อนุชาย2 บทที่9 แผลเก่าครั้งใหม่
แผลเก่าครั้งใหม่
ภาพสะเทือน
—-># “I am Dearniel Spanlay…เป็น แฟน กับ ชา นนท์ ครับ We are แฟน กัน มา ตั้ง เรียน High School at ซานฟรานซิสโก และ I and ชานนท์ ก็อยู่ ด้วยกัน Together ที่ บริ ติสโคลัมเบีย University too….”#
“ฆ่าฉันให้ตาย ชานนท์ ฆ่าฉันซิ! เดียรเนียล ไอ้คุณ ไอ้เหี้ยคุณ ฉันผิดอะไร ฉันอยู่ของฉันดีๆ นายจะกลับมาฆ่าฉันอีกเพราะอะไร ทำไม ทำไม ทำไม อ๊าๆ อ๊ากกกกก ไอ้คุณ ไอ้เหี้ยคุณ”
ภาพแรกพบ
—-–>#“อยู่นี้เอง ฉันตามหาซะนาน”——>“ตามหาฉัน นายจะตามหาฉันทำไม?…แต่รถนายสวยดีนี่….คุณชาย”——>“เวลานายเรียกฉันห้ามเรียกคุณนำหน้า เข้าใจไหม อนุชายยยย”——>“ที่หลังอย่าเรียกชื่อฉันแบบนั้น”——>“ทำไมอ่ะ…ก็นายชื่ออนุชายไม่ใช้รึไง”——>“ฉันบอกแล้วไงอย่าเรียกชื่อฉัน”——>“อธิบายมาดิ! เพราะฉันไม่เข้าใจนินา”——>“เพราะ….เพราะ ฉัน ไม่ใช่….เมีย น้อย ของ นาย”#
“หยุด หยุดซะที หยุดได้แล้ว ฉันไม่ใช่เมียน้อยของนาย ฉันไม่ใช่อนุชายของนาย….ชานนท์”
ภาพจากความหวังดี
—-–># “Timmy …ลืมไปแล้วรึไงว่าพ่อไอ้คุณร้ายกาจแค่ไหน….แม่ไม่อยากเห็นเธอกลับไปอยู่ในสภาพที่หนีไปอยู่ซิดนี่ย์เหมือนคราวก่อน แม่รับไม่ไหว”——>“15 ปีมาแล้วนะแม่”——>“ถึงจะเป็นร้อยปีฉันก็ลืมไม่ลง….อย่าไปเจอไอ้คุณเด็ดขาด กลับประเทศไทยด้วยไฟท์เดิม….ไม่เช่นนั้นฉันจะจับเธอแต่งงานกับไอ้เบ็บบี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปข้างหนึ่ง…”——>“แม่….”—–>“เธออย่ามาลองดีกับฉัน Timmy งานนี้ฉันเอาจริง”#
“แม่พูดถูก แม่พูดถูกทุกๆ อย่าง ทำไม ทำไมฉันต้องกลับไปเห็นบ้านสีปูนเห็นปติมากรรมซ้ำๆ ของพวกนายด้วย…รักกันถึงขนาดแลกชื่อ…สลักชื่อของกันและกันไว้ในใจมาก่อนจะเจอกับฉันซะอีก…นี้นายเห็นฉันเป็นแค่สัตว์เลี้ยงแค่นั้นเองหรือ…ไอ้คุณชาย ไอ้เหี้ยคุณ ฮื้อๆ….ฉันไม่น่ากลับประเทศไทยเลยเบ็บบี้ ฉันควรจะช่วยนายทำฟาร์มบลูเบอร์รี่ เบ็บบี้ เบ็บบี้….ทำไมเขาต้องเอาเรื่องลูกมาอ้าง เป็นเพราะฉันไม่เหลือใครบนโลกแล้วใช่ไหมถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้….ชานนท์ ชานนท์ นายได้ฆ่าฉันจริงๆ แล้ว นายฆ่าฉันทิ้ง เชือดฉันนิ่มๆ ให้ฉันตายอย่างคนมีทุกข์ ไอ้เหี้ยเอ้ย….” และภาพเช้าวันเสาร์เมื่อ 15 ปีที่แล้วก็ผุดซ้อนเข้ามาในหัวอัตโนมัติ
ภาพความหวานเมื่อวันวาน
—-–># ที่ครัวฝรั่ง 2 หนุ่มกำลังช่วยกันแต่งหน้าเค้กก้อนโต ชานนท์เปิดเตาอบหยิบเค้กที่อบได้ที่มาวางบนเคาน์เตอร์ อนุชัยกำลังกวนครีมสีขาวเนียนจนกระเด็นติดแก้ม ชานนท์เห็นจึงหัวเราะตัวงอเป็นกุ้ง——>“นายจะขำอะไรกันนักหนา…”——>“ฮ่าๆ นายอยู่นิ่งๆ นะ”——>“นายจะทำอะไรนะ….อะไร นายจะทำอะไร”——>“จุ๊ๆ…เออน่า….”ชานนท์ขึ้นเสียงดุนิดๆ ขณะริมฝีปากลอยอยู่เหนือครีมสีขาว เขาตวัดลิ้นบนพวงแก้มราวกับไม่มีวันเบื่อ#
“นายเห็นฉันเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้นเองรึไง…ฉันก็แค่นกป่าที่นายจะเด็ดปีกเมื่อไร ยามใดก็ได้ สีน้ำตาลเปลือกไม้ไม่เหมาะกับสีโอโรสที่นายชอบเลยสักนิด เข้ากันไม่ได้ ไม่มีวันจะเป็นเนื้อเดียวกัน ชานนท์ ชานนท์”
ภาพไข่มุกสีเทาที่ชิมะ
—-–># แดดยามเช้าที่อำเภอชิมะเบี่ยงไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก อนุชัยกับชานนท์อยู่ในชุดยูกาตะสำหรับหน้าร้อน เงาสนพันปีที่เรียงรายรอบๆ ศาลเจ้าชินโตพาดผ่านหลังคาบ้าน หน้าบ้านที่เป็นเฉลียงไม้บนกำแพงหินจึงสมบูรณ์แบบ——->“นายช่วยเอาคัตเติ้ลบัตชุบแอลกอฮอล์ล้างหูให้ฉันที”——>“แล้วนายจะมาหนุนตักฉันทำไมเนี้ย”——>“อ้าว! ถ้าไม่นอนหนุนตักแล้วภรรยาจะล้างหูสามีได้อย่างไรละ เอ้ นายนิ ว่าแต่นายชอบชิมะไหม”——>“นิดหน่อย ฉันชอบบ้าน Loft Love มากกว่า” #
“ที่ผ่านมาอะไรที่นายพูดจริงกับฉันบ้าง นายเคยจริงใจกับฉันไหม นายสร้างบ้าน Loft Love ขึ้นมาทำไมอีก สร้างขึ้นมาเพื่อเดียรเนียล สแปนเลย์ แฟนที่นายรักตั้งแต่แรกเริ่มใช่หรือไม่….สร้างมันขึ้นมาเพื่อหลอนใจฉันไปตลอดชีวิตใช่หรือไม่..ฮื้อๆ”
ภาพบนเตียงสีขาว
—-–># “นายจะทำอะไรนะ”——>“เอ้อ! ขยับไปหน่อยจะนอนด้วย”——>“จะบ้าเหรอ นี้มันโรงพยาบาลนะ”——>“โรงพยาบาลแล้วจะทำไม ก็สามีจะนอนกับภรรยาไม่ได้รึไง”——>อนุชัยส่ายหน้าละอาในความหน้าหนาของเขา——>“แค่นั้นแหละ”——>ชานนท์จะเอาขามาเกย..“ไม่เอาเดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น”——>“ไม่มีแล้ว นี้มันเกือบจะเที่ยงคืนแล้วนะเด็กโง่”——>“หือ! นายดิเด็กโง่ ฉันนะพี่นายนะ”—–>“ครับพี่ทิมมี่…คิดถึงบ้าน Loft Love นะนายว่าไหม”——>“อื้อ!….บ้านของเรา”——->ชานนท์ตะแคงข้างหันหน้าไปทางอนุชัย พลางใช้มือลูบวนที่หัวเบาๆ “นี้คือกฎเขกกะโหลกข้อที่ 1 ที่ฉันอยากทำกับนายทุกคืน”——>“นี้แน่!…”อนุชัยสับกะโหลกระดับตึบๆ “นี้ก็เป็นกฎเขกกะโหลกข้อที่ 2 ——>“อุ้ย! นายนี้ร้ายใช่ย่อยเลยนะ….นอนเถอะๆ อย่างให้ถึงข้อที่ 3 ข้อที่ 4 เลย”——>“ข้อที่ 3 ท่าบอกโกรธ แต่ยังรัก ให้ใช้ฝ่ามือตบหน้าหรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่ง น้ำหนักที่ตบอยู่ที่อารมณ์โกรธนั้น ซึ่งผู้ถูกตบจะต้องประเมินเอง “——->“ข้อที่ 4 ท่าบอกเกลียดหรือบอกเลิกให้ใช้กำปั้นชกเข้าตรงๆ ที่ใบหน้า หรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่งแรงสุดชีวิตแต่หากเราต้องชกกันจริงๆ ฉันจะชกตัวเองจนกว่าจะตาย”——>“นอนเถอะพรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านละ”——->“อื้อ กอดนะไม่อย่างนั้นฉันนอนไม่หลับ” #
“อะไรที่เป็นความจริงบ้าง อะไรที่เป็นความจริงสำหรับฉัน….นายเล่นฉันซะป่นปี้ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะเดินไปทางไหน ทำไหมปีศาจร้ายอย่างนายถึงเข้ามาในชีวิตฉัน นายทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ นายทำให้ฉันรักนาย นายทำให้ฉันเป็นเกย์ ชานนท์ นายทำลายชีวิตลูกผู้ชายของฉัน นายทำให้ฉันเป็นเกย์…..นายทำให้ฉันเป็นเกย์….สุดท้ายนายก็เขี่ยฉันทิ้ง ชานนท์ ชานนท์”
และภาพก็วนสู่จุดเริ่มต้น
—––>#“Yesss….เรา รัก กัน ยู ด้วย กัน เป็น Roommate…จน I คิด ว่า I รู่จัก เขา มากกว่า ทุกคน ใน โลก นี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า—–>-ชา นนท์ ชอบแวนคูเวอร์ มาก กว่า ซานฟรานซิสโก I เลย ต้อง ย้าย ตาม ไป เรียน กับ เขา ที่ นั้น….เรา ชอบ ไป ดื่ม ไป เดินเล่น ใน แก๊สทาวน์ เป็น ประจำ คุณเคย ไป ที่ แก๊ส ทาวน์ ไหม ครับ Timmy”——>“คุณว่าอะไรนะครับ”——>“I ถาม ยู ว่า เคยไป แก๊สทาวน์ ใน แวนคูเวอร์ ไหม ครับ เพราะ ที่นั้น เป็นที่ I กับ ชา นนท์ ชอบมากๆ เลย เวลา เมา เรามัก จะเปิด ห้อง โรงแรม แถวนั้น นอน กัน เป็น ประจำ”#
“ชัดเจนที่สุดเดียรเนียลคือรักแรกและรักสุดท้ายของนาย นายทำให้ฉันเป็นเกย์ นายฆ่าฉันทั้งเป็น ฆ่าฉันให้ตาย ฉันต้องตายเพราะนายเดียรเนียล ฉันต้องตายเพราะนายชานนท์ ฮ๊ากกกกก”
แผลเก่าครั้งใหม่…เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงตรงนี้อนุชัยจึงหาทางออกด้วยการกลับไปสวนอาหารสะบันงาอีกวาระ เพียงแต่คราวนี้เขากลับไปในฐานะลูกค้ามากกว่าพนักงาน เหล้าแบล็คเลเบิ้ลกับโซดาถูกสั่งมาแทนน้ำเปล่า ห้องหมายเลข 28 ก็ยังเป็นห้องในความทรงจำ เขาจงใจจะใช้ห้องนั้นเพื่อจมอยู่กับความทรงจำเก่าๆ ปล่อยให้เรื่องราวในอดีตหวนกลับมาสังหารหัวใจให้เข็ดหลาบ เพียงแต่คนที่มาเป็นบริกรกลับเป็นชายหนุ่มตัวสูงหล่อขาวราวกับพระเอกเกาหลีที่ชื่อปกรณ์แทนที่จะเป็นสาวสวยเหมือนที่ผ่านมา วันแรกที่ปกรณ์เห็นอนุชัยเมาหลับไม่รู้เรื่องอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง การอาสาดูแลอนุชัยก็ประหนึ่งได้ดูแลญาติที่จะเข้ามาในชีวิต ถึงแม้ว่าอนุชัยจะไม่เคยรู้เรื่องราวของเขาเลยก็ตาม
“นาย….” อนุชัยเงยใบหน้ามัวๆ ที่กำลังหมุนวนอ่านป้ายชื่อที่แขวนคอระดับอก
“ปกรณ์ครับ” เขารายงานขณะยืนนิ่งอ่านพฤติกรรมอยู่ไม่ห่าง
“ปกรณ์ ปกรณ์ ฉันว่าฉานเคยเจอนายที่ไหนสักแห่งนะ แต่ชั่งแม่ง! เถอะ…นาย นายรู้ไหม แต่ก่อนฉานก็เคยยืนอยู่ตรงจุดที่นายกำลังยืนอยู่ ใช่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันเคยทำงานที่นี้มาก่อน และ และ….ฮ๊วกๆๆๆ”
“คุณเมามากแล้วนะครับ” ปกรณ์ห้ามขณะที่อนุชัยกำลังจะคว้าแก้วที่เหลือน้ำสีอำพันค้างอยู่เกินครึ่ง เขาจ้องหน้าปกรณ์แบบคนไม่สบอารมณ์ สักครู่….
“เรียกฉันว่านุ หรือนาย หรือมึง หรือเอ็งก็ได้ แต่อย่าเอ่ยคำว่าคุณออกมาให้ได้ยินอีกเข้าใจไหมพ่อรูปหล่อ” อนุชัยออกคำสั่งก่อนจะหันไปคว้าเหล้าแก้วนั้นมาซดจนหมด “ไปเอาแบล็คฯ มาอีกขวด” อนุชัยออกคำสั่ง แต่ปกรณ์ก็ยังเรรวนแบบคนไม่รู้จะทำอย่างไร
“นายเมามากแล้วนะนุ” ปกรณ์พูดระดับเสียงดังกว่าปกติ จนอนุชันหันขวับจ้องหน้าเขาตรงๆ
“นายใช้ภาษาราวกับรู้จักฉันเป็นอย่างดี….นายเป็นใครนะปกรณ์ทำไมใบหน้าของนายเหมือนกับเคยผ่านตาฉันที่ไหนมาก่อน” อนุชัยยันตัวเอง จิ! ปากเสียงดังพร้อมกับลุกเซๆ คว้าอกเสื้อดึงเข้ามาใกล้ๆ “นายหล่อราวกับพระเอกเกาหลี แต่ทำไมต้องมาจมปลักในสวนอาหารแห่งนี้ด้วยละ”
“ใช่! ฉันรู้จักนายดี และฉันก็อยากจะรู้จักนาย อยากดูแลนายเพื่อลบล้างความผิ……..” ปกรณ์พูดสะดุด เขานิ่งกลางอากาศก่อนจะขยับเข้าไปคว้าเอวอนุชัยที่กำลังจะเซไปชนผนัง… “และครั้งหนึ่งฉันเองเกือบจะฆ่านายแล้วด้วย” เขาพูดต่อจนดวงตาของอนุชัยลุกโพลงพร้อมกับขยับเท้าถอยห่างออกไป
“หึๆ…หน้าอ่อนๆ อย่างนายเนี่ยนะจะฆ่าฉัน…ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“แต่นั้นก็เพียงอดีตอันต่ำตมและเวลานี้ฉันกับนายก็มีสภาพไม่ต่างกัน…”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…คืออะไร นายกับฉันมีสภาพไม่ต่างกันอย่างไร” อนุชัยขึ้นเสียงขณะแก้วแบล็คเลเบิ้ลถูกแกว่งเป็นวงกลมไปรอบ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..”
ปกรณ์ใช้ฝ่ามือหนาๆ ประกบเหล้าแก้วนั้นให้หยุดพลางจ้องเข้าไปในดวงตาของอนุชัยชัดๆ เต็มๆ “เราต่างไม่เหลือใครบนโลก….เหมือนๆ กัน”
ประโยคดังกล่าวทำให้อนุชัยถึงกับช็อกไปหลายนาที กระทั้งเขาฝืนมือยกเหล้าขึ้นดื่ม
“พอเถอะน่า! อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย ฉันขอร้อง”
“นายเป็นใครกันแน่ปกรณ์ นายเป็นอะไรกับฉัน….”
“ฉันโดนข่มมาทั้งชีวิตและวันนี้นิสัยนั้นก็ยังแก้ไม่หาย ฉันมิอาจยกตัวขึ้นเทียบชั้นกับนายหรอก” ปกรณ์เงียบประเมิน อนุชัยก็ตาเบิกโพลงรอ…. “ฉันอยากให้นายรับรู้ว่า ฉันจะจริงใจกับนาย ฉันจะดูแลนายไปตลอดชีวิต ถ้านายคิดว่าฉันคือ 1 คนในโลกของนาย”
“นายหมายความว่าอย่างไร….นาย นาย”
“ฉันรักนาย เพราะฉันมีแค่นายคนเดียวในเวลานี้” ปกรณ์พูดตรงๆ เป็นปริศนา น้ำเสียงนิ่งๆ ทิ้งแววตายืนยันจนอีกคนทำอะไรไม่ถูก แก้วเหล้าในมือสั่นระริก อนุชัยยกมันขึ้นซดอีก แต่ปกรณ์ก็คว้าที่เหลือเกินครึ่งมาซดซะเอง
“นายรักฉัน นายรักฉัน ฉัน ฉัน กลัวคำๆ นี้ที่สุด….ฮื้อๆ” และอนุชัยปล่อยโฮทิ้งตัวเข้าซบอกแบบคนหมดแรง “นายรักฉัน เพราะนายมีฉันคนเดียวในโลก….ฉันไม่เข้าใจ ฉันกลัว โลกของฉันกำลังมืดทั้งแปดด้าน”
“ใช่ ฉันเองก็ปรารถนาให้นายรักตอบเพราะ”……ปกรณ์เว้นจังหวะ “เพราะฉันคือคนเดียวในโลกของนาย อ นุ ชัย…” ปกรณ์ตบท้ายด้วยการเรียกชื่อเขาช้าๆ ชัดๆ แต่อนุชัยกลับยิ่งไม่เข้าใจ ในที่สุดก็หันไปคว้าขวดเหล้าแบ็คเลเบิ้ลขึ้นรินเพิ่มจนเกือบล้น
“ฉันว่าพอเถอะ….นายไม่ไหวแล้วนะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แบล็คเลเบิ้ลทำอะไรฉันไม่ได้หรอก…” เขาจิบบางๆ ก่อนจะโยนตัวเข้ากระซิบ “อย่าเป็นนายก็แล้วกันที่จะทำให้ฉันเมาไปมากกว่านี้” อนุชัยจ้องดวงตาฉ่ำๆ กระทั้ง “ปิดบิลแล้วขับรถไปส่งฉันที่คอนโดฯ ที…..” มือที่กำลังเมาแบล็คเลเบิ้ลไล้ท์ไปตามเรือนร่างกระทั้งหยุดที่เป้ากางเกงตุงๆ อนุชัยกุมมันแน่นๆ ปกรณ์เองก็มองหน้าอนุชัยอยู่นาน ปล่อยให้เขาเคล้าคลึงเป้าอยู่นาน….
“นายรอฉันแป๊บเดียว….”
สวนอาหารสะบันงา
เกือบจะ 3 นาฬิกาปกรณ์บอกเจ้ดวงว่าขออาสาขับรถไปส่งอนุชัยที่คอนโดฯ ซึ่งเจ้ดวงก็เห็นดีเห็นงามด้วยจึงอนุญาต ถนนเกษตร-นวมินทร์ ในเวลานั้นโล่งเกือบตลอดเส้นทาง แสงโคมบนหอสูงเจิดจรัสราวกับดาวสีเหลืองกำลังชี้ทางสว่าง ปกรณ์ลดกระจกข้างเพื่อให้ลมข้างนอกไล่กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งภายในรถแบบคนเคยงาน อนุชัยหลับสนิท รถโตโยต้าคัมรี่วนเข้าไปจอดในคอนโดมิเนียมในซอยลาดพร้าว 20 ปกรณ์รู้ได้อย่างไรว่าอนุชัยพักอยู่ที่นี้ ความเมามายไม่รู้สึกตัวทำให้สมองของอนุชัยเบลอจนลืมนึกถึงข้อนี้ไปสนิท ปกรณ์แบกอนุชัยขึ้นหลัง เขาพยักหน้าให้ รปภ.ช่วยเปิดประตูนำทางก่อนน้ำเสียงยืดๆ ยานๆ จะดังขึ้นข้างหูภายในลิฟต์
“นายอย่าทิ้งฉันนะ นายอย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ” ปกรณ์หันไปมองจนแก้มสัมผัสกับริมฝีปากของอีกคนอย่างจงใจและเจตนา…. “นายรักฉัน นายอย่าทิ้งฉัน ฉันโดดเดียว ฉันไม่มีใคร และฉันก็ยังไม่มีใครอยู่ดี นาย นายบอกว่ารักฉัน นายบอกว่ารักฉัน นายอย่าลืมรักฉัน” อนุชัยพร่ำจนกระทั้งปกรณ์แบกไปโยนลงบนเตียงสีน้ำตาลเข้มๆ “ฉันอยากอาบน้ำ นายก็ควรจะอาบน้ำพร้อมๆ กับฉัน” อนุชัยลุกงัวเงียถอดเสื้อผ้าตัวเองจนไม่เหลืออะไรปิดบัง เขายืนจ้องปกรณ์ที่ไม่พูดไม่จาอยู่นานก่อนจะเซเข้ากระชากเสื้อผ้าจนปกรณ์อยู่ในสภาพไม่ต่างกับเขา
ขณะที่สายน้ำเย็นๆ กำลังราดอาบคนทั้งคู่ สติบางส่วนก็กลับมาพร้อมๆ ความรู้สึกชอกช้ำอยู้ข้างใน อนุชัยโถมตัวเข้าจู่โจมปกรณ์แบบเดียวกับเสือหิว 2 มือก็ลูบคลำไล้ท์ไปทุกส่วนที่เอื้อมถึงจนแก่นกายของทั้งคู่ดิ้นดุกๆ คลอเคลียพาดผ่านกันไปมาจนเผลอลืมนึกถึงเวลาไปชั่วขณะ และก่อนที่ลิ้นของอนุชัยจะฉกเข้าสู่โพรงปาก น้ำตาปนกับสายน้ำก็ล้นทะลักทิ้งๆ ขว้างๆ
“ฉันรักเขา ฉันรักเขาปกรณ์ ฉันรักชานนท์ รักจนฉันเห็นทุกอย่างเป็นสีดำ ฮื้อๆ” อนุชัยซบสะอื้นกับแผ่นอกขาวๆ จนแผ่นหลังสะท้านราวกับเนื้อสดเพิ่งโดนเชือด ปกรณ์กอดกดเขาให้นิ่งกับผนัง สายน้ำยังอาบร่างคนทั้งคู่ไม่หยุด เสียงดังซ่าๆ ก็ยังไม่หยุด
“ฉันเองก็ทำอะไรนายมากกว่านี้ไม่ได้เช่นกัน”
อนุชัยเงยหน้ามองแบบคนขอความกระจ่าง “นาย…..”
“ฉันจะกอดนายให้แน่น กอดนายทุกครั้งที่นายว้าเหว่” ปกรณ์บอกพร้อมกับก้มลงจูบบางๆ ที่หน้าผาก “ฉันจะกอดไม่ปล่อยถ้านายไม่เหลือใครให้กอด อนุชัย”
“นายเป็นใครกันแน่ปกรณ์….นายเป็นอะไรกับฉัน” อนุชัยถามซ้ำๆ พลางผลักปกรณ์ให้แผ่นหลังไปชนกับผนังกระเบื้องอีกฝั่ง กระนั้นในหัวที่กำลังมึนงงสับสนจนไปต่อไม่เป็นในวาระที่ 2
“สักวันนายจะรู้” ปกรณ์โน้มร่างเปล่าเปลือยที่กำลังสะอื้นเข้าหาตัวเอง
“นาย นาย……” ความเงียบเปิดเผยเฉพาะเสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื้น “นาย นายช่วยกอดฉันแน่นขึ้นอีกจะได้ไหม”
“ได้…แต่นายต้องเช็ดตัวแล้วละ…ฉันจะกอดนายจนกว่านายจะหลับ”
และเกือบๆ 4 นาฬิการ่างเปลือยเปล่าของ 2 ชายหนุ่มก็มาอยู่บนเตียง ผิวขาวเนียนเด่นลอยจากความมืดมิด อนุชัยพยายามปีนป่ายไม่อยู่นิ่งขณะที่อีกคนไม่ตอบสนอง
“ฉันจะกอดนายให้แน่นๆ และจะรอกอดนายทุกเมื่อที่นายต้องการ แต่ฉันไม่สามารถจะทำอะไรนายได้มากไปกว่านี้….ฉันรักนายนุ….ฉันรักนายอนุชัย….และฉันก็รู้ว่านายรักเค้า นายทิ้งคุณชายบ้านสายสกุลไม่ได้หรอก เชื่อฉันซิ!…”
“ฮื้อๆ…..” เสียงสะอื้นระดับหน้าอก
“หลับซะคนดี…ต่อจากนี้เป็นต้นไปนายคือคนเดียวของฉันและฉันจะเป็นอีกคนบนโลกให้กับนายเอง”
“นายเป็นใครกันแน่…นายเป็นอะไรกับฉัน”
“หลับตาเถอะ…..” และเสียงเพลงกล่อมของปกรณ์ก็ดังขึ้นเบาๆ
“……จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง……ขอแหวนทองแดง ผูกมือให้น้องข้า……ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่……ขอเก้าอี้ ให้น้องข้านั่ง…..ขอเตียงตั้ง ให้น้องข้านอน…..ขอละคร ให้น้องข้าดู……ขอยายชู เลี้ยงตัวข้าเถิด……ขอยายเกิด เลี้ยงตัวข้าเอง……”
….สายๆ เช้าวันต่อมา….
เสียงดังกุกกักๆ ในครัวปลุกอนุชัย เขางัวเงียพลางสำรวจตัวเองอย่างคนแปลกใจที่อยู่ๆ ก็มีชุดนอนสีเทาสวมใส่ครบถ้วนทั้งๆ ที่ก่อนจะหลับเขาจำได้เป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้น กระนั้นเสียงดังจากในครัวเล็กๆ ติดกับระเบียงก็ดึงดูดได้มากกว่า เขาก้าวขาใกล้จะหมดแรงไปหยุดยืนมองแผ่นหลังของปกรณ์ที่สวมชุดพ่อครัวเต็มสูบเงียบๆ นานกระทั้งรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
“เอ้!….นี้ฉันทำให้นายตื่นหรือเปล่า” ปกรณ์หันมาถาม อนุชัยส่ายหน้ายิ้มให้ “ฉันเห็นมีแค่มิโซะเขียว สาหร่าย แล้วก็เต้าหู้ก้อน เลยทำได้แค่ที่เห็น” ปกรณ์ยืนพูดอยู่ที่เดิม อนุชัยสาวเท้าเข้าไปจ้องตาในระยะเนื้อแนบเนื้อ ลมหายใจดึงเข้าออกจนสัมผัสไออุ่นได้ชัด….
“ทำไมเมื่อคืนนายถึงไม่ยอมทำอะไรฉันทั้งๆ ที่นายก็มีอารมณ์ร้อนอย่างกับไฟ….หรือเพราะฉันหน้าตาไม่ดีพอ”
ปกรณ์จ้องกลับแบบคนไว้เชิง…. “ฉันจะกอดนายเท่าที่นายต้องการ….แต่จะให้ฉันทำอะไรมากกว่านั้น…ฉันทำไม่ได้” พูดจบปกรณ์ก็ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากแผ่วๆ… “ฉันว่านายคงหิวแล้วละ เพราะฉันเองก็หิวมากๆ และกำลังจะไปทำงานแล้วด้วย”
“ฉันไม่เข้าใจ ยิ่งนายพูดฉันก็ยิ่งตามไม่ทัน”
“เออ…วันนี้ให้นายรู้แค่ว่ามีฉันอีกคนบนโลก วันหนึ่งนายก็จะเข้าใจเองนั้นแหละ” ปกรณ์รีบสรุปพลางผลักอนุชัยกลับไปนั่งลงหัวโต๊ะก่อนเขาจะยกมิโซะซุปชามใหญ่ๆ มาตั้งกึ่งกลาง
“อ้าวแล้วนายไม่กินรึไง” อนุชัยถามเร็วๆ “แล้วนี้ก็ชาม….”
“ก็ฉันจะตักกินชามเดียวกับนายนี้ไง….ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พูดจบปกรณ์ก็ถอดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้ที่เดิมหยิบช้อนมา 2 อันให้อนุชัยอันหนึ่งและเขาอีกอันหนึ่ง
อนุชัยมองปกรณ์ด้วยแววตารื่นๆ….ก่อนเสียงทุ้มๆ จะดังขึ้นขณะมิโซะซุปกำลังจะเข้าปาก “เมื่อคืนนายว่าฉันร่านไหม?”
ปกรณ์สำลักมิโซะพร้อมกับเหวี่ยงตัวไปยังซิ้งล้างจาน “ฮ่ ฮ่า ฮ่า…..” เขาหัวเราะต่อด้วยไอโขลกๆ อยู่พักใหญ่ “….นายบอกฉันว่าแบล็คเลเบิ้ลทำอะไรนายไม่ได้นอกจากฉัน….ฉันเลยไม่อยากทำให้นายเมามากไปกว่านี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เด็กโง่เอ้ย!”
อนุชัยอดขำตามไม่ได้….แต่ “นายทำตัวเหมือนกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ของฉันเลย….นายเป็นพี่ชายของฉันหรือเปล่าปกรณ์….ทำไมฉันคุ้นๆ แต่ยังนึกไม่ออกสักที”
“เออ…สักวันฉันจะบอกเองนั้นแหละ กินๆ บ่ายโมงฉันต้องเริ่มงานแล้ว…..”
“วันนี้ฉันว่างให้ขับรถไปส่งไหม”
ปกรณ์มองหน้าอนุชัยแบบคนซาบซึ้ง… “ไม่ต้องฉันไปเองได้ นายพักผ่อนเถอะ อยากกอดฉันเมื่อไรก็โทรหาได้ทุกเมื่อ เบอร์โทรฉันแปะติดไว้ที่ตู้เย็น OK”…. อนุชัยมองหน้าเขาซึ้งๆ ก่อนจะกำมือปิดปากตัวเอง “อย่าขี้แยให้ฉันเห็น”
“เปล่า ฉันกำลังจะบอกนายว่าซุปมิโซะนายอร่อยมากๆ ต่างหาก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…….เด็กโง่เอ้ย”
ที่บ้านสายสกุลวันเดียวกัน
“คุณหญิง คุณหญิง”
“ว่าไงคะ…กวงเฉาโทรกลับแล้วใช่ไหม” คุณหญิงพวงพรลุกจากโซฟาในห้องรับแขกก้าวเข้าไปหา แต่ดร.ชวนนท์เดินเร็วกว่าฉุดแขนกลับไปนั่งลงที่เดิม “คุณคะ”
“ตาชายอยู่ที่โรงพยาบาล…..” ดร.ชวนนท์พูดไม่ทันจบเสียงคุณหญิงพวงพรก็แทรกขึ้นพร้อมกับเสียงร้องไห้…
“ตาชาย เป็นอะไรคุณ ตาชายเป็นอะไร ฮื้อๆ….ตาชาย ตาชาย” เธอเขย่าแขนสามีแรงจนสั่นไปเอง
“ใจเย็นๆ คุณ ตาชายแค่ปวดหัวนิดหน่อย คาดว่าวันพรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านได้แล้ว” ดร.ชวนนท์พูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ของคุณหญิงพวงพรก็ดังขึ้นอีก….เธอหันไปคว้ามาแนบหูทั้งๆ ที่ยังไม่ทันเช็ดน้ำตา
“ตาชาย ตาชายลูก”
(ค่ะคุณแม่….ชายแค่มึนหัวนิดหน่อย พรุ่งนี้เช้าก็บินกลับกรุงเทพฯ ได้แล้วละคะ ชายขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง)
“ไม่เป็นไรจริงๆ นะคะลูก”
(คะคุณแม่ ชายเป็นซุบเปอร์แมนของอาตี้คุณแม่ไม่รู้หรอกหรือคะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
“ตาชายนะ….ชอบล้อเล่นกับแม่อยู่เรื่อย…พักผ่อนเยอะๆ นะคะลูก”
(ค่ะคุณแม่พรุ่งนี้เจอกันคะ)
ทันทีที่วางสาย….“เวลาคุณจะบอกอะไรกับฉันกรุณาพูดให้จบทีเดียวด้วยนะคะชวนนท์ พูดครึ่งๆ กลางๆ ดิฉันก็เข้าใจผิด นี้ถ้าเกิดช็อกตายขึ้นมาคุณจะว่าไง ฮึ! คุณจะว่าไง ดิฉันขอบอกคุณเลยนะ ถ้าคุณขาดดิฉันเมื่อไรคุณนั้นแหละจะรู้สึก……” คุณหญิงพวงพรร่ายยาวก่อนจะลุกเดินหายเข้าไปในครัวเฉยๆ ทิ้งดร.ชวนนท์ไว้ในห้องรับแขกแบบเดียวกับหุ่นโลบอทของอาตี้ที่อยู่ใกล้ๆ
“คุณคะ….ทานข้าวเที่ยงได้แล้วคะจะบ่ายโมงแล้ว ไม่หงไม่หิวบ้างหรือไร โอย! ดิฉันเหนื่อยจะพูดกับคุณแล้วละคะ ดิฉันไม่รอแล้วนะคะ หิวเมื่อไรค่อยแวะมาก็แล้วกันให้ดิฉันบ่นได้ทุกวี่ทุกวัน….”
จบ อนุชาย2 บทที่9 แผลเก่าครั้งใหม่