หันหน้าไปทางประตูทางเข้าก็คล้ายจะออกอาการกระวนกระวายจนหญิงรัดดากับคุณหญิงพวงพรแอบยิ้มแบบรู้กัน….
“ทำไมอาตี้ยังไม่มาอีก” ดร.ชานนท์ถามลอยๆ
“นั่นนะซิ….งั้นเดี๋ยวฉันไปตามเองดีกว่า” พูดจบอนุชัยก็ทำท่าจะลุก แต่เสียงของคุณหญิงพวงพรก็ดักไว้
“ไม่ต้องๆ….เดี๋ยวก็มา….”
“แต่คุณแม่คะ อาตี้ไม่เคยเลทนะคะ” ดร.ชานนท์ทนไม่ไหวจึงลุกตาม
“นั่งเถอะคะพี่ชายพี่นุ….” หญิงรัดดาพูดและอดหัวเราะไม่ไหว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จนเป็นสาเหตุให้ดร.ชวนนท์หงุดหงิดหนักขึ้นอีกหลายเท่า
“แต่จะครึ่งชั่วโมงแล้วนะคุณ เกิดอะไรขึ้นกับอาตี้หรือเปล่าเนี่ย” ดร.ชวนนท์ผู้เป็นพ่อพูดเสียงดังทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชายที่กระจายนั่งตามมุมต่างเริ่มขยับ กระทั้ง หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ วิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดที่ประตู
“เกิด เรื่อง แล้ว ครับ……”
ดร.ชานนท์ที่หลายคนคิดว่ามองไม่เห็นก็พุ่งเข้าไปหาก่อนคนอื่น จนหญิงรัดดากับคุณหญิงพวงพรอดเหลือบมองหน้ากันไม่ได้ และเมื่ออนุชัยกับดร.ชวนนท์ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปสมทบ
“มีอะไรเดียรเนียล….” ดร.ชานนท์ถามสีหน้าตื่นๆ
“อะ อา อาตี้ อาตี้ไม่รู้อยู่ไหน” พอ หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ พูดจบประโยค กลุ่มนักท่องเที่ยวชายฉกรรจ์ก็ลุกพรวดพลาดพร้อมกันทั้งข้างในและข้างนอก
“หมายความว่าอย่างไร นายหาดีแล้วเหรอ” ดร.ชานนท์ตกใจสุดขีด
เดียรเนียล สแปนเลย์ พยักหน้าตื่นๆ “ไออาบน้ำออกมาอาตี้ก็หายตัวไปซะแล้ว” เขาบอก
“ค้นหาทุกซอกทุกมุม” ดร.ชวนนท์ออกคำสั่งเสียงดังลั่น ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชายเกือบ 20 คนกระจายตัวออกตามหาอย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติทั้งด้านในและด้านนอกต่างตกใจตามไปด้วย หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ หน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูก แต่อาการดังกล่าวก็ส่งผลให้ละครสั้นๆ ที่เขาเป็นตัวแสดงนำได้รับการเสนอชื่อเข้ารับชิงรางวัลออสก้า…..
“นายนี้นะ…” ดร.ชานนท์ตะคอกก่อนทั้งเขาและอนุชัยจะวิ่งออกจากห้องตามกลุ่มบอดี้การ์ดไปติดๆ เมื่อทั้งหญิงรัดดาและคุณหญิงพวงพรได้แต่นิ่งราวกับไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวดร.ชวนนท์ที่หน้าแดงกล่ำก็หันกลับไปเล่นงานเข้าให้
“หลานหายไปทั้งคนนะคุณ”
“………….” คุณหญิงพวงพรยิ้ม หญิงรัดดาเองก็อดหัวเราะไม่ได้จนดร.ชวนนท์หัวเสียเลยพาลไปกับหมอเดียรเนียลที่กำลังยืนหน้าซีดๆ อยู่ที่เดิม
“คุณหมอ…..”
“คุณคะ ใจเย็นๆ คะ” คุณหญิงพวงพรปราม “กลับมานั่งเถอะคะเชื่อดิฉันเถอะ”
“หลานหายไปทั้งคนนะคุณหญิง….” เขานิ่งพลางหันไปมองใบหน้าแจ่มใสของบุตรสาวอีก “หญิงรัดดาก็อีกคน ทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้”
“คุณพ่อขา ดูดีๆ ซิคะ ฮา ฮ่า ฮ้า” หญิงรัดดาพูดขณะอาตี้กำลังลอดออกมาจากใต้โต๊ะ
“นี่ นี่ นี่…..”
“ขอเอาคืนตาชายซะมั่ง” คุณหญิงพวงพรบอก
“เกิดอะไรขึ้นคุณ….อาตี้….มานี่เลย”
“คุณปู่ฮะ….” อาตี้หน้าซีดตกใจอยู่ไม่น้อย
“คุณพ่อคะ คุณพ่อไม่เอะใจสักนิดเลยเหรอคะ” หญิงรัดดายิ้มพลางดึงแขนอาตี้ให้นั่งลงข้างๆ ตัวเอง “ว่าทำไมคนตาบอดถึงได้วิ่งหาลูกชายตัวเองไปทั่วโรงแรมแบบนั้นได้….ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ดร.ชวนนท์คิดตาม “นี้แสดงว่าทุกคนร่วมกันวางแผนหรอกหรือ”
“เอาคืนคนตาบอดซะให้เข็ดไงคะคุณ…ดิฉันโกรธตาชายเรื่องนี้เอามากๆ….มีอย่างที่ไหน”
“ตบตาหมออย่างไอด้วยครับคุณพ่อ 3 เดือนแล้วด้วย” เสียงเดียรเนียลที่ด้านหลัง ทำให้ใบหน้าที่สุกแดงของดร.ชวนนท์ค่อยๆ ผ่อนสู่อารมณ์ตรงกันข้าม
“นั้นซินะ….ทำไมพวกคุณถึงไม่บอกผมบ้างละ”
“บอกคุณก็หมดสนุกกันพอดี….ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คุณหญิงพวงพรปิดปากหัวเราะยาว….กระทั้งร่างของดร.ชานนท์กับอนุชัยและทีมบอดี้การ์ดกลับมาหยุดที่ประตู อาตี้ตกใจกะจะมุดเข้าไปซ่อนตัวใต้โต๊ะอีกรอบ ดร.ชานนท์ก็พุ่งดึงออกมาซะก่อน
“อาตี้…..”
“คุณพ่อฮะ…..”
“ทำไมถึงทำแบบนี้ละ” ดร.ชานนท์คล้ายจะหัวเสียเอามากๆ จนอนุชัยต้องกระโจนเอาตัวขวางเอาไว้
“ใจเย็นๆ ชานนท์….”
“จะเย็นได้อย่างไรก็เห็นๆ อยู่” ดร.ชานนท์เสียงดังแบบคนโกรธจัด
“อ้าว!….คุณพ่อเห็นอาตี้ด้วยเหรอฮะ” อาตี้สวนกลับ ทำเอาดร.ชานนท์ถึงกับหน้าถอดสีไปไม่เป็น เขามองหน้าอนุชัยไปมาจนได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..เซอร์ไพรส์นะจ้ะชาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คุณหญิงพวงพรพูดนำ ทำให้ดร.ชานนท์กับอนุชัยได้แต่ยืนมองหน้ากันไปมาราวกับมด 2 ตัวท่วมกลางฝูงนก
“พี่ชายคะ….นี้คือการเอาคืนโทษฐานที่ร่วมกับพี่นุโกหกหญิง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“สะ สะ แสดงว่าทุกคนรู้มานานแล้…”
“อาตี้กับอาหมอเพิ่งจะเอะใจเมื่อวานนี้เองฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อาตี้บอกพลางหันไปตบมือกับหมอเดียรเนียลที่หัวเราะไม่หยุดจนเสียงอนุชัยดังขึ้น
“เออ….พ่อก็ตงิดๆ ตั้งแต่ก่อนขึ้นรถแล้วละที่อยู่ๆ ก็มาบอกว่าพ่อใส่หมวกแก๊ปสีชมพู น่าอายชะมัด”
“ตกลงทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อใช่ไหม” ดร.ชานนท์พูด ทุกคนเงียบ อาตี้เองก็หน้าเสียไม่น้อย “อันที่จริงก็ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ทุกคนในเวลาเดียวกันอยู่แล้วเชียว แต่ดันมาเจอเซอร์ไพรส์จากอาตี้ซะได้”
“ก็ฉันบอกนายตั้งหลายครั้งแล้วไงว่านายแสดงละครไม่ผ่าน…หึ หึ หึ….เราสมควรโดนแล้วละว่าไหม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อนุชัยหัวเราะพลางอดตบหลังดร.ชานนท์ไม่ได้
“อาตี้ขอโทษนะฮะคุณพ่อที่เล่นแรงไปหน่อย”
“แรงที่ไหน นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ….พี่ชาย พี่นุคะ รู้ไหมหญิงกลับอเมริกาต้องนอนคิด นอนร้องไห้เพราะพี่ชายมากมายแค่ไหน….”
“เอาละๆ เป็นอันว่าเราเสมอกัน นั่งลงๆ”
“พ่อเองก็โดนอาตี้หลอกเข้าเต็มๆ น่าอายจริงๆ…..แต่ว่าตาชายหันมาทางนี้” ดร.ชวนนท์พูด เมื่อดร.ชานนท์หันมาตามคำสั่ง ดร.ชวนนท์จึงชู 2 นิ้วโบกผ่านดวงตาไปมา “กี่นิ้ว….”
“คุณพ่อครับ…..”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..ไอสะใจจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” และหมอเดียรเนียลหัวเราะไม่หยุด เมื่ออนุชัยดึงแขนชานนท์ให้นั่งข้างตัวเอง พวกเขาก็อดหัวเราะตามขึ้นไม่ได้…..
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..ตกลงหมวกแก๊ปเราสีดำใช่ไหม” ดร.ชวนนท์กระซิบ
“ฮะ อาตี้ Confirm ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
และหลังจบอาหารค่ำ หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ ก็ลากคออาตี้ไปทวงสัญญา “เราตกลงกันแล้วนะ”
“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาตี้….แต่…..”
“เดียรเนียลคะ….”
“ไปสิฮะอาหมอโอกาสมาถึงแล้วสบายใจได้….” อาตี้กระซิบจนใบหน้าหมอเดียรเนียลค่อยๆ กระจ่างให้เห็นและผละไปโอบหญิงรัดดาแทน
“เราไปเดินย่อยอาหารกันเถอะ…..”
เมื่อหนุ่มสาวจากไปแล้ว เสียงคุณหญิงพวงพรก็ดังขึ้น
“อาตี้ ย่ากับปู่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“ฮะ ดีเหมือนกัน อาตี้กำลังโดดเดี่ยวอยู่พอดี….อันที่จริงถ้ามีไอ้ยูจิมาด้วยก็น่าจะลงตัวกว่านี้นะฮะ”
…..เสียงทั้ง 3 หายไปทางสระว่ายน้ำ เกือบจะ 3 ทุ่มลมอันดามันกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่แสงดาวบนท้องฟ้ากำลังอวดประกายระยิบระยับตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ ทางช้างเผือกพาดผ่านก็เป็นเส้นสว่างหลากสีไขว้กันไปมา
“เล่าเรื่องของยูจิให้ปู่ฟังหน่อย….”
“ทำไมหรือฮะ….”
“ไม่มีอะไร แค่ปู่เค้าอยากรู้เรื่องการเรียน การอยู่ การกินของเรา 2 คนเท่านั้นเอง”
อาตี้มองคุณหญิงพวงพรกับดร.ชวนนท์สลับกันไปมา “อย่าบอกนะฮะว่าคุณปู่กับคุณย่าแอบคิดว่าอาตี้กับยูจิเป็น…..”
“เออ! ไม่สำคัญหรอก แค่ปู่อยากรู้จักเขาให้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง” ดร.ชวนนท์ตัดบท
“ถ้าคุณปู่คิดว่าอาตี้จะชอบไอ้หมอนั้น คุณปู่ลืมไปได้เลย…..อาตี้มีแฟนแล้วฮะ”
“อา อาตี้!…” คุณหญิงพวงพรอุทานพลางจับใบหน้าเรียวๆ ให้หันมามองตัวเอง “เป็น…เอ่อ….ผู้….”
“ผู้หญิงฮะคุณย่า….เธอสวยซะด้วย”
“สาวฝรั่งหรือว่าเอเชีย” ดร.ชวนนท์เร่งจากลมหายใจโล่งๆ
“ลูกครึ่งฮะ….เธอชื่อซาร่า แม่เป็นคนอินเดีย พ่อเป็นอเมริกัน” อาตี้ตอบแบบคนสุขใจ
คุณหญิงพวงพรดึงเข้ามากอดแน่น….. “ย่าชักอยากจะเห็นหน้าซะแล้วซิ”
“ฮะ อาตี้เก็บรูปเธอไว้ในโทรศัพท์เยอะเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ดู”
ดร.ชวนนท์ยิ้มไม่หุบ “คราวหน้าก็ชวนมาเที่ยวเมืองไทยด้วยกันนะ”
อาตี้เงียบคิดหนัก “แต่แม่เธอหวงน่าดู….ชวนไอ้ยูจิยังง่ายกว่าเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
อันดามันได้คืนความรู้สึกเก่าๆ ให้ทั้งหมดจนครบ ผ้าห่มหนาๆ ไม่ทำให้อาตี้หนาวหรือโดดเดี่ยวถึงแม้อีกเตียงจะไร้ร่างของหมอหนุ่มจากอเมริกาก็ตาม แสงดาวเหนือทะเลอันดาเมื่อมองผ่านหน้าต่างช่างงดงามจนห้วงแห่งความฝันเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบ……
#誘ってみませんか?(Sasotte mimasen ka?)#
#ยูจิ….นายพูดไทยได้ไหม….ภาษาญี่ปุ่นฉันไม่แตก#
# ทำ ไม นาย ไม่ ชวน ฉาน#….
ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่
อนุชานั่งจมเครียดต่อหน้าหญิงชราที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด เขาซี๊ด! ปากแบบคนหนักใจพร้อมกับเชิดใบหน้ากลมๆ สู้กับแสงนีออนบนฝ้าเพดาน
“คุณพี่ครับ” เขาเอ่ยเรียก แต่ก็ไม่หวังจะให้หญิงชราเงยใบหน้าเปียกชุ่มๆ มองตัวเอง “อั๊ว! ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างแล้วละ”
หญิงชราปาดน้ำตาทิ้ง เธอเงยใบหน้าหวาดวิตกมองเขา “อาชา….”
“อั๊ว! จะเข้าให้การกับตำรวจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
“แต่…….”
“ถึงแม้เฮียชาญจะเป็นพี่ชายแท้ๆ….แต่เขาก็เลือกเส้นทางของเขาตั้งแต่ต้น” อนุชาพูดเสียงเบา
“อาชา….สมบัติเป็นของนอกกาย สละมรดกบ้านตระกูเชวน์เถอะนะ” แขไขลงน้ำเสียงราวกับวิงวอน พลางก้มหน้าสะอึกสะอื้นต่อ “ไม่รู้ว่าเด็กน้อยที่น่าสงสารของฉันจะเป็นอย่างไรบ้าง ฮื้อๆ”
“พี่หญิง มรดกของบ้านตระกูลเชาว์ไม่ใช่แค่สมบัติธรรมดาๆ….แต่มันคือชีวิตของคนตระกูลเชาว์…อั๊ว!ต้องรักษาอาไว้เพื่อคนตระกูลเชาว์รุ่นถัดไป”
“แต่ว่า…..”
“อั๊ว! จะเห็นแก่ตัวโดยการเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้… เห็นทีงานนี้อั๊ว! ต้องเสียสละเองแล้วละ”
“ฮื้อๆ…..ฉันรู้สึกผิดกับฟองฟ้าจริงๆ ฮื้อๆ”
อนุชามองแผ่นหลังของหญิงชราสักพักก็อดเอื้อมมือตบปลอบไม่ได้ “เอานะ….ถ้าเรายังไม่ได้ข่าวนั้นก็แสดงว่าเขายังปลอดภัย….อั๊ว! เชื่อว่าอนุชัยไม่มีทางทิ้งพี่ชายอย่างปกรณ์ได้แน่ ๆ….เชื่ออั๊ว!เถอะ”
“อาชา ฮื้อๆ….ช่วยสืบให้ฉันที ฉันทนไม่ได้ ฉันรับไม่ไหว เขาเพิ่งจะเรียกฉันว่าแม่แท้ๆ ฮื้อๆ”
“ครับ…..แต่ตอนนี้พี่หญิงต้องพักผ่อนแล้วละ มีข่าวคืบหน้าอั๊ว! จะรีบมาแจ้งให้ทราบทันที” อนุชาบอก
เมื่อแขไขระงับสติอารมณ์ได้ระดับหนึ่ง แสงนีออนภายในห้องรับแขกดับพรึบลง เงาสีดำของชายขนาดกลางก็หมุนตัวออกจากบ้าน….เขาหายไปตามทางเท้ามืดๆ ก่อนเสียงกรีดร้องของอีกคนจะดังโหยหวนออกมาจากห้องนอนของบ้านไม่มีเลขที่หลังดังกล่าว
“ปกรณ์….ลูกอยู่ไหน ลูกแม่อยู่ไหน ฟองฟ้า ฉันขอโทษ ฮื้อๆ”
จบ อนุชาย2 บทที่27 คุณพ่อแกล้งหนู