นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง กระแซะไฮโซ นิยายเรื่อง อนุชาย ตอนที่ 7
อนุชาย ตอนที่ 7
ที่บ้านสายสกุล เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน ซอย 24 คุณหญิงพวงพร สายสกุล ภริยาของ ดร.ชวนนท์ สายสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รวมทั้งนิตยสารบันเทิงหลายเล่มที่กองรวมกันอยู่กับโต๊ะสีขาวเล็กๆ ข้างเก้าอี้เอนหลังที่ทำจากไม้สักริมสระว่ายน้ำรูปเลข 8 เธอค่อยหยิบค่อยๆ อ่านที่ละเล่มที่ละฉบับแบบไม่รีบร้อน เสื้อคลุมสีขาวปิดบังชุดว่ายน้ำ 2 พีทไว้อย่างมิดชิด กระทั้งนิตยสารกระแซะไฮโซอยู่ในมือ ภาพหน้าปกจากช่างภาพมือสมัครเล่นหรือปาปารัสซี่อย่างละครึ่งโชว์ภาพ 2 หนุ่มในชุดสูทสีดำกับหญิงสาวในชุดราตรีสีโอโรสถูกตีพิมพ์ขึ้นปกหน้าพร้อมกับข้อความสั้นๆว่า “ใครคือตัวจริงของแครี่” เธอรู้จักชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ยืนอยู่คู่กันเป็นอย่างดี แต่อีกคนละ ทำไมหน้าตาของเขาทำให้เธอนึกถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมาในใจแบบปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้
“หรือว่า…” เธอเอาฝามือทาบหน้าอกด้วยความตกใจสุดขีดก่อนจะเหวี่ยงตัวลุกเดินเข้าไปภายในบ้านทรงสเปน 3 ชั้น… “ แม่เตย….ตามตาชายไปพบฉันที่ห้องทำงานด่วน” เธอพูดกับแม่บ้านหน้าแหลมๆ ไม่ต่างอะไรกับปลาทูพึ่งกินยาลดความอ้วนมา
“คะ…” เตยรับปากเร็วๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นบันไดสู่ชั้น 3 อย่างคนรีบรน
อีก 10 นาทีต่อมา ภายในห้องทำงานของคุณหญิงพวงพร ที่เปิดประตูค้างเอาไว้ ชานนท์ก็เดินต้อยๆ ด้วยชุดลำลองกางเกงขา 3 ส่วน บนหัวทรงผมยังยุ่งเหยิงเป็นรังนกกระจกแต่เขาได้แค่ลูบๆ ขณะใช้สันมือเคาะประตู 2 ทีก่อนจะตรงไปนั่งลงเก้าอี้หนังหน้าโต๊ะทำงานที่มีหญิงวัยกลางคนกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับนิตยสารฉบับดังกล่าว
“คุณแม่มีอะไรกับชายแต่เช้าคะ” ชานนท์มักจะใช้คำลงท้ายแบบนี้เฉพาะกับเธอและน้องสาวที่กำลังเรียนไฮสคูลที่ซานฟรานซิสโกจนติดเป็นนิสัย คุณหญิงพวงพรเหลือบมองบุตรชายลอดกรอบแว่นนิดๆ ก่อนจะฝังสายตาไว้ที่หน้าปกนิตยสารเล่มเดิมอีก “คุณแม่คะ….” ชานนท์เสียงดังขึ้นไปอีก
“ชายจำเย็นๆ วันที่เรานัดดิ้นเนอร์กับคุณอาอนุชาติ และน้องแครายได้ไหม”
“คะชายจำได้ คุณแม่มีอะไรรึคะ”
“นี้ๆ…..” เธอหันปกหนังสือที่ปรากฏภาพคนทั้ง 3ให้บุตรชายได้พิจารณาใกล้ๆ “ชายรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ไหม น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน”
“อ้อ….เห็นน้องแคร์บอกชายว่าเป็นเพื่อนเค้านะคะคุณแม่ ฮา ฮา” เขาหัวเราะเสียงดังก่อนจะหน้าบึ่งไปอีก “อย่าบอกนะที่คุณแม่ปลุกชายแต่เช้าเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว”
“ไม่ ไม่ ไม่…ชายลองสังเกตหน้าตาเด็กหนุ่มคนนี้ดีๆซิ ว่าเหมือนใคร” เธอพูดพลางใช้ปลายนิ้วชี้ที่ปรากฏแหวนเพชรเม็ดใหญ่วนไปรอบๆ ใบหน้าคนที่เธอหมายถึง
ชานนท์หลี่ตาข้างหนึ่ง สมองก็วิ่งวนไล่หาคำตอบ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
“ตาชายนิ….ดูดีซิว่าเหมือนคุณอาอนุชาติหรือเปล่า” เธอโน้มตัวเข้ามากระซิบใกล้ๆ
ชานนท์ทำเสียงแจะ แจะ แจะ แล้วก็หรี่ตาจ้องใกล้เข้าไปอีก “ก็มีส่วนคล้ายนะคะ…..” เขาเว้นให้สมองได้ทบทวน “ว่าแต่คุณแม่สงสัยอะไรกับอนุชายหรือคะ” เขาเอ่ยชื่อเด็กหนุ่มที่แครายแนะนำออกมาช้าๆ ซึ่งยิ่งทำให้คุณหญิงพวงพรถึงกับหงายท้องเอนไปกับเก้าอี้พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นทุบอกรัวๆ
“ชาย บอกว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไรนะ” เธอพูดเร็วราวกับต้องการเร่งคำตอบ
ชานนท์จ้องอาการของแม่ด้วยคำถามมากมาย “คุณแม่มีอะไรรึเปล่าคะ…เรื่องให้ชายรักน้องแคร์ให้มากแต่ต้องอยู่ห่างๆ ก็เรื่องหนึ่งละ ยังจะมาเรื่องนี้อีก…”
“เขาชื่ออนุชัย ใช่ไหม ใช่ไหม” เธอต้องการคำตอบจนต้องตอบเอง
“แม่อยากพบกับเขาให้เร็วที่สุด”
“ผมไม่รู้จักเขานี้คะคุณแม่”
“แต่แครายรู้…..ไปพาเขามาพบแม่ให้เร็วที่สุด”
“คุณแม่คะ…..” ชานนท์บอกความอึดอัดออกมาตรงๆ
“แล้วเรื่องหนูแคราย แม่ก็อยากจะย้ำให้ชัดๆ อีกครั้ง….รักน้องเค้าให้มากๆ แต่ต้องอยู่ให้ห่างๆ”
“คุณแม่ ชายไม่เข้าใจสักเรื่องเลยคะ….ที่ให้ชายอยู่ให้ห่างๆจากแครี่ คุณแม่กลัวว่าชายจะมีอะไรกับเธอใช่หรือเปล่าคะ….ชายตอบตรงนี้ไว้เลย ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่” ชานนท์ยืนยันอย่างคนหัวเสีย
“ดีแล้วที่คิดแบบนั้น….ไปพาอนุชัยมาพบแม่ให้เร็วที่สุด…ชื่อนี้มีเขาคนเดียว”
“คะ คะ ถ้าน้องหญิงกลับมาพร้อมชายคุณแม่ไม่มีทางบังคับชายแบบนี้ได้แน่นอน”
“ยะ! พ่อคุณทูนหัว….เร็วๆ ด้วยละ”
ชานนนท์สาวเท้ายาวออกจากห้อง แต่คุณหญิงพวงพรยังจมจ้องอยู่กับนิตยสารเล่มเดิมอย่างคนคิดหนัก “ถ้าใช่!….เขาเป็นคนเดียวในโลกสำหรับเธอแล้วละอนุชาติ” คุณหญิงพวงพรพึมพำ เธอคือแพทย์ เธอรู้อะไร เธอกำลังจะบอกอะไรกันแน่…
ฉันไม่ใช่เมียน้อยของนาย
ที่หน้าตึกคณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เบนซ์สปอร์ตสีดำแล่นเข้ามาจอดเทียบลานหน้าตึกสูง 5 ชั้นแบบเงียบๆ…ใช่มันเป็นเป้าสายตาสำหรับทุกคนที่เห็น แต่คนขับมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับเรื่องที่ตัวเองพึ่งรับปากประกอบกับข้อมูลที่แครายให้ก็มีแค่นี้…เขาต้องรอและพยายามอ่านใบหน้านักศึกษาชายที่เดินผ่านไปมาคนแล้วคนเล่าอย่างกับคนเมายาบ้า
“บ้าฉิบ….นายอยู่ไหนนะ” เขาบ่นเสียงดัง ขณะที่กาแฟเย็นในมือก็กำลังจะหมด อยู่ๆ กลุ่มนักศึกษาปี 2 ก็ทยอยกันเดินลงมา “ฉันจะจำใบหน้าขาวๆ ของนายได้ไหมเนี่ย” ชานนท์บ่นกับตัวเองหลายคำ หลายประโยค จนกาแฟหยดสุดท้ายส่งเสียงบอกโกรกๆ….ยังไร้เงาของเขา “ทำไมไม่ไปใช้บริการประชาสัมพันธ์วะ…เออโง่ชะมัด” ชานนท์เดินเอาแก้วกาแฟไปหย่อนลงถังขยะก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังรถ แต่ขณะที่เบนซ์สปอร์ตกำลังจะเคลื่อนตัวออกจากลานจอด สายตาเขาก็ปะเข้ากับใครคนหนึ่ง ที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่ในศาลาไม้ฝั่งตรงข้าม “นายนี้เอง….บ้าชะมัด” ชานนท์พึมพำรีบจอดรถก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงเข้าไปหา
“อยู่นี้เอง ตามหาซะนาน” ชานนท์ทักด้วยอารมณ์ที่ค้างคา
“ตามหาฉัน นายจะตามหาฉันทำไม?” อนุชัยถามด้วยความแปลกใจ แต่ก็อดสำรวจเสื้อผ้าหน้าผม กระทั้งเบนซ์สปอร์ตคันนั้นไม่ได้ “รถนายสวยดีนี่….คุณชาย” เขาเน้นคำสุดท้ายดังๆ
“เวลานายเรียกฉันห้ามเรียกคุณนำหน้า เข้าใจไหม อนุชายยยย” ชานนท์ตอกกลับด้วยการเรียกชื่อเขาด้วยสำเนียงฝรั่งยานๆ ยาวๆ
จนอนุชัยสะดุ้ง ใบหน้าเริ่มก่อตัวเป็นสีเลือด เขาเขม่น ขมวดคิ้วทั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกัน พลางเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อยืดสีเทาเข้ามากระซิบใกล้ “ที่หลังอย่าเรียกชื่อฉันแบบนั้น”
“ทำไมอ่ะ…ก็นายชื่ออนุชายไม่ใช้รึไง”
“ฉันบอกแล้วไงอย่าเรียกชื่อฉัน” เขากำหมัดแน่นกะจะชก
“อธิบายมาดิ! เพราะฉันไม่เข้าใจนินา” ชานนท์รีบออกตัว
“เพราะ….เพราะ ฉัน ไม่ใช่….เมีย น้อย ของ นาย” อนุชัยหลุดคำตอบออกมาที่ละคำ
ชานนท์พยายามคิดตาม แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี “เออๆ ก็ได้ แต่นายต้องไปกับฉันที่หนึ่งก่อน”
อนุชัยเริ่มประเมิน และยังไม่รู้จุดประสงค์ของชายคนนี้ แต่เมื่อเห็นเบนซ์สปอร์ตมาจอดเทียบเชิญเลยอยากจะลองแกล้งเล่นๆสักตั้ง เขาจิ๊! ปาก แจะ แจะ คิด สักพัก “….แต่นายต้องไปส่งฉันที่หนึ่งก่อน”
“ที่ไหนละ….”
“เดี๋ยวฉันบอกทาง”
เมื่อชานนท์กับอนุชัยก้าวเข้าไปนั่งในรถ สายตาอีกคู่ก็บังเอิญแว๊บปะที่คนทั้ง 2 พอดิบพอดี… “นั้นมันลูกชาย ดร.ชวนนท์ นิ!” อาจารย์พิชัยทบทวนจากความทรงจำ เขาเงยหน้าขึ้นสูงราวกับคนกำลังคิดต่อ “คุณชาย ชานนท์ คุณชาย ชานนท์ ” เออมันอะไรกันวะเนี่ย” เขาเกาหัวยิกๆ พร้อมกับยกโทรศัพท์กะจะโทรเข้ามือถือ แต่ก็ได้แค่สะบัดหัวไปมาก่อนจะเดินขึ้นตึกวิศวกรรมไปแบบรีบๆ
อนุชัยชี้มือบอกทางคนขับไปเรื่อยๆ ชานนท์ได้แต่เกาหัวยิกๆ จนทรงผมกลายเป็นรังนกกระจอกกลายๆ “ถนนในเมืองไทยนี้จำยากชะมัด”
“อ้าวนายไม่ได้อยู่เมืองไทยรึไง” อนุชัยถามกลับ “เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกไปบางปะอินทร์”
“เปล่าปกติถ้าฉันไม่ได้อยู่ในซานฟรานฯ ก็ไปเรียนที่แวนคูเวอร์” ชานนท์ตอบเร็วๆ พร้อมกับเกาหัวอีก “รถติดชะมัด”
“วันนี้ถือว่าเบาแล้วนะ”
“นายจะบ้าเหรอ” ชานนท์ขึ้นเสียงสูง “ถ้าติดมากกว่านี้ฉันขอลงไปเดินดีกว่า”
“ถ้าคิดจะอยู่กรุงเทพฯ นายต้องฝึกชินให้ขึ้นใจคุณชาย…” อนุชัยบอก พร้อมกับชำเลืองหัวฟูๆ ของอีกฝ่ายจนขำก๊ากดังๆ
“นายหัวเราะอะไร….” ชานนท์ถาม
“ผมของนายยุ้งเหยิงยังกับรังนกกระจอก ฮ่า ฮ่า ฮา” เขาหัวเราะจนคอแห้ง “นายว่าฉันพอจะเป็นนกกระจอกได้ไหมจะได้ขออาศัยทำรังซะเลย ฮ่าฮ่า ฮา”
เขาชี้ทางกระทั้งรถเข้ามาจอดภายในสวนอาหารสะบันงา ถนนเกษตร-นวมินทร์ ทั้งคู่จึงก้าวลงจากรถพร้อมกัน สุดท้ายต้องเป็นชานนท์อีกตามเคยที่ถามขึ้นมาก่อน “นี้คือสวนอาหารของนายรึ”
“เปล่าฉันทำงานที่นี้ ขอบคุณนะครับ คุณชายที่อุตส่าห์ขับเบนซ์สปอร์ตมาส่ง”
“อ้าวนายไม่ไปกับฉันรึไง” ชานนท์สวนกลับ พาลจะเข้าไปลากแขนเขาซะเอง “ไปธุระกับฉันก่อน”
“นายถามฉันเมื่อไร ว่าฉันว่างไหม?….” อนุชัยขึ้นเสียงอย่างไม่ไว้หน้า จนเสียงทะเลาะของคนทั้งคู่ทำเอาพนักงานรวมทั้งเจ่ดวงออกมายืนลุ้นเรียงหน้าสลอน
“ทำงง ทำงานอะไร ยังเรียนอยู่แท้ๆ อย่าได้มาหลอกฉันเลยน้า…ไป ไปกับฉันขึ้นรถ”
“คุณชายครับ กระผมไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองแบบคุณชายนี้ขอรับ…กลางวันเรียน กลางคืนก็ต้องทำงานแบบนี้แหละ….คราวหน้าจะพาผมไปไหน กรุณาถามผมก่อนนะว่าผมว่าไหม?…เข้าใจแล้วก็เชิญกลับไปได้ ขอบคุณอีกครั้งที่กรุณามาส่ง” อนุชัยพูดยาวพร้อมกับส่งสายตาวิ๊บๆ วับๆ ให้
“นี่ นาย นาย อนุ ชาย นายนี้แสบมาก”
ชานนท์ไม่ทันพูดจบประโยคอนุชัยก็ถลาเข้าไปดึงคอเสื้อเข้ามากระซิบใกล้ๆ เมื่อ 2 ร่างแนบชิดจนกลิ่นกายของพวกเขารวมกันจนเกิดกลิ่นใหม่ขึ้นมาบางๆ อนุชัยจึงค่อยๆลากเสียงยานๆ ยาวๆ ที่ละคำ “บอก แล้ว ว่า อย่า บัง อาจ เรียก ชื่อ ฉัน เพราะ ฉัน ไม่ ใช่ เมีย น้อย ของ นาย จำไว้” เขาทิ้งคอเสื้อจนอีกคนถลา พนักงานที่กำลังยืนดูถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ เจ่ดวงทุบอกตัวเองตุบๆ หลายที
“นายแสบมากที่บังอาจหลอกใช้คนอย่างฉัน” ชานนท์บ่น ก่อนจะหัวเสียกลับไปขึ้นรถ เบ้นซ์สปอร์ตคำรามเสียงดังลั่นก่อนจะพุ่งหายออกบนถนนใหญ่ไปอย่างกับรถนินจาฮาโตริ
ที่บ้านสายสกุลพหลโยธิน 24
“คุณแม่คะ ดูไอ้หมอนั้นทำกับชายซิคะ ไม่เคยมีใครทำกับชายได้แสบเท่านี้มาก่อน…” ชานนท์อธิบายให้คุณหญิงพวงพร ที่เอาแต่หัวเราะตัวโคลงในห้องนั่งเล่นฟัง จนเธอมิวายต้องคว้ากระดาษซับหน้ามาซับน้ำตาที่กำลังจะล้น ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ชานนท์หัวเสียขึ้นไปอีก “คุณแม่”
“อนุชัยเขาพูดถูกนะชาย ก็ชายไม่ได้ถามเขาก่อนเองนิ ว่าเขาว่างไหม?” คุณหญิงพวงพรซับหางตาทีละข้างก่อนจะหัวเราะออกมาอีก “ฮาๆๆๆๆ…..ชายนี้น้า!”
“เออว่าแต่ทำไม นาย อนุชาย ถึงได้โกรธมากๆ เวลาชายเรียกชื่อเขาละคะ คุณแม่” ชานนท์นั่งจิบน้ำเบาๆ พลางขยับเข้าไปกระซิบถามแม่ใกล้ๆ “เขากระชากคอเสื้อชายแล้วบอกว่า อย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้นเพราะฉันไม่ใช่เมียน้อยของนาย อะไรทำนองนี้อ่ะคะ” ชานนท์ถลึงตารอคำตอบ
คุณหญิงพวงพรที่หยุดหัวเราะมาระยะหนึ่ง พอลูกชายพูดจบประโยคเธอก็หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “ฮ่า ฮ่า ฮา…..” และไม่มีท่าทีเธอจะหยุดลงง่าย จนชานนท์หน้าเริ่มงอเง้า บอกผิดหวังไปสิบโลก
“นี้ชาย…ฟังแม่ก่อนนะ” เธอฉุดแขนลูกชายไว้ก่อนจะลุกหนีออกจากห้อง “แม่เข้าใจอนุชัยแล้วละ….ชาย ชื่อของเขาออกเสียงคำหลังสั้นๆ อนุชัย ไหนลองพูดซิ”
“ห่า!…อนุ ชายยยย”
“ไม่ใช่….ชาย….แต่ออกเสียงสั้นว่า ชัย” เธอสอนแบบตั้งใจสุดๆ
“ชชชชชช…ชัย”
“อีกทีซิ อนุชัย”
“อ นุ ชัย”เขาทวนตามแบบตั้งใจสุดๆ เช่นกัน
“เออแบบนั้นแหละ เพราะคำว่า อนุ หมายถึงเมียน้อย ส่วนที่ชายออกเสียงชื่อคำหลังเป็น – ช า ย – นะ ชายคือชื่อของลูก อนุชัยเลยไม่พอใจไง” คุณหญิงพวงพรค่อยๆอธิบายที่ละคำ จนปรากฏรอยยิ้มซึ่งแฝงด้วยเลศนัยขึ้นมาบางๆ
“แสดงว่านายอยากเป็นเมียน้อยฉันมากๆ เลยซินะ อนุชาย” ชานนท์พึมพำกับตัวเอง
“ชายว่าอะไรนะ” คุณหญิงพวงพรถาม
“เปล่าๆ คะคุณแม่”
“เอ้!ไอ้ลูกคนนี้นี่….ไปๆ แม่จะไปพบเขาเอง ชายช่วยขับรถให้ที”
“คุณแม่คะ” ชานนท์คัดค้านเสียงหลง พาลเดินวนเป็นลูกเป็ดเมากาวหลายรอบ
“ไปแต่งตัว อยู่ไม่ไกลนี้เอง…เร็วเข้าเราจะได้ทานข้าวนอกบ้านไปในตัวซะเลย….แม่เตย แม่เตย” คุณหญิงพวงพรตะโกนเรียก ไม่นานแม่บ้านหน้าแหลมราวกับปลาทูกินยาลดความอ้วนก็ตรงเข้ามาหา
“คะคุณหญิง”
“เย็นนี้ไม่ต้องลงครัวนะ ฉันกับตาชายจะออกไปทานข้าวข้างนอก ส่วนท่านรัฐมนตรีติดประชุมที่พรรค คงจะเรียบร้อยมาจากที่โน้นแหละ”
“คะ คะ”