อนุชาย2 บทที่37

อนุชาย2 บทที่37

นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อนุชาย2 บทที่37

อนุชาย2 บทที่37 งานแต่งไฮโซ

#ชายคะ นุคะ หลังจากที่เราได้คุยกัน…กิ้งก็มั่นใจมากขึ้นว่าลูกของเราจะโตตามธรรมชาติที่เขาเป็นอย่างสง่างาม ในเมื่ออาตี้โหยหาพ่อมากกว่าแม่ การจดทะเบียนหย่าในครั้งนี้จึงเสมือนว่ากิ้งได้มอบความมั่นใจไว้ที่ชายกับนุเป็นหลัก ฝากดูแลเค้าด้วย กิ้งดีใจที่ได้เห็นครอบครัวแสนวิเศษที่กิ้งเองก็อดอิจฉาไม่ได้ กิ้งจะพยายามทำให้ได้เช่นกันค่ะ อาตี้โชคดีที่มีพ่ออย่างชายและนุ ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ และคนสำคัญที่อยากขอบคุณนั้นก็คืออาตี้ กิ้งต้องขอบคุณเค้าที่ทำให้เรา 3 คนได้มาเจอกัน ขอบคุณอีกครั้งและหวังว่าชายกับนุจะบินไปจดทะเบียนสมรสให้เรียบร้อยเร็วๆ นี้ เพราะกิ้งเชื่อว่าอาตี้เองก็ปรารถนาเช่นนั้น#

อนุชัยกับดร.ชานนท์นั่งอ่านข้อความผ่านโปรแกรมไลน์คนละมุมและเป็นคนละมุมที่ปรากฏรอยยิ้มบางๆ ฉายผ่านความเงียบไปทีละชั้น

“นุ….” อยู่ๆ เสียงดร.ชานนท์ก็ดังขึ้น อนุชัยยิ้มต่อเนื่องพร้อมกับยกคิ้วสูงรอ “นายเคลียร์งานสักเดือนนะ”

“ทำไมละ…”

“หลังงานแต่งเราจะบินไปจดทะเบียนสมรส ที่อเมริกา”

อนุชัยนิ่งราวกับรูปปั้น….จนดร.ชานนท์แสดงอาการรำคาญให้เห็น

“นายนี้นะ…..”

“ไอ้คุณ…”

“อย่าโยกโย้ได้ปะ หรืออยากเป็นอนุชายของฉันไปจนวันตาย”

อนุชัยมองหน้าดร.ชานนท์ก่อนจะลุกเดินไปหยุดหน้ากระดานชนวนที่ยังว่างเปล่า เขาหันหลังให้ทุกสิ่งราวกับไม่ใส่ใจกระทั้งหยิบช็อกหินเขียนบางอย่างทีละคำ…ทีละประโยค

#กฏเขกกะโหลก

ข้อที่ 1 ท่าบอกรักให้ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งลูบที่กะโหลก อนุญาตให้ตบเบาๆได้

ข้อที่ 2 ท่าบอกหมั่นไส้หรือรำคาญ ให้เขกกะโหลกได้แต่ห้ามแรง

ข้อที่ 3 ท่าบอกโกรธแต่ยังรักให้ใช้ฝ่ามือตบหน้าหรือกะโหลก น้ำหนักที่ตบอยู่ที่อารมณ์โกรธนั้น ๆซึ่งผู้ถูกตบจะต้องประเมินเอง

ข้อที่ 4 ท่าบอกเกลียดหรือบอกเลิกให้ใช้กำปั้นชกเข้าที่ใบหน้าหรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่งแรงสุดชีวิต

อนุชัยหันมายิ้มสั้นๆก่อนจะกลับไปเขียนเพิ่มเป็นข้อสุดท้าย….

ข้อที่ 5 ท่าจะให้ดีให้ยกเลิกข้อ 4….เพราะจะไม่มีวันนั้นแน่นอน#

“นุ!….” ดร.ชานนท์นั่งจ้องอยู่นานถึงกับลุกอุทานเบิกตาค้าง

“ตกลงชานนท์…และฉันอยากไปจบเรื่องราวทั้งหมดที่ชิมะ” อนุชัยพูด ดร.ชานนท์ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาพุ่งเข้ามากอดอนุชัยแน่น “ฉันไม่อยากเป็นอนุชายของนายอีกแล้ว”

“ได้ ได้…ชิมะจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายของเราที่รัก ฉัน ฉัน…”

“นายจะร้องไห้หาพระแสงอะไรไม่ทราบ” อนุชัยขึ้นเสียงดุแต่ก็ยังลูบหัวปลอบ

“ฉัน ฉันดีใจ ดีใจมากต่างหาก ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง”

อนุชัยจูบหน้าผากเบาๆ “นายช่วยอ่านกฎเขกกะโหลกข้อที่ 5 ให้ฉันมั่นใจอีกทีดิ”

ดร.ชานนท์ดันอนุชัยออกพร้อมกับจ้องไม่กระพริบ กระทั่งเวลาเดินเข้าสู่นาทีที่ 7 สายตาคู่เดิมก็เบนไปหยุดที่กระดานชะนวนบนผนัง Loft สีเทา “มันเริ่มต้นจากข้อที่ 4 ต่างหาก….” เขายิ้ม “ฟังฉันให้ขึ้นใจนะ…ข้อที่ 4 ท่าบอกเกลียดหรือบอกเลิกให้ใช้กำปั้นชกเข้าที่ใบหน้าหรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่งแรงสุดชีวิตและข้อที่ 5 ท่าจะให้ดีให้ยกเลิกข้อ 4….เพราะจะไม่มีวันนั้นแน่นอน…ในเมื่อนายชอบชิมะมากกว่าวิคตอเรีย ฉันเองก็ไม่ขัดข้อง…แต่ไข่มุกแห่งชิมะเคยทำให้นายเจ็บปวด เคยทำให้เราทั้งคู่เจ็บปวดมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันไม่เข้าใจทำไมนายถึงชอบที่นั้น อนุชัย นายคิดอะไรของนายอยู่ไม่ทราบ”

อนุชัยเดินไปหยุดติดกับผนังกระจก ที่ด้านนอกเห็นต้นแคนากำลังเขียวครึ้มบังแดดยามใกล้เที่ยงไม่ให้เข้าถึงตัวบ้าน เขานิ่งสงบจนดร.ชานนท์เริ่มหวั่นไหวจนอดเดินอ้อมไปนั่งลงกับเปียโนสีดำที่ตั้งอยู่ข้างๆ ไม่ได้

“ไข่มุกแห่งชิมะไม่ได้มีแค่สีเทาสีเดียวหรอกชานนท์ แต่ยังมีสีขาว ชมพูและดำ….” อนุชัยหันมายิ้มบางๆ “มันจะเป็นเครื่องเตือนใจให้รำลึกถึงความเจ็บปวดในอดีตและจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกในอนาคต”

ดร.ชานนท์ยิ้มหน้าบานก่อนเสียงเปียโนจากปลายนิ้วจะถูกบรรเลงตามคำพูดเนิบๆ “ฉันแต่งเพลงนี้ไว้นานแล้ว…หวังว่านายจะชอบ…..ลมหายใจของนกป่า….”

อนุชัยกอดอกยิ้มรอ เมื่อปลายนิ้วไล่ตัวโน้ตจนจบท่อนแรกน้ำเสียงเย็นๆ กับแววตาฉ่ำๆ จึงได้เริ่มต้น

………เมื่อตะวัน พลันแจ่มเจิด จรัสฟ้า……..

……….ฝูงนกป่า ก็บ้าบิ่น บินถลา………

………สะบัดปีก หลีกกิ่งก้าน ผ่านไปมา……….

………ฉายแววตา ซาบซ่าซ่าน พาลซวนเซ……….

………รอยยิ้มเอย พริ้มพิมพ์ใช้ หัวใจสื่อ……..

………ทำข้าตื้อ มืดตึ๊บร้าง อ้างว้างเหลือ ……..

………เจ้าเป็นชาย ข้าก็ชาย ใยต้องเจือ………

………นัยยะเอื้อ  ราวเอ่ยรัก ประจักษ์ตา……….

………ฤๅโลกกลม กลับเปลี่ยนทิศ ให้คิดหา………

……..ว่านกป่า พานอนคอน หมอนเคียงฝัน………

……..ร่วมเตียงร่าง สร้างเสริมสุข  ทุกคืนวัน………

……..จักแบ่งปัน หันหน้ารวม ร่วมหายใจ……..

“นายคือลมหายใจของฉัน อนุชาย”

อนุชาย2 บทที่37

หลายเดือนต่อมาที่โรงแรมพลาซ่าแอททีนี่….

แสงไฟในยามค่ำบนถนนวิทยุเวลาปกติปกติก็งดงามอยู่แล้วยิ่งในคืนพิเศษหน้าโรงแรมแห่งนี้ก็ถูกประดับประดาไปด้วยดวงไฟกระจิริดสีขาวกระพริบพร่างราวกับขนดาวทั้งกาแล็กซี่มารวมไว้ที่เดียว ความสวยงามจึงถูกยกระดับสู่ดินแดนแห่งสวรรค์ แขกวีไอพีหลายวงการต่างมาด้วยชุดสูทเนื้อดี เหล่าสตรีก็ถึงเวลาขนชุดราตรีเครื่องเพชรเครื่องประดับนานามาสวมใส่อย่างไม่มีใครยอมใคร กุหลาบสีขาวประดับตกแต่งซุ้มประตูทางเข้าหน้าโรงแรมเลื้อยเป็นรูปลำตัวของงูยักษ์สู่บันไดโค้งขนาดใหญ่ขึ้นสู่ห้องแกรนด์บอลรูมชั้น 2  แสงไฟหลากสีกระพริบตามจังหวะเสียงเพลง หน่วยแสงที่ระยิบระยับพาลให้นึกถึงแสงดาวในคืนหฤหรรษ์ ทุกใบหน้าต่างถูกเติมแต่งจนคิดว่าดีที่สุดมาพร้อมกับยิ้มเฉิดฉายไร้ขีดจำกัด ซุ้มกุหลาบเลื้อยไม่จบตรงที่มีชาย 2 คนในชุดทักซิโด้สีขาวยืนกล่าวต้อนรับหน้าประตูไม้สังเคราะห์ แต่ยังเลื้อยผ่านเข้าไปในฮอลเพดานสูงที่มีแสงไฟแสงเทียนหลายหมื่นเล่มกระจายไปทั่ว แขกเหรื่อต่างพากันวาดลวดลายเดินเฉิดฉายผ่านไปมาเป็นคู่ๆ บริกรทั้งชาย-หญิงในชุดหรูเฉพาะถือถาดอาหารเครื่องดื่มค๊อกเทลเดินผ่านไปมาไม่หยุด รอยยิ้ม เสียงหัวเราะดังให้ได้ยิน เสียงเพลงบรรเลงทำนองพลิ้วไหวก็ยังดำเนินนาทีต่อนาที

อนุชัยกับดร.ชานนท์คือชาย 2 คนนั้น โดยอนุชัยเป็นคนอุ้มทารกเพศหญิงวัยใกล้จะขวบปีหน้าตาลูกครึ่งกำลังน่ารักมาด้วยชุดขาวมีโบว์กุหลาบสีเดียวกันสวมแทนหมวกกำลังหัวเราะไปพร้อมๆ กับกิริยาตลกๆ ของดร.ชานนท์ที่ยอกล้ออยู่ข้างๆ กระทั้งบรรยากาศนอกห้องผู้คนเริ่มบางตา เด็กหนุ่มวันใกล้ 18 ปี รูปร่างสูงโปร่ง 2 คนในชุดทักซิโด้สีดำก็เดินเข้ามาหา

“คุณพ่อฮะ ถึงเวลาแล้วฮะ” อาตี้พูดพร้อมกับสอดแขนเข้าไปรับสาวน้อยมาอุ้มแทน

“ いつ子供を連れてきましたか?(Itsu kodomo o tsurete kimashita ka?, นายอุ้มเด็กเป็นตั้งแต่เมื่อไรกัน)” ยูจิ ยามาซาดะ ถามเป็น ภาษาญี่ปุ่น เขาทำหน้างงๆ ดูกิริยาไม่สมดุลของเพื่อนจนกระทั้งเด็กสาวมาอยู่ในอ้อมแขนอย่างสมบูรณ์

“สัญชาตญาณความเป็นแม่ในตัวสูงนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  อาตี้พูดติดตลกพร้อมกับยกน้องสาวมาจูบแก้ม “เดรี่ครับ เดรี่….”

“ลูกกับยูจิก็อย่านานละ ไปกันเถอะนุถึงเวลาของเราแล้ว”

เมื่ออนุชัยกับดร.ชานนท์เดินหายเข้าไปในฮอลได้สักพัก สาวน้อยเดรี่ก็ร้องเสียงดัง จนสมใจกับเตยที่มาด้วยชุดสวยต้องเข้ามาอุ้มแทน

“เข้าไปในงานเถอะลูก เดี๋ยวผู้หลักผู้ใหญ่จะถามหา” สมใจบอก

“คุณยูจิคืนนี้หล่อมากๆ เลยนะคะ” เตยแซว ทำให้เด็กหนุ่มญี่ปุ่นถึงกับยิ้มไม่หุบ

“แล้วอาตี้ละฮะ ป้าเตยไม่เห็นชมเลย”

“แหม!…อาตี้ของแม่หล่ออยู่แล้ว หล่อทั้งคู่นั้นละ เข้าไปในงานเถอะเผื่อคุณตาจะถามหา สมใจพูดไม่ทันจบ ยูริ ยามาซาดะ ที่มาด้วยชุดกิโมโนสีชมพูลายดอกซากุระก็เข้ามาสมทบ

“อยู่นี่เอง อาตี้ ยูจิ ท่านายกกับคุณหญิงอยากคุยด้วย”

“ฮะ / はい(Hai)”

“ชุดป้ายูริสวยจังเลยนะฮะ น่าจะให้ยูจิใส่บ้าง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อาตี้แซวจนยูจิที่เดินนำอยู่ด้านหน้าหันขวับจ้องเขม็ง

“นาย นั้น แหละ สม ควร ใส่ ไม่ ใช่ ฉัน” ยูจิพูดไทยทีละคำก่อนอาตี้จะหัวเราะพุ่งเข้ารวบเอวดันหายเข้าไปข้างใน

“เด็กสมัยนี้ละน่า!….ฮ่า ฮ่า ฮ่า” สมใจพูดส่งทำให้ทั้ง 3 หัวเราะยอกล้อสาวน้อยจนกลับมาหัวเราะได้อีก….

“พร้อมจะขึ้นเวทีแล้วใช่ไหมคะ พร้อมแล้วใช่ไหมเดรี่….หนูพร้อมแล้วใช่ไหมลูก” ยูริ ยามาซาดะก้มจ้องเข้าไปนัยน์ตาสีฟ้าถาม…

…เมื่อบรรยากาศแช่มช้อยดำเนินได้สักพัก ภาพยนต์สั้นบอกเล่าเรื่องราวความรักของคู่แต่งงานก็ถูกฉายขึ้นสู่จอแอลอีดีขนาดใหญ่ข้างเวที เสียงเพลงบรรเลงยังคลอเสริมให้บรรยากาศไม่เงียบ หลายคนกำลังเบิกบานพร้อมกับซึมซับเรื่องราวที่น่าประทับใจ ไวน์แดง ไวน์ขาว บรั่นดี แชมเปญ เครื่องดื่ม อาหารนานาชนิดถูกเสริฟอย่างต่อเนื่อง กระทั้งภาพยนตร์สั้นจบ…โคมไฟภายในฮอลก็ดับพรึบลง แสงสีขาวจากสปอร์ตไลท์ก็พุงตรงไปยังมุมประตูด้านใน เสียงเพลงแต่งงาน here comes the bride ก็ถูกบรรเลงขึ้นมาแทน อาตี้กับยูจิ ยามาซาดะเด็กหนุ่ม 2 คนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็เดินนำเปิดตัวเจ้าสาวเข้าสู่ภายใน ดร.ชวนนท์ สายสกุล ผู้เป็นพ่อให้บุตรสาวคนเดียวคล้องแขนเดินผ่านแขกผู้มิเกียรติไปที่ละโซน ทีละกลุ่ม คำอวยพร เสียงชื่นชมดังให้ได้ยินไม่ขาดสาย อาตี้กับยูจิคอยเบิกทางอยู่ด้านหน้า…กระนั้นทั้งคู่ก็ไม่วายถูกบรรดาคุณหญิงคุณนายโน้มคอเข้าไปหอมแก้มเป็นระยะๆ กระทั้งทั้งหมดเดินขึ้นสู่เวทีที่มีหมอเดียร์เนียล กับ มิตเตอร์สแปนเลย์ ผู้เป็นพ่อยืนรออยู่ก่อนแล้วก็ยิ้มเกือบจะมีน้ำตาให้แขกไฮโซที่มาร่วมงานเห็น เมื่อคู่บ่าวสาวเข้าที่ พิธีกรพิเศษ 2 คนก็กล่าวนำพร้อมกับเดินออกมายืนโชว์หน้าเวที เขาทั้งคู่คือ ดร.ชานนท์กับอนุชัยนั้นเอง

“กราบสวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ” ดร.ชานนท์กล่าวเปิดหัวและอนุชัยจึงตาม

“กราบสวัสดีท่านนายก-ท่านผู้หญิงและท่านรัฐมนตรีรวมทั้งภิริยาที่อยู่ในงาน…รวมถึงแขกผู้มีเกียรติทุกๆ ท่านเลยนะครับ”

“ขอขอบพระคุณที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมแสดงความยินดีกับน้องหญิงของบ้านสายสกุลในค่ำคืนนี้” ดร.ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ พร้อมกับโปรยยิ้มไปกว้าง ๆ

บรรยากาศบนเวทีเน้นความเป็นกันเอง

ทั้งคู่กล่าวเชิญท่านนากยก ท่านรัฐมนตรีสำคัญๆ สลับขึ้นกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวพร้อมกับนำดื่ม จนได้ยินเสียง “เชียร์” เป็นระยะๆ กระทั้งพิธีกรดำเนินไปจนจบ เสียงเพลงเปิดตัวสาวน้อยเดรี่จากการเล่นเปียโนของอาตี้ที่มียูจิ ยามาซาดะ ร่วมเล่นไวโอลินคลออยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้น คุณหญิงพวงพรกับมิสซีสสแปนเลย์ แม่ของหมอเดียรเนียลก็อุ้มหลานสาวไปส่งให้หญิงรัดดาบนเวที เสียงไชโยโห่ร้องแสดงความยินดีดังกึกก้องหลายชั้น

“ตอนแรกน้องหญิงกะจะให้เดรี่โตเป็นสาวซะก่อนค่อยจัดงานแต่ง แต่ในเมื่อ….”

อนุชัยแทรก “พี่ชายรอไม่ไหวเลยเร่งรัดให้มีงานในค่ำคืนนี้ขึ้นมาเสียเอง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..” ดร.ชานนท์หลบหลังอนุชัยหัวเราะด้วยท่าทีเขินอาย “ครับ คือเราทั้งคู่อยากเร่งน้องหญิงให้มีหลานสาวให้เราอีกคนนะครับ”

“ใช่!….น้องหญิงคุณหมอครับได้โปรดเถอะ ชานนท์ร้อนใจจะแย่แล้ว” อนุชัยพูดพลางปิดปากหัวเราะไปด้วย

“เรา 2 คนก็เล่นกันซะเพลิน ครับกระผมในฐานะพี่ชายของเจ้าสาวอยากถามความในใจของเจ้าบ่าวฝรั่งหน่อยก็แล้วกันนะครับ….” ดร.ชานนท์ยกกระดาษในมือขึ้นมาอ่าน “คุณหมอเดียรเนียล สแปนเลย์ ครับ…ในฐานะที่นายเป็นเพื่อนรัก นายแอบปิ๊งน้องสาวฉันตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ…บอกมาตรงๆ ห้ามแหกโค้งเด็ดขาด” เมื่อดร.ชานนท์ถามจบผู้คนในฮอลก็โห่ร้องขอคำตอบ หมอเดียรเนียลรับไมล์จากทีมงาน เขายิ้มให้หญิงรัดดาก่อนจะก้มจุมพิตลูกสาวเพื่อเรียกเสียงเชียร์

“ฉาน จะ บอก นาย ให้นะชานนท์” สำเนียงภาษาไทยค่อนข้างดีทำให้แขกที่อัดแน่นในฮอลเงียบสนิท “ถ้านายไม่หวงน้องสาวจนเกินเหตุ เดรี่น่าจะโตเป็นสาวและอาจจะรุ่นราวคราวเดียวกับอาตี้ลูกชายของนายแล้วจะบอกให้” เสียงหัวเราะดังยาวหลายนาทีและเมื่อสงบลงหมอเดียรเนียล สแปนเลย์ จึงพูดต่อ “ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ผู้หญิงที่ยืนอุ้มลูกอยู่ข้างๆ ผมเวลานี้ สารภาพ…ผมแอบชอบเธอตั้งแต่เรียนอยู่ไฮสคลูที่ซานฟรานซิสโกแล้วละครับ….ขอบคุณครับ” เดียรเนียลพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น เมื่อสงบอีกวาระ อนุชัยจึงพูดต่อ

“ครับคราวนี้เรามาถามเจ้าสาวกันบ้างดีกว่า…เอ่อ!…น้องหญิงครับ น้องหญิงปิ๊ง! คุณหมอเดียรเนียล สแปนเลย์ ตั้งแต่เมื่อไร…พี่ชายกระซิบ ห้ามน้องหญิงแหกโค้งเช่นกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ดร.ชานนท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะจนสุดกลั้น……หญิงรัดดาส่งลูกสาวให้หมอเดียรเนียลอุ้มแทน “ดิฉันไม่ทราบค่ะว่าเริ่มปิ๊ง! คุณหมอตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ แต่ทันทีที่คุณหมอออกจากห้องผ่าตัดมาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับพี่ชาย ดิฉันถึงรู้ว่าผู้ชายที่ยืนอุ้มลูกสาวอยู่ข้างๆ คือคนที่ดิฉันรอคอย ขอบคุณคะ”

“อาหมออุตส่าห์เทียวมาเรียนภาษาไทยเพื่อจีบอาหญิงหลายปี….อาตี้ถามตามตรงนะฮะ อาหญิงไม่สะกิดใจบ้างเลยเหรอฮะ” อยู่ๆ อาตี้ก็เดินเข้ามาขอไมล์จากดร.ชานนท์ถาม ทำให้ทุกคนหัวเราะ อนุชัยกับดร.ชานนท์ก็หัวเราะจนหายบ้า….

“จริงเหรอคะเดียรเนียล” หญิงรัดดาหันไปถาม หมอเดียรเนียลพยักหน้าแบบง่ายๆ ทำให้หญิงรัดดายิ่งเขินหนักขึ้นไปอีก งานค็อกเทลดำเนินต่อไป คุณหญิงพวงพรกับมิสซีสสแปนเลย์แม่ของหมอเดียรเนียล…เดินขึ้นไปรับหลานสาวบนเวที อาตี้กับยูจิจึงได้เวลาทำหน้าที่ต่อ เสียงเพลงสนุกสนานทำให้บรรดาคุณหญิงคุณนายอดโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะไม่ได้ กระทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกผู้ใหญ่นำตัวเข้าเรือนหอ แขกที่มาร่วมในงานจึงทยอยกันกลับโดยมีอาตี้กับยูจิคอยกล่าวขอบคุณอยู่หน้างาน

“ยินดีด้วยนะครับน้องหญิง ยินดีด้วยนะครับคุณหมอ” ปกรณ์อุ้มลูกสาวที่มีเด่นดวงยืนคล้องแขนยิ้มหน้าบานอวยพรส่ง หญิงรัดดาหยุดจ้องหลานสาวที่มาด้วยชุดราวกับนางฟ้าไม่กระพริบ

“คืนนี้ประดุจดาวสวยจังเลยคะ…ขอบคุณมากค่ะพี่ปกรณ์ ขอบคุณเจ้ดวงมากที่มาร่วมงาน”

“ยินดีด้วยนะคะ ยินดีด้วยนะคะคุณหมอ” เด่นดวงกล่าว ก่อนอนุชาที่ยืนอยู่ด้านหลังจะแทรกร่วมอวยพรอีกคน

“พวกเราต่างก็ผ่านเรื่องเลวร้ายมาด้วยกันทั้งนั้น อาหวังว่านับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไปบ้านตระกูลเชาว์และบ้านสายสกุลจะกลับมามีความสุขเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง” ดร.ชวนนท์พูด ก่อนอนุชาจะหลีกทางให้วิวกับซันเข้ามาไหว้ “ยายวิวกับตาซันโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วรึนี่”

“ครับผมตั้งใจจะพาไปรดน้ำดำหัวขอพรวันสงกรานต์ที่จะถึงนี้อยู่เหมือนกัน” อนุชาบอก

“ได้ๆ…เดี๋ยวให้สวนอาหารสะบันงาจัดงานเลี้ยงภายในครอบครัวสักคืนท่านะดี” ดร.ชวนนท์พูดแบบคนกำลังวางแผน

“ยินดีครับท่าน”

“ปกรณ์ เออ….ว่าจะถามหลายครั้งแล้ว สรุปพื้นที่บนไอคอนฯ ลุงทาบทามไว้ให้แล้วนะ”

“ขอบคุณมากครับท่าน พื้นที่ตรงนั้นเดิมทีกะจะเปิดเป็นสวนอาหารสะบันงาสาขา 4 แต่อาตี้กับยูจิกำลังตกลงกันอยู่เพราะผมดูแลคนเดียวไม่ไหว” ปกรณ์บอกทำให้ดร.ชวนนท์เชิดหน้าจิ! ปากคิด

“อื้อ!…ถ้าแบบนั้นคงต้องรอให้พวกเขาเรียนจบก่อนแล้วละ”

“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับท่าน”

“เอาละๆ….เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

“ยินดีด้วยนะครับน้องหญิง ยินดีด้วยนะครับคุณหมอ” อนุชากล่าวตบท้าย….

ค่ำคืนแห่งความสุขผ่านไปด้วยดี…แต่เมื่ออาตี้กับยูจิมีเวลาอยู่เมืองไทยต่ออีก 5 วันทั้งคู่จึงไปที่ห้างสรรพสินค้าไอคอนฯ เพื่อสำรวจพื้นที่เพียงลำพัง

“ฉันว่ามันเหมาะมากๆ ที่เราจะเปิดร้านขายไข่มุกจากชิมะหรือนายว่าไง” อาตี้ถาม ยูจิ ยามาซาดะ จิ! ปากพร้อมกับเดินไปรอบ ๆ

“ฉันเห็นด้วยนะ….แต่….”

“แต่ อะไร นายลังเลอะไรอยู่ไม่ทราบ….”

“ฉันอกหักไปแล้ว….และฉันก็กำลังรอให้นายอกหักบ้าง วันนั้นแหละนายจึงจะได้คำตอบ”

“ไอ้ยูจิ….”

“…แล้วฉันจะไม่ลังเล….OK”

“ยูจิ….นายมันบ้ามากๆ”

“愛してる(Itoshi teru) Arty…” ยูจิ ยามาซาดะ พูดพร้อมกับจ้องอาตี้ไม่กระพริบ “เราสร้างฝันแบบพ่อของเราได้….เชื่อฉันซิ”

อาตี้จ้องกลับ “นายตัดใจจากนานาให้ได้ก่อนเถอะ”

ยูจิตาลุกวาว…. “私をだますな(Watashi o damasu na)”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า….อย่าบอกนะว่านายเอาจริงนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“อาตี้….ยูจิพูดจริง….อกหักเมื่อไรอย่าลืมว่ายังมีฉันที่เฝ้ารอ”

“นายไปจำคำพวกนี้มาจากที่ไหนไม่ทราบ” อาตี้ถามกลับเร็วๆ….

“ไม่ต้องสนใจหรอก ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ ฉันหิวแล้ว” ยูจิคว้าข้อมือเดินนำ อาตี้ก็ไม่มีท่าทีจะปฏิเสธหรือต่อต้าน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นมานานแล้ว แต่จะจบลงอย่างไร บทสุดท้ายกำลังรอทุกท่านอยู่ที่จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น…เราจะไปจบเรื่องราวทั้งหมดพร้อมกันในบทที่ 38 “ชิมะรำลึก”

เพราะโลกใบนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ค้นหา เพียงเปิดตาเปิดใจอิ่มเอมกับมันแล้ววันต่อวันก็จะสวยงามขึ้นมาอัตโนมัติ…

#ไหนทีแรกนายเคยเขียนไว้ในหนังสือ “ฉันกับนางฟ้าตัวกลม” ว่าอยากไปอยู่บ้านเล็กในป่าสนที่แวนคูเวอร์ไง อะไรทำให้เปลี่ยนใจกันละ——>ก็นายไง——>ไข่มุกแห่งชิมะเกือบจะฆ่าเราทั้งคู่ ไปอยู่ที่ชิมะ จะไม่เป็นการซ้ำเติมรึไง——>บางเวลาความเจ็บปวดก็เป็นเครื่องเตือนใจที่ดี…ชานนท์เพราะเหตุนี้ไข่มุกสีเทาแห่งซิมะจึงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันอยากจะอยู่ด้วย——>เมื่อเราทะเลาะกัน——->ชิมะจะเยียวยาเชื่อฉันเถอะ——->อนุชาย——->ฉันชื่อว่า อนุชัย ไม่ใช่อนุชาย…คำหลังสั้นๆ  OK#

จบ อนุชาย2 บทที่37 งานแต่งไฮโซ