อนุชาย2 บทที่4

ตามหาหัวใจ1

อนุชาย2 บทที่5 ตามหาหัวใจ1

ตามหาหัวใจ1

หลายปีต่อมาที่ บริษัท BCOL. จำกัด (มหาชน) ระหว่างพักประชุมสรุปผลงานในรอบปี เวลากาแฟช่วงบ่ายผู้บริหารหลายคนจึงกระจายไปตามมุมต่างๆ ภาพบนจอโทรทัศน์เหนือเคาน์เตอร์ร้านกาแฟฉายพร้อมๆ กับนักวิเคราะห์ข่าวฝีปากกล้า และหนึ่งในหัวข้อที่เป็นประเด็นหนีไม่พ้นท่านรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่หนุ่มและหล่อจนพระเอกตัวท็อปในช่องต่างๆ ต้องหลบทางให้

“ท่านประธานครับ ผมสงสัยสถานะทางครอบครัวดอกเตอร์ชานนท์จริงๆ ปัจจุบันท่านกับคุณหญิงกุ๊งกิ้งยังอยู่ด้วยกันรึเปล่าเพราะที่รู้มาค่อนข้างแน่ชัดก็คือ ทั้ง 2 คนแยกกันอยู่ตั้งแต่หลังวันแต่งงานไม่กี่วัน และที่แน่ๆ เวลานี้ภรรยาของท่านไม่อยู่อังกฤษก็อยู่กับลูกชายที่อเมริกาโน้น”

“โอ้ย! คุณประวิทย์ ในวงการเขารู้มาตั้งนานแล้ว รู้สึกว่าก่อนจะแต่งงานกับคุณหญิงดาริกาดอกเตอร์ชานนท์เคยตกเป็นข่าวกับผู้ชายด้วยนะ แต่ผมจำชื่อคนๆ นั้นไม่ได้แล้ว” วิเชียรชาญพูดพลางจิบกาแฟนิดๆ “เมื่อวานก่อนดอกเตอร์ชานนท์ยังต่อสายคุยกับผมเรื่อง……”อนุชาย2 บทที่4

“คุณนุ…คุณนุ เชิญทางนี้หน่อยครับ”

เสียงคนทั้ง 2 คุยกันไม่ใช่ระดับเสียงกระซิบ อนุชัยที่นั่งอยู่แถวนั้นกับทีมงานจากบริษัท APT. Group จึงได้ยินอย่างแจ่มแจ้ง เมื่อถูกประธานบริษัท BCOL. เรียกจึงยากจะปฏิเสธ

“ครับ…” เขายกแก้วกาแฟดำที่มีไอน้ำลอยม้วนเป็นเกลียวขึ้นด้านบนเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามอย่างคนเก็บอาการ
“อนุชัย ผมถามคุณตรงๆ นะ” คุณวิเชียรชาญเปิดประเด็นค่อนข้างมีลับลมคมใน

“ครับ…ได้เลยครับท่าน….”

“คุณเอ่อ คุณ คุณเกี่ยวข้องอย่างไรกับ เอ่อ กับ ดอกเตอร์ชานนท์ สายสกุล รึ!”

อนุชัยขนหัวลุกตื่นๆ แบบไม่ทันตั้งตัว “อะ อะ ไรนะครับ ท่านว่าอะไรนะครับ”

“คือ…คือใจเย็นๆ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงแค่ผมสงสัยเฉยๆ”

อนุชัยเงยหน้าดูทีวีที่มีดอกเตอร์ชานนท์กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า…. “สรุปที่บริษัท APT. Groupได้เซ็นสัญญาเพราะเขาใช่ไหมครับท่าน”

“มันไม่ทั้งหมดหรอก ที่บริษัทเซ็นสัญญากับ APT. Group หลักๆ ก็มาจากความสามารถของทีมงานคุณเองด้วย ทีแรกก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าดอกเตอร์ชานนท์ก็มีส่วนอยู่เยอะ ซ้ำยังชอบถามถึงคุณบ่อยๆ แม้กระทั้งเมื่อคืนก็ด้วย” วิเชียรชาญหยุดประเมิน “ผมจึงสงสัยว่าคุณทั้ง 2 คนคุ้นเคยกันแบบไหน เมื่อไร อย่างไร…เอ่อ อันที่จริงมัน มันก็เป็นสิทธิ์ของคุณละนะที่จะตอบหรือไม่ตอบก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับท่าน….” อนุชัยเชิดหน้าสูงปล่อยสายตาและอารมณ์ให้ลอยทิ้งความอึดอัดก่อนจะหันกลับมาจ้องคุณวิเชียรชาญตรงๆ “….ครั้งหนึ่งผมเคยสั่งทุบบ้านเขาทิ้งครับท่าน”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณนุนี้ตลกจังเลยนะ” ประวิทย์ไม่ทันจิบกาแฟหัวเราะออกมาก่อน

อนุชัยได้ทีเลยรีบถามกลับบ้าง “เมื่อสักครู่ผมแอบได้ยินท่านคุยกันว่า…ดอกเตอร์ชานนท์กับภรรยา…”

“เขาไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกแล้วครับ ประเด็นที่มีลูกด้วยกันอันนี้ผมก็สงสัยอยู่” วิเชียรชาญเล่นต่อโดยไม่รอให้อนุชัยพูดจบ

“คนระดับนั้นพึ่งหมอกันทุกคนนั้นแหละครับท่าน” ประวิทย์ตบท้ายก่อนจะซดกาแฟจนหมดแก้ว

“รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ ว่ากันว่าอันที่จริงดอกเตอร์ชานนท์เป็นเกย์และหลงรักผู้ชายคนหนึ่งจนโงหัวไม่ขึ้น….”

อนุชัยหน้าซีดชาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“ปัจจุบันท่านก็อยู่เมืองไทยคนเดียวด้วยนะ หล่อๆ แบบนี้เป็นผมไม่โสดให้แก่หรอก ท่านประธานว่าไหม…ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ประวิทย์เล่นแบบขำๆ

“เออว่าแต่ที่คุณนุบอกว่าสั่งทุบบ้านดอกเตอร์ทิ้งนะเป็นความจริงรึ” วิเชียรชาญยังไม่ทิ้งประเด็นง่าย

อนุชัยผงกหัว “ครับ จริงครับท่าน….ผม ผม นึกไม่ถึงว่าดอกเตอร์ชานนท์จะอยู่เบื้องหลัง APT. โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิด”

“จะบอกให้นา!….และอีกหลายบริษัทที่ APT. ได้เซ็นสัญญาดอกเตอร์ชานนท์ล้วนอยู่เบื้องหลังทั้งนั้นแหละ…ว่าแต่คุณกับดอกเตอร์ชานนท์เป็นญาติกันรึเปล่า เพราะผมจะได้วางตัวได้ถูก” วิเชียรชาญถามแบบเป็นจริงเป็นจัง

อนุชัยนิ่งจนคล้ายจะเป็นหิน เมื่อกาแฟหยดสุดท้ายไหลลงลำคอ เขาก็พูดขึ้น “เขาอาจจะประทับใจที่ผมกล้าสั่งทุบบ้านเขาทิ้งชั่วข้ามคืนก็เท่านั้น ผมขอตัวนะครับท่าน” พูดจบอนุชัยก็ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำอย่างคนมีระเบิดผูกติดลำตัวและเพิ่งถูกจุดชนวนหมาดๆ

“นายทำแบบนี้ทำไม….ไอ้คุณ  ไอ้เหี้ยคุณ….นายทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน” อนุชัยพูดกับตัวเองในกระจกเงา สักพักมโนภาพเก่าๆ ในบ้าน Loft Love ระหว่างทั้งคู่กำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับการใช้นามแฝงเพื่อหลบนักข่าวก็ผุดขึ้นมาในหัว

                ……….“นายมีเหตุผลอะไรมาตั้งนามแฝงให้ฉันว่าแก๊สซี่ บูโตะเนี่ย ไหนๆลองบอกที่มาหน่อยซิ” —-> “ตอนฉันเรียนมหาวิทยาลัย บริติชโคลัมเบีย ฉันกับเพื่อนชอบไปเดินและดื่มเบาๆที่แก๊สทาวน์ในแวนคูเวอร์นะ นายคงยังไม่ทราบประวัติของย่านแก๊สทาวน์ละซิ” —->“หึ…ไปฉันยังไม่เคยไปเลย”—-> “คือว่า…เมื่อก่อนย่านแก๊สทาวน์เป็นแค่ถนนสีแดงเต็มไปด้วยหินก้อนใหญ่ๆ สายหนึ่งเท่านั้นนะ…และบนถนนสายนั้นก็มีโรงเลื่อยตั้งอยู่ ใกล้ๆ กันจะเป็นร้านเหล้า ไม่ซิ!…เรียกว่าเป็นบาร์เครื่องดื่มน่าจะถูกต้องกว่า  นายรู้ไหม เจ้าของบาร์เครื่องดื่มนั้นแหละคือที่มาของชื่อแก๊สทาวน์ในปัจจุบัน” —->“เออชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วซิ…ไหนว่าต่อไปดิ”—-> “เจ้าของบาร์เครื่องดื่มชื่อ จอห์น “แก๊สซี่ แจ็ค” ดีตัน หรือคนทั่วไปมักจะเรียกเขาติดปากว่า แก๊สซี่  เขาเป็นคนอารมณ์ดี คุยสนุก จนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งบาง เพราะเหตุนี้เอง ชื่อเขาจึงเป็นที่มาย่านธุรกิจที่ชื่อว่า แก๊สทาวน์ในปัจจุบัน…นายเป็นคนคุยแล้วไม่เบื่อ…ฉันเลยอยากให้นายใช้ชื่อนี้…..Please เถอะนะนายแก๊สซี่ของฉัน” —->“แก๊สซี่ เหรอ..อื้อๆ….แก๊สซี่มันอักษร G แต่ฉันชอบอักษร T มากกว่า”—-> “อักษร T เหรอ Tommy ทอมมี่ เป็นไง” —->“นั้นนะชื่อแมวชัดๆ”—-> “หรือจะเป็น Tammy” ——>“นายตั้งใจจะให้ฉันชื่อ น้องมะขามรึไง”——> “งั้นก็เป็น Timmy ก็แล้วกัน ดูหล่อขึ้นเยอะ” ——>“ทิมมี่ บูโตะ แล้วไอ้คำว่าบูโตะละมาจากไหน”——> “เดี๋ยวนายก็จะรู้เองแหละ” ——>“โอเค!….คราวนี้ เป็นฉันตั้งนามแฝงให้นายมั่ง….”——> “ไม่ต้องเลย ฉันมีของฉันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว นายฟังฉันให้ดีนะ ฉันชื่อว่า เดียร์เนียล” —->“เดเนี่ยว….”—-> “ไม่ใช่ต้อง เดียร์ เดียร์เนี่ยล เดียร์เนียล”……….

“นายทำแบบนี้ทำไมคุณ นายจะไม่ให้ฉันลืมนายตลอดชีวิตเลยรึไง….” อนุชัยนิ่งจ้องใบหน้าตัวเอง “ฉันอยากเห็นนายสมบูรณ์แบบ ทำไมนายต้องให้ฉันคิด คิด คิด….บ้าเอ้ย!….สรุปเวลานี้ชีวิตนายเป็นอย่างไรกันแน่ นายอยู่ตัวคนเดียวได้ด้วยรึไงไอ้คุณชาย….หรือว่านายยังรอฉัน….No NO Noway….ฉันจะต้องไม่คิดถึงนายอีก ฉันโดดเดียวฉันก็มีความสุขได้….แต่นายคงจะชอบแก็สทาวน์มากๆ เลยซินะ….รึว่านายจะล่อฉันไปที่นั้น แก๊สทาวน์ แก๊สซี่ แจ๊ค ทิมมี่ บูโตะ…บูโตะ ชิมะ….มิเอะ….ไม่ไม่ ไอ้คุณ ไอ้เหี้ยคุณทำไมนายไม่ยอมจบจากฉันสักที…..ทำไม ทำไมกัน”

“นุ นุ เป็นอะไรหรือเปล่า พร้อมไหมเราต้องขึ้นสรุปแล้วนะ” เสียงของพจน์เพื่อนร่วมงานเปิดประตูเข้ามาตาม อนุชัยล้างหน้าลวกๆ ก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงซับบางๆ พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาเช็คเวลา

“อื้อ!….”

“ไปเถอะ….นายต้องเกริ่นนำสัก 10 นาที ไม่อย่างนั้นสมองฉันไม่ยอมทำงาน”

ตามหาหัวใจ1

อีกคน…

กิจกรรมยามว่าง ดร.ชานนท์ สายสกุล รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คือเปิดบริษัทยื่นขอวีซ่า หรืองานเอกสารต่างประเทศในนามบริษัท W.T.V. วีซ่า จำกัด เขาเช่าพื้นที่อาคารสูงบนถนนสีลมให้ทีมงานกว่า 10 ชีวิต ส่วนตัวเองส่วนใหญ่จะเลือกนั่งทำงานอยู่ในบ้าน Loft Love เป็นหลัก วันหนึ่งขณะที่กำลังเตรียมตัวเข้าประชุมในสภาสูง โทรศัพท์เรียกเข้าก็ดังขึ้น

“ว่าไง…” เขาตอบด้วยภาษาที่ดูจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

#ดอกเตอร์ครับ APT.Group ท่าจะแย่หนักแล้วครับ เพราะทั้ง BCOL. และอีเซจิ. ไม่ยอมต่อสัญญาเป็นปีที่ 2 เมื่อวานคุณอนุชัยก็เมา กลับบ้านไม่ไหวต้องค้างที่บริษัทอีกด้วย#

ดร.ชานนท์ หลับตาซี๊ดปากขึ้นสู่เพดาน “ฮื้อฮึ….”

#ผมมีโอกาสคุยกับคุณทิวาเมื่อวาน คล้ายๆ กับจะแยกตัวออกไปตั้งบริษัทใหม่แถวปทุมฯ ด้วย#

“OK. ขอบใจมาก…..” ดร.ชานนท์กดวางสาย สีดำเริ่มเคลือบใบหน้าไปทีละส่วน เขานั่งลงกับเก้าอี้อย่างคนหมดแรงก่อนจะค่อยเปิดลิ้นชักดึงอัลบั้มรูปเก่าๆสมัยยังใช้กล้องฟิล์มขึ้นมาไล่เปิดดูรูปตัวเองกับอนุชัยไปทีละหน้า กระทั้งเจอเข้ากับลายมือที่เขียนด้วยสีเมจิกสีแดงทับรูปคู่ว่า “กฎเขกกะโหลก” ลายมือยืดๆกว้างๆ คงไม่ใช่ใครนอกจากเขา “ อนุชัย….นายสบายดีใช่ไหม” และ ดร.ชานนท์ก็เริ่มอ่าน กฎเขกกะโหลกไปทีละข้อ…“กฎเขกกะโหลก….ข้อที่ 1 ท่าบอกรัก ให้ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งลูบที่กะโหลก อนุญาตให้ตีเบาๆได้….ข้อที่ 2 ท่าบอกหมั่นไส้หรือบอกรำคาญ ให้เขกกะโหลกได้แต่ห้ามแรง….ข้อที่ 3 ท่าบอกโกรธแต่ยังรัก ให้ใช้ฝ่ามือตบหน้าหรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่งน้ำหนักที่ตบอยู่ที่อารมณ์โกรธนั้นๆ ซึ่งผู้ถูกตบจะต้องประเมินเอง….ข้อที่ 4 ท่าบอกเกลียดหรือบอกเลิกให้ใช้กำปั้นชกเข้าตรงๆ ที่ใบหน้า หรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่งแรงสุดชีวิต….คงถึงเวลาที่ฉันจะต้องตามนกป่ากลับรังแล้วละ” ดร.ชานนท์เผลอหลับตานึกถึงความรู้สึกเก่าๆ ผ่านไปกี่นาทีไม่รู้ ไม่อยากรับรู้…จนกระทั้งเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ก๊อกๆ” อาการชาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจึงบอกสถานะสีดำค้างคาในหัว

“ขอโทษคะ คุณแจง W.T.V.วีซ่า มาถึงแล้วคะ” เสียงเลขาสาววัย 40 ปี ดังไกลจนสถานะสีดำยิ่งดำสนิทมากกว่าเดิม “ดอกเตอร์คะ ดอกเตอร์” เธอกระตุ้นด้วยการเดินเข้ามาในห้อง แล้วขึ้นเสียงสูงสู่ระดับตะโกน “ดอกเตอร์คะ…”

ดร.ชานนท์สะดุ้งโคลงเคลง มือวางอัลบั้มกฎเขกกะโหลกไว้บนโต๊ะแบบไม่ประณีต “หือ ว่าไง”

“คุณแจง W.T.V. วีซ่า มาถึงแล้วคะ”

“อ้าวเหรอ…..ให้เข้ามาได้”

“คะ ว่าแต่ดอกเตอร์จะรับกาแฟไปด้วยเลยรึเปล่าคะ”

“OK….ขอเป็นกาแฟดำ อีกสักชั่วโมงนะ”

“ได้คะ……….”

หลังจากเลขาสาววัย 40 ร่างท้วมเดินส่ายตูดกลมๆ ราวกับแตงโม 2 ใบออกจากห้องไปแล้ว ดร.ชานนท์จึงเก็บอัลบั้มกฎกะโหลกไว้ในลิ้นชักที่หยิบจับได้สะดวกก่อนสาวสวยวัย 25 ปี ตัวผอม ขาว สูงจะเปิดประตูหอบเอกสารเดินเข้ามาหยุดกลางห้อง

“คุยกันตรงนี้เลยก็ได้ครับน้องแจง เชิญนั่งครับ” ดร.ชานนท์วาดมือนำมาที่โต๊ะแทนชุดรับแขกที่อยู่ห่างออกไป

“สวัสดีคะท่าน….เห็นวันนี้ท่านจะไม่เข้าออฟฟิต แจงเลยเอาเอกสารยื่นขอวีซ่าหลายประเทศมาให้เซ็นนะคะ”

“ครับ ผมต้องเตรียมตัวเข้าประชุม….มีกี่รายหอบมาซะเยอะเชียว” ดร.ชานนท์ถามขณะสายตาก็ประเมินไปด้วย

“20 ท่านคะ….ส่วนใหญ่จะไปอเมริกากับยุโรป แต่มี….เอ่อ!” เธอหยุดราวกับคิดไม่ตก “เอ่อ….คุณอนุชัย ธารากรณ์ จะไปแคนาดา”

“อนุชัย อนุชาย ธารากรณ์” ดร.ชานนท์ครางชื่อในลำคอ

“คะ พี่ทิมมี่ คะ…..”

ดร.ชานนท์ราวกับถูกตอกตรึงด้วยหมุดไว้กับเก้าอี้นวม เขาพ่นลมหายใจทิ้งแรงๆ ก่อนเบาะหนังสีดำจะกลืนกินไปทั้งร่าง จนแจงที่นั่งจ้องรีบก้มหน้าเก็บอาการไปอีกคน “ไหนๆ เอามาดูดิ!….” ดร.ชานนท์ยืดตัว สายตาก็ไล่ตรวจเอกสารทีละแผ่นๆ ขณะสถานะหัวใจก็วูบวาบราวกับมีลมทะเลเข้าปะทะ “OK น้องแจงกลับออฟฟิตไปก่อน เดี๋ยวผมจะส่งคนเอาไปคืน”

“คะท่าน…..”เมื่อหญิงสาวกำลังจะลุก

“เอ่อ….เดี๋ยวครับ…..น้องแจง คุณอนุชัยจะเดินทางเมื่อไร”

หญิงสาวชะงักแล้วนั่งลงที่เดิมอีก “แจงรู้คร่าวๆ นะคะ วันที่ 8 กรกฎาคม กลับประมาณ 23 กรกฎาคมคะ”

“ประมาณ 2 อาทิตย์….ถ้าวีซ่าผ่าน ผมอยากให้น้องแจงช่วยจองตั๋วเดินทางให้เขากับผมบินไฟท์เดียวกันแต่อย่าให้เขารู้เด็ดขาด”

“เป็นคาเธ่ฯ….ไปต่อเครื่องที่ฮ่องกงเหมือนเดิมนะคะ”

“ครับ ขอบคุณมาก” หลังจากหญิงสาวเดินพ้นประตูไปแล้ว ดร.ชานนท์ก็เช็คเอกสารในมืออีกรอบ “เขาจะไปไหนของเขานะ…..” ดร.ชานนท์คิดและยังคิดวนต่อเนื่อง โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาจะใช้งานแต่สุดท้ายก็กดทิ้ง กดทิ้ง แล้วก็กดทิ้ง “ทิมมี่….ทิมมี่….ทิมมี่….” สุดท้าย ดร.ชานนท์ก็คล้ายจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงหยิบโทรศัพท์โทรเข้าเบอร์แจงแบบคนเร่งรีบ

“น้องแจงรบกวนอีกครั้ง….ลองสอบถามพี่อนุชัยให้หน่อย เขาจะพักที่ไหน ถ้ายังไม่มีให้น้องแจงเป็นธุระจองโรงแรม Holiday Inn Vancouver Downtown&Suites บนถนน Howe ST สัก 2 อาทิตย์นะ….ขอบใจมาก” ดร.ชานนท์รีบพูดเร็วๆ ก่อนจะวางสายไปโดยไม่รออีกคนตอบกลับ… “อะไรของนาย นุ อนุชัย”

8 กรกฎาคม ณ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง

                #ท่านประธานครับ ผมสงสัยสถานะทางครอบครัวดอกเตอร์ชานนท์จริงๆ ปัจจุบันท่านกับคุณหญิงกุ๊งกิ้งยังอยู่ด้วยกันรึเปล่าเพราะที่รู้มาค่อนข้างแน่ชัดก็คือ ทั้ง 2 คนแยกกันอยู่ตั้งแต่หลังวันแต่งงานไม่กี่วันแล้วนะ และที่แน่ๆเวลานี้ภรรยาของท่านไม่อยู่อังกฤษก็อยู่กับลูกชายที่อเมริกาโน้น——>โอ้ย! คุณประวิทย์ ในวงการเขารู้มาตั้งนานแล้ว รู้สึกว่าก่อนหน้าจะแต่งงานกับคุณหญิงดาริกาดอกเตอร์ชานนท์เคยตกเป็นข่าวกับผู้ชายด้วยนะ แต่ผมจำชื่อคนๆนั้นไม่ได้แล้ว# อนุชัยเดินคิดเหม่อๆ ไปตามทางเดินหลังจากเพิ่งลงจากเครื่องบินที่สานามบินนานาชาติฮ่องกง เขามีเวลา 3 ชั่วโมงในการรอต่อเครื่องไปยังแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดา หลังจากเสร็จภารกิจในห้องน้ำจึงตรงดิ่งไปยังร้านกาแฟที่คุ้นเคยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูที่จะต่อเครื่องทันที และระหว่างกำลังจะเดินผ่านบอร์ดอิเลคทรอนิคส์แจ้งไฟท์บิน…บังเอิญสายตาก็ปะใครบางคนโดยบังเอิญ

“ไอ้คุณ….” เขาแอบหลบมุมเสามอง ดร.ชานนท์อยู่นานจนเห็น ดร.ชานนท์หันหลังเดินมุ่งหน้าไปตามโถงยาวสุดตาทางทิศตะวันออก “นายจะไปไหนของนาย” เขาพูดกับตัวเองก่อนจะแอบเดินตามหลังไปห่างๆ ในขณะที่สายตาเป็นกังวลของ ดร.ชานนท์ก็สอดส่ายไปรอบๆ เขาเลือกหลบหลังผู้โดยสารหรือร้านค้าเล็กๆ กระทั้งเห็นคนหมดแรงทิ้งตัวเองลงบนเก้าอี้พร้อมกับก้มหน้าราวกับร้องไห้ “คุณ นาย เป็นอะไรของนาย นายจะไปไหน นายจะไปไหน” เขาคิดสายตาเมินทิ้งความอึดอัดไปยังปุยเมฆเหนือขุนเขารูปหน้าอกผู้หญิงทางทิศใต้ สักพัก….“เอาวะเป็นไงเป็นกัน ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทยสักหน่อย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” เขาจึงตรงดิ่งเข้าไปยืนตรงหน้าจนความเคยชินแทบจะนำเขาผวากอด…แต่….

“ท่าน….ท่านครับ….คุณ….ไอ้คุณ…..” อนุชัยใช้น้ำเสียงระดับเบา กระทั้ง ดร.ชานนท์เงยใบหน้าที่เกือบจะเป็นสีดำขึ้นไปสำรวจ นัยน์ตาของเขาเห็นแผ่นน้ำรื่นๆ เต้นระริกราวกับแอ่งน้ำในซอกหินที่ชิมะ  ขณะที่อีกคนก็ยืนเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ในระยะ 2 เมตร มันไกลเกินจะเอื้อมถึง กระนั้น ดร.ชานนท์ก็พุ่งตัวเข้ากอดแบบคนกระหาย ใบหน้าที่บิดเบี้ยว แอ่งน้ำล้นทะลักทิ้งๆ ขว้างๆ อนุชัยเกือบจะยกฝ่ามือเข้าลูบหัว…แต่เสียงสั่นๆ ก็ทำให้เขาชะงักค้างซะก่อน

“นุ……” ดร.ชานนท์หลุดเสียงได้คำเดียว ก่อนจะออกแรงกอดรัดร่างที่คิดว่าเป็นสมบัติส่วนตัวแทบลืมหายใจ

“ท่าน จะ ไป ไหน รึครับ” อนุชัยตั้งสติอยู่นานก่อนคำๆ นี้จะหลุดออกมา

ดร.ชานนท์ ผลักเขาพร้อมกับซับน้ำตาตัวเองบางๆ “พูดเหมือนคนที่เคยแฟนกันเถอะ….ฉันเบื่อเต็มที” ประโยคสุดท้าย ดร.ชานนท์โน้มกระซิบข้างๆ หู จนอนุชัยสัมผัสถึงไอร้อนจากปากได้อย่างชัดเจน

“ท่าน เอ้ย!….คุณจะไปไหนรึ” อนุชัยถามย้ำ

“ไปทำธุระเรื่องลูกที่ ซานฟรานซิสโก” ดร.ชานนท์พูดอย่างคนไม่มั่นใจ จากประโยคนั้นอนุชัยจึงรีบรีบแกะมือขยับห่างไปอีก 1 ก้าว  “ฉัน ฉัน ฉัน”

“อ้อ…อย่างนี้เอง”

“นุ นาย จะ ไป ไหน” ดร.ชานนท์หลุดทีละคำราวกับต้องการจะเบี่ยงเบนประเด็น

“แวนคูเวอร์” อนุชัยพูดเนิบๆ

“ไปคนเดียวเนี่ยนะ….เล่าให้ฟังได้ไหม” ดร.ชานนท์ฉุดแขนไปนั่งลงข้างๆ เมื่ออนุชัยเงียบและเงียบจนเห็นสีเทาเข้าเฉดสีดำ ดร.ชานนท์จึงพูดขึ้นอีก “นายน่าจะเลือกมิเอะ”

“ฉันชื่อ อนุชัย  อย่าคิดว่าฉันเป็นไข่มุกแห่งชิมะของนายชานนท์….” อนุชัยกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ “ฉันชื่ออนุชัย ไม่ใช่อนุชาย” เมื่อความเงียบเข้ามาหล่อเลี้ยงสักพักเสียงของอนุชัยก็ดังขึ้นอีก “ฉันกำลังไปในที่ๆ ฉันไม่เคยรู้จัก ไปหาใครบางคนที่ไม่เคยพบกันกว่า 30 ปี คล้ายคนพเนจร ไม่มีจุดหมายปลายทาง….ครับท่าน”

“นายหยุดใช้สรรพนามบ้าๆ นั้นซะทีได้ไหม….ท่าน เทิ่น ห่าอะไรกันนะ” ดร.ชานนท์ตวาดและปล่อยให้ความเงียบเข้าแทรกอีก “ไปหาคนที่ไม่เคยพบกันเลยเนี่ยนะ…..เขาเป็นใคร ญาติหรือเปล่า หญิงหรือชาย อายุเท่าไร” น้ำเสียงของ ดร.ชานนท์เร็วจนคล้ายจะร้อนรน “อย่าบอกนะว่า….แฟ แฟนนาย”

“เธอคือนางฟ้าตัวกลมสำหรับฉัน….เราเคยอยู่ด้วยกันสมัยยังเด็ก….ฉันไม่เคยมีแฟนมาตั้งแต่แรก” ประโยคสุดท้ายอนุชัยจิกสายตาไปตกที่ ดร.ชานนท์แบบจงใจ

จน ดร.ชานนท์ออกอาการหงุดหงิดให้เห็น “เอาเถอะๆ มีที่พักรึยัง”

“ไม่ต้องห่วงหรอก….ฉันเอาตัวรอดได้” อนุชัยส่ายทรงผมสี-ทรงกาแฟข้นๆ ไปมาขณะก้มหน้าเกือบจะชนเข่า “ถ้านางฟ้าตัวกลม…ไม่ต้อนรับ ฉันจะไปเก็บบลูเบอร์รี่กับแม่ที่แลงเลย์…แม่เช่าบ้านชั้นเดียวกลางป่าสนห่างชายแดนประเทศสหรัฐฯ 7.5 กิโลเมตร ไม่แน่ถ้าหัวใจหมดเวลาโลเล ฉันอาจจะไม่ลังเลเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นซะเลย”

ดร.ชานนท์ ชะงักราวกับมีน้ำเย็นมาราดลงแผ่นหลัง….“แล้ว บริษัท BCOL. ละ มันเป็นบริษัทระดับเอเชียเลยนะนายจะปล่อยหลุดมืออย่างนั้นหรือ” ดร.ชานนท์พยายามหยุดความคิดบ้าๆ ของอีกคน

“BCOL.ไม่ต่อสัญญากับทีมงานเกือบ 2 ปี….” อนุชัยพูดแล้วเป่าลมหายใจทิ้งยาวๆ แบบเดียวกับคนปลงชีวิต แต่ทันใดนั้นสายตาแบบเดียวกับเสือดำก็พุ่งใส่ ดร.ชานนท์อีก “ฉันดีใจที่ได้พบนาย….ที่นี่”

“จะกลับไปคุยกับคุณวิเชียรชาญให้” ดร.ชานนท์บอกราวกับให้สัญญา “แต่นายต้องกลับประเทศไทยนะ” ดร.ชานนท์บอกไม่วายจะเป็นห่วงความโลเลของเขา จนเห็นอนุชัยยืดตัวขึ้นสู้หน้า “ไปทำธุระที่ซานฟารซิสโก 3 วัน วันที่ 14 ฉันจะแวะไปหาที่แวนคูเวอร์ค่อยกลับไทย….นี่คือเบอร์โทรโรงแรม Holiday Inn Vancouver Downtown&Suitesบนถนน Howe ST. ฉันจะเปิดทิ้งไว้ให้ 2 อาทิตย์ ถ้านางฟ้าตัวกลมไม่ต้อนรับ ไม่ต้องไปเก็บบลูเบอร์รี่กับแม่หรอก โทรเข้าโรงแรมแล้วบอกชื่อฉัน….รอฉันที่นั้น….เราจะกลับประเทศไทยพร้อมกัน” คนโลเลนิ่งแต่ก็ยอมหยิบกระดาษจากมือยัดใส่กระเป๋าเป้สีดำ

“Holiday Inn  Vancouver  ฉันก็จองห้องไว้ที่โรงแรมเดียวกัน 3 คืน….ถ้าจะจองควรจองคืนที่เหลือจะดีกว่า….ฉันกลับคืนวันที่ 22 ถ้าได้กลับนะ…..ขอบคุณคุณมาก”

ดร.ชานนท์จ้องตาอนุชัยไม่กระพริบ “นุ นาย ยัง รัก รัก ฉัน ไหม” เมื่ออีกคนไม่ตอบสนอง “ฉัน ฉัน ยังมีหวังใช่ไหม”

อนุชัยเงยหน้ามองเพดานโล่งๆ สั้นๆ “คุณฉันก็แค่นกป่า นายลืมแล้วรึไง”

ดร.ชานนท์หลับตาค่อยๆ ซบลงกับไหล่กว้างๆ ขณะที่มืออีกคนยังไม่เลิกตบหัวไล่ลงไปยังท้ายทอย

“ฉันอยากให้เรากลับมาเหมือนเดิม” ดร.ชานนท์เกือบจะหลุดเรื่องอาตี้แต่ก็มีบางอย่างขัดขวางไว้ก่อน “ได้ไหมนุ”

อนุชัยแสดงสีหน้าเนือยๆ…. “เป็นไปไม่ได้หรอกคุณ เราเดินมาเกือบจะสุดปลายทางแล้ว นายมีลูก นายมีครอบครัว นายเป็นพ่อ นายสมบูรณ์แบบ ฉันเองก็มีหลาน….เรากลับไปเดินถนนสายเดิมไม่ได้อีกแล้ว….เท่านี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วละ ขอบคุณที่เจออัลบั้มกฎเขกกะโหลกที่ฉันตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน…ขอเขกกะโหลกสักทีได้ไหม…นี่แน่”

“โอ้ย!…ฉันเจ็บนะ”

“กฎเขกกะโหลก….ข้อที่ 1 ท่าบอกรัก ให้ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งลูบที่กะโหลก อนุญาตให้ตีเบาๆได้เขาพูดพลางลูบหัวจนทรงผม ดร.ชานนท์กลายเป็นรังนกป่ากลายๆ “….กฎข้อที่ 2 ท่าบอกหมั่นไส้หรือบอกรำคาญ ให้เขกกะโหลกได้….นี่แน่”

“โอ้ย… 2 ทีแล้วนะ” ดร.ชานนท์บ่นแต่ไม่จริงจังและยังซบลงกับหัวไหล่อย่างเดิม

“….กฎข้อที่ 3 ท่าบอกโกรธ แต่ยังรักให้ใช้ฝ่ามือตบหน้าหรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่ง…..สักทีดีไหม”

“ยังไม่มีเรื่องให้โกรธนิ….”

“หลายเรื่องเลยแหละท่านรอง….เพี้ย!…” และอนุชัยก็ตบหน้า ดร.ชานนท์จริงๆ

“โอ้ย!…….”

“น้ำหนักที่ตบอยู่ที่อารมณ์โกรธนั้นๆ ซึ่งผู้ถูกตบจะต้องประเมินเอง….คิดว่าฉันโกรธนายแค่ไหน”

ดร.ชานนท์ยืดตัวจ้องหน้าตรงๆ “นิดหน่อย” แต่ก็กลับไปซบลงที่เดิมอีก

“….กฎข้อที่ 4 ท่าบอกเกลียดหรือบอกเลิกให้ใช้กำปั้นชกเข้าตรงๆ ที่ใบหน้าหรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่งแรงสุดชีวิต….”

“ถ้าจะต้องชกฉันจะชกตัวเองจนกว่าจะตาย” แล้วดร.ชานนท์ก็ลูบวนที่หัวอนุชัยเล่นจนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้….ที่นี่

“นกป่าปีกสีน้ำตาลเปลือกไม้เจ้าเอย….ถึงเจ้าจะโผบินสู่ถิ่นแคว้นแดนใด….ไกลสักแค่ไหน…..ถิ่นศัตรูหรือเพชฌฆาต….ข้าก็จะตามหาเจ้าให้กลับ….ตัวข้าคือรังหลับ….ตัวข้าจะเป็นคอนเดียวให้กับเจ้า…..ข้าจะลูบหัวเจ้าแทนคำบอกรักที่ไม่อาจเอ่ย….ข้าจะเขกกะโหลกเจ้ายามใดที่ไม่ฟัง….ข้าจะยอมให้เจ้าตบหน้าข้าในฐานะภรรยาเท่านั้น….แต่หากเราต้องชกกัน…ข้าก็จะชกกับเจ้าจนกว่าเราทั้งคู่จะต้องตายไปด้วยกัน”  ดร.ชานนท์พูดแบบคนละเมอ….ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว อนุชัยจูบที่หน้าผาก ดร.ชานนท์เบาๆ และ ดร.ชานนท์เองก็ไม่อายจะจูบตอบในลักษณะเดียวกับที่ชิมะ

“หลับตาเถอะเรามีเวลาอีกแค่ 15 นาที” อนุชัยพูดแต่ ดร.ชานนท์ร้องไห้จนสุดสะอื้นไปแล้ว….

จบ อนุชาย2 บทที่5 ตามหาหัวใจ1

(Visited 53 times, 1 visits today)