มาดามแจ๋วแว๋ว

มาดามแจ๋วแว๋ว

มีเรื่องของ มาดามแจ๋วแว๋ว จะเล่าให้ฟัง คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ

มาดามแจ๋วแว๋ว

เรื่องราวของความสุข หากคิดให้ดีๆ มันพร้อมจะเสริฟให้ทุกๆคน ทุกๆ ที่ ทุกๆ เวลา ความสุขไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับฐานะ-เงินทอง…หากใครมองเห็น จะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก-เกิดมาไม่เสียชาติเกิด  “คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ” มีเรื่องของ มาดามแจ๋วแว๋ว จะเล่าให้ฟัง

มา!….ตาม Timmy ให้ทัน จะพาไปเที่ยวบ้าน มาดามแจ๋วแว๋ว ที่ สนามกอล์ฟเซอร์แจ๊กสัน จังหวัดสระบุรี….แดดเริ่มอุ่นละเร็วเข้ายายเตี้ย!…ตบแป้ง-ทาลิปสติกอีกชั้นก็ไม่ทำให้หล่อนสวยเพิ่มขึ้นหรอก…

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 วันศุกร์….(พรุ่งนี้วันเสาร์ทำงานครึ่งวันเย้ๆ…กูจะได้ไปเที่ยวแล้ว) ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะที่ผู้จัดการกำลังซุบซิบอะไรบางอย่างกับกรรมการผู้จัดการที่หน้าห้องประชุม ผมอมยิ้มกับความฝันขณะเผลอเคาะปากกาลูกลื่นกับสมุดโน้ตเป็นจังหวะ…ป๊อกๆ ป๊อกๆ….สม่ำเสมอ แต่ครู่ต่อมาเสียงคลื่นทะเลระยองก็จบลง

“Timmy พรุ่งนี้ไปดู Site งานกับคุณหนุ่มนะ….”

“หา!…เอ่อๆ…..ที่ ที่ไหนครับ”

“ที่สนามกอล์ฟเซอร์แจ๊กสัน จังหวัดสระบุรี คุณวัฒนะชัย จะสร้างบ้าน ท่าจะหลังใหญ่พอสมควร”

“ต้อง ต้องเป็นผมด้วยรึครับ คือ…เอ่อ….”

“คุณวัฒนะชัยเน้นต้องเป็นคุณ….ขับรถไม่ถึง 2 ชั่วโมงแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”

ซี้ด!!!!!…ระย่องระยองน้อ..ร า ย อ ง... “ต้องไปรับคุณวัฒนะชัยรึเปล่าครับ”

“ไม่ต้อง เขาไปตีกอล์ฟตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว คืนนี้คงนอนรอพวกคุณที่โน้นแหละ…นะฝากด้วย”

(ฝันสลายแล้วกู….) “ครับๆ”

เช้าวันต่อมา ผมพี่หนุ่มและพี่ชัยยศก็มุ่งหน้าสู่สนามกอล์ฟในหุบเขาที่ชื่อเซอร์แจ๊กสัน (อันที่จริงไม่ใช่ชื่อนี้หรอก แต่เป็นชื่ออื่นที่ใกล้เคียง) แดดตอน 10 โมงเช้าเข้าใกล้เฉดสีขาวเข้าไปทุกขณะ แต่ปลายหนาวบวกกับภูมิประเทศในหุบเขาถูกตกแต่งด้วยสนามหญ้า อันเป็นเอกลักษณ์ของสนามกอล์ฟสลับสุมทุมพุ่มไม้  มีป่าใหญ่-น้อยแทรกเป็นระยะๆ เพิ่มเสน่ห์ให้กับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างน่าหลงใหล (มันช่างอัศจรรย์สำหรับผมซะเหลือเกิน) ผมรักผมหลงเซอร์แจ๊กสันตั้งแต่ผ่านซุ้มประตูสไตล์คาวบอยหน้าโครงการเข้ามาแล้ว  เราทั้งหมดรวมทั้งคุณวัฒนะชัยเจอกันที่ Site งานที่เห็นดินสีแดงซึ่งเป็นดินถมใหม่ เราสำรวจที่ดินบนเนินเขาสักพักก็ย้ายมานั่งจิบชา-กาแฟคุยรายละเอียดและConcept กันต่อในห้องอาหารของโรงแรมกระทั้งทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ผมจึงถามคุณวัฒนะชัย ซึ่งก็สนิทสนมกันระดับหนึ่ง (ออกแบบสร้างบ้านให้ท่านมา 5 หลังรวมมูลค่าก็ราวๆ 70-80 ล้านบาท ท่านสร้างบ้านให้ฝรั่งเช่านะครับ)

“เอ่อ…คุณวัฒนะชัยครับ ผมขอนอกเรื่องขำๆ สักหน่อย…ถ้าบ้านหลังนี้สร้างเสร็จคิดว่าจะมีเวลามานอนเดือนละ หรือปีละกี่คืนครับ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า Timmy…คุณถามเหมือนลูกชายผมเปะ! เลย ขับรถแค่ชั่วโมงครึ่ง ผมมาตีกอล์ฟที่นี้ประจำอยู่แล้วคงได้มาพักทุกๆ อาทิตย์นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หรือไม่ก็หาฝรั่งมาเช่า”

“ครับ…ผมก็แค่ถามเผื่อนึกอะไรพิเศษๆ สำหรับไลฟ์สไตล์อย่างท่านนะครับ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมชอบคุณก็ตรงนี้แหละ”

พี่แว๋ว พี่สม

ครับในที่สุดบ้านในฝันมูลค่าเกือบๆ 20 ล้านบาทก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ในอีก 1 ปีกับ 7 เดือนต่อมา… เป็นบ้าน 3 ชั้นมีห้องใต้ดินที่เปิดโล่งตามแนวเขา มันสวยงามและสมบูรณ์แบบสำหรับผม ผมตื่นเต้นที่จะไปที่นั้นทุกๆ อาทิตย์  บางทีที่ผมขับรถกลับมาจากบ้านหลังปีใหม่หรือสงกรานต์ซึ่งอยู่ภาคอีสานก็อดแวะไปเยี่ยมไม่ได้…คุณวัฒนะชัยให้ผัว-เมียคู่หนึ่งมาดูแล  เมียเป็นคุณแจ๋วชื่อพี่แว๋วมีหน้าที่ดูแลภายในตัวบ้าน สามีวัย 48 ปีมีหน้าที่เลี้ยงสุนัขกับดูแลสวนภายนอก  ผมมีโอกาสเข้าไปที่นั้นบ่อยจนสนิทสนมกับคนทั้งคู่ บางวันเผลอนั่งคุยกับพวกเขาเกือบครึ่งวัน สายลมแห่งขุนเขาไม่มีวันทำให้ผมเบื่อที่นี้แน่นอน…..

“อ้าว! น้อง Timmy…มาเร็วนะ เถ้าแก่ไม่ได้แจ้งหรือคะว่าขอเลื่อนนัดเป็นช่วงบ่าย”

“ครับทราบแล้วครับ เพียงแต่ผมเบื่อกรุงเทพฯ มาขอหลบที่นี้สักวัน คงไม่รบกวนนะครับ”

“อุ้ย!…ดีซะอีกพี่แว๋วจะได้มีเพื่อนคุย อยู่ที่นี้กับตาสมก็เหมือนกับอยู่คนเดียว…วันๆ ไม่คุยกับหมาก็ต้นไม้…โน้นไง” พี่แว๋วชี้มือบอก…พี่สมสามีแกที่กำลังรดน้ำต้นไม้ยิ้มกว้างๆ ขณะโบกมือทักทาย

“หวัดดี พี่สม….” ผมตะโกนระดับเสียงทวนกระแสลมให้ถึง พี่สมผงกหัวแล้วก็ยิ้มตอบ

“น้อง Timmy จะรับกาแฟหรือชาดีคะ”

“ขอเป็นกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ครีมดีกว่าครับ”

“แหมๆ จะรักษาหุ่นไปถึงไหนกันคะ” พี่แว๋วแซวพร้อมกับจิกด้วยหางตาอย่างที่เคยทำ

“ผมขอไปนั่งรอที่ศาลาข้างสระว่ายน้ำนะพี่”

“ตามสบายเลยคะ…แป๊บ! เดี๋ยวพี่จะไปคุยด้วย”

ผมกับพี่แว๋วคุยกันหลายเรื่อง เวลาที่นี่ผ่านไปเร็วมากๆ เผลอแป๊บเดียวก็เกือบเที่ยงเข้าไปละ….

“พี่แว๋วกับพี่สมเจอกันตอนแก่ ไม่มีลูกด้วยกัน บ้านก็ไม่มี Timmy เอ้ย! เงินเดือนก็น้อย เรา 2 คนรวมกันได้ไม่ถึงครึ่งของเงินเดือน Timmy ด้วยซ้ำ….พี่เองก็เหนื่อยลงทุกวัน พี่สมก็ออดๆ แอดๆ ดีหน่อยที่เถ้าแก่ท่านใจดีให้ที่ซุกหัวนอน…จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้…ดูๆ แล้วพี่ 2 คนคงไปไหนไม่ได้แล้วละ คอยเช็ดบ้าน ถูบ้านให้คนอื่นเค้า… พี่สมก็เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ดูแลต้นหมอกต้นไม้ไปตามเรื่อง….อนาคตเป็นอนางอไม่ต้องฝัน…คิดเยอะก็ปวดหัวเนอะ ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้นิ! ว่าไหม”

พี่แว๋วพล่ามยาว ขณะแววตาไร้จุดตกเหม่อลอยข้ามยอดเขาสีน้ำเงินไปที่ไหนสักแห่ง  ผมพยายามอ่านเธอ อ่านสิ่งที่เธอกำลังคิด อ่านสิ่งที่เธอยังไม่ได้เล่า…เงียบๆ….

“พี่มันคนมีกรรม….ทิ้งบ้านทิ้งช่องมาจากประเทศลาว หนีความยากจนตั้งแต่สงคราม…พ่อไปทาง แม่ไปทางจนไม่เหลือบ้าน ไม่เหลือพี่ ไม่เหลือน้องให้กลับไปหา”

“พี่เป็นคนไทยรึยังครับ….ไม่ตอบก็ได้”

“เถ้าแก่เขาช่วย….ได้มาเกือบ 10  ปีแล้วละ”

“เสร็จแล้วรึพี่สม”….ผมทักทายสามีพี่แว๋วขณะเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆ

“โอ้ย!…งานพี่ไม่มีเสร็จหรอก กลางคืนก็ต้องดูแลหมาเจ้านายต่ออีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมพลอยขำในมุขกระด้างๆ ของแกไม่ได้ เมื่อพี่สมเข้าที่….ผมก็มองคนทั้งคู่สลับกันไปมา

“พี่แว๋ว พี่สม รู้ไหมว่าขณะนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่”

“จะไปรู้รึ!….” พี่แว๋วสวนกลับเร็วๆ แต่ก็หัวเราะยาวตามหลัง

“ผมกำลังอิจฉาพี่ 2 คนมากๆ….”

“อิจฉา…อิจฉาพวกพี่เนี้ยนะ” พี่สมสวนกลับเสียงดังพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่เชื่อให้เห็น

ผมต้องพยักหน้ายืนยัน…. “ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก  ถ้าคิดบวก มองให้เห็นความสุขที่กองเกยอยู่ต่อหน้าพี่ 2 คนถือได้ว่าเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก โชคดียิ่งกว่าถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหลายๆ งวดติดกันซะอีก”

“อ้าว! ทำไมละ”

“พี่ลองคิดมุมบวกตามผมนะ….ในเมื่อวงจรชีวิตของมนุษย์ทุกคนบนโลก พระเจ้าให้มาเท่าๆ กันคือ 100 ปีบวก-ลบ หลายคนป่วย หลายคนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ หลายคนคิดสั้นฆ่าตัวตาย ถ้าคิดค่าเฉลี่ยจริง-ชีวิตของคนส่วนใหญ่อาจะไม่ถึง 70 หรือ 80 ปีด้วยซ้ำ และในระหว่างที่คนทุกคนมีชีวิต…ทุกๆ ชีวิตก็ต้องดิ้นรนเพื่อตัวเองและครอบครัว… จะยากดีมีจน เงินทองจะสูงท่วมหัว…ทุกคนก็ต้องดิ้นรนถูกต้องหรือเปล่าพี่….ในเมื่อคนจนก็ดิ้นรน คนรวยก็ดิ้นรน หน่วยชีวิตของคนรวย-คนจนจึงใกล้เคียงกัน จะรวยล้นฟ้าก็กินข้าววันละ 3 มื้อ…กินเนื้อย่าง-สตู-สเต๊ก ไข่ปลาคาหวอก-คาเวียร์ หรือตับห่านจานละหลายหมื่นมันก็อิ่มท้องเท่าๆ กับกินปลาร้า กินผักลวกจิ้มน้ำพริก เผลอๆ คุณค่าทางอาหารของคนจนจะสูงกว่าคนรวยเสียด้วยซ้ำ…”

“มันก็ถูก แต่….” พี่สมแทรกแต่ก็ไม่พูดต่อ

“พี่สม….เวลาหลับ….เวลาฝัน….พี่จะรู้ตัวไหมครับว่าพี่นอนอยู่ในกระท่อมหรือคฤหาสน์หรู….” พี่สมกับพี่แว๋วเผลอสบตากันและกันนิดๆ “พี่ทั้ง 2 อย่าลืมนะ…ทุกวันนี้-คืนนี้…ที่นี้…ที่ที่พี่นั่ง…พี่เดินและที่พี่นอนคือบ้านหรูมูลค่า 20 ล้านบาท…พี่แว๋วเก็บกวาดบ้าน-ดูแลภายในบ้าน ขณะที่พี่สมดูแลต้นไม้-ดูแลสวน และสุนัข…สิ้นเดือนมีคนเอาเงินมาให้ใช้ มีคนซื้ออาหารจะให้สุนัขหรือคน…ก็มีคนซื้อมาให้…คืนนี้พวกพี่จะขึ้นไปนอนชั้น 3 จะห้องนอนเล็กห้องนอนใหญ่ก็ไม่มีใครรู้ พี่จะนอนกลางวัน-วันละกี่ชั่วโมง….สิ้นเดือนก็มีคนเอาเงินมาให้เท่าเดิม ความสุขมันกองอยู่ตรงหน้า นิยามคำว่าบ้านครบถ้วนกระบวนความ…ถามว่าพวกพี่มัวเสียเวลาอยู่ทำไม…นึกให้ออก มองให้…แล้วโลกที่เหลือจะสวยงามขึ้นมาเอง”

“แต่บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่ของๆ พี่ Timmy เข้าใจไหม”

“ผมถามพี่นิดนึง เวลาเจ้าของบ้านตายหรือเสียชีวิต…พวกเขาเอาบ้านหลังใหญ่เอารถหรูราคาแพง-หอบเงินหลายพันหลายหมื่นล้านบาทไปด้วยได้ไหมพี่….ทุกคนมาแต่ตัว…ถึงเวลาจากโลกใบนี้ทุกๆ คนก็ไปได้แต่ตัว-สิ่งของอย่างอื่นยังอยู่ครบ”

“เออเนาะ…..เป็นอย่างที่ Timmy พูดจริงๆ นั้นแหละ”

“ผมถึงได้บอกว่า ผมโคตรอิจฉา อิจฉางานที่พี่ทำ…ขณะที่ผมขับรถไปกลับสระบุรี-กรุงเทพฯ หาเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ถึงจะได้เงินเดือนเยอะ… แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องตาย… ผมถามพี่ว่า…เป็นใครที่มีความสมบูรณ์ มีความสุขมากกว่ากัน…คิดบวกพี่จะเห็นความสุข พี่จะสมหวังกับทุกสิ่งที่ 1 ชีวิตควรจะได้”

“อย่างนั้นเลยรึ…..ได้คุยกับ Timmy ทีไร พี่มีความสุขขึ้นเยอะ….เอาๆ เที่ยงละเดี๋ยวพี่จะตำส้มตำ-ไก่ย่างให้กิน”

“เห็นไหมพี่แว๋ว-พี่สม ถึงมื้อเที่ยงเราจะกินแค่ส้มตำ –น้ำพริก ถ้าคิดบวก เราจะทั้งอร่อยและมีความสุขที่ได้อิ่ม….นี้แหละคือสิ่งที่มีค่าสำหรับชีวิตที่แท้จริง”

“ขอบใจ Timmy มากๆ…รอพี่แว๋วแป๊บหนึ่งนะ เราจะกินส้มตำกันให้มีความสุขไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า นะพ่อนะ”

“ครับคุณนายแว๋ว” พี่สมแซวภรรยาตัวเอง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เรียกเธอว่า ….มาดามแจ๋วแว๋ว…. ท่าจะเหมาะกว่านะพี่สม”

“มาดามแจ๋วแว๋ว….ฮ่า ฮ่า ฮ่า ได้ๆ แต่อย่าเผลอเรียกต่อหน้าเถ้าแก่เชียวนะ…มิฉะนั้นหัวขาดแน่ๆ”

“คราบบบบ….มาดามแจ๋วแว๋ว”

ครับถ้าเราทุกคนคิดบวก มองโลกในมุมบวก ความสุขในมุมเล็กๆ…ที่รายล้อมอยู่รอบๆ ตัวก็จะก่อเกิดให้คุณเห็น เมื่อคุณเห็น 1 วงจรชีวิต เกิด-แก่-เจ็บ-แล้วก็ตาย..จะไม่สูญเปล่า… ผม Timmy Buto ไม่ใช่ผู้วิเศษ-วิโสมาจากไหน…ที่เล่า- เขียนไม่มีเจตนาชี้นำหรือสั่งสอน… แต่มันคือประสบการณ์ เมื่อชีวิตหนึ่งเคยเฉียดความเป็นความตายมาหลายรอบ…ถอดสรุปบทชีวิตก็หลายครั้ง….การมีโอกาสนำเรื่องราวเหล่านั้นมาแชร์ถือว่าเป็นเกียติอย่างยิ่ง…. เมื่อมีใคร-คนใดคนหนึ่งเห็นมุมบวก…มีคนได้ประโยชน์ผมก็ดีใจและมีความสุขไปด้วย…. แต่หากใครมองผมในด้านลบ มองโลกในด้านลบ สร้างอคติเป็นป้อมปราการ ฝังตัวอยู่ในโลกแคบๆ จมลึกอยู่กับความเกลียดชัง-ความเครียดแค้น ผมอยากจะบอกว่า

“จะไม่มีใครจมความเครียดแค้น-ความเกลียดชังไปพร้อมกับคุณอย่างแน่นอน”

คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ถึงแม้จะเป็นแค่มุมเล็กๆ ของ “มาดามแจ๋วแว๋ว”  หรือของคุณ-คุณก็จะมีความสุขในแบบของคุณได้เสมอและเท่าเทียม…..

โชคดีครับ….เจอหน้ายิ้มให้ผมด้วยนะ ขอบคุณมากๆ

(Visited 63 times, 1 visits today)