นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง จะให้เรียกนายว่าอะไร อนุชาย ตอนที่ 8
อนุชาย ตอนที่ 8
เกือบจะ 2 ทุ่ม ถ้านาฬิกาโรเล็กซ์ที่ข้อมือไม่ถูกตั้งให้เร็วกว่าเวลาจริง 10 นาทีตามนิสัยส่วนตัว การจราจรจากสี่แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน มุ่งหน้าสู่ถนนนวมินทร์ติดขัดเป็นช่วงๆ คุณหญิงพวงพรในชุดเรียบๆ สีน้ำตาลครีม ใบหน้าแต่งบางๆ เปิดเผยริ้วรอยตามวัยนั่งนิ่งๆ อยู่เบาะหลัง โดยมีชานนท์เป็นคนขับแทนคนขับรถที่เธอไม่ค่อยไว้ใจนัก และอีก 20 นาทีต่อมารถเบนซ์สีน้ำเงินคันใหญ่ก็แล่นเข้าไปในลานจอดของสวนอาหารสะบันงา พนักงานรับรถจึงเดินเข้าไปบริการตามระเบียบ
“ฉันอยากจะได้ที่คุยเงียบๆ เป็นส่วนตัวสักหน่อย” คุณหญิงพวงพรเอ่ยด้วยน้ำเรียบๆ ระดับกลาง พนักงานต้อนรับสาว 2 คนจึงเดินนำสู่เรือนรับรองที่แยกจากตัวอาคารใหญ่เข้าไปในสวนที่เปิดไฟสนามสีส้มทางทิศตะวันออก
“เชิญคะคุณหญิง” พนักงานต้อนรับเหมือนจะจำได้ นำเธอเข้าสู่ห้องกระจกติดแอร์อย่างสุภาพ ทันทีที่ทุกอย่างเข้าที่ พนักงานสาวที่อยู่ภายในจึงนำเมนูอาหารเข้ามาวางให้
“ดูเหมือนฉันจะมาที่นี้เป็นครั้งแรกนะเนี่ย….สวย และเป็นส่วนตัวดีมากๆ” คุณหญิงพวงพรเอ่ย ขณะที่ชานนท์หยิบเมนูอาหารขึ้นมาอ่าน “นี้หนู เอ่อ” เธอจ้องป้ายชื่อพนักงานที่ติดไว้ระดับอก “หนูแก้วจ๊ะ”
“คะคุณหญิง” พนักงานสาวสวยแต่งหน้าหนาเตอะ ริมฝีปากแดงสดเดินเข้ามารอรับคำสั่ง
“ฉันอยากพบเจ้าของร้านหน่อยจะได้ไหมคะ”
“อ้อ….” เธออึกอักสักครู่ก่อนจะพยักหน้า “คะๆ….คุณหญิงรอสักครู่นะคะ” แล้วเธอก็หายออกไปข้างนอกสักพัก เด่นดวง สาววัย 40 ปี อวบ ใบหน้ากลมสวยก็เดินนำเข้ามา
“สวัสดีคะคุณหญิง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณหญิงแวะมา”
“เออ…เธอ”
“อ้อ ขอโทษคะ ดิฉันเด่นดวงผู้จัดการดูแลที่นี่คะ” เจ่ดวงพูดแบบคนถ่อมตัว
“ที่นี่จัดได้น่ารักมากเลยนะ ดวง ฉันเรียกเธอว่าดวงเฉยๆ ได้ใช่ไหมคะ”
“คะ…ได้คะ…ว่าแต่นี้คือคุณชานนท์ใช่ไหมคะ” เจ่ดวงเหลือบไปที่ชายหนุ่ม เธอคงจำคนที่พึ่งมาส่งอนุชัยเมื่อก่อนค่ำ
“ใช่คะ ฉันลืมแนะนำไปเลย แกพึ่งกลับจากอเมริกาเมื่อ 2 อาทิตย์นี้เอง”
“สวัสดีคะคุณชานนท์” เจ่ดวงทักทายด้วยคำพูด
ชานนท์เงยหน้าขึ้นมายิ้มสบตานิดๆ ก่อนจะจมอยู่กับเมนูอีกรอบ
“เออ นี้ดวง คืออย่างนี้ ฉันอยากจะคุยกับอนุชัยสักชั่วโมง 2 ชั่วโมงจะเป็นการรบกวนเธอไหม” คุณหญิงพวงพรตัดสินใจพูดตรงๆ เจ่ดวงชะงักพยายามทำความเข้าใจ เธอนิ่งคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจถามออกไปตรงๆ เช่นกัน
“อนุชัย ไปทำอะไรไม่ดีรึคะคุณหญิง…” พูดจบเธอก็เกรงนิ่งราวกับรอลุ้นหวยรางวัลที่ 1
“อ้อ เปล่าๆ….แค่อยากคุยกับเขาเฉยๆ”
“หากเป็นเรื่องที่เกิดเมื่อหัวค่ำ…เออกับคุณชานนท์ที่ลานจอดรถนะค่ะ ดิฉันต้องขอโทษแทนอนุชัยด้วยนะคะคุณหญิง” เจ่ดวงพูดสีหน้าหวาดวิตก เธอก้มหน้าราวใช่กิริยานั้นแทนคำขอโทษอีกที
“ฮาๆ….ไม่ ไม่ ใช่เรื่องนั้น สบายใจได้ ฉันแค่อยากจะคุยกับเขาเท่านั้นเอง”
“ใช่ครับ เรื่องเมื่อหัวค่ำผมต้องเคลียกับเขาเป็นการส่วนตัว” ชานนท์แทรก “เรียกผมว่าชายเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“อ้อ….คะ คะ คะคุณชาย ดิฉันก็หายใจไม่ทั่วท้อง เพราะเห็นอนุชัยเกือบจะชกคุณเข้าให้…คะได้คะไม่มีปัญหา ดิฉันสบายใจละ เดี๋ยวจะตามมาให้…คุณหญิงจะสั่งอะไรก็สั่งกับน้องแก้วได้เลยนะคะ เดี๋ยวดวงจะลดพิเศษให้” เจ่ดวงปล่อยยาวใบหน้าเคร่งเครียดเมื่อครู่ผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด
“ว่าแต่คืนนี้ทางร้านได้อะไรพิเศษๆ มาบ้างหรือจ๊ะ” คุณหญิงพวงพรถาม
“ก็หลายอย่างคะ อาหารทะเล….”
“ไม่ ไม่ ไม่….ฉันอยากชิมอาหารพื้นๆ อาหารป่านะ”
“เออ ใช่ วันนี้เราได้เห็ดโคลนป่าขาวๆ มาเยอะเลยคะ รวมทั้งไข่มดแดงกับผักหวานด้วย แม่ครัวเป็นคนอีสาน ฝีมือเด็ดอย่าบอกใครเลยคะคุณหญิง”
“แบบนี้แหละที่ฉันชอบ….ดวงจัดมาเลยละกันนะ ว่าแต่อนุชัยเขาชอบทานอะไรดวงพอจะรู้ไหม” คุณหญิงพวงพรกระซิบ
“ไม่ต้องหรอกคะคุณแม่ ไอ้หมอนั้นชายจัดให้เขาเอง” ชานนท์เสียงดัง ทำให้เจ่ดวงถึงกับอดขำไม่ได้
“โอเคคะคุณหญิงถ้าอย่างนั้นดวงไม่รบกวนแล้วนะคะ เดี๋ยวจะตามอนุชัยมาให้….”
เมื่อเจ่ดวงเดินออกไป ไม่ถึง 10 นาที เด็กหนุ่มตัวสูงหน้าขาวก็เดินเข้ามาหา พอปะกับโจทย์เก่าเขาก็ยืนนิ่งไม่กล้ากระดุกกระดิก
คุณหญิงพวงพรจ้องสำรวจเด็กหนุ่มตาไม่กระพริบ เธอชอนไชไปทุกๆ ที่ จนชานนท์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มอึดอัด “คุณแม่คะ”
“เอ่อๆ ขอโทษ ขอโทษ ฉันเสียมารยาทไปหน่อย….นั่งก่อนเถอะอนุชัย” ทั้ง 3 สนทนาไปตอบโต้กันไปมาราวกับคนเคยรู้จักกันมานาน อาหารทยอยเข้ามาเสริฟบนโต๊ะทีละอย่างจนเต็ม กระนั้นก็ยังไม่มีใครแตะต้อง
“อนุชัย…พอเห็นหน้าเธอชัดๆ ฉันก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น….อย่าหาว่าคนแก่อย่างฉันจู้จี้จุกจิกเลยนะ ฉันมีเรื่องๆ หนึ่งอยากจะเล่าให้เธอฟัง” คุณหญิงวางรูปถ่าย 3 ใบ ลงระหว่างหนุ่มหล่อทั้ง 2 พลางผายมือราวจะบอกใบ้ ทั้งอนุชัย และชานนท์ต่างชะโงกจ้องที่ภาพถ่ายเหล่านั้น แต่คนที่ชักสีหน้าแปลกใจที่สุดเห็นจะเป็นอนุชัยมากว่า “เมื่อ 20 ปีที่แล้วฉันมีน้องสาว อันที่จริงไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ หรอก เธอเป็นลูกสาวแม่ครัวที่บ้านฉันนะ แต่เธอทั้งสวย ขยัน เรียนหนังสือก็เก่ง อาจจะเก่งกว่าฉันเสียด้วยซ้ำ เราถูกเลี้ยงคู่กันมาตั้งแต่จำความได้ เรามีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง
เมื่อเราเรียนจบ ม.ศ. 7 คุณพ่อก็ส่งฉันไปเรียนต่อที่อเมริกา เรา 2 คนเลยต้องแยกกันโดยปริยาย และเมื่อฉันเรียนจบแพทย์กลับมาเมืองไทย ฉันก็ทราบข่าวว่าเธอได้แต่งงานกับลูกชายครอบครัวใหญ่ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งฉันเองก็ปลาบปลื้มไม่น้อย ต่อจากนั้นไม่นานฉันเองก็แต่งงานกับเพื่อนรักของสามีเธอ โดยเธอเป็นคนแนะนำ ฉันดีใจมาก ดีใจที่มีน้องสาวอย่างเธอ บางครั้งฉันเองก็อดถามพระเจ้าไม่ได้ว่า ทำไมชีวิตของฉันกับน้องสาวคนนี้ถึงได้ลงเอยด้วยดีกันนัก….เราอยู่ด้วยกัน ดูแลกัน สามีเราทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนรักกัน มีอะไรเรา 4 คนจะคุยกันได้ทุกเรื่อง จนกระทั้งน้องสาวฉันตั้งท้อง ฉันก็ตั้งท้องหลังเธอ 3 เดือน” คุณหญิงพวงพรหยุดกลืนน้ำลาย พลางจิบน้ำส้มนิดๆ ชานนท์กับอนุชัยนิ่งฟังราวกับรูปปั้น 2 ตัว
“แล้วไงต่อคะ คุณแม่ ดูเหมือนเรื่องนี้ชายไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ชานนท์กระทุ้ง
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของฉันกันแน่ เธอมักจะร้องไห้บ่อยๆ และหนักขึ้นเรื่อยๆ กระทั้งคลอด ฉันนี้แหละเป็นคนทำคลอดให้เธอกับมือในขณะที่ตัวเองก็ท้องได้ 6 เดือนนิดๆ แล้ว พอเช้าวันต่อมาเธอกับลูกก็หายออกจากโรงพยาบาลและหายไปจากชีวิตฉันและสามีของเธออย่างถาวร สามีเธอทรมานมากพยายามตามหาทุกๆ ที่ที่มีข่าวแววเข้าหู แต่ก็สูญเปล่า” เธอหยุดหยิบกระดาษทิชชู่ในกระเป๋าซับบางๆ ที่หางตาทีละข้าง
อนุชัยหยิบรูปถ่ายแผ่นหนึ่งขึ้นมาพินิจพิจารณาใกล้ๆ แต่ก็ยังไม่พูดไม่จา แววตาอ่านไม่ออกได้แต่ไล่วนไปเรื่อยๆ
“เราทั้ง 3 พยายามตามหาเธอและลูกชายที่พ่อเค้าเป็นคนตั้งชื่อให้อยู่หลายปี…กระทั้งตัดใจคิดว่าคนทั้ง 2 ได้ตายไปแล้ว…”
“คุณหญิงกำลังจะบอกอะไรผมหรือครับ.” อนุชัยโพล่งขึ้น
“เปล่า ฉันก็แค่คนแก่ขี้บ่นเท่านั้นเอง” คุณหญิงพวงพรตัดบท “น้องสาวที่ฉันหมายถึงเธอชื่อ….” แล้วคุณหญิงพวงพรก็หยุด เธอกลืนน้ำลายลงคอและพ่นลมหายใจออกมายาวๆ
“คุณแม่คะ….” ชานนท์เห็นอาการ
“เธอชื่อพวงพร”
“คุณแม่……” ชานนท์สะดุ้งโหยง
“เดิมฉันชื่อพวงลัดดา….ชานนท์ได้ 2 ขวบฉันจึงเปลี่ยนเป็นชื่อของน้องสาว เพราะหวังว่าเธอจะอยู่กับฉันตลอดไป”
“คุณหญิงครับ ถ้าคุณหญิงเข้าใจว่าผู้หญิงในภาพจะเป็นแม่ของผม ถึงหน้าตาจะคล้าย แต่เธอไม่ใช่แม่ผมแน่ๆ” อนุชัยพูดขณะที่สีหน้าบอกกังวล เขาขบฟันแน่น จนชานนท์อดเหลือบมองไม่ได้ “ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่แม่แน่นอน”
คุณหญิงพวงพรตะลึงตาค้าง….เธอจ้องมาที่เด็กหนุ่มตาไม่กระพริบ “ฉันอยากจะเจอแม่เธอให้เร็วที่สุด”
อนุชัยส่ายหัวไปมา ชานนท์เอื้อมมือตบหลังคล้ายจะปลอบ กระทั้งอาการของอนุชัยกลับมาสู่จุดปกติ
“เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับ จะมีแค่เรา 3 คนเท่านั้นที่รู้….”
“ไม่มีทางเป็นไปได้” อนุชัยหลุดออกมาอีก
“ใช่หรือไม่ใช่ ขึ้นอยู่กับฉัน ถ้าเธอคือเด็กผู้ชายที่ฉันเป็นคนตัดสายสะดือให้ เธอต้องมีสัญชาตญาณที่จะไว้ใจฉันได้หรือไม่ได้” คุณหญิงพวงพรบีบริมฝีปากแน่นๆ สักพัก “…อนุชัยทั้งหมดขึ้นอยู่กับเธอ ถ้าเธอเลือกจะจบ ฉันก็จะได้สรุปว่าน้องสาวฉันได้ตายไปแล้วจริงๆ…และถ้าเด็กคนนั้นเป็นเธอ จะเป็นเธอเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยพ่อแท้ๆ ของเธอได้….”
“ผมไม่เข้าใจ”
“ยังไม่ต้องเข้าใจในเวลานี้….รอให้ฉันได้เจอกับแม่ของเธอก่อน ถ้าเป็นไปอย่างที่คิด ฉันจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังทีหลัง” คุณหญิงพวงพรสรุป สายตามุ่งมั่น และมั่นใจฉายออกเด่นชัด คืนไร้ดาวใช่ว่าจะไม่มีดวงดาวฉันใดความลับที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้หลังแสงพล่าระดับต่ำก็จะเป็นเช่นนั้น
จะให้เรียกนายว่าอะไร
เมื่อบทสนทนาจบลงทั้ง 3 ลงมือกับอาหารตรงหน้า ถึงรสชาติจะสุดยอด แต่ทุกคนก็ขมขื่นเกินกว่าจะกินให้อิ่ม กระทั้ง 5 ทุ่ม 15 นาที เมื่อคุณหญิงพวงพรเดินเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ชานนท์จึงเดินอ้อมเข้ามาหยุดที่อนุชัยในระยะเกือบชิด
“ที่นายพูดกับฉันเมื่อตอนเย็น ฉันรู้ความหมายของมันแล้วนะ”
“ทีหลังก็อย่าสะเหล่อเรียกฉันว่าเมียน้อยของนายอีกละกัน” อนุชัยกระทุ้งกลับ
“แล้วจะให้ฉันเรียกนายว่าอะไรดีละ…เมียหลวง หรือที่รัก”
“ชานนท์……” อนุชัยตวาด
“ผมชื่อชายครับ ไม่ทราบว่าสุดหล่อชื่ออะไรไม่ทราบ” ชานนท์ค้อมหัวพูดแบบให้เกียติหรือประชดอย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์
“เออ….ทีหลังเรียกว่านุ คำเดียวสั้นๆ พอ แต่ผมไม่มีทางเรียกคุณว่า คุณชายแน่ๆ”
“ทำไมอะ”
“ก็นายไม่เขินบ้างรึไง เวลามีใครตะโกนเรียกว่า คุณชาย คุณชายครับนะ”
“เฉพาะนายเรียกเท่านั้นแหละ แต่คนอื่น เฉยๆ ดีแล้วที่นายออกตัวซะก่อน” ชานนท์เชิดใบหน้าใส่ แต่ก็หันขวับกลับมาจ้องตาเขาอีก “นี้ๆ นะ นาย…นายเขินแสดงว่านายต้องคิดบ้าๆ กับฉันอยู่แน่นอน” ชานนท์แซว จนอีกคนออกอาการ แต่ก็ทำเป็นถอยห่างออกไป.“โอเค….นายจะเรียกฉันว่าอะไรก็ได้ ฉันอนุญาตแค่นายคนเดียวเท่านั้น….ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ นุ ฝันดีนะ อย่าลืมฝันถึงผมบ้างละ…..Good night” แล้วชานนท์ก็เดินอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่ง รถเบ้นซ์สีน้ำเงินคันใหญ่แล่นออกจากลานไปแล้ว แต่อนุชัยยังยืนนิ่งเขินอายหรืองงๆ อยู่ที่เดิม….เงารัตติกาลครอบงำได้หลายส่วน สุดท้ายแสงไฟประดิษฐ์ก็เปิดเผยหลายๆ ส่วนเช่นกัน…
“ไอ้คุณ….ไอ้เหี้ยคุณ”
เขาคือ ชานนท์ สายสกุล
เมื่อชานนท์และคุณหญิงพวงพรอยู่ภายในรถเพียงลำพัง เธอจึงเอ่ยกับลูกชายแบบคนถอดบทสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ชาย…” คุณหญิงพวงพรเรียกจากเบาะหลัง
“อะไรหรือคะ คุณแม่”
“ปีหน้าที่บิชติส โคลัมเบีย ชายเรียนปีสุดท้ายแล้วใช่ไหม”
“คุณแม่ มีอะไรรึเปล่าคะ เหลือทำธีสิส กับฝึกงานก็จบแล้วคะ”
“แม่อยากให้ชายโอนหน่วยกิจทั้งหมดมาเรียนต่อกับอนุชัยที่นี่” คุณหญิงพวงพรใช้น้ำเสียงเด็ดขาด
“อันที่จริงชายก็คิดๆ อยู่อะนะ เพราะฝึกงาน 3 เดือนชายก็ต้องมาฝึกงานกับคุณพ่อที่เมืองไทยอยู่แล้ว แต่ชายเบื่อรถติดที่นี้นะคะ ไปไหนมาไหนกะเกณฑ์เวลาไม่ได้สักที” เขาร่ายยาวพร้อมกับส่ายหัวไปมา แต่ก็ยิ้มออกในตอนท้าย “เออ ก็ดีเหมือนกันนะ ชายจะได้แกล้งไอัหมอนั้นได้บ่อยขึ้น”
“อะไรของชายนะ”
“คุณแม่ไม่สังเกตเหรอคะ เวลาไอ้หมดนั้นยิ้มนะ เหมือนกับเขาใช้หัวใจยิ้มแทนริมฝีปาก เห็นแล้วรู้สึกดีชะมัด ฮ่า ฮ่า ฮา”
“เด็กบ้า….” คุณหญิงพวงพรค้อนนิดๆ แต่ก็อดขำแบบเห็นด้วยไม่ได้ “แม่อยากให้ชายประกบเขา ถ้าอนุชัยเป็นลูกชายของอาอนุชาติจริงๆ เขาก็ไม่ต่างจากเป้าสังหาร” คุณหญิงพวงพรกดเสียงต่ำ ความรู้สึกเย็บวาบโรยจากหัวหลุดใต้ท้องรถ
“คุณแม่หมายความว่า”
“สปอร์ตไล้ท์ทุกดวงจะส่องตรงๆ มาที่ชาย ถ้าอนุชัยอยู่กับชาย เขาจะปลอดภัย…” คุณหญิงพวงพรสรุปด้วยปริศนา ชานนท์ได้แต่นิ่งรับฟัง ไตร่ตรองด้วยสติ ก่อนจะผงกหัวรับทั้งๆ ที่ยังไม่กระจ่าง “อีกอย่าง ถ้าชายอยู่ห่างจากหนูแครายได้ แม่ก็จะเบาใจมากขึ้นไปอีก”
“รักแครี่ให้มากๆ แต่ให้อยู่ห่างๆ คุณแม่ย้ำกับชายมา 2 ปี มันหมายความว่าอะไรคะ ชายเริ่มงงไปหมดแล้วเนี่ย”
“วันหนึ่งชายจะขอบคุณแม่ในเรื่องนี้ เชื่อแม่ซิ”
อีก 2 วันอนุชัยยังไปๆ กลับๆ ระหว่างสวนอาหารสะบันงากับมหาวิทยาลัยตามปกติ และวันที่ 3 ระหว่างนั่งรถกลับบ้านกับอาจารย์พิชัย บรรยากาศภายในเงียบเหมือนกับทุกครั้ง กระทั้ง 19.45 น. ขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยชุดลำลองผ้ายืดสีเทาเพื่อเตรียมสอบวิชาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมอยู่ภายในห้องทำงานที่มิดชิด อาจารย์พิชัยในชุดผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวก็เดินถือแก้วนมอุ่นๆ เข้ามาวางให้ข้างๆ โดยในมือของตัวเองก็มีชามะนาวมาด้วย เขานั่งลงขอบโต๊ะพร้อมกับลูบหัวอนุชัยไปมา กระทั้งเด็กหนุ่มซบใบหน้าที่เหนื่อยล้าลงบนตักสีขาว พวกเขาเงียบ เงียบ กระทั้งชามะนาวพร่องลงไปกว่าครึ่งแก้ว อาจารย์พิชัยจึงเอ่ยขึ้น
“เมื่อวานก่อนพี่เห็น นุ ขึ้นรถเบนซ์สปอร์ตสีดำไปกับใครเหรอ” เขาเหมือนจะแกล้งถาม ทั้งๆ ที่รู้อยู่ก่อนแล้ว
อนุชัยบดขยี้ใบหน้ามัวๆ ของตัวเองไปกับร่องผ้าเบาๆ เขาโอบกอดร่างครึ่งเปลือยด้วยวงแขนหลวมๆ “อย่าบอกนะว่าอาจารย์หึง”
“เปล่า!….” อาจารย์พิชัยพูดไม่เต็มเสียง มือที่ถือแก้วชามะนาวสั่นระริก
อนุชัยโอบกระชับเคล้าคลึงผ้านุ่มๆ หนักเข้าไปอีก “อาจารย์กำลังหึงแน่ๆ” เขาย้ำคำเดิม
อาจารย์ก้มลงจูบหลังศีรษะ ผมสีดำนุ่มๆ เผยกลิ่นแชมพูบางๆ “ใช่ๆ….พี่หึง พี่หวง พี่สับสน สารพัด นอนไม่หลับตลอด 2 คืนที่ไม่มีนุ เขาเป็นใครครับนุ หนุ่มหล่อไฮโซคนนั้นนะ”
อนุชัยยังไม่ตอบ เขาค่อยแกะปมผ้าขนหนูที่เหน็บไว้ด้านหลังให้หลุด “สำคัญด้วยรึครับอาจารย์ ว่าเขาเป็นใคร”
“สำคัญซิ เพราะพี่กลัวว่าวันหนึ่งพี่จะต้องเสียนุให้เขา” อาจารย์ค่อยแยกขาออก ปมผ้าหลุดแล้ว แต่ก็ยังห่อส่วนที่เหลือไว้ครบ “นุครับ พี่กลัว พี่กลัวทุกครั้งที่เห็นนุเดินขึ้นรถคันนั้น แล้ว แล้ว” เสียงเต้นหัวใจสลับลมหายใจถี่ๆ “แล้วนุก็หายไปกับเขา”
“แต่คืนนี้อาจารย์ยังมี นุ อยู่ไม่ใช่รึ จะนึกถึงพรุ่งนี้ ทำไมกัน” อนุชัยเอียงคอซ้ายที ขวาทีเพื่อสัมผัสกับสิ่งที่กำลังตื่นตัว “ใช่ไหมครับ….” และเขาก็จูบมันผ่านผ้าสีขาว
“นุ นุ ครับ…เขาชื่ออะไร พี่ พี่ เพียงอยากจะรู้เท่านั้น”
อนุชัยเงยใบหน้าอิ่มๆ ขึ้นมาสบสายตาที่กำลังหวานเยิ้ม แสงไฟสีขาวเผยอารมณ์ที่ดิดดิ้นให้อีกฝ่ายได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง เขาลุกถอดเสื้อผ้าตัวเอง ก่อนจะทึ้งร่างขาวๆ ให้พ้นผืนนั้น ทั้งคู่ล้มลงกับโซฟาแคบๆ แต่ก็พอดีกับทั้งคู่ “อาจารย์สนด้วยเหรอว่าเขาคือใคร” ปากพูดขณะกำลังไซ้ด์พรมจูบไปทั่ว
อาจารย์พิชัยพลิกตัวขึ้นค่อม ร่าง 2 ร่างปิดบังกันและกันจนมองเห็นราวกับ 1 เดียว “สนซิ….มากด้วย”
“เขาชื่อ ชานนท์ ลูกชาย ดร.ชวนนท์ สายสกุล รัฐมนตีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พอใจรึยัง….”
อาจารย์วิชัยนิ่งเงียบ ทุกสิ่งอย่างไม่ไหวติงราวกับโดนไฟฟ้าช็อต!
“อาจารย์ครับ อาจารย์เป็นอะไร เขาก็แค่ไปส่ง นุ ที่สวนอาหาร แค่นั้นเอง”
“แค่นั้นจริงๆ นะนุ” อาจารย์ยิงคำถามด้วยน้ำเสียงปกติ
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ลมหายใจอุ่นๆ กลิ่นกายเถื่อนๆ ยังอยู่ครบ กระนั้นร่างที่พันพัวอยู่ข้างบนก็ยังไม่ขยับ “อาจารย์ อาจารย์เป็นอะไร”
“เปล่า เพียงแต่พี่กลัวหนักขึ้นไปอีก กลัวว่าคุณชานนท์จะมาแย่ง นุ ของพี่….นุ เรียกพี่ชัยซิ นะ เรียกพี่ชัยเถอะนะ”
“นุ ไม่ชอบเค้า แล้วเค้าจะมาแย่ง นุ ไปได้อย่างไรละ…อีกอย่างเขาก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย” ประโยคสุดท้าย อนุชัยลงเสียงต่ำจนเห็นละอองพิษฟุ้งกระจายในโลกที่เงียบสนิท
อาจารย์พิชัยเผยยิ้มบางๆ ก่อนจะฝังใบหน้าใช้ริมฝีปากขบติ่งหูเบาๆ “ได้พี่เชื่อนุแล้ว เรียกพี่ได้หรือยัง”
“ครับพี่ชัย ครับ….”
“คืนนี้พี่ขอได้ไหม….” เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปาก อนุชัยก็ชะงัก เขาหลับตาราวกับคนคิดหนัก
“ไม่ได้ครับพี่ เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนิ ผมให้พี่ได้แค่นี้จริงๆ” อนุชัยพูดด้วยเสียงเกือบปกติ อาจารย์พิชัยหน้าสลดนิดๆ ก่อนจะบรรจงจูบไปทีละส่วน
“ถ้าไม่ต้องเสีย นุ ไป พี่ยอมทั้งนั้น” ดาวพัน หมื่น แสน ล้านดวงกำลังพร่างพรายอยู่ภายนอก ถึงทั้งคู่จะมองไม่เห็น แต่เมื่อแสงไฟดับพรึบลง มันก็ระยิบระยับจนเอื้อมสัมผัสได้ด้วยเสน่หา “โอ้ย!….พี่จะจูบนุให้ครบพันครั้ง…”
หนึ่งรัตติกาลไม่ยอมเผยสิ่งใด แต่เสียงครางกระเส่าจะกี่แสนรัตติกาลก็มิอาจปกปิด
“เขาคือคุณชายแห่งบ้านสายสกุลครับอาจารย์”