ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่20

ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่20

ฟาร์มบลูเบอร์รี่ ฟาร์มพ่อไอ้เบ๊บ ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่20 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง

ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่20

เช้าต่อมาผมเบื่อที่จะเข้าไปเดินเล่นใน Downtown เพราะคอนโดมิเนียมที่ผมอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ถือว่าอยู่ในเขต Downtown อยู่แล้ว ผมบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมาถึงแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาจะให้ผมฝังตัวอยู่ท่วมกลางตึกสูง เดินทอดน่องกลางชุมชนเมืองก็ใช่ที่ ป่าสน ป่าเมเปิ้ล ทะเลสาบสีน้ำเงินและภูเขาของอเมริกาเหนือต่างหากคือเป้าหมายหลัก ผมจองบ้านเล็กกลางป่าสนของป้าจั๊กกี้ที่แลงเลย์ (Langley) เอาไว้ 2 คืนก่อนเดินทางกลับ ผมปรารถนาจะได้เดินทอดน่องอย่างไร้จุดหมายบนถนนเล็กๆ เงียบๆ ใต้เงาสนนานาชนิดในเวลาพลบค่ำ แดดสุดท้ายสีอำพันที่มาจากดวงอาทิตย์สีเพลิงส้มคงช่วยผ่อนคลายสิ่งที่หนักอึ้งบนบ่าทั้ง 2 ข้างลงได้บ้าง…สำคัญผมจะต้องได้ Feel นี้ใน Trip ไม่อย่างนั้นการเดินทางเที่ยวนี้คงไม่ต่างจากเดินตามหลังผู้ใหญ่ไปดูงานต่างประเทศแน่ๆ…ไม่เอา ไม่เอา ไม่ชอบ

ผมกับนางฟ้าตัวกลมขับรถไปรับแม่กับป้าจั๊กกี้ตั้งแต่ยังไม่ห้านาฬิกาดี โดยเราวางแผนจะไปให้ถึงฟาร์มบลูเบอร์รี่พ่อไอ้เบ๊บก่อนหกโมง เพราะการเก็บบลูเบอร์รี่เช้าๆ ขณะที่น้ำค้างเกาะรอบผลไม้สีน้ำเงินเข้มจะเห็นมันเป็นพวงสีขาวนวล เก็บง่ายและเมื่อโยนเข้าไปในปากรสชาติของบลูเบอร์รี่จะทำให้คุณเผลอหลับตาเห็นสวรรค์ได้อย่างแจ่มชัด น้อยคนนักจะได้ลิ้มลอง…(อิจฉาเค้าละซี้!) อาหารเช้าจึงเป็นกาแฟนมเข้มข้นกับบลูเบอร์รี่สดๆ ลูกใหญ่ๆ ที่ปลายยอดสุดของพุ่มนั้นแหละครับ “เออ เนาะเพียงแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มราคาตั๋วเครื่องบินที่ซื้อล่วงหน้าก่อนวันเดินทางไม่กี่วันเกือบๆ 50,000 บาทแล้วละ…คุณว่าไหม”

ฟาร์มบลูเบอร์รี่ ของพ่อไอ้เบ๊บ

บักหล่าคำแพงก้อนเท่าแคงเอื้อย ขาเอื้อยใหญ่รึเปล่า” เสียงของนางฟ้าตัวกลมดังขึ้นจากอีกฝั่งของแถวต้นบลูเบอร์รี่…เรามาถึงฟาร์มบลูเบอร์รี่พ่อไอ้เบ๊บก่อนหกโมงเช้านิดหน่อย และภารกิจแรกของผมคือโดนนางฟ้าตัวกลมหาเรื่องด่าตามธรรมเนียม….

ฟาร์มบลูเบอร์รี่

“ขอกินบลูเบอร์รี่ก่อน…โดนด่าได้ไหม” ผมพูดหลังซดกาแฟเข้าไปจนร่างกายเย็นๆ อุ่นถึงกระเพาะและลำไส้เล็ก

“อย่ากินนะ พ่อไอ้เบ๊บบอกฉีดยาใหม่ๆ” เสียงป้าจั๊กกี้ดังข้ามแถวบลูเบอร์รี่มาจากจุดที่มองไม่เห็น

“อุ้ยๆๆๆๆๆ….ยายจั๊กกี้ไปกินอะไรจากบ้านพ่อไอ้เบ๊บมารึเปล่าเนี้ย….แหม! ช่างกล้ารักษาผลประโยชน์ให้กันเสียจริง จิ้ง” แม่ต้อยตะโกนใส่เสียงดัง

“ยายจั๊กกี้เอ้ย!….กฎหมายแคนาดาแรงมากนะ….เขาไม่ฉีดยาในช่วงจะเก็บบลูเบอร์รี่กันหรอกจ้า! ถ้าตรวจพบสารตกค้างนะ ฟาร์มพ่อไอ้เบ๊บโดนปิดทันที่เลยนะ อีกอย่างไอ้บลูเบอร์รี่รุ่นแรกที่เรากำลังเก็บเนี้ยเขาจะเอาไปแพ็คกล่องพลาสติกขายในซุบเปอร์มาเกตทันที ถ้าเราตายคนอื่นต้องตายด้วย หึๆ จริงไหมละ” นางฟ้าตัวกลมร่ายยาว

“อ้าวแล้วเขาไม่ล้างก่อนรึ” ผมถาม

“โอ้ยบักหล่าเอ้ย บลูเบอร์รี่ล้างน้ำแป๊บเดียวก็เน่าแล้ว”

“เออ…ใช่ๆ โมน่า พูดถูก วันไหนฝนตกพ่อไอ้เบ๊บยังไม่ให้เราเก็บเลย…โมน่าฉลาดดดด” ป้าจั๊กกี้ลากคำสุดท้ายแหลมสูงยาวๆ จนสุดเสียง ซึ่งมันก็ช่วยให้ผมกินบลูเบอร์รี่ได้มั่นใจมากขึ้น

“Jackky Slowly Slowly”

“อุ้ยยยย OK OK You GO GO…..ตายยากจริงๆพ่อไอ้เบ๊บเนี้ย” เสียงป้าจั๊กกี้กับพ่อไอ้เบ๊บทำให้เราหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“เนื้อคู่กันแท้ๆ น้อ…” เสียงพี่สุชาติหนุ่มอีสานแซวจากที่ไหนสักแห่ง

“อย่าพูด อย่าพูดคนอินเดียที่เก็บแถวในฟังภาษาไทยรู้เรื่อง เดี๋ยวมันจะไปฟ้องกานนนน….” ป้าจั๊กกี้ปรามเสียงแหลมต่ำๆ แต่ทุกคนก็หัวเราะรวมทั้งพ่อไอ้เบ๊บก็หัวเราะแบบงงๆ ไปด้วย “ฉันชอบไอ้เบ๊บ ไม่ใช่พ่อมันจ้า! ฮาๆๆๆๆๆ”

“Oh Hi Morning Timmy How are you” และพ่อไอ้เบ๊บก็มาหยุดช่วยเก็บบลูเบอร์รี่ใกล้ๆ

“Morning Def, Not bad and you” ผมทักทายกลับด้วยภาษาง่ายๆ โง่ๆ ก็อย่างว่าแหละภาษาอังกฤษผมห่วยแตกเอามากๆเลยต้องพูดเร็วๆ รัวๆ จบต้องรีบยิ้มกว้างๆ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของพ่อไอ้เบ๊บจะต้องทำความเข้าใจเอาเอง “หนูไม่เกี่ยว”

“I’m Good today, you are good boy Timmy” พ่อไอ้เบ๊บบอกผมเป็นเด็กดี คงเข้าใจนัยยะที่ว่าผมมาเก็บบลูเบอร์รี้ช่วยแม่ประมาณนั้น

เอ้ะ! เห็นไหมละเชื่อทิมมี่รึยัง…พูดเร็วๆ รัวๆ เข้าไว้อย่างไรฝรั่งก็ต้องพยายามรู้เรื่องเอง ไม่ต้องเกรง ไม่ต้องซีเรียส นึกไม่ออกให้พูดศัพท์ง่ายๆ พื้นๆ คำ 2 คำ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของฝรั่งจะต้องจับต้นชนปลายเอาเอง “หนูไม่เกี่ยว”

“Your Son Is good Boy Too” ผมหมายถึงไอ้เบ๊บ มันเป็นเด็กดีเช่นกัน พ่อไอ้เบ๊บยิ้มแบบภาคภูมิ สายตาที่มองผมเหมือนกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก พร้อมกับโยนบลูเบอร์รี่ในมือลงกระแตะใกล้ๆ “Thanks” ผมขอบคุณ

“You like my son”

“นั้นๆ ได้เรื่องแล้วละทิมมี่เอ้ย” นางฟ้าตัวกลมที่แอบฟังอยู่เงียบๆ กระทุ้งหลังจากพ่อไอ้เบ๊บเดินผ่านไปได้สักระยะ “ฉันว่าพ่อไอ้เบ๊บชอบเธอจริงๆ นะเธอ”

“พอๆ….รีบเก็บเถอะจะได้กลับ” ผมตัดบท

“เธอขับรถนะ ฉันไม่ไหว”

“จะดีรึ ผมไม่มีใบขับขี่สากลนะ”

“โอ้ยยยยย….ฉานอยากจะบ้าตาย ถ้าคราวหน้าเธอไม่มีใบขับขี่มาด้วยนะ จะให้เดินกลับบ้านจริงๆ ด้วย” นางฟ้าตัวกลมโวยวายพร้อมกับกระทืบเท้าย่ำกิ่งไม้ใบไม้แห้งแถ๊บๆ

แต่ผมกลับมโนภาพถึง Feel ที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก “เออ…ท่าจะดีเนอะ เดินชิวๆ ใต้เงาป่าสน เหนื่อยก็พัก รีบก็นั่งรถโดยสาร น่าจะสนุก” ผมหลุดแบบคนละเมอ

“เออออออ ดี งั้นเธอเดินไปเลยนะ….เดินกลับบ้านเองเลยยยยย”

นางฟ้าตัวกลมประชดนะครับ นางฟ้าก็คือนางฟ้า นางไม่กล้าให้บักหล่าคำแพงเดินจากแลงเลย์ถึงเชอร์รี่หรอก…ถึงแม้ผมจะยืนกระต่ายขาเดียว สองขา หรือท่าตีลังกาหกสูงใส่เกลียวรอบครึ่งก็ตาม

OK…โพสต์นี้ถือว่าผมพาทุกท่านมาพักผ่อนสบายๆ ในฟาร์มบลูเบอร์รี่ก็แล้วกัน โพสต์หน้าระหว่างเดินทางไปบ้านพ่อแม่เฮียจัส…ผมจะนำท่านไปชมงานก่อสร้างที่นี้ ใน “อาคารและงานก่อสร้างในแวนคูเวอร์” แล้วพบกันครับ

ผม Timmy Buto รายงานจากฟาร์มบลูเบอร์รี่พ่อไอ้เบ๊บ ถนน 40 แลงเลย์ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาเช่นเคย สวัสดีครับ บาย

(Visited 28 times, 1 visits today)