อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part2 สมรภูมิปักษา15
สมรภูมิปักษา15
ทายาทซามูไร
ตอนเย็นของวันที่ 8 มีนาคม 1945
ท้องฟ้าตอนแดดร่มเย็นๆ ก็ยังคงเห็นเป็นสีครามสดใสไม่ต่างจากตอนเช้า แต่ดอกตะแบกป่าที่เคยชูช่อสีขาวอมชมพูเมื่อ 3 วันก่อน กลับค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงและม่วงเข้มอันเป็นสีแทนความทุกข์ระทมก่อนกลีบดอกบางๆ จะค่อยๆ ร่วงโรยลงสู่พื้นดิน ช่างต่างจากดอกซากุระที่คาโกคุมะเหลือเกิน…เพราะเมื่อกลีบดอกเริ่มโรยลา ความงามและความสุขพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
“นายโคทาโร่…” จันทร์หอมเรียก ขณะที่เห็นเขากำลังยืนหันหลังอยู่ใต้ต้นจันทร์หน้าบ้าน แต่สายตากลับจับจ้องตกอยู่ที่ต้นตะแบกป่าที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งที่ข้างๆแนวกอไผ่
“มันทำให้ข้าคิดถึงดอกซากุระที่หน้าบ้านมินาโมโต” เขาพูดเสียงเรียบๆ และถอนหายใจตามมายาวๆ จันทร์หอมเดินเข้าไปหยุดด้านหลัง นางนิ่งเหมือนกับคนกำลังคิดจะบอกบางอย่าง และดูเหมือนโคทาโร่เองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นของนางได้เช่นกัน
“ฉันคือต้นจันทน์หอม โคทาโร่ มิใช่ตะแบกป่าหลากสีหรือดอกซากุระที่ฉันไม่เคยเห็น” นางพูดเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างให้เขาฉุกคิด โคทาโร่หันมามอง…เขายิ้มพร้อมกับยื่นห่อผ้าที่ถืออยู่ในมือให้ “ข้าซื้อมาฝากเจ้า กับเรไร”
จันทร์หอมรับมาคลี่ดู มันเป็นชุดกระโปรง หมาก และรองเท้า รวมกันอยู่ 2 ชุด…
“โคทาโร่…” จันทร์หอมอุทานเพราะทีแรกนึกว่าเป็น ชุดกิโมโน เหมือนเช่นเดียวกับที่นางสวมในวันแต่งงานเสียอีก
“เจ้าควรมีใส่ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ” โคทาโร่พูดด้วยรอยยิ้มที่ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
“แต่คุณอยากจะเห็นฉันใส่กิโมโนมากกว่าไม่ใช่หรือ” จันทร์หอมหยั่งเชิง
“ใช่…ข้าอยากเห็นเจ้าในชุดกิโมโนสีปีกแมลงทับ…แต่ในใจของเจ้าปรารถนาเยี่ยงนี้มากกว่า” เขาพูดอย่างคนรู้ทัน แต่…(นี้ข้าเป็นอะไรไป…) อยู่ๆ ร่างกายเขาก็เย็นวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าดุจมีใครเอาน้ำเย็นมาราด
(โค—เจ้า—-ตาย—คำ—สาป—ซา—มู—ไร) และเสียงสื่อจากกระแสจิตก็ดังขึ้นขาดๆ หายๆ
(ท่านพ่อ..) เขาอุทานทั้งๆที่สติยังไม่นิ่งพอ และเสียงนั้นก็หายไปราวกับวิทยุคลื่นสั้นกลางพายุ…(ท่านพ่อ!)
“นายโคทาโร่…นาย…โคทาโร่” จันทร์หอมเรียกเมื่อสังเกตเห็น…
“คำ สาป ซา มู ไร” โคทาโร่ทวนตามเสียงที่ได้ยิน… (เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่)แล้วแววตาที่เลื่อนลอยก็เหม่อสูง…เขาไม่รู้สึกถึงแรงกระตุกแขนหรือแม้แต่เสียงตะโกนของภรรยา “คำสาปซามูไร…”เขาละเมอออกมาอีกพร้อมกับเดินลงบันไดตรงไปยังศาลาท่าน้ำ แบบเดียวกับซากศพที่เดินได้
“นาย…โคทาโร่ โคทาโร่” จันทร์หอมตะโกนเรียก แต่อยู่ๆ ดวงตาของนางก็เบิกกว้างเหมือนจะนึกอะไรบางอย่าง “โคทาโร่!”จันทร์หอมเรียกอีกก่อนจะวิ่งลงบันไดตามไป
“โคทาโร่…” นางวิ่งเข้าไปโอบเอวเขาพลางกึ่งลากไปนั่งลงกับม้านั่งไม้เก่าๆและใช้ตัวเองบังสายตากับบางอย่างที่เป็นความลับ “นายมีเรื่องอะไร…บอกฉันได้นะ” จันทร์หอมกระตุกแขนของเขาอีกหลายครั้ง “โคทาโร่!” และนางก็ตะโกนใส่หูในระยะประชิด จนสติที่ขาดหายเริ่มกลับคืนมา เขาค่อยๆ วาดสายตาที่มีประกายมามองหน้าภรรยาอีกครั้ง…
“จันทร์หอม!” เขาเรียกชื่อนางพร้อมกับผวากอดอย่างหมดใจ จันทร์หอมช็อกนางปล่อยให้เขาอยู่ในสภาพนั้นสักครู่ ก่อนจะเป็นโคทาโร่ที่พูดขึ้นมาก่อน “คืนนี้เรือส่งเสบียงจะเข้าเทียบท่า…ข้าต้องไปคุมด้วยตัวเอง”
“ทำไม?..” จันทร์หอมถามและมันเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกห่วงชายคนนี้ขึ้นมา
“ระยะหลังๆ มีการปล้นเสบียงระหว่างทางบ่อย…จนเสบียงที่กองทัพมีอยู่แทบไม่พอ”
“นายไม่ต้องไปเองได้ไหม?…” น้ำเสียงวิงวอนต่อ จนทำให้โคทาโร่ต้องรวบมือจันทร์หอมมาบีบปลอบเบาๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก…” เขาพูดเหมือนเป็นปกติ
“นายไม่ไปได้ไหม?…” จันทร์หอมเองก็ยังต้องการคำตอบจากประโยคแรก
“…….” โคทาโร่บีบไหล่ทั้ง 2 ข้างของจันทร์หอมเข้าหากันและตั้งใจจ้องใบหน้าเหมือนจะอ่านความรู้สึกในนั้นให้ออก แต่ก็ไม่ลืมสกัดกั้นมิให้อำนาจของนินจาทำอะไรนางเหมือนครั้งที่ผ่านมา
“คุณไม่ต้องไปได้ไหม?…เพื่อฉัน…เพื่อลูก” พูดจบจันทร์หอมก็ดึงมือเขาไปลูบที่ท้องตัวเอง
“ลูก..เจ้าท้องรึ” โคทาโร่ชะงัก สักครู่ดวงตาของเขาก็เบิกโพลง “เจ้าท้องรึ!…” เสียงเขาเริ่มสั่น จันทร์หอมอมยิ้มพยักหน้า “ข้าดีใจที่สุด…เจ้าได้ยินเสียงเต้นหัวใจของข้าไหม…” รอยยิ้มที่เอ่อน้ำตาจวนจะล้นโอบกอดจันทร์หอมเอาไว้แน่น “ข้าดีใจ…ดีใจที่สุด”
แต่อีกฝ่าย…ความรู้สึกเดิมๆ ที่นางมีต่อสามีคนแรก ก็ทำให้น้ำตาเอ่อล้นออกมา (พี่โมก!…ฉันขอโทษ) แต่โคทาโร่กลับแปลความหมายของมันผิดไป…
(นางรักข้า…นางไม่มีวันสังหารข้า ท่านพ่อ)
……….
“อดีต………………………….สอนปัจจุบัน
ความฝัน……..จะนำทุกๆ วันสู่เป้าหมาย”
มินาโมโต โคทาโร่
……….
จดหมายฉบับที่ 2
8 มีนาคม 1945
มินาโมโต ฟูจิกาว่า
ท่านพ่อ ข้ามีข่าวดีจะบอก…หลังจากที่ข้าได้แต่งงานกับจันทร์หอม มาหลายเดือน และเวลานี้ข้ากำลังจะมีลูก ท่านพ่อกำลังจะได้หลานแล้ว…ท่านต้องยินดีกับข้า หลังสงครามข้าจะพานางและลูกกลับบ้านมินาโมโต…ข้ากำลังจะเป็นพ่อคนถึงแม้ข้าจะเคยเป็นพ่อคนมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม…ท่านพ่อข้าฝากหอมแก้ม เซดะ บอกเขา ว่าพ่อรักเขา และ อูคาชิ เซดะ กำลังจะมีน้องแล้ว
สงครามสิ้นสุดลงเมื่อใด ชีวิตข้าก็จะได้เริ่มต้นใหม่เมื่อนั้นท่านพ่อ
คิดถึงปราสาทบนเนินเขาที่สุด
มินาโมโต โคทาโร่
………..
ความสุขของโคทาโร่ถูกพับไปพร้อมๆ กับจดหมาย เขารีบยัดมันใส่ซองสีเดียวกันอย่างรีบร้อน ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว
“จันทร์หอม คืนนี้ข้าคงอยู่กินข้าวกับเจ้าไม่ได้…ข้าต้องรีบไป” เขาพูดปนยิ้มเร็วจนรัว “ข้ามีงานต้องทำ” เขาพูดต่อพร้อมกับชูจดหมายในมือให้นางเห็น
“โคทาโร่…”
“ฮื้อ!…” เขาหันมายิ้มหน้าบานให้
“ทานข้าวก่อนไม่ได้หรือ…อาหารเกือบเสร็จแล้วนะ” จันทร์หอมถามเหมือนจะแก้เก้อ
“ไม่ทันแล้วละ หากไม่ได้ส่งคืนนี้ต้องรออีกอาทิตย์” เขาอธิบาย “เจ้าไม่ต้องรอข้ากลับหรอกนะ…คืนนี้คงจะดึก” เขาพูดพร้อมกับโน้มตัวหอมแก้ม
“ระวังตัว…ด้วย”
“…” โคทาโร่อึ้งกับความรู้สึกที่ปนออกมา (จันหอม!) เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสความจริงใจนี้ได้ “ข้าไปแล้วนะ” เขาบอกอีกก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดไปด้วยท่าทีสงบ (จันทร์หอม)
………..
หลังจากนั้น
“คุณฆ่าสามีฉันเพื่อหวังจะมีวันนี้…ในที่สุดแผนการของคุณก็สำเร็จ…โคทาโร่ฉันต้องเกลียดคุณ…ใช่ ฉันต้องเกลียดคุณ” จันทร์หอมย้ำเหมือนจะขุดเอาความทรงจำขึ้นมาใช้งานและใช้เตือนหัวใจไม่ให้สับสนหรือลังเลกับภารกิจสงคราม “พี่โมกตายเพราะเขา…” นางพ่นเสียงลอดไรฟันตอกย้ำ จนมือที่กำมะระเผลอบีบมันจนเละ “ฉันจะไม่ยอมเสียน้ำตาเพราะเรื่องนี้อีกเป็นอันขาด” พูดจบนางก็เชิดหน้า “ใช่…สิ่งที่คุณกำลังทำ มันก็เป็นหน้าที่ของคุณ และสิ่งที่ฉันทำมันก็คือหน้าที่ของคนไทยอย่างฉัน” จันทร์หอมหายใจเข้าออกแรงๆ จนหน้าอกกระเพื่อมหลายครั้ง “หน้าที่…ฉันทำตามหน้าที่…ฉันทำเพื่อชาติ” นางย้ำประโยคเดิม พร้อมกับวางทุกสิ่ง แล้วเดินเข้าไปในห้อง ไม่นานนางก็กลับออกมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกม้วนไม่ต่างอะไรกับกล้องยาสูบ มือที่สั่นระริกพยายามยัดมันลงไปในขวดแก้วและปิดผนึกด้วยพลาสติกเหมือนเช่นครั้งก่อน “มันคือภารกิจที่ต้องสานต่อ…” เสียงพึมพำเหมือนจะเรียกกำลังใจ สักครู่นางก็เดินลงบันไดตรงไปยังศาลาท่าน้ำโดยไม่มีท่าทีที่ลังเลอีก
……….
“ชาวประมงเลือกจับเฉพาะปลา…อย่าทำอะไรนกกระเรียนที่บินว่อนอยู่เหนือหัว…คืนนี้…ที่เดิม”
……….
อีกมุมหนึ่ง
“หมายความว่าอย่างไร…นกกระเรียนที่บินว่อนอยู่เหนือหัว” มนตรีคลีแผ่นกระดาษอ่านพร้อมกับพยายามตีความ
“หมายถึง โคทาโร่…ใช่ โคทาโร่” ขามวิเคราะห์ แต่เขาก็ยังนิ่งคิด… “แน่นอน นางต้องหมายถึงโคทาโร่ ข้ามั่นใจ”
“โคทาโร่ต้องออกไปคุมเองเลยอย่างนั้นหรือ…หากเป็นเช่นนั้น ขามคุณกำชับกับคนของเรา…อย่าแตะต้องโคทาโร่เป็นอันขาด เพราะเขายังมีประโยชน์กับเราอีกมาก” มนตรีสั่งเชิงกำชับพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นนั้นคืนให้ ขามรับพยักหน้าก่อนจะจุดไฟเผาทำลายทันที
“อีกครึ่งชั่วโมงไปรวมกัน ที่จุดรวมพล” มนตรีประกาศเสียงดังต่อหน้าชายฉกรรจ์ 7 ถึง 8 คนที่มารวมตัวกันที่บ้านของขาม
“รีบกระจายข่าวบอกเพื่อนเรา…” ขามสั่งก่อนทั้งหมดจะแยกสลายกันไป
……….
แดดสุดท้ายลับขอบฟ้าไปนานพอสมควร แสงเพลิงจากกองไฟ ณ ลานกว้างๆ หลังดงตาลท้ายหมู่บ้านก็ลุกโชติช่วงขึ้นมาแทน กลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคนไปรวมตัวกันที่นั้น โดยมีผู้หญิงที่มีแววตาดุดันอีก 5 คนรวมอยู่ด้วย
“เป้าหมายของเราในคืนนี้คือสะพานหมายเลข 5 และสะพานหมายเลข 7 ระหว่างขากลับ…เราจะแบ่งกองกำลังออกเป็น 3 ชุด ชุดแรกประจำที่สะพานหมายเลข 5 ชุดที่ 2 ประจำที่สะพานหมายเลข 7 และชุดสุดท้ายเตรียมกำลังพลให้พร้อมเพื่อจู่โจม…จำเอาไว้ ชาวประมงต้องเลือกจับเฉพาะปลา หากไม่จำเป็นอย่าทำอะไรนกกระเรียนที่บินว่อนอยู่เหนือหัว…มินาโมโต โคทาโร่ จะต้องปลอดภัยเพื่อภารกิจต่อๆ ไป” ขามพูดตามแผน เสียงซุบซิบดังขึ้นทันทีที่เขาเงียบ ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นอย่างออกรส จนขามต้องยกมือห้าม “จำไว้การทำงานเยี่ยงกองโจรในครั้งนี้…มันเป็นหน้าที่หนึ่งของพลเมืองไทย…เพื่อชาติ…เพื่อพี่น้องและเพื่อลูกหลานของพวกเราเอง…ชีวิตทุกชีวิตมีค่า อย่าตายถ้ายังไม่ได้แลกกับ 10 ชีวิตของทหารญี่ปุ่น…” ขามพูดดุดันขึ้นพลางเกร็งกระตุกกล้ามเนื้อตามไปด้วย…เขาเว้นจังหวะเหมือนจะหยั่งเชิง…เมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นของทุกคน รอยยิ้มที่พึงพอใจก็ฉายตามออกมา เขาขยับไปทางซ้ายใกล้ๆ กับกองเพลิงอีก 2 ก้าวก่อนจะพูดต่อ “หนึ่งชีวิตของพวกเราจะต้องนำมาซึ่งความหวัง ความปลอดภัยและอนาคตที่ดีของลูกหลาน นี้คือสงคราม…นี้คือสงคราม!” ขามนำตะโกนเสียงดัง…แข่งกับเปลวเพลิงที่กำลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าที่มืดมิด
“นี้คือสงคราม”
“ความหวังและอนาคตลูกหลานอยู่ในมือ…แบ่งกลุ่มตามแผนแล้วสลายตัวไปยังจุดเป้าหมาย…ฟ้าสางในวันพรุ่งนี้ เราจะมาร่วมกันโห่ร้องยินดีกันอีกครั้ง…ที่นี้! ” มนตรีตะเบ็งเสียงเรียกกำลังใจ แล้วกระโดดขึ้นไปยืนบนขอนไม้ใกล้ๆ ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงเด่น โดยมีเปลวเพลิงสีแดงอยู่ด้านหลัง เขายิ้มกว้างก่อนจะนำตะโกนเสียงดังๆ มากกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา… “เพื่อประเทศชาติ…เราพร้อมจะสู้…ไม่สู้”
“สู้ๆ…สู้ๆ”
……….
“หากมีศรัทธา…………………………….และสามัคคี
จะกี่พันภูผาล้านภูเขา……………ก็มิอาจขวางกั้น”
ขาม ธารารักษ์
………..