เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep3-1 ตำนานทุกเรื่อง นิยายอ่านดี มีคติสอนใจ เขียนโดย TIMMY BUTO
เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep3-1
#เข็มทิศชีวิตบทที่ 3 หากเป้าหมายชีวิตคือดาวบนท้องฟ้า ก็อย่าได้หวาดกลัวความมืด เพราะยิ่งมืดเท่าไร? แสงดาวก็ยิ่งกระจ่างชัดเท่านั้น ความหวาดกลัวระหว่างทางก่อนจะถึงเป้าหมายก็เช่นกัน ยิ่งหวาดกลัวมากเท่าไร? สัญชาตญาณเตรียมตัวจะบังคับให้รอบครอบขึ้นตามลำดับ#
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถเบนซ์สปอร์ตสีดำที่จอดติดประตูทางเข้าชั้น 7 ค็อกเทล! ก็หันมาเปิดวงแขนกว้างๆรอจนอีกคน….
“อะไร? ของมึง”
ค็อกเทล! แจะปากหรี่ตาราวกับแสร้งหงุดหงิด “ก็ทักทายแบบฝรั่งไง? มากอดหน่อย ยินดีที่ได้รู้จัก มาๆ”
ฮ่อมถอนหายใจแรงๆ ใส่ “กูคนลัวะ…โอเคร” แล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่ง “ไปได้ยัง เล่นตัวอยู่นั้นแหละ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อยู่กับมึงแล้วมีความสุขเป็นบ้าเลย”
ผ่านไป 10 นาที….“กูพูดกับมึงตรงๆ นะ งานเลี้ยงบริษัท เฮี้ยห่าอะไร? นั้น บางทีกูอาจจะเบี้ยว แม่ง! อะไรไม่รู้ กูเกลียดฉิบหายกับสังคมจอมปลอมเลอะเทอะรุงรังพวกนี้” ค็อกเทล! บ่นขณะขับรถไปตามถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าสู่ร้านตัดสูทประจำตระกูลในซอยเอกมัยถนนสุขุมวิท ฮ่อมขยับตัวเหลือบไปที่เขาแบบคนกำลังสงสัย “มึงเชื่อไหม? ชีวิตกูทั้งชีวิตคอยแต่รับคำสั่ง จากเตี่ยมั่ง! จากแม่ที่กูไม่มีสิทธิ์เรียกแม่เหมือนกับชาวบ้านเค้า ไอ้ห่า!”
“……..” ฮ่อมยังนิ่ง
“เอาตรงๆ กูโคตร! อิจฉาชีวิตมึง…และที่กูไม่เรียนต่อให้จบเพราะอะไร? รู้ไหม?” ค็อกเทล! หันมาจ้องขณะรถติดไฟแดงแยกพระราม 9 ฮ่อมส่ายหน้าพร้อมกับบีบริมฝีปากแน่นๆ “ก็เพราะกูโดนแม่บังคับให้เรียนเศรษฐศาสตร์การเมืองและการฑูต ทั้งๆ ที่กูไม่ชอบและไม่คิดจะชอบมันเลยสักนิด ให้ตายเถอะ ชีวิตกูเลือกอะไรเองได้ไหม? เนี้ย!” เขาคล้ายจะระบาย เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ “มึงก็พูดอะไร? บ้างซิโว้ย! เป็นใบ้หรือลืมปากไว้บนตึกฟอร์ลั่ม”
ฮ่อมถอนหายใจ เมื่อรถเคลื่อนตัวผ่านแยกพระราม 9 ไม่ถึง 20 เมตร “ที่กูเงียบเพราะกูอยากรู้จักมึง ที่กูไม่ตอบโต้ก็เพราะกูอยากให้มึงระบาย”
“มึงไม่ใช่หมอโรคจิตนะไอ้ฮ่อม!”
“หึ หึ หึ” ฮ่อมอดขำไม่ได้
“ไม่รู้เป็นห่าอะไร? กูรู้สึกสนิทใจกับมึงฉิบหาย….คนที่กูสามารถปลดปล่อย กล้าเปลือยชีวิตหมดเปลือก พูดภาษาง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ เรียกมึงเรียกกูมันหยาบตรงไหนวะ ทำไม? ทั้งเตี่ยทั้งแม่ต่อต้านไม่เข้าใจจริงๆ”
ฮ่อมยืดตัวเป่าลมออกจากช่องท้องจนรู้สึกโล่ง “บอกตามตรงนะคุณค็อก!”
“คุณค็อก! เฮี้ยห่าอะไร? ขนลุกสัส! มึงจะเรียกกูว่าค็อก! ไอ้ค็อก! ไอ้ห่าค็อก! หรือไอ้เหี้ยค็อก! อะไรก็ได้ แต่อย่าเรียกกูว่าคุณค็อก! หรือคุณณนนท์เด็ดขาด เหี้ยเอ้ย! คืนนี้กูฝันร้ายแหงๆ”
“ค็อก!…..” ฮ่อมเบาเสียง ก่อนจะตั้งใจพูดเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ “คำว่ามึง กู เหี้ย สัส ห่า อะไรเนี้ย! ปกติมันคือภาษาเพื่อน แบบเพื่อนรัก เพื่อนสนิทหรือโคตรสนิทเค้าพูดกันเข้าใจไหม?”
ค็อกเทล! นิ่งทั้งๆ ที่ไม่ใช่นิสัยคนอย่างเขา “แล้วมึงจะเป็นเพื่อนสนิทหรือมากกว่านั้นให้กูได้ไหม?” เขาทิ้งแววตาต่ำ หัวไหล่ที่เคยยกสูงก็ฟุบห่อเข้าหากัน ในเมื่ออีกคนยังนิ่ง เขาจึงต้องพูดต่อ “เพื่อนตามคำนิยามที่มึงพูด ตรงๆ ไม่อ้อม ชีวิตทั้งชีวิตกูมีแค่ไอ้เฮี้ยเฟี้ยทซ์”
“ค็อก!…..” ฮ่อมตกใจกับน้ำเสียงแผ่วลึกจมเมืองบาดาล เขาหันไปจ้องชายที่กำลังขับรถ อยากเห็นชีวิตบุคคลที่ผู้สื่อข่าวให้ฉายาผู้สร้างตำนานทุกเรื่องแบบจริงจัง ท่าทาง สีหน้า แววตาและคำพูดแต่ละคำหลุดให้ได้ยินอย่างน้อยวันนี้ เขาได้รู้จักเขาในมุมที่หลายคนไม่เคยเห็น ฮ่อมอ่านและค้นหาบางอย่างในตัวเขานาน กระทั้งรถเลี้ยวเข้าถนนเอกมัยเมื่อผ่านแยกไฟแดงข้ามสะพานเล็กๆ เลี้ยวเข้าไปจอดลานโล่งๆ หน้าอาคารสำนักงานสูง 16 ชั้น รปภ. คล้ายจะรู้จักรถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันนี้เป็นอย่างดีถึงได้ออกมาต้อนรับตั้งแต่ยังไม่ผ่านเข้าประตูจนกระทั่งยืนยิ้มแช่รออยู่ข้างนอกเช่นเวลานี้
“ถึงแล้วครับคุณนุกุล” ค็อกเทล! วางน้ำเสียงสุภาพชน ความหมายที่อารมณ์อ่านได้ชัดทำให้ฮ่อมรู้ว่าชายคนนี้ฉลาดหลักแหลมมากกว่าคำพูดของเขามากๆ และมากกว่าท่าทางกวนๆ แบบนักเลงลูกเจ้าพ่อหรือมากกว่าชายผู้สร้างตำนานทุกเรื่องในหน้าข่าวด้วยซ้ำ
ฮ่อมตั้งสติก่อนจะตัดสินใจเปลือยชีวิตให้เห็น จะแตกหักก็ให้มันรู้ในวันนี้ “เฮ้ย อะไรวะไอ้ห่า! มึงพูดเหี้ย!อะไร? กูขนลุก สัส!”
ค็อกเทล! ช็อก! ตาค้างตั้งแต่คำแรกหลุดให้ได้ยิน เขาจ้องหน้าฮ่อมไม่กระพริบก่อนจะปรากฏน้ำระเรื้ออาบกระจกตาจนสะท้อนเห็นเงาของเขาชัดเจน “มึง มึง”
“เป็นเหี้ย!ไร ” ฮ่อมยื่นมือขยี้ผมให้ยุ่งจนภาพคุณชายหายวับก่อนจะลามไปถึงลายมังกรบนเสื้อ “ มังกรบ้านมึงขี้แยทุกตัวเปล่าวะ”
ค็อกเทล! ปาดน้ำตาทิ้ง “มึงอย่าบอกเรื่องนี้กับไอ้เฟี้ยทซ์นะ กูขอ”
ฮ่อมสตั้น! ปล่อยอารมณ์ตัวเองให้นิ่งจนกระทั้ง “อื้อ!……เวลามึงร้องไห้หล่อได้ใจกูขึ้นไปอีก”
“ไอ้เวร ไปได้แล้ว คุณอามีธุระกับพ่อกูต่อ”
และนาทีนั้นเองฮ่อมก็นึกถึงหนังสือเข็มทิศชีวิตขึ้นมา แรงปรารถนาอยากให้ ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร เซ็นชื่อเพื่อแรงตะเกียกตะกายจะได้ขยับสูงขึ้น กระนั้นเมื่อมองไปที่บุตรชายคนเดียวที่กำลังนั่งจ้องตัวเอง มันกลับค่อยๆ ลดความอยากลงตามลำดับ ฮ่อมหยิบหนังสือปกสีน้ำเงินขาวโชว์ให้ค็อกเทล! เห็น “กูใช้หนังสือเข็มทิศชีวิตที่เตี่ย! มึงเป็นคนเขียนนำทางชีวิต จนกระทั่งกูได้มาเจอกับมึง กูอยากจะให้เตี่ย! มึงเช็นชื่อให้ใจจะขาด แต่เวลานี้มันขึ้นอยู่กับมึงไอ้ค็อก! ถ้ามึงอยากให้กูสมหวัง มึงต้องค้นหาเป้าหมายชีวิตตัวเองให้เจอ ไม่ว่าเข็มทิศชีวิตมึงจะพุ่งไปทางไหน กูจะเอาหนังสือเล่มนี้เข้าไปให้เตี่ย! มึงเซ็นให้” ฮ่อมพูดยาวและจริงจังก่อนจะเป็นค็อกเทล! เสียเองที่ดึงหนังสือไปเปิดอ่าน
“เตี่ย! มึงเป็นไอดอลกูและมึงก็คือตราประทับรับรองของหนังสือเล่มนี้ ถ้าชีวิตมึงพัง ชีวิตกูก็พังไปด้วย”
ค็อกเทล! สะดุ้งโหยง เมื่อได้สติเขาจึงเปิดอ่านบทนำหน้า 5 ที่ ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร เป็นคนเขียน
#ชีวิตหมายความถึงทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ถ้าชีวิตคือการเดินทาง ทุกครั้งก่อนจะก้าวเดิน ชีวิตจำเป็นต้องมีจุดหมายปลายทางให้ชัดเจน สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนก็เช่นกัน ทุกคนจำเป็นต้องมีจุดหมายเพื่อจะนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งต่อจากบรรทัดนี้เป็นต้นไปกระผม ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร จะให้คำนิยามสำหรับพารากราฟที่ได้กล่าวข้างต้นว่า “เข็มทิศชีวิต” ใช่ครับทุกคนจำเป็นต้องมีเข็มทิศนำชีวิตเป็นของตัวเอง ถ้าปล่อยชีวิตไร้ทิศทาง สุดท้ายทั้งชีวิตก็จะไม่เหลืออะไรให้ชนรุ่นหลังจดจำ
กระผมเขียนหนังสือเล่มนี้ก็หวังจะให้มันเป็นเสมือนเข็มทิศชี้นำทางในช่วงเวลายากลำบากของหลายๆ คน โดยเฉพาะคนเป็นพ่อที่ไม่สามารถสื่อสารกับลูกด้วยภาษาพ่อ-ลูกได้ตรงๆ
กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร รองนายกรัฐมนตรี#
“ถ้าจะให้กูตีความ หนังสือเล่มนี้ ด็อกเตอร์ชัยนนท์ ตั้งใจเขียนให้มึง ไม่ใช่กู แต่ที่ยอดขายติดอันดับ 1 หลายสัปดาห์ติดกัน ไม่ใช่เพราะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแต่เป็นเพราะเตี่ย! มึงถอดหัวใจเขียนให้มึงโดยเฉพาะเข้าใจรึยังไอ้ควายเผือก”
ค็อกเทล! น้ำตาแตกอาบแก้ม “มิน่าเตี่ย! ถึงวางมันไว้ทุกมุมบ้าน”
“รู้แบบนี้แล้วยังคิดจะเบี้ยวงานเลี้ยงบริษัทอีกไหม? เอ่อ! กูเพิ่งนึกขึ้นมาได้ คุณศุภวัชบอกว่ามีคนอยากให้กูไปงานด้วย ที่มึงคิดจะเบี้ยวแสดงว่า….”
“เปล่า! กูเกลียดการถูกบังคับ ฉะนั้นกูจะไม่บังคับใคร….” ค็อกเทล! เป่าลมออกจากปาก….สักครู่ “ฮ่อม…”
“อ้อ!….กูเข้าใจละ ไอ้คุณเฟี้ยทซ์นี้มันแสบใช้ได้เลยนะไปได้แล้ว ไหนบอกว่าคุณศุภวัชต้องไปคุยกับพ่อมึงต่อไง”
“ฮ่อม กู กู แค่จะขอบใจมึง”
“เออ! เช็ดน้ำตาแล้วไปได้แล้ว….อีกอย่างเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ กูคุยกับมึงด้วยภาษาโคตรเพื่อนไม่ได้บอกไว้ก่อนเลย”
“ไอ้บ้า! ผู้สร้างตำนานก็มีความคิดนะโว้ย” ค็อกเทล! ซับน้ำตาอีกรอบก่อนจะหันมาจิกสายตาใส่ “ ฮ่อม! ถ้ากูจะขอให้มึงเป็นมากกว่า…”
ฮ่อมผลักประตูรถก้าวลงไปยืนกับพื้นบล็อกปลูกหญ้า “สวัสดีครับ” เขาทักทาย รปภ.ที่ยังยืนรอ เมื่อค็อกเทลก้าวตามลงมา
“เชิญครับคุณหนู คุณศุภวัชท่านมาถึงสัก 15 นาทีแล้วครับ”
ฮ่อมมองป้ายชื่อร้านก่อนจะประเมินราคา “เหี้ย! ค็อก! ร้านนี้ราคาแพงโคตรนะมึง”
“กูเริ่มตื่นเต้นกับงานเลี้ยงบริษัทปีนี้ซะแล้วซิ! ต้องขอบใจไอ้เฟี้ยทซ์มัน” ค็อกเทล! เดินอ้อมมาโน้มกระซิบ “คืนนั้นขอเพียงมึงหล่อที่สุดจะเท่าไร? กูก็พร้อมเป! ไปได้แล้วไอ้ควายดำ” ค็อกเทล! กัดฟันกระแทกเสียงแน่นๆ ประโยคสุดท้ายใส่หู ทั้งคู่หัวเราะคิกคักๆ ระหว่างเดินเข้าไปในตึก
“มึงไอ้ควายเผือก”
“ถ้ากูเป็นความเผือกมึงก็ควายดำละวะ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
******************
ในวันงานประธานบริษัท SCN. แอทโซซิเอท พร้อมบอร์ดบริหาร กรรมการผู้จัดการรวมถึงผู้กำหนดนโยบายต้องเข้าสัมมนากับบริษัทในเครือก่อนงานจะเริ่ม 3 ชั่วโมง เพราะมีบางนโยบายต้องผลักดันบริษัทแม่เข้าตลาดหุ้น ซึ่งหนึ่งในผู้ถูกเลือกมีเจ๋ง !กับอั๊ด! ด้วย ฉะนั้น ฮ่อมจึงต้องไปรวมตัวขึ้นรถตู้ที่บริษัทจัดให้ที่ตึกฟอร์ลั่ม พอฮ่อมปรากฏตัวด้วยชุดสูทเต็มยศ เจนนี่ถึงกับตาค้างและไม่ยอมปล่อยมือจากวงแขนซึ่งอาจจะตลอดทั้งคืนนี้
“ปีนี้ใครจะได้รางวัลพนักงานดีเด่นน้อ!” เจนนี่เอ่ยขณะนั่งอยู่ภายในรถแล้ว
“ปีที่แล้วเป็นคุณวัลลพหนุ่มจากฮาร์วาร์ด ปีนี้ขอเป็นธรรมศาสตร์บ้างเถอะ ฮา ฮ่า ฮ่า” ยศศักดิ์พูดพร้อมกับเขย่าเสียงหัวเราะแบบปล่อยหมด
“ปีที่แล้วเป็นพี่เจ๋ง! เหรอ…เจ้! ก็นึกว่าพี่สมศักดิ์ลำลูกกาที่เพิ่งลาออกซะอีก”
“คุณจำผิดแล้วละเจน…ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่สมศักดิ์มันลาออกก็เพราะประเด็นนี้ด้วย เพราะในวงสัมมนาบอกเป็นแก แต่พอประกาศรายชื่อกลับเป็นอีกคน” ผู้จัดการฝ่ายบัญชีกลางเสริม แถมยังกระแจะปากคล้ายกับไม่พอใจจนทำให้บรรยากาศภายในรถเงียบทันที
เวลา 18.20 น. รถตู้จากบริษัท SCN. 4 คันก็ทยอยเคลื่อนตัวขึ้นสู่โถงจอดส่งหน้าทางเข้าล็อบบี้ที่มองจากข้างนอกเป็นฮอลล์สูง โคมไฟคริสตัลกำลังสะท้อนแสงระยิบระยับ พื้นทางเดินปูด้วยพรมเปอร์เซียสีทึมๆ เลื้อยตามลูกบันไดเวียนโค้งสู่ชั้น 2 ฮอลล์ 1 ห้องแกรนส์ศุภาลัย อันเป็นสถานที่จัดงาน พรนภาและพนักงานสาวแผนกบัญชีแต่งตัวด้วยชุดราตรียาวธีมสีโอโรสกำลังตั้งแถวยืนพนมมือไหว้ต้อนรับแขกที่มาร่วมงานจากบริษัทในเครือทั่วประเทศ พวกเธอทั้งสวยและสดใสถึงแม้จะดูอวบเข้าขั้นขีดสุดก็ตาม ภายในฮอลล์เพดานสูง ปรากฏเวทีขนาดย่อมๆ ประดับประดาด้วยซุ้มกุหลาบสีโอโรสแซมขาว ป้ายชื่อและตราสัญลักษณ์แต่ละบริษัทถูกจัดเรียงจนเต็มพรึบบนจอแอลอีดี. อีกมุมก็ปรากฏเครื่องดื่มและอาหารนานาชาติรวมทั้งขนมไทยเบาๆ เรียงยาวพร้อมกับพนักงานโรงแรมในชุดโก้หรูเฉพาะเดินเวียนเสริฟ ราวกับว่ามีให้ไม่จำกัด เจนนี่หยิบไวน์แดงจากถาดที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนเธอจะขยิบตาให้ฮ่อมทำตาม บรรยากาศแช่มช้อยผ่านไปเรื่อยๆ กระทั้งพิธีกรซึ่งเป็นนักข่าวชื่อดังกล่าวเชิญประธานในพิธีขึ้นเปิดงาน ทันทีที่ ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร ปรากฏตัว หนุ่มลัวะจากอำเภอปัวก็แทบจะเดินเข้าไปหาเพียงอยากจะกล่าวทักทายสักคำเท่านั้น จนกระทั่งดร.ชัยนนท์กล่าวจบ คุณศุภวัชและประธานบริษัทในเครือก็ขึ้นเวทียืนเรียงหน้ากระดานด้านหลัง คำปฏิญาณหมายถึงกรอบความร่วมมือระหว่างกันถูกฉายขึ้นจอโปรเจคเตอร์ และขณะนั้นฮ่อมเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนๆ หนึ่งมายืนชิดแผ่นหลังนานพอสมควรแล้ว จนกระทั่งลมเบาๆ ผ่านเข้าหูจนไวน์แดงในแก้วทรงสูงกระเพื่อม
“เฮ้ย!…..”
“อ้าว! สวัสดีคะคุณค็อก!….” เจนนี่หันไปทักตามด้วยพนักงานอีกหลายคน โดยเฉพาะเจนนี่เธอเหมือนกับจะสำรวจชุดสูทของเค้าสลับหนุ่มลัวะเป็นพิเศษ “เอ้! เธอ 2 คนนี้ยังไงกันคะเนี้ย! กินกันไม่ลงจริงๆ ฮิ ฮิ ฮิ”
“ตัดร้านเดียวกันนะครับ แรกๆ กะจะทักซิโด้หูกระต่าย แต่ฮ่อมเค้ากลัวจะเวอร์เกินเบอร์”
“ถ้าทักสิโด้คู่ เจ้! คิดว่าเป็นงานแต่งแล้วละค่ะ! คุณค็อก!”
“ไหน มึงหันมาให้กูสำรวจซิ….กระดุม 3 เม็ดล่างพอ…ปกเสื้อกับเนคไท” เขาขยับให้นิดๆ “โอเครละ…ไปกับกูหน่อย” ค็อกเทล! กระซิบ ดูเหมือนฮ่อมจะเหรอหราจนหลายคนสังเกตเห็น “เอ่อ ผมขอตัวคุณนุกุลสักครู่นะครับ คือคุณพ่อต้องการพบนะครับ”
ฮ่อมตาเหลือกโพลง “ห่า! ด๊อก! ด๊อก!……”
“ไอ้เวร เตี่ย! กูโว้ยไม่ใช่หมา” ค็อกเทล! กระซิบจนเห็นฮ่อมเกือบจะหลุดขำ
“ด๊อกเตอร์โว้ย! มึงเกือบจะทำให้กูติดคุกแล้วไหมละ” ฮ่อมกระซิบตอบ
“โห! นี้รองนายกฯ ให้มาตามเลยเหรอ ไปเลยฮ่อม โอกาสมาถึงแล้วรอไร” เสียงยศศักดิ์เชียร์จากด้านหลัง
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” ค็อกเทล! บอกส่ง
กระนั้นฮ่อมก็ยังคาใจ “ก็ด็อกเตอร์ชัยนนท์ ยังอยู่บนเวทีเลยนิ”
“เออน่า…”แล้วฮ่อมก็ถูกค็อกเทล! ดุลหลังผ่านไปทีละคน ทีละกลุ่ม คนในงานส่วนใหญ่จะรู้จักเขาเป็นอย่างดี บรรดาคุณหญิงคุณนายผู้หลักผู้ใหญ่สังคมชั้นสูงกล่าวทักทายไม่ขาด ซึ่งความสุภาพของเขาในคืนนั้นทำให้ฮ่อมได้เห็นตัวตนอีกด้านของชายคนนี้ชัดเจนขึ้น เมื่อทั้งคู่เข้ามาอยู่ภายในห้อง VIP-3 ก็ปรากฏเฟี้ยทซ์กับสาวสวย 2 คนกำลังนั่งยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว
“มาได้สักทีนะเฮีย” เฟี้ยทซ์ทักก่อนจะลุกจากโซฟาพร้อมกับพวกเธอ “เจ้! ฟางนี้ไงเฮียนุกุล คนต้นแบบของเฟี้ยทซ์เอง”
“สวัสดีคะ…..คุณ….”
“เจ้!…เรียกไอ้หมอนี่ว่าฮ่อมเฉยๆ มันเป็นคนอำเภอปัว จังหวัดน่าน แล้วนี้ก็ยัยเค้กน้องสาวสุดเลิฟกูเอง เพิ่งกลับจากอเมริกาเมื่อวาน” ค็อกเทล! ผายมือไปยังสาวสวยอีกคนที่ยืนคู่กับฟาง “นั่งคุยกันดีกว่า จะยืนทำไมเนี้ย”
เมื่อทั้งหมดเข้าที่ “ครับเรียกผมว่าฮ่อมเฉยๆ ดีกว่าเยอะ”
“จะเรียกเจ้! ตามไอ้พวกบ้านี้ก็ได้นะจ๊ะ ฮา ฮา ฮา” ฟางให้ความเป็นกันเองจนฮ่อมรู้สึกสบายตัวขึ้น “ฮ่อมนี้เป็นภาษาลัวะเหรอ” ฟางถามพร้อมกับโยนสายตาไปค้างที่เฟี้ยทซ์ “มันเล่าให้เจ้! ฟังนะ”
“พี่ค็อกเองก็ใช่ย่อย 2 วันมานี้เค้ก! รู้จักพี่ฮ่อมดีกว่าเจ้าตัวซะอีก” หญิงสาวท่าทางสุภาพนั่งเบียดฟางเสริมตาม เธอสวมชุดราตรีสีขาวครีมกระโปรงสั้นระดับเข่า อายุน่าไล่เลี่ยกับฝ้ายน้องสาวเขา
“เป็นภาษาเหนือมาจากเสื้อม่อฮ่อมนะครับ เพราะเป็นอาชีพเดิมของแม่”
“อ้อ! เข้าใจละ แต่แปลกใจอยู่อย่าง ทำไมหนุ่มปัว! ถึงได้หล่อขนาดนี้ด้วย ฮา ฮา ฮา”
“เจ้! เบาได้เบา คนนี้เฟี้ยทซ์ขอ”
“อ้าว!…..ฮ่อมมีแฟนแล้วเหรอ หรือว่า…..” ฟางจ้องไปที่เฟี้ยทซ์แบบต้องการคำตอบให้ชัด
“No!…” พลางบุ้ยปากไปตกอีกคนที่กำลังยุ่งอยู่กับเครื่องดื่ม
“ไม่แปลกใจกับผู้สร้างตำนานทุกเรื่อง ฮา ฮา ฮา” เค้ก! แซะพี่ชายแล้วหันไปหัวเราะกับฟาง
“เฟี้ยทซ์ก็พูดไปเรื่อยแหละครับ” ฮ่อมเสียงเบาหน้าแดงก่อนผู้สร้างตำนานจะแทรกนั่งเกือบชิด
“กำลังจีบนะเจ้!….ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะชอบกุ้ยแบบค็อก! หรือเปล่า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฟางกับเค้กระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกัน ทั้ง 5 คนคุยกันอย่างออกรสชาติก่อนประตูกระจกจะถูกผลักและคนที่นำเดินนำเข้ามาเป็นคนแรกคือ
“ด็อกเตอร์ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร……” ฮ่อมอุทานตาค้าง ตามมาติดๆ คือคุณศุภวัช ค็อกเทล! ตบหลังเรียกสติ 2 ที
“นี้ไงคนที่กูต้องการให้มาพบ ไอดอลมึงไม่ใช่เหรอ”
******************
***โปรดติดตาม EP. ต่อไปเร็วๆนี้ ต้องการเป็นกำลังใจให้นักเขียน (พร้อมเพย์ : 092-2697869) ขอบคุณครับ***