อีกหนึ่งเพชรประหนึ่งทอง คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ
อีกหนึ่งเพชรประหนึ่งทอง
ถ้าคนที่คุณรักเปรียบเสมือนเพชร และคนที่รักคุณเปรียบเสมือนทองคำ ผมอยากถามหัวใจคุณดังๆ ว่า “จะเลือกใคร”….
มา! ใครอยากอ่านเรื่อง “อีกหนึ่งเพชร ประหนึ่งทอง” ขยับสายตาเข้ามาใกล้ๆ เดี๋ยว Timmy จะเล่าให้ฟัง
ต้นปี 2002
“Timmy – แก – ฉานขอปรึกษาอะไรหน่อยดิ”
“ว่า….” สายตาผมก็ยิงตรงไปยังเพื่อนรักคนนั้น แบบจริงๆ จังๆ ผมเห็นเธอจิ! ปากในแบบคนไม่มั่นใจ สักพักเธอก็ปล่อยลมออกมาทางปากยาวๆ พร้อมกับพยักหน้าให้ผมเห็น
“Timmy – แก คือว่า…คือว่า…”
“อาไรของแกวะ ฉันชักจะเริ่มเซ็งแล้วเนี้ย”
“เออๆ ใจเย็นๆ คือเอ่อ คือว่า…ฉาน ฉัน..เอ่อ”
“ตกลงจะเอ่อ จะแก จะฉันอีกนานหรือเปล่าวะ…ฉันไม่ว่างให้แกทั้งวันนะโว้ย!…เรื่องอะไร การเมืองหรืองกางมุ้ง”
“การมุ้งโว้ย!”
“เออ งั้นเอาให้สุด ไหนว่าไง มีคนเข้ามาจีบแกเหรอ…ใครอะ ไทย แขก เกาหลี ญี่ปุ่น หรือว่าฝรั่ง”
“คือว่าแก…มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฉันเชียวนะ อีกคนฉันรักเค้า แต่อีกคนเค้ารักฉัน แกคิดว่าฉันจะเลือกใครดีวะ”
“อื้อ…ระหว่างแก่รักเค้า กับอีกคนที่เค้ารักแก Detail (รายละเอียด) หน่อยดิว่าแกหมายถึงใครกับใคร ฉันรู้จักหรือเปล่า ถ้าเป็นคนที่ฉันไม่รู้จักฉันขอไม่ออกความคิดเห็นนะโว้ย! เดี๋ยวเสียของ”
แก้มเธอแดงซ่านเป็นสีกุหลาบ พลางหมุนตัวบิดไปบิดมาสักครู่ “แกรู้จักดีทั้งคู่แหละ ฉันถึงได้ขึ้นรถเมล์ ต่อเรือ นั่งมอเตอร์ไซด์มาหาแกนี้ไง”
“ใครวะ…คนที่เขาชอบแก”
“มาร์ค”
“หะ หะ หา ไอ้ฝรั่งมาร์ค-ซี้ฉันที่อยู่เยอรมันนี้นะ….เวรแล้วกู อ้าวๆ…แล้วคนที่แกชอบเค้าละ”
“พี่เจต”
“ตายห่าละ เล่นของสูงนะมึง…ไอ้บ้าเอ้ย…แม่งกูจะตอบแบบไหนวะเนี้ย”
“ฉันชอบพี่เจตมากๆ เลยนะแก ถึงกับคลั่งเลยละ”
“ขนาดฉันเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังดูไม่ออกเลยว่าพี่เจตของแกชอบผู้ชายด้วยกันหรือว่าเป็นผู้ชายทั้งแท่ง….เอาไงดี ถ้าแกแต่งงานกับพี่เจต ฉันก็ว่าไม่เลวร้ายอะนะ แต่หากเป็นมาร์คคนนี้ฉันเชียร์เลย”
“แต่ฉันไม่ได้รักไอ้หัวเหม่งเลยนะแก”
“ยังมีวันพรุ่งนี้ และวันมะรืน แก่อาจจะรักมาร์คไม่วันใดก็วันหนึ่ง…พี่เจต-พี่เจต ฉันดูไม่ออกวะ เขาหล่อเกินไป เพอร์เฟ็กต์เกินไป แต่งตัวก็เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เอาอย่างนี้ ฉันถามแกหน่อย แกอยู่กับใครแล้วหัวใจแกเต้นแรงที่สุด”
“พี่เจต…แต่บางครั้งฉันก็เข้าไม่ถึงพี่เขาวะแก…แต่ฉันก็มั่นใจนะว่าพี่เจตก็มีใจให้ฉันไม่มากก็น้อย”
“เก็บอาการหน่อยเพื่อน….คำถามที่ 2 อยู่กับใครที่แกรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด”
“อันนี้ตอบแกไม่ยากเลยไอ้มาร์คหัวเหม่งเพื่อนแกไง”
“OK…ถ้าอย่างนั้นแกฟังฉันดีๆ นะ ฉันจะไม่เชียร์ใคร คนใด-คนหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะสรุปสุดท้ายแกจะต้องเลือกเอง” ผมแอบยิ้ม ในหัวนึกถึง E-mail จากมาร์คที่ส่งให้เมื่อคืน
“เออๆ….แกลองว่ามาดิ ฉันสับสนไปหมดแล้วเนี้ย”
“แก…คนที่แกแอบรัก หากหมายถึงพี่เจตแล้วละก็ พี่เจตแกก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ลักษณะท่าทางก็อาจจะมีใจให้แกไม่มากก็น้อย ข้อนี้ฉันก็พอสังเกตเห็น บุคลิกวางมาร์ทดูไฮโซ โก้หรูมีรสนิยมสูงหากเปรียบพี่เจตเป็น อัญมณี เขาคนนี้ก็เปรียบเสมือนเพชรน้ำงามเม็ดใหญ่ๆ เม็ดหนึ่ง” เพื่อนผมยิ้มจนคล้ายกับคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
“อือหึ”
“แต่เพชรอย่างพี่เจต-มีหลายมุม-หลายเหลี่ยมนะแก แข็งกระด้างก็เท่านั้น หากแกเดินเข้าในร้านเพชรแกก็ต้องชั่งใจอีกระดับตระหนักถึงเหลี่ยมคม ตื่นเต้นกับเหลี่ยมแสงวิบๆ วับๆ อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญแกจะต้องดูเพชร อ่านเพชรให้แตกด้วยว่า เพชรที่แกถืออยู่ในมือเป็นเพชรแท้หรือว่าเพชรรัสเซียกันแน่ บางครั้งน้ำงามๆ พอโดนทุบอาจจะแหลกเป็นแค่ผงคริสตัลก็เป็นไปได้ และหากแกตัดสินใจซื้อมา เพชรน้ำงามพอได้ออกจากร้านส่วนใหญ่ราคาจะตกลงทันทีเป็นครึ่งๆ และที่สำคัญแกจะต้องเป็นคนหมั่นดูแลรักษาเพชรไม่ให้หมองอยู่ตลอดเวลา เพชรไม่สามารถดูแลแกได้ทุกเรื่อง จะขายก็ขายยาก แกเข้าใจที่ฉันพูดไหม”
“แล้วอีกคนอะแก….ฉันหมายถึงไอ้มาร์คหัวเหม่งเพื่อนเลิฟแกนะ”
“อีกคนที่เขาชอบแก รักแกมานานจนฉันฟังไอ้มาร์คพล่ามเข้าใจภาษาเยอรมันโดยไม่ต้องไปเรียนนั้นนะ คนๆ นั้นเขาเปรียบเสมือนทองคำ ทองคำมีค่าในตัวถึงจะน้อยกว่าเพชร เขาก็มีค่า แก….ทองคำยิ่งเก่าเท่าใดก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้นนะ ที่สำคัญทองคำไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมากมาย ใส่ติดตัวได้ตลอด เวลาแกอยู่ใกล้ๆ ทองคำจะรู้สึกอบอุ่นในสีของมัน ทองคำสามารถดูแลแกยามคับขันได้เสมอ ทองคำถึงราคาจะขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็เป็นไปตามกลไกของตลาดโลก แกทองคำถึงจะผ่านไฟสักกี่ครั้ง ทองคำก็ยังเป็นทองคำวันยันค่ำ ซึ่งต่างกับเพชร หากโดนความชื้น-ความร้อนเหลี่ยมเพชร สี-แสงเพชรก็จะเปลี่ยน ค่าของเพชรเม็ดนั้นก็จะลดลงไปด้วย…ฉันพูดหมดเปลือกแล้ววะ ต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของแกละว่าจะเลือกเพชรหรือทองคำ”
“อื้อ…แกพูดถูก ถึงแม้ฉันจะรักเพชรสักแค่ไหนฉันก็ไม่มีทางใส่เพชรติดตัวตลอดเวลาแน่ๆ ผิดกับทองคำ…หากฉันซื้อเพชรมาในราคาแพงแสนแพงยังจะต้องเก็บมันไว้ในเซฟต์-ต้องดูแลอีก…สักวันฉันก็ต้องเบื่อ…ขอบใจมากวะแก ฉันตัดสินใจได้ละว่าฉันจะเลือกเพชร”
“หะ ห่า แกเลือกเพชรเหรอ”
“ยังยะ ฉันยังพูดไม่จบ….ฉันตัดสินใจได้แล้ววะว่าจะเลือกเพชรหรือทองคำดี”
“…….” ผมเพ่งสายตาไปตกที่หญิงสาวตัวคล้ำรูปร่างสูงโปร่งที่นั่งแหมะอยู่ตรงหน้าก่อนจะหยิบแก้วกาแฟที่เย็นจนจืดขึ้นมาจิบบางๆ เพื่อให้ดูเท่
“อะไรที่จะอยู่กับฉันได้ตลอด 24 ชั่วโมงคอยดูแลให้ความอบอุ่น ฉันก็จะเลือกอย่างนั้น…ฉันเลือกทองคำวะแก”
“แต่แกไม่ได้รักเค้านะ”
“แกพูดถูก ฉันยังมีวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ มะรืนและมะรืน…วันหนึ่งข้างหน้าฉันอาจจะรักเค้าก็ได้”
“ฉันจะ Mail บอกมาร์ค”
“ไม่ต้องแก” เพื่อนสาวหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นให้เห็น
“ไอ้พวกบ้าเอ้ย….นี้มันตั๋วเครื่องบินนิ”
“มาร์คส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ฉันลองไปเที่ยวบ้านเค้าก่อน เป็นการทดลองอยู่นะ”
“ทดลองอยู่ในความหมายของฝรั่งหมายถึงอะไรแกรู้ไหม”
“ฉันก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะแก อีกไม่กี่เดือนก็ 30 ปีเข้าไปละ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดดิวะ”
“เออ…ถ้าโอเคก็บอกกันล่วงหน้าด้วยนะจะได้เตรียมตัว เตรียมใจถูก…เนี้ยไอ้บ้ามาร์คก็เพิ่งส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ฉันไปกับแกเช่นกัน”
“ฉันรู้แล้ว ฉันถึงได้สบายใจไง อย่างน้อยก็มีแกไปเป็นเพื่อน”
“NO WAY…ฉันไม่ไปกับแกเด็ดขาด ฉานนะไม่ใช่ไม้กันหมานะโว้ย…”
“Timmy….แกจะปล่อยฉันไปคนเดียวเนี้ยนะ”
“เออ….คราวนี้แหละ…แกเสร็จไอ้มาร์คหัวเหม่งแน่ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“Timmy นะ Timmy นะ….”
ครับเรื่องบางเรื่องเราก็ต้องใช้หัวใจเราอ่าน ให้หัวใจเราบอก เชื่อผมสิ สัญชาตญาณไม่เคยหลอกตัวตน แต่สัญชาตญาณจะบอกทุกสิ่งที่เป็นจริงกับตัวตนเสมอ มันอยู่ที่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น เดือนต่อมาผมไปดันหลังเพื่อนเข้าไปในเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองอย่างทุลักทุเล แต่พอนางไปแล้วไม่กี่วันนางก็ส่ง Mail มาขอบคุณ ไอ้มาร์กระซิบผมหลายเรื่องแม้กระทั้ง…
“ Timmy ไอ ม่ายเข้าใจ เพื่อนรักยูผิดปกติหรือเปล่า ท่ามไม 30 ปีแล้ว…..ยังเวอร์จิ้นอยู่อีก Oh my God ไอ ค้าน อันเดอร์ สะแตน…Why Timmy ทำไม”
ผมนี้หัวเราะลั่น ก่อนถัดมาอีก 3 เดือนคนทั้งคู่ก็กลับมาเมืองไทย งานแต่งงานจึงเริ่มต้นขึ้น เพื่อนสาวมีกระซิบกับผมว่า
“ขอบใจนะทิมมี่ที่ทำให้ฉันเลือกถูกคน ถ้าฉันแต่งงานกับพี่เจตฉันคงต้องเฉาตายอะแก”
“แกรักมาร์คมันบ้างรึยัง?”
“อื้อ….รู้สึกว่าหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ไอ้หัวเหม่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”