อนุชาย2 บทที่21 พี่ชาย
ก่อนที่งานปาร์ตี้จะจบ….
“พี่ชายคะ….” หมอแครรายเรียกดร.ชานนท์ขณะที่อนุชัยนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ฮื้อ!….”
“ขอตัวนุสักครู่นะคะ….” เธอบอกจุดประสงค์ ก่อนจะเป็นเสียงอนุชัยดังตามขึ้นติดๆ
“ตัวเองมีอะไรกับเค้ารึแคร”
“เออน่า!…เค้ามีเรื่องอยากถามตัวเองนิดหน่อย” หมอแครพูดเร็วๆ
“โอ้ย!….เดี๋ยวก็ตัวเอง เดี๋ยวก็เค้า….มุ้งมิ้งกันเหลือเกินนะจ้ะ” ดร.ชานนท์แซว จนอนุชัยอดสับกะโหลกไม่ได้ “โอ้ย!….เค้าเจ็บจริงนะตัวเอง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..” หมอแครรายหัวเราะไม่หยุด
“ไปเถอะแคร…ไปคุยด้านนอกดีกว่า….”……………
ที่บ้านตระกูลเชาว์ในคืนเดียวกัน
อีกไม่กี่นาทีก็จะ 23.00 น. อนุชาญจมอยู่กับขวดเหล้าตั้งแต่หลังอาหารเย็นกระทั้งเวลานี้ทุกคนภายในบ้านหลังใหญ่ต่างแยกย้ายเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องของใครของมัน มีเพียงยามที่จ้างเพิ่มอีก 2 คนเท่านั้นยังเคลื่อนไหวในเงาสลัวๆ เขาซี๊ด! ปาก เป่าลมอึดอัดทิ้งหลายครั้งก่อนจะปาแก้วเหล้าในมือเสียงดัง แพล้ง!…แตกกระจายที่ผนังมุมประตูทางออก ไม่นานแม่บ้านที่สื่อสารภาษาไทยไม่ค่อยชัดก็ตาลีตาเหลือกวิ่งออกมาพร้อมกับไม้กวาด
“โถ้! โว้ย” แพล้ง!….และขวดเหล้านอกขนาด 1 ลิตรในมือก็ปลิวไปแตกกระจายใกล้ๆ กัน จนแม่บ้านคนดังกล่าวแทบหลบไม่ทัน
“ว้าย!…..”
ยามหน้าบ้านวิ่งเข้ามาสมทบ นาทีนั้นเองชายลึกลับจึงได้โอกาสหมุนตัวผ่านประตูรั้วสแตนเลสหายเข้าสู่หลังบ้านได้อย่างง่ายดาย
“นายชาญ…..”
“หุบ!ปาก….” เขาหลุดพูดคำเดียวสั้นๆ ก่อนจะเดินลากขาเข้าไปในห้องทำงานแบบเซๆ…. “เฮียชาติหมา ทำไม ทำไม อั๊ว! ทำผิดอะไร อั๊ว! ไม่ดีตรงไหน ที่อั๊ว! ทำไปทั้งหมดก็เพื่อจะรักษากงสีบ้านตระกูลเชาว์ไว้ให้ได้เท่านั้น ทำ ไม ลึ! ถึงได้ใจร้ายทุบมันแตกเป็นเสี่ยงๆ เช่นนี้ อีกไม่กี่เดือนสมบัติที่เหลือก็ต้องถูกถ่ายโอนออกเป็นส่วนๆ ไม่เหลืออีกแล้ว ไม่มีอะไรเหลือสำหรับตระกูลเชาว์อีกต่อไป…ลึ!มันไอ้ชาติหมา…ลึ! มันเป็นเฮียที่เหี้ยที่สุดเท่าที่อั๊ว! เคยพบเคยเห็นมา….ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..” เสียงหัวเราะสั่นประสาทดังกึกก้องทั้งบ้าน กระนั้นทุกคนก็เลือกจะขังตัวเองนิ่งๆ อยู่ในความมืด ไม่มีใครนอกจากเขาที่เอาแต่พร่ำราวกับคนบ้าอยู่คนเดียว “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า….เดือนหน้าก็ต้องถ่ายโอนอีก 2 ส่วน อีก 2 ปี กงสีที่อาเตี่ย-อาม่าสร้างมา เก็บหอมรอมริบทั้งชีวิตก็ต้องถูกแจกจ่าย…ห่า! เอ้ย….ไอ้ชาติหมา ถ้าอั๊ว! ยังอยู่ มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น ไม่มีทาง ไม่มีทาง เฮียรอดู เฮียชาติหมารอดูก็แล้วกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“อาเฮียชาญ” และอยู่ๆ น้ำเสียงต่ำๆ ก็ดังขึ้นด้านหลัง อนุชาญที่อยู่ในอาการเมาจนแทบยืนไม่ไหวสะดุ้งนิดๆ ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องชา ทำให้ชายลึกลับมีโอกาสลงมือก่อนหลายนาที กระนั้นเขาก็ยังยืนนิ่ง หนวดเครารุ่งรังผมยาวปะบ่าไม่รู้จะเรียกทรงอะไรได้ปิดบังตัวตนจนหมดสิ้น อนุชาญช็อก จ้องเขาอยู่หลายนาที….ก่อนจะตาเหลือกค้างแบบคนอ่านออกพลางลนลานหันหลังจะวิ่งไปยังลิ้นชักแต่ก็ถูกขัดขวางไว้เสียก่อน “เฮียได้ฆ่าอั๊ว! ไปเมื่อ 15 ปีเรียบร้อยแล้วนี่ จะลนลานฆ่าอั๊ว! ซ้ำให้เสียมืออีกทำไมไม่ทราบ”
“อา อา ชา ลึ ลึ เองหรอกรึ!….” เขาจ้องชายคนนั้นเป็นครั้งที่ยาวนานกว่าเมื่อครู่ “อาตี๋เล็กของเฮีย…ฮื้อๆ” เขาสะอื้นเหมือนคนกำลังกลัวมากกว่าเสียใจ…. “อั๊ว! อั๊ว! ส่งรถไปรับ….แล้ว แล้ว ลึ! หายไปอยู่ที่ไหนมา รู้ไหมว่าอั๊ว! เป็นห่วงมากแค่ไหน”
“อาเฮีย…..”
“ตระกูเชาว์ก็เหลือแค่เรา 2 คนพี่น้อง อาตี๋เล็ก ทำไม”
“อั๊ว! ทั้งเคารพทั้งรักอาเฮีย และถูกอาเฮียปั่นหัวมาทั้งชีวิต….” อนุชาหยุดประเมินพลางหลับตาเชิดใบหน้าสู้กับหลอดนีออนบนฝ้าเพดาน “อาเฮียเคยรักอั๊วสักนิดไหม”
“ลัก ลัก รักซิ ถ้าอั๊ว! ไม่รักลึ! แล้วจะให้ไปรักหมาที่ไหนถูกต้องไหม….อั๊ว!ดีใจ อั๊ว! ดีใจในที่สุดลึ! ก็กลับบ้าน….”
“แล้วทำไม 15 ปี อาเฮียไม่เคยไปเยี่ยมอั๊ว! เลยสักครั้ง….” อนุชาหมุนตัวซี๊ด! ปากไปจ้องรูปวาดสีน้ำมันของอนุชาติ จนด้านหลังเปิดช่องว่างให้อีกคน…. “ถ้าเฮียชาติยังอยู่บ้านตระกูลเชาว์ก็น่าจะอยู่…อั๊ว! มาคืนนี้ก็เพียงจะมาขออโหสิกรรมกับเฮียชาติแค่นั้น” อนุชาพูดไม่ทันจบ อนุชาญก็เล็งปืนรออยู่ด้านหลังซะแล้ว
“ลึ! มันก็แค่ไอ้กากโง่ๆ ที่บังเอิญมาเกิดเป็นเครื่องมือที่หมดยุคให้อั๊ว!”
อนุชาเตรียมตัวเตรียมใจรับสถานการณ์…ค่อยๆ หันมาเผชิญ เขาใช้สายตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนที่ได้ชื่อว่าพี่ชายนาน นาน…. “อั๊ว! รู้ตัวอยู่ก่อนแล้วเฮีย….” เขาท้าท้ายพร้อมกับสาวเท้าใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
“หยุดนะ….ถ้าลึ! ไม่หยุดจะได้เป็นผีตามอาเอียชาติแน่ๆ” อนุชาญขู่
“ที่อาเฮียชาติอายุสั้นก็เพราะลึ! ด้วยใช่ไหม….อาเฮีย บอกอั๊ว! ให้ชัดๆ ลึ! เอาอะไรใส่อาหารให้เฮียชาติกินทุกวัน อย่าคิดว่าความลับจะมีในโลกนะ” อนุชาสั่นเกร็งขึ้นมาจริงๆ ปืนในมืออีกคนก็สั่นตามไปด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ไม่แค่เฮียชาติหรอก อีนังพวงพรก็ฝีมืออั๊ว! นี่แหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อนุชาญสารภาพหัวเราะยาวแบบคนชนะ
“มิน่าละ….ลึ! ถึงได้บินไปรัสเชียบ่อยๆ….มันคือคัตตาร์ตโนวีชอกใช่ไหม….” อนุชาถามพร้อมกับเดินเข้าไปหาอีก…จนปลายกระบอกปืนทิ่มหน้าผาก “เอาเลย ยิงอั๊ว! ให้ตายอีกคน 20 % ที่ไม่ยอมถ่ายโอนจะได้ตกเป็นของลึ!คนเดียว…เอาเลย ยิงอั๊ว! ยิงให้ตายเสียคืนนี้ ตรงนี้ ตรงที่ๆ อั๊ว!เกิด เอาเลยอาเฮีย ลงมือได้เลย อั๊ว! เตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้มานานเหลือเกิน อย่าให้ความฝันของอั๊ว! สลาย….และอย่าให้ความฝันของลึ! ต้องมลายเช่นเดียวกัน” อนุชาเสียงสั่น ร่างทั้งร่างกรอบเกร็งราวกับกระดูกจะปูดโปนออกนอกกล้ามเนื้อ….ในขณะที่ปืนในมือของอีกคนก็ไม่มั่นคงจนลดระดับลงเรื่อย ๆ…..
“ทำไมลึ! ไม่ฆ่าอั๊ว!ละอาเฮีย….อาเฮีย….ทำไมไม่ลงมือ อาเฮียครับ….ทำไม” อนุชายังท้าทายไม่หยุด ความโกรธแค้นทั้งมวลค่อยๆ กลั่นออกมาเป็นน้ำตา…..อนุชาญคล้ายจะอ่อนลงสุดท้ายด้ามปืนในมือก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าจนอนุชาล้มกลิ้งไปติดผนังแบบเดียวกับเศษกระดาษก้อนปั้น
“อั๊ว! มีวิธีฆ่าลึ! หลายวิธี ฮ่า ฮ่า ฮ่า….” เขาหัวเราะจนตัวโคลง “วิธีไหนที่อั๊ว! จะกลายเป็นพ่อพระ….อั๊ว! จะเลือกวิธีนั้นจำไว้”
“อาเฮีย อาเฮีย อาเฮียครับ……”
“พ่อพระอย่างอั๊ว!….ไม่เคยรู้จักไอ้ขี้คุกอย่างลึ!….และไม่เคยนับว่าลึ! เป็นน้องชายตั้งแต่โดนศาลตัดสินเด็ดขาด….จำใส่กะโหลกผุๆ ของลึ! ไว้ด้วย….” เขาใช้หางตาเหยียดหยามสักพักก่อนจะใช้เท้าเตะตัดเข้าลำตัวสุดแรง…จนอนุชาตัวงอเป็นกุ้งแห้งไร้พิษสง
“โอ้ย!…..อาเฮีย…..”
“ออกจากบ้านอั๊ว!เดี๋ยวนี้” อนุชาญตวาดไล่พร้อมกับเปิดประตูตระโกนสุดเสียง “ช่วยด้วย ช่วยอั๊ว!ด้วย โจรเข้าบ้าน มันจะทำลายร่างกายอั๊ว!….ช่วยด้วย ช่วยอั๊วที”
อนุชาค่อยๆ ยันตัวเองลุก เขามองพี่ชายด้วยสายตาอ่านไม่ออก…..กระทั้งยาม 2 คนกรูเข้ามาลากออกไปยังโถงทางเข้า….แสงนีออนสีขาวอาบเขาจนสมบูรณ์แบบ “มองหน้าอั๊ว! ให้ดีๆ….รู้แล้วปล่อย อั๊ว! จะได้กลับ” อนุชากดเสียงต่ำใกล้หูยามที่เขารู้จักดี
“นี่ นี่ มัน นาย นายชานิ!…..นายชาญ นายชาญครับ นี่นายชาน้องชายนายไม่ใช่รึ!…..” ยามคนเก่าคนแก่บอกเสียงสั่น อนุชาญที่อยู่ในอาการมึนเมาถลาโยนหมัดเข้าใส่จนยามคนนั้นล้มกลิ้งไปกับพื้น…
“เสือกดีนัก”
“………..อาเฮีย” อนุชาหลุดเรียกเพียงเท่านั้นเขาก็ค้อมหัวให้ก่อนจะหันหลังสาวเท้าออกไปรวมกับเงารัตติกาล….
“บ้าเอ้ย!….” อนุชาญโวยวายหันหลังกลับเข้าห้องพร้อมกับเสียงปิดประตูดัง ปัง!…
(ฮัลโหล…..)
“ตามล่า DEATH01AC อย่าให้รอดคืนนี้ พิกัดที่ ………ด่วน!” หลังจากอนุชาญวางสาย…..เสียงโหยหวนก็ตามขึ้นติดๆ “โถ!….อาชา อาตี๋เล็กของเฮีย ฮื้อๆ”
เช้าวันศุกร์อีก 3 วันต่อมา…
บนชั้น 18 ของตึก N. Tower ถนนสุขุมวิท หญิงสูงวัยหลังค่อมอายุน่าจะเลย 60 หลายปีมาด้วยชุดเสื้อผ้าเรียบๆ ผมสั้นสีดอกเลาทรงดอกกระทุ่มแขวนกระเป๋าผ้าไหมสีน้ำตาลที่ข้อศอกโดยมียามจากชั้น1 ประคองแขนสั่นๆ เข้าไปในบริษัท APT. Group เธองกๆ เงิ่นๆ จ้องป้ายบริษัทสีเงินแวววาวอยู่พักใหญ่ก่อนเสียงรปภ.กับเลขาจะดังขึ้นใกล้ๆ
“สวัสดีคะคุณป้า….เห็นพี่รปภ.แจ้งว่าคุณป้ามาขอเข้าพบท่าน…”
“อนุชัยคะ….” เธอพูดสวนเร็วๆ พลางปล่อยรอยยิ้มเบิกทาง
“อ้อ!….แล้วคุณป้าได้นัดไว้ล่วงหน้าหรือเปล่าค่ะ” เธอถามต่อพลางเข้าประคอบแขน “เชิญคุณป้าที่ห้องรับแขกก่อนเถอะคะ…..”
“ฉันลืม…ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เธอบอกพลางปล่อยอาการแบบคนผิดให้เห็น
“เชิญคุณป้านั่งรอสักครู่ค่ะ ดิฉันจะต่อสายคุยกับบอสให้ ว่าแต่คุณป้าชื่ออะไรคะ มีประเด็นสำคัญหรือเปล่า”
“ดิฉันชื่อแขไขค่ะ….บอกเขาแค่นี้พอ ขอบคุณมากค่ะ” เธอนั่งลงด้วยอาการชราก่อนแม่บ้านจะยกน้ำเย็นมาวางให้ “ขอบคุณมากค่ะ” แขไขยกมือไหว้จนแม่บ้านลนลานวางถาดพลาสติกไหว้ตอบเร็วๆ
“คุณป้าขา…อย่าไหว้หนูเลยคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันคงจะชินนะ”
ไม่ถึง 10 นาที เลขาสาวก็เดินเข้ามานำเธอลงไปรอที่ร้านกาแฟชั้น 17 แขไขนั่งลงที่มุมผนังกระจกโล่งๆ วิวกรุงเทพฯ ในมุม 270 องศาทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง 15 ปีที่เห็นแต่ผนังรั้วสูงๆ ล้อมด้วยลวดหนามสร้างความรู้สึกปลอดภัยมากกว่าตรงนี้ เธอเกือบจะลุกกลับหากชายรูปร่างสูงขาววัย 37 ไม่เดินเข้าหยุดตรงหน้าเธอเสียก่อน
“คุณ……” อนุชัยไม่ทันเรียกชื่อ แขไขก็เกิดอาการชะงักค้าง เขาเองก็จ้องสำรวจหญิงชราหลังค่อมไม่กระพริบ
“ชั่งเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของเธอเสียจริง ๆ” แขไขพูดลอยๆ อนุชัยยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่
“คุณป้าแขไข….ใช่ไหมครับ เชิญคุณป้านั่งลงก่อน เห็นเลขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย” อนุชัยพูดอย่างคนกะประมาณ
“ค่ะ ป้ามีเรื่องสำคัญจะบอก”
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับคุณป้า” อนุชัยถามพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน “แล้วเมื่อครู่คุณป้าบอกว่าผมเหมือนกับพี่ชายแท้ๆ….คือผมตัวคนเดียวไม่มีพี่ชาย….เอ่อ…คุณป้าจำคนผิดหรือเปล่าครับ”
แขไขยิ้มสำรวจใบหน้าเรียวๆ ขาวๆ “ไม่หรอกค่ะ ป้าจำเธอได้ขึ้นใจเชียวละ” เธอปล่อยเวลาให้เงียบ “แต่เธอคงจำป้าไม่ได้”
อนุชัยส่ายหน้ายิ้มให้เธอเห็น…….
“มันก็ 15 เกือบๆ 16 ปีเข้าไปแล้วนี่นะ หึ หึ หึ…..ถ้าจะพูดกันตรงๆ เราสองคนแทบไม่เคยพบหน้ากันเลยด้วยซ้ำ หึ หึ หึ” เธอหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเห็นแววตาของอนุชัยสว่างวาบขึ้นมา
“หรือว่า……”
“คะดิฉันแขไข เป็นแม่ของแครราย อดีตคนรักเก่าของเธอไงละ”
อนุชัยยกมือปิดปากแบบคนทำอะไรไม่ถูก……
“ฉันรู้จักเธอดีอนุชัย และฉันก็อยากมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลให้เธอได้รู้และ….” แขไขเว้นจังหวะเป่าลมทิ้งยาวๆ “และอยากให้เธออโหสิกรรมก่อนที่ฉันจะบวชตลอดชีวิต”
“คุณป้า…..”
“เธอฟังฉันให้ดี….เรื่องราวในบ้านตระกูลเชาว์ค่อนข้างสลับซับซ้อน”
เมื่อได้สติ อนุชัยก็พยักหน้านำร่อง
“หลังจากที่ฉันกลับมาจากอังกฤษ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายที่ครอบครัวหาให้จะมีภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้ว หลังคืนแต่งงานฉันก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายแม่ของเธอรวมทั้งตัวเธอเองแบบที่ฉันไม่ทันคิด ฉันสารภาพตรงนี้เลยว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใครทั้งนั้น แต่ในเมื่อความทะเยอทะยานสูง กิเลสปิดหูบังตา ใครเสนออะไรให้ ฉันก็อยากได้ไปเสียหมด…กระทั้งเรื่องเลวร้ายที่ฉันได้ก่อขึ้นวกกลับมาเล่นงานฉันเสียเอง….”
“คุณป้า…..” อนุชัยตกตะลึง…หลังมือเริ่มสั่นให้เห็น
“อนุชัย….เวลานั้นป้าเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักเมืองไทยน้อยมาก เกมสกปรกโสมม ป้าจึงตามไม่ทัน การตกเป็นเครื่องมือคนๆ หนึ่งมาโดยตลอดทำให้ป้าเองก็ทนไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะแม่เธอคนเดียวที่โดนสารพิษคัตตาร์ตโนวีชอก ตัวฉันเองก็โดนจนต้องกลับไปรักษาตัวที่อังกฤษหลายปี ฉันผิดหรือที่ชวนนท์เข้ามาช่วยเหลือขณะที่สามีตัวเองไม่ยอมร่วมหลับนอนด้วย….แต่อนุชาติก็ประหนึ่งพ่อพระ ฉัน ฉัน…” แขไขนิ่งจนคล้ายจะพูดต่อไม่ไหว อนุชัยจึงขยับแก้วน้ำชาอุ่นๆ ที่เห็นควันสีเงินลอยม้วนเป็นเกลียวให้
“แครรี่จึงไม่ใช่…..”
“ใช่! เธอคงจะรู้อยู่แล้วว่าแครรายเป็นลูกของชวนนท์ ไม่ใช่อนุชาติพ่อของเธอ…..” แขไขหยุดจิบน้ำชาอีกรอบ “อนุชัย ทุกคนในบ้านตระกูลเชาว์โดนสารพิษที่ว่าเล่นงานแทบทุกคน ยกเว้น….” เธอหยุดจ้องดวงตาที่กำลังสับสน
“ใครกันครับ…..” อนุชัยกระตุ้นถาม
“อนุชาญ….” แขไขลงน้ำเสียงต่ำ
“นั้นก็หมายความว่า….”
“พ่อของเธอเองก็โดนสารพิษตัวนี้เล่นงานสะบักสะบอมจนต้องหนีไปรักษาตัวที่แวนคูเวอร์ แต่อนุชาติก็ไม่รอด”
“หา!….คุณพ่อ” อนุชัยอุทานพลางเบนหน้าหนีไปทางอื่น เขาหลับตาซึ๊ด! ปากปิดอารมณ์อยู่ครู่ใหญ่ แขไขจึงพยักหน้าอีก
“อนุชาติโดนสารพิษในปริมาณน้อย….แต่ที่ฉันมาพบเธอในวันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังหรอกนะ….อนุชัย” แขไขเรียกชื่อเขาแบบจริงๆ จังๆ จนเจ้าตัวอดวูบวาบเย็นตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าไม่ได้ “อนุชัยก่อนที่ฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเชาว์ พ่อของเธอ ฉันหมายถึงอนุชาติมีลูกชายวัยเกือบ 2 ขวบกับสาวเชียงตุงอยู่ก่อนแล้ว”
“หา!….อะ อะไรนะครับ”
“เธอได้ยินไม่ผิดหรอก เธอมีพี่ชายแท้ๆ อยู่แล้วคนหนึ่ง…..”
“คุณป้า!….” อนุชัยขึ้นเสียงสูงขมวดคิ้วเข้าหากันราวกับคนไม่เชื่อ
“เธอมีพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งอนุชัย….ฉันเป็นคนส่งแม่เขากลับเชียงตุงเอง เพราะหากเธอยังอยู่ในบ้านมีหวังเธอกับลูกน้อยไม่รอดแน่นอน….”
“คุณป้า!….”
“เขาคนนั้นอยู่ไม่ไกลจากเธอ….และเป็นคนที่เกือบจะฆ่าเธอเองด้วย”
“เขาเป็นใครครับคุณป้า….”
“พี่ชายเธอชื่อปกรณ์….” ทันทีที่ชื่อนั้นหลุดจากปาก อนุชัยก็ช็อกตาตั้ง…..
“ปกรณ์….ปกรณ์คือพี่ชายแท้ๆ ของผมเหรอครับ” อนุชัยค่อยๆ เรียบเรียงด้วยอาการไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ “ปกรณ์…..”
“ใช่ปกรณ์ที่เคยเป็นคนขับรถให้กับฉัน….แต่เวลานั้นฉันก็หน้ามืดตามัว แทนที่จะเลี้ยงดูเขาในฐานะลูกชายตามที่แม่แท้ๆ ได้ฝากฝัง….ฉันกลับเห็นเขาเป็นทาสกามารมณ์….ใช้เขาเป็นทาสตัณหา”
“ไม่…ไม่….คุณป้าครับนี้มันแค่เรื่องเล่าปรัมปราไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมครับ” อนุชัยถามกลับในลมหายใจเดียวกัน
“เรื่องจริง…..ปกรณ์คือพี่ชายแท้ของเธอ”………แขไขหยุดประเมินอาการสักครู่ “ฉันถึงได้มาพบเธอ อยากบอกเรื่องนี้ และ และ…….”
“คุณป้าครับ”
“ฉันอยากฝากปกรณ์….ช่วยดูแลเขาแทนฉันด้วย….”
“ทำไมครับ ผม ผมตามไม่ทัน”
“เพระเขาคือทายาทอันดับที่ 4 ของบ้านตระกูลเชาว์ เขากำลังตกเป็นเป้าสังหารพอๆ กับอานนท์ ลูกชายของเธอนั้นแหละ” แขไขบอกจนหมดเปลือก ก่อนจะถือวิสาสะรวบมือเขาไปกุมเรียกความรู้สึก “แต่ก่อนป้าเคยรักเขาในแบบคนรัก….แต่ปัจจุบันป้ารักและเป็นห่วงเขาไม่ต่างกับลูกชายคนหนึ่ง ฝากดูแลเขาแทนป้าด้วย” อนุชัยนิ่ง พร้อมกับชักมือกลับด้วยอาการช็อก!
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณป้าว่ามา เขาต่างหากที่ต้องดูแลผม….”
“ปกรณ์กำลังตกอยู่ในอันตราย อนุชัย….พี่ชายของเธอกำลังตกเป็นเป้าสังหาร….หากวันหนึ่งเขาเกิดพลาด” แขไขยกมือปิดปากและน้ำตาเม็ดแรกก็หยดให้เห็น “ป้า ป้า คงรับไม่ไหว….พี่ชายเธอคือทองแท้อนุชัย….เด็กที่ฉันเห็นเป็นทาสกามารมณ์ทั้งชีวิตแต่กลับเป็นห่วงเป็นใยคอยดูแลฉันยิ่งกว่าลูกในไส้…..ฉันรับไม่ได้หากเขา……ฮื้อๆ”
อนุชัยรวบมือเธอมาตบปลอบ……. “คุณป้าครับ….ขอเวลาผมทำความเข้าใจหน่อย”
แขไขพยักหน้าขณะที่เวลากำลังเดินเข้าสู่เที่ยงวัน…เธอเช็ดน้ำตาอัดลมเข้าสู่ปอดจนเห็นดวงตาฉ่ำชุ่ม
“ชีวิตฉันพอแล้ว….ฉันตั้งใจจะบวชตลอดชีวิต….เรื่องเลวร้ายที่ได้ทำไว้กับเธอรวมทั้งพวงพรแม่ของเธอ…. เธอพอจะอโหสิกรรมให้ฉันได้ไหม….”
อนุชัยจ้องใบหน้าของหญิงชราราวจะอ่านความรู้สึกให้แตก…. “ขอเวลาผมหน่อยแล้วกัน”
“ฉันเข้าใจ….หากฉันเป็นเธอ ฉันก็คงต้องใช้เวลาเรียบเรียงหลายอาทิตย์หรืออาจจะหลายเดือน….แต่อย่างน้อยเมื่อฉันได้พูด ได้บอกเรื่องที่ควรบอก ฉันเองก็สบายใจแล้วละ” แขไขพูดแบบคนปลงตก เธอมองหน้าอนุชัยอยู่นานก่อนจะฉายรอยยิ้มให้เห็น
“เธอเหมือนเขามากๆ อนุชัย”
“เหมือนพี่ชายผมใช่ไหมครับ”
“จ้ะ….เหมือนจนฉันตกใจเชียวละ”
“ขอบคุณคุณป้ามากๆ ที่เสียสละเวลามานั่งเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้ฟัง…ทำให้ผมรู้จักชีวิตตัวเองมากกว่าเดิม….”
“….ป้าเองก็สบายใจที่ได้พูด….ป้ารบกวนเวลาพอสมควรเห็นทีต้องขอตัวกลับซะที”
“แล้วเวลานี้คุณป้าพักอยู่ที่ไหนครับ” อนุชัยถามกลับตามมารยาท แขไขลุกมองหน้ายิ้มๆ
“ทนายอำพลขอปิดเป็นความลับ แต่พี่ชายของเธอรู้ดี….” พูดจบแขไขก็ยกมือไหว้เขา จนอนุชัยก้มรับไหว้ตอบแทบไม่ทัน
“คุณป้าครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ….คนบาปอย่างป้าได้ไหว้คนดีๆ อย่างอนุชัยก็ถือว่าเป็นบุญ…ป้าลาเลยนะคะ”
อนุชัยมองตามหลังหญิงชราหลังค่อมกระทั้งลับมุมผนัง วิวของ กรุงเทพฯ บนชั้น 17 ยังกว้างใหญ่แต่สิ่งไม่คาดคิดที่ใหญ่ยิ่งกว่า…อันตรายยิ่งกว่าเมืองหลวง รอเขาอยู่…..ถ้าปกรณ์พลาด พี่ชายคนเดียวที่ความจริงเพิ่งเปิดเผยจะเป็นเช่นไร….นาฬิกาเอย เวลาเอย บอกได้ไหมว่ามีอะไรรออยู่ในวันข้างหน้า….ได้โปรด
จบ อนุชาย2 บทที่21 พี่ชาย