เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep5-1

เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep5-1

เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep5-1 ปัว!ฉันรักเธอ นิยายอ่านดี มีคติสอนใจ เขียนโดย TIMMY BUTO

เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep5-1

“เฮ้ย! ฮ่อมภาษารักแบบที่มึงว่า เขาพูดกันยังไงวะ” ค็อกเทล! ถามขณะนอนกลิ้งอยู่บนเตียงขนาดคิ้งส์ไซด์สีขาว โดยมีเตียงเสริมขนาด 3 ฟุตครึ่งวางเรียงติดกันแต่ก็ยังไม่ปรากฏตัวเจ้าของ

“แล้วไอ้คุณเฟี้ยทซ์ละ” ฮ่อมมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวห่อช่วงล่างเดินออกมาจากห้องน้ำ เขายืนขยี้ผมด้วยผ้าผืนเล็กกระทั้งโดนค็อกเทล! ดึงลงนั่งพร้อมกับเช็ดผมให้  “จะมาไม้ไหนอีก”

“มึงก็หัดเชื่อใจกูหน่อยดิ ไอ้สัส!” ค็อกเทล! กระแทกเสียงพร้อมเพิ่มแรงขยี้หนักขึ้น “ป๊า! มันโทรมาเรียก” เสร็จแล้วก็คล้องวงแขนรวบหน้าอกซุกใบหน้าไว้กับซอกคอ “ว่าแต่ภาษารักในแบบของมึงเค้าพูดกันยังไง?….”

ฮ่อมแจะปากไม่สบอารมณ์ก่อนจะเขกกระบาล 1 ทีที่แอบจุ๊บ! คอ “เดี๋ยวไอ้เฟี้ยทซ์ก็เข้ามาเห็น”

“ไม่ถึง 4 ทุ่มมันไม่ขึ้นมาแน่นอน เชื่อกู”

ฮ่อมหันขวับ “แผนของมึงใช่ไหม?”

ค็อกเทล! หน้าเจื่อน “เออๆ กูไล่มันไปเอง…อยากอยู่กับมึงนิ” เขาดึงฮ่อมลงนอนพร้อมกับใช้มือกดไหล่ให้นิ่ง “จะสอนกูได้ยังเล่นตัวอยู่นั้นแหละ”

ฮ่อมจ้องเข้าไปดวงตาที่กำลังเบิกรับ ไม่ปรากฏรอยยิ้มแต่ก็เต็มเปรี่ยมไปด้วยความเอิบอิ่มที่อธิบายไม่ถูก “ภาษารัก เป็นภาษาพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน มันง่ายมากเพียงแต่มึงต้องใช้หัวใจพูดแทนริมฝีปากเท่านั้นเอง”

ค็อกเทล! ชักสีหน้าไม่เข้าใจ เขาขยับขึ้นเทินไปนอนบนตัวหนาๆ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเขี่ยเนินหน้าอกเล่น “กู….”

“มึง กู เหี้ย สัส ควาย คำพวกนี้มึงอยากใช้กับคนที่มึงรักไหม?ละ และถ้าคนที่มึงรักพูดกับมึงบ้าง มึงจะอบอุ่นหรือเคือง” ฮ่อมอธิบาย จนเห็นอีกคนเบิกหน้าสูงคิดตาม “มองกูแล้วลองใช้หัวใจพูดกับกูดิ!”

ค็อกเทล! จ้องลึกเข้าไปในดวงตาราวกำลังเรียนรู้ตำรารักเล่มใหม่ “ฮ่อม…..” เขาเรียกสั้นๆ “กู กูรักมึง”

“ไม่ๆ ยังไม่ใช่”

ค็อกเทล! นิ่ง นิ่ง นิ่ง…. “ผม ผมรักคุณ”

ฮ่อมระบายยิ้มก่อนจะพลิกขึ้นไปนั่งทับบนลำตัว ขณะเดียวกันก็เหลือบไปที่นาฬิกาบนผนัง “3 ทุ่ม 20 นาที”

ค็อกเทลยิ้มคล้ายจะรู้ความหมาย “…ฮ่อมครับ….” แต่ก็ยังเบี่ยงแววตาสับสนสู้กับโคมดาวไลท์ที่กำลังรี่แสงลงเรื่อยๆ “หนังสือเข็มทิศชีวิต หรือว่า….”

“หนังสือแค่นำเรา 2 คนมาเจอกัน”

“ …เรา เรา กลัว…” ค็อกเทล! หน้าถอดสีจนอีกคนพลอยวิตกไปด้วย

“นายจะกลัวอะไรไม่ทราบ….”

“เข็มทิศชีวิตของเราสวนทางกันนะ”

ฮ่อมนิ่งสักพักก็เผยยิ้ม “…ถึงเข็มทิศชีวิตของเราจะสวนทางกัน แต่ในเอกภพต้องมีจุดใดจุดหนึ่งที่เส้นทางเข็มทิศชีวิตตัดกัน” ฮ่อมก้มกระซิบ “นายพูดเองนะ”

“เป้าหมายของนายมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือ ส่วนของเรากลับพุ่งลงทิศใต้ นี้แหละคือสิ่งที่เรากำลังกลัว”

ฮ่อมเห็นอีกด้านของชายผู้สร้างตำนานก็วันนี้ ใบหน้าไม่มั่นคงราวกำลังลอยเคว้งอยู่ที่ไหนสักแห่ง เขาก้มลงจูบแบบที่ไม่เคยจูบ ลิ้นทั้งคู่สอดรัดในโพลงปากของกันและกัน มันทั้งน่าหลงใหลและน่าค้นหา ไม่ต้องพูดถึงรสชาติกับกลิ่นเฉพาะตัวด้วยซ้ำ

“บางทีเอกภพของเราอาจจะเป็นวงกลม” ฮ่อมเสียงเริ่มสั่นๆ “ความรักจะนำพาเข็มทิศชีวิตที่สวนทาง วนกลับมาเจอกันเองนั้นละ อย่ากังวลกับวันที่ยังมาไม่ถึงเลย…ไหน?ลองใช้หัวใจพูดภาษารักอีกทีซิ!”

ค็อกเทล! ค่อยๆเบิกยิ้ม…. “ผมรักคุณครับนุกุล”

“ยังต้องฝึกอีกเยอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

********************

ที่บ้านสวัสดิ์พากร แกรนส์ซิตี้ลากูน ถนนสุขุมวิท ใจกลางกรุงเทพมหานคร

“ด็อกเตอร์ ด็อกเตอร์คะ….” เสียงท่านผู้หญิงโฉมศิริกัลยา สวัสดิ์พากรดังมาจากพื้นที่ส่วนตัวซึ่งประกอบไปด้วย ห้องเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า แต่งตัว-แต่งหน้า- ทำผม-ห้องอบไอน้ำ อบซาวน่า สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายและห้องเต้นรำ เธอผลักประตูเดินฉับๆทั้งๆที่มีโลม้วนผมบวกครีมมาร์คหน้าขาววอกถึงลำคอ เธอบังคับได้แค่ริมฝีปากเผยอขึ้นลงแคบๆเสียงจึงฟังแหมบผิดปกติ “ด็อกเตอร์คะ” เธอผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับโทรศัพท์ล้อมเพชรแพรวพราวระยิบระยับ

“ด็อกเตอร์ เดี้ยน!ถามตรงๆ คุณเพี้ยนหรือบ้ากันแน่” เธอวางโทรศัพท์ลงต่อหน้า กระนั้นดร.ชัยนนท์ก็ยังทำตัวเป็นรูปปั้น “ทำแบบนี้แล้วเดี้ยน! จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ส่งตาค็อกกลับอเมริกาแล้วไม่ต้องกลับเมืองไทยตลอดชีวิตยังจะดีเสียกว่า นี้อะไร? ส่งไปเรียนเกษตร คุณคิดอะไรอยู่ คุณทำกับเดี้ยน! ทำกับครอบครัวเดี้ยน! แบบนี้ได้ไง? แล้วเจ้าตัวละอยู่ไหน? ตาค็อก! ตาค็อก!” แล้วเสียงแหมบๆก็ผ่านประตูออกไป

“คุณหนูอยู่บ้านอาม่าค่ะท่านผู้หญิง” เสียงแม่บ้านรายงาน

“เป็นอะไรกันไปหมดทั้งพ่อทั้งลูก ไม่ได้ดั่งใจสักคน” สักครู่เธอก็ผลักเข้ามาหาในห้องอีกรอบ  “ด็อกเตอร์คะตกลงตั้งแต่ตาค็อก! กลับจากอเมริกาไม่เคยมานอนที่นี่เลยใช่ไหม? เดี้ยน! เป็นแม่แท้ๆถึงจะไม่ได้อาศัยท้องก็เถอะ แต่เดี้ยน!ก็คือแม่เค้า…โอ้ยเดี้ยน! อยากตาย ตามเค้ามาที่นี้ด่วนงานเคาท์ดาวคืนนี้ เดี้ยน! จำเป็นต้องมีเค้า ท่านผู้หญิงไฉไลภิริยาท่านนายกฯอยากเจอตาค็อก นี้ นี้ ด็อกเตอร์คุณฟังเดี้ยน! อยู่หรือเปล่า คุณได้ยินที่เดี้ยน! พูดไหม?”

ดร.ชัยนนท์ส่ายหน้าไม่สบอารมณ์ “เขาไปอำเภอปัว!”

ท่านผู้หญิงโฉมศิริกัลยาถึงกับนิ่งช็อก! คาที่… “อำเภอปัว! …อำเภอปัวอยู่มุมไหน?ของประเทศไม่ทราบคะ” เธอถามระดับเสียงกลางๆ ก่อนจะกรี๊ด! เสียงแหมบหลงเขาไปไกล “ด็อกเตอร์คุณ คุณเป็นพ่อภาษาอะไร? ถ้า ถ้า เกิดอะไรขึ้นกับตาค็อก! ใครจะรับผิดชอบ ด็อกเตอร์ เดี้ยน! อยากฆ่าคุณนัก โอ้! อะไร? เกิดอะไร?ขึ้นกับเดี้ยน! กันแน่ มีลูกคนเดียวก็ไม่ได้ดังใจ เดี้ยน!อยากตาย เดี้ยน! อยากตาย”

“คุณๆ ใจเย็นๆผมให้ตำรวจนำทางไปด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงเกินเบอร์ขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวจะไม่สวยนะ ดูซิ!มาร์คหน้าแตกหมดแล้วรู้ตัวไหม?” และมันก็ได้ผล ท่านผู้หญิงโฉมใช้มือลูบคลำราวกับสิ่งนั้นคือทั้งชีวิต

“ต๊าย! ตายแล้ว….คืนนี้เดี้ยน! ต้องออกงานที่ห้างไอสยามซะด้วย” ท่านผู้หญิงโฉมศิริกัลยาจึงหันไปผลักประตูหายกลับเข้าพื้นที่ตัวเองไป ดร.ชัยนนท์มองตามหลังภรรยาถึงกับส่ายหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะยกโทรศัพท์แล้วโทรออก

“ดูห่างๆ อย่าทำให้รู้ตัว ถึงไหนแล้ว”

#ครับท่าน ออกจากพิษณุโลกเกือบเข้าอุตรดิตถ์แล้วครับ#

“โอเคร! ขอบใจมาก” เขาวางสายก่อนจะทิ้งตัวหมดแรงไปกับพนักพิง คำอ้อนวอนของบุตรสาวที่เกิดกับภรรยาอีกคนกำลังดังก้องกังวานขึ้นในหัว

                #คุณพ่อคะ ในเมื่อคุณพ่อตั้งใจเขียนหนังสือเข็มทิศชีวิตให้พี่ค็อก! คุณพ่อก็ต้องกล้าปล่อยมือจากพี่เค้าด้วยนะคะ เค้ก! มั่นใจในตัวพี่ค็อก!ค่ะ คุณพ่อก็ต้องมั่นใจในหนังสือที่คุณพ่อเป็นคนเขียนเองด้วย เข้าใจไหม?คะ#

“นั้นซินะ ตราประทับรับรองหนังสือเล่มนี้คืออนาคตของเค้านี้น่า!….”

*******************

ปัว! ฉันรักเธอ

แดดหนาวสีเบจมาพร้อมกับหมอกหนาทึบที่กำลังบดบังเทือกเขาภูคาและภูเขา 2 ลูกหลังหมู่บ้านดอนสวาย ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดน่านจนแทบมองไม่เห็น เดิมทีครอบครัวลัวะ 4 คนพ่อแม่ลูกชายและลูกสาวอาศัยอยู่บนเทือกเขาภูคาซึ่งต้องขับรถไต่ระดับสูงขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 30 กิโลเมตร แต่เพราะปัญหาเรื่องน้ำในการทำเกษตรไม่เพียงพอ หัวหน้าครอบครัวจึงลงมาซื้อที่ดินอีกแปลงหลังบ้านดอนสวายอันเป็นพื้นที่ราบและอุดมไปด้วยระบบชลประทานเหมาะสำหรับปลูกผักกาดส่งโรงงานที่ได้รับประกันราคาดีกว่าทำไร่กะหล่ำปลีบนดอยหลายเท่าตัว ซึ่งอันที่จริงไร่กะหล่ำก็ยังทำอยู่

ด้วยระบบชลประทานของบ้านดอนสวายไม่มีปัญหา ทุ่งโล่งสุดลูกหูลูกตาที่มีเทือกเขาภูคาปิดล้อมไว้ทุกด้านจึงเห็นเป็นสีเขียวจากพืชไร่สวนสลับทำนาตลอดทั้งปี

สายๆของวันที่ 31 ธันวาคม หลัง 8.00 น.หมอกยังคงหนาทึบ อากาศเริ่มเย็นตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม คาดว่าจะยังเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์บวกลบ หนุ่มลัวะตัวสูงผิวขาวที่พึ่งกลับจากกรุงเทพฯพักผ่อนวันหยุดและยังมาทำธุระบางอย่างให้น้องสาวที่กำลังเรียนบริหารธุรกิจที่วิทยาลัยเทคนิคประจำจังหวัด เขาเดินตรวจดูร่องน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆสู่พื้นที่ลุ่มต่ำทางทิศเหนือเรื่อยๆ ผักกาดปีนี้ต้นใหญ่ใบเขียวกำลังสวย มันใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเต็มที เขาลงไปนั่งลูบใบหนาๆแล้วก็นึกเสียดายเพราะโรงงานจะเน้นเฉพาะก้านอวบๆกับกอแน่นๆเท่านั้น

“กิโลตั้ง 6 บาท เสียดายจังเลยนะคะพี่ฮ่อม” และเสียงหญิงสาววัยใสก็ดังขึ้นด้านหลัง ดูเหมือนเธอจะเดินมาหยุดดูเขาได้สักพักแล้ว

ฮ่อมหันไปยิ้มให้น้องสาวคนเดียว เธอพึ่งเลย 18 ปีไม่กี่เดือน ตัวสูงและสวยได้แม่ ซึ่งเขาเองก็เช่นกัน “อ้าว! ใครมาส่งอะฝ้าย” ฮ่อมถามเพราะกลับถึงบ้านเมื่อวานเย็นเธอยังอยู่หอพักในตัวจังหวัดอยู่เลย

“พ่อเอากะหล่ำปลีไปส่งตลาด เห็นว่าพี่ฮ่อมกลับฝ้ายจึงขอกลับด้วย” เธอพูดไทยกลางแต่ติดสำเนียงลัวะบนดอยภูคานิดๆ “พี่ฮ่อมค่ะ…”

ฮ่อมเลิกคิ้วบีบริมฝีปากรอ…

“ฝ้ายมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย…” สีหน้าเธอไม่สู้ดีทำให้ใจที่เตรียมรับอดสั่นไม่ได้

“อื้อ!…..”

เธอสวมกางเกง 3 ส่วนสีกลมท่ากับเสื้อเชิ้ตกีฬาสีของวิทยาลัยเดินผ่านไปมองยอดเขาที่เริ่มเห็นเป็นแนวสีเขียวชัดเจนขึ้น แดดสีเบจกำลังไต่ระดับเข้าสู่โหมดอบอุ่น เส้นแสงที่พึ่งจะแทรกผ่านม่านหมอกถึงพื้นก็กระจายหลายจุด “พี่ฮ่อม….” แต่ยังไม่ทันพูดประโยคสำคัญ เสียงพ่อก็แทรกก่อน

“ฮ่อม ฮ่อม…ไผบ่ฮู้มาถามหาที่บ้าน บอกเป็นเปื้อนมาจากกรุงเทพฯ มาเวิยๆเนอะ เดี๋ยวพ่อไปหักข้าวโพดหวานหัวไฮ่มาฮื้อเผา” แล้วพ่อก็เร่งเท้ากลับไป

ฝ้ายหันขวับ เขาเองก็แปลกใจ ถ้าเป็นเพื่อนจากเชียงใหม่พ่อก็ต้องรู้ว่าเป็นใคร แต่นี้….

“เปื้อนพี่ฮ่อมมาจากกรุงเทพฯ” ฝ้ายทวน “เปื้อนที่ทำงานแม่นก้อพี่ฮ่อม”

ฮ่อมส่ายหน้า “ไม่น่านะ เพราะไม่ได้บอกใครนอกจาก…”

“ไปเถอะ จะเป็นไผเดี๋ยวก็ฮู้เองละ” ฝ้ายยืนอยู่บนคันดินกวักมือเรียก เขาจึงลุกเดินนำไปตามถนนลูกรังที่รถยนต์พอจะผ่านไปได้ทีละคัน  พอผ่านรั้วไม้เตี้ยๆที่มีต้นมะพร้าว 2-3 ต้นเรียงกัน รถแลนด์โรเวอร์สีแดงคันใหญ่ก็จอดนิ่งอยู่ข้างกระบะมือ 2 ของที่บ้าน ฮ่อมชักสีหน้าสงสัยไปทางน้องสาว ซึ่งเธอเองก็เบะปากให้เห็นก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปในครัว

“แม่ เปื้อนพี่ฮ่อมละ” ฝ้ายถามเมื่อเห็นหญิงวัย 40 ต้นๆกำลังสาละวนทำกับข้าวอยู่คนเดียว

“คนเสื้อสีขาว โน้น!ตามอิพ่อไปหัวไฮ่ อีกคนหันลัดโท้งไปทางภูเขา…ฝ้ายมาช่วยแม่ในครัวโต้ย! ต้องทำกับข้าวเพิ่มอีกสักอย่าง 2 อย่าง”

“ค่ะๆ…..”

ฮ่อมลูบคางคิด “มา 2 คน” ทะเบียนรถดูจะเป็นเลขเดียวกับรถเบนซ์สปอร์ตสีดำของค็อกเทล! เขาคิดแต่ก็ยังไม่มั่นใจ “ไปทางไหนนะแม่” ฮ่อมตะโกนถามและเป็นฝ้ายที่เดินออกมาชี้นิ้วบอก

“หันหลังโวยๆทางภูโน้น!…รถสีแดง คนขับก็ใส่เสื้อสีแดงแป้ด!เห็นง่ายชัดเจนดี”

หมอกเริ่มบางระดับหนึ่ง “ใครวะ ก็บอกแค่เจ้เจน! คนเดียวนี่น่า!” เขาพึมพำขณะเร่งฝีเท้าเข้าไปหา เสื้อสีชมพูเมื่อครู่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีบานเย็นไม่ใช่สีแดงอย่างที่ฝ้ายบอก เขายืนหันหลังโดดเด่นราวกับอนุสาวรีย์เทพีป้าบานเย็นกลางทุ่ง ดอนสวาย (ใครกัน ใครกันนะ) หมอกเหลือไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เสียงฝีเท้าย้ำยอดหญ้าทำให้คนๆนั้นหันมาพร้อมกับเปิดยิ้มรอก่อนแล้ว

“ไอ้ค็อก! มึงมาได้ไง?” ฮ่อมตะโกนใส่ทั้งๆที่ยังไปไม่ถึง ค็อกเทล!ยิ้ม ยิ้มและยิ้ม

“นายพึ่งสอนเรา เองไม่ใช่เหรอ….” ค็อกเทล! พูดครึ่งๆกลางๆแล้วก็ปล่อยยิ้มให้เห็นต่อเนื่อง “ตามมาจนถึงปัว! เชียวนะ”

“สอน สอน….อ๋อ!…..ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮ่อมหัวเราะคล้ายจะพึ่งนึกได้ “นายมาได้ไง?”

“ก็มานี้ไง?….คิดถึง” ค็อกเทล! ลงเสียงกระซิบเมื่อฮ่อมเดินมาหยุดในระยะที่ได้ยิน

“แล้วมากับใคร เห็นแม่บอกมา 2 คน”

“ไอ้เฟี้ยทซ์….โน้น!ตามพ่อไปเก็บข้าวโพด” ค็อกเทลชี้มือบอก

“ไอ้คุณเฟี้ยทซ์เนี้ยนะไปหักข้าวโพด….”

“ปัว!สวยมากๆ…เราชักอยากมาอยู่แล้วซิ” ค็อกเทลพูดลอยๆ เขาหันกลับไปมองเทือกเขาภูคาอีกรอบ “นั้นใช่! เทือกเขาภูคารึเปล่า”

ฮ่อมลากขาเดินไปยืนกลางถนนพร้อมกับชี้นิ้วบอก “ภูเขา 2 ลูกใกล้ๆ เป็นภูเขาบ้านดอนสวาย ส่วนทิวเขาสูงลิบๆยาวโค้งโอบรอบทั้งอำเภอปัว! เรียกว่าเทือกเขาภูคา”

“ทำไมใช้ชื่อนี้ละ”

“เพราะบนเทือกเขาลูกนั้นมีต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ที่เดียวในประเทศชื่อว่าต้นชมพูภูคา จะออกดอกเป็นช่อสีชมพู เวลาบานจะบานพร้อมกัน เขาจึงใช้ชื่อต้นไม้มาตั้งเป็นชื่อดอย” ฮ่อมเว้นจังหวะให้อีกคนคิดตาม “บ้านเดิมของเราก็อยู่บนนั้นละ”

ค็อกเทล! หันมาทำตาโต “พาไปหน่อยดิ นะ ฮ่อม นะ”

ฮ่อมขำในกิริยาราวกับเด็ก “อ้อนอีกทีดิ! น่ารักดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“นะ นะ ที่รัก” ค็อกเทล! อ้อนจนฮ่อมหลุดขำจริงๆ

“เอ้อ! กินข้าวก่อน อยากขึ้นไปดูไร่กะหล่ำพอดี…”

เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงบ้านก็เห็นเพียงพ่อกับแม่กำลังจัดสำรับเช้าอยู่บนศาลา….

“อ้าว! ฝ้ายละแม่” ฮ่อมถาม

“กำลังเผาข้าวโพดอยู่หลังบ้าน”

“แล้วไอ้เฟี้ยทซ์ละครับ” ค็อกเทลถามบ้าง เมื่อทุกคนเงียบ “เอ่อ!….หมายถึงคนที่มากับผมนะ แฮ แฮ”

“ก็เห็นคิกคักๆอยู่ด้วยกันนั้นแหละ มาๆกินข้าว จะไปไหนค่อยไป….”พ่อเรียก ค็อกเทล! จึงเดินขึ้นศาลาอย่างคนว่านอนสอนง่าย

“อ้าว! ฮ่อมมากินข้าวกับเปื้อน ว่าแต่ชื่ออะไรนะคะหล่อเชียว หน้าคุ้นๆคล้ายเคยเห็นที่ไหน” แม่พูดพร้อมกับสำรวจไม่หยุด “ว่าไหม?พ่อ หน้าคุณคุ้นๆนะ…..”

“ชื่อค็อกเทล!นะแม่ อย่าคิดต่อเลยเดี๋ยวร้องอ๋อ! ขึ้นมาจะยุ่ง…ไปดูฝ้ายเผาข้าวโพดก่อนละกัน กินไปก่อนเลยไม่ต้องรอ”

“งั้น! มาๆคุณก๊อกเท! กินข้าว พอกินแกงกับผัดที่แม่ทำได้ไหม?”

“ค็อกเทล!แม่ ก๊อกเท!ออกเกาหลีไปไกลแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” พ่อแทรกทำให้ทั้ง 3 หัวเราะลั่น

“ลองผัดผักกาดนี้ดูสักหน่อย มาแบบบ่ได้ตั้งตัวก็ต้องกินอาหารแบบบ้านๆนี้ไปก่อนละนะ”

ค็อกเทล! ตักผัดที่แม่พึ่งตักให้เข้าปาก “อื้อ! อร่อยมากเลยครับ กรอบหวานด้วย”

“ผักสดๆจากหลังบ้าน เก็บล้างลงกระทะเลยก็แบบนี้แหละ อร่อยก็กินเยอะๆนะคะคุณก๊อกเท!….ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

อีกคน……ทันทีที่ฮ่อมเดินผ่านมุมห้องครัว ภาพไอ้คุณเฟี้ยทซ์กับฝ้ายก็ทำให้เขาถึงกับจี๊ด!ขึ้นสมอง “ไปสนิทกันตอนไหนวะ” เขาคิดก่อนจะกระแอมดังๆให้รู้ตัว

“อ้าว! เฮียฮ่อม ข้าวโพดสุกพอดี” เฟี้ยทซ์พูดหน้าตาย

“มาพอดียกข้าวโพดในถาดไปศาลาก่อนเลยพี่ฮ่อม สุกหมดฝ้ายกับพี่เฟี้ยทซ์จะตามไป” ฝ้ายบอกราวกับรู้จักชายหนุ่มที่กำลังหมุนซ้ายหมุนขวารอบตัวมาเป็นแรมปี

“ไปซิเฮีย!…เดี๋ยวก็เย็นหรอก” เฟี้ยทซ์เร่งเสียงดังจนฮ่อมเริ่มเบลอไปเอง

ก่อนจะเดินเข้าไปถึง “แน่ใจ…นะฝ้าย”

“อะไร?…พี่ฮ่อม….ยกไปได้แล้ว”

และไอ้คุณเฟี้ยทซ์ก็ชายตามองอย่างผู้มีชัย….

ทันทีที่มาถึงศาลา “ตกลงมันไปสนิทกันตอนไหนอะแม่” ฮ่อมถามขณะที่ค็อกเทล!กำลังตักแกงใส่ปากพอดี

“ใคร?…” พ่อชะโงกหน้าถาม

“ก็ไอ้คุณเฟี้ยทซ์กับฝ้ายไง” ฮ่อมจริงจัง ค็อกเทล! ที่นั่งข้างๆกลับกรุ้มกริ่มลอยหน้าลอยตาใส่

“จะตอนไหนก็ตอนนี้แหละ โอ้ย!เรื่องมากจัง” แม่ตอบปัดผ่านๆ

“นั้นนะดิ!….รีบกินเถอะจะไปดูต้นชมพูภูคา แบบกำลังร้อนวิชา” ค็อกเทล! แทรกพร้อมกับตักแกงสีเหลืองใส่จานให้  “อ้าว! กินๆ ไปยุ่งเรื่องคนอื่น แกงส้มแม่ทำอร่อยมากๆเลยละ”

“แหม! คุณก๊อกเท! ก็ชมแม่อยู่นั้นแหละ ฮิ ฮิ ฮิ”

ฮ่อมหันขวับจ้องแม่ตัวเองสลับค็อกเทล! อีกคู่…. “ก๊อกเท! นั้นภาษาเกาหลีแล้วนะแม่ แล้วๆไปสนิทกันตอนไหนอีกเนี้ย!”

“ก็ตอนนี้แหละ…กินๆ นั้นไงคุณเฟี้ยทซ์มาพอดี…” พ่อบอก “มานั่งข้างๆพ่อนี้มา เผาหมดเลยเหรอ”

“กะเผาทีเดียวกินทั้งวันนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“นายจะทำตาเหลือกอีกนานไหม? ผัดผักกำลังร้อนๆ แถมอร่อยโคตร” ค็อกเทล! ตักผัดผักเพิ่มใส่ให้อีกอย่าง จนทุกคนหัวเราะกับอาการเหรอหราไม่รู้ทิศของเขา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“พอจะกินได้ไหม?คะคุณฟิท”

“มันชื่อไอ้คุณเฟี้ยทซ์ครับแม่…ไม่ใช่ฟิท เฟิท! ซะหน่อย” ฮ่อมกระทุ้งเสียงขุ่นๆ

“ฟิทก็ฟิทครับ….ฝ้ายตักผัดให้ทีท่าจะอร่อย”

“เอาเลย….นี้ฝ้ายผัดเองกับมือเลยนะ”

“หื้อ….กรอบอร่อยมากๆ”

และฮ่อมก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ จนค็อกเทล! ต้องใช้ศอกกระทุ้งสีข้าง “นายจะเบลอแบบนี้อีกนานไหม?”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เป็นเอามากลูกคนนี้” แม่พูดไปหัวเราะไปจนทำให้พ่อที่นั่งติดกับไอ้คุณเฟี้ยทซ์พลอยหัวเราะตามอีกคน เช้าวันนั้นทุ่งหลังบ้านดอนสวายงดงามกว่าทุกวัน…แดดเช้าเกือบ 9 โมงก็อบอุ่นไม่แพ้กัน

“เป็นไงมั่งไอ้คุณเฟี้ยทซ์ท่าจะเจริญอาหารน่าดูเชียวนะ”

“ฝีมือฝ้ายนี่เฮีย…..”

ฮ่อมหน้าบึ้ง แต่ทุกคนกลับหัวเราะเสียงดังลั่น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

******************

***โปรดติดตาม EP. ต่อไปเร็วๆนี้ ต้องการเป็นกำลังใจให้นักเขียน (พร้อมเพย์ : 092-2697869) ขอบคุณครับ***

(Visited 26 times, 1 visits today)