รางวัลของคนแพ้ “กิจิคุงจะต้องไม่เป็นอะไร…อาสัญญา”
“ร า ง วั ล ข อ ง ค น แพ้”
เม็ดฝนกระหน่ำสลับพายุกระโชกอย่างบ้าคลั่ง จนระยะ 5 เมตรมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากม่านสีขาว…
“อาเอกคะ…ทางนั้นคะ…ทางนั้น” มิ้มลดกระจกข้างจนเม็ดฝนสาดเข้าด้านในกระนั้น…. “พี่เซนกิจิ หยุดนะ…พี่ พี่…หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เอกตะวันเร่งความเร็วหวังจะขนาบระยะเสียงตะโกนฝ่าพายุไปให้ถึง “เซนกิจิคุง…นายต้องหยุด นายต้องหยุดรถเดี๋ยวนี้”
“พี่เซนกิจิ หยุดเถอะคะ…หยุดเถอะ…มิ้มยอมแล้ว…”
โคมูละ เซนกิจิ เหลือบมองเม็ดฝนกำลังชะล้างความเจ็บปวดหรือกำลังซ้ำเติมปะปนกันอยู่ในดวงตาอย่างละครึ่ง…ที่สุดรถมอเตอร์ไซด์ก็พุ่งทะยานหายไปอีก คราหนึ่ง
“พี่เซนกิจิ…”
“กิจิคุง…เซนกิจิ…โถโว้ย!” เอกตะวันเบี่ยงหลบรถกระบะออกเลนซ้าย แต่ก็แทรกเข้าเลนขวาที่ว่างได้ในอีก 1 นาที รถ BMW จึงใช้ความเร็วได้อย่างใจ แต่พอผ่านสะพานลอยแยกโรงเรียนเลิศศิลป์ ภาพเด็กหนุ่มนอนนิ่งจมกองเลือดที่มีซากรถรถมอเตอร์ไซด์แยกเป็นส่วนๆ ราวกับเศษขยะก็ทำให้เขาสะท้าน
“ไม่ ไม่นะพี่เซนกิจิ…ไม่นะ…ม่าย!” มิ้มพรวดเปิดประตูรถทั้งๆ ที่ยังจอดไม่สนิท…เสียงค่ำครวญหายไปกับพายุ…เม็ดฝนอำพลางน้ำตาที่ไหลพรากของเธอ…เอกตะวันวิ่งตามไปสำรวจ…ในที่สุดสติของชายวัย 40 ก็ทำงานอีก
“กิจิคุง…เซนกิจิ….นายได้ยินอาไหม” เอกตะวันเรียก พร้อมกับเช็คชีพจร เลือดสีแดงจางๆ ไหลไปกับน้ำฝน มันขยายวงกว้างขึ้นทุกๆ นาที “มิ้ม! เซนกิจิ ยังไม่เป็นไร…อา…จะพาเขาไปโรงพยาบาล”
“อาเอก…อาเอกช่วยมิ้มด้วย ช่วยพี่เซนกิจิด้วย…มิ้มเสียเขาไปไม่ได้ เขาคือชีวิตของมิ้ม เขาคือหัวใจอีกดวงของมิ้ม…..เขาคือทุกอย่างของมิ้มโกะจัง” เสียงคำครวญทำลายหัวใจอีกดวงจนแทบจะแหลกเป็นชิ้นๆ แต่เมื่อเห็นความเจ็บปวดของคนรักราวกับจะมอบชีวิตให้อีกคนได้ เอกตะวันจึงจำต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง…
“กิจิคุงจะต้องไม่เป็นอะไร…อาสัญญา”
….หัวใจเอย…ใยจมดิ่งสู่ห่วงเหวเล่า….บอกที….
“ค ว า ม ท ร ง จำ ใ น เ ง า มื ด”
ชายญี่ปุ่นรูปร่างกะทัดรัด…วัยน่าจะเกินครึ่งชีวิตสัก 2 หรือ 3 ปี เร่งฝีเท้าแบบคนจิตตกตรงไปทางออกของสนามบินสุวรรณภูมิ…เขาเหลียวซ้ายมองขวาคล้ายจะหาใครบางคน สักพัก…
“คุณพ่อคะ คุณพ่อ ทางนี้ค่ะ”
“มิ้มโกะ…มิ้มโกะจัง” เขาพูดไทยได้อย่างชัดเจนก่อนจะทิ้งกระเป๋าใบใหญ่ถลาเข้าไปกอดอนงค์สาวราวกับขาดสิ่งนี้มาทั้งชีวิต… “มิ้มโกะจัง…”
“พี่เชนกิจิ…อยู่โรงพยาบาลคะ…ฮือๆๆๆ” อนงค์สาว สะอื้นตัวโคลง… “คุณพ่อขา…เป็นความผิดของมิ้มเอง…มิ้มผิดเอง”
“ใจเย็นๆ ลูก…เซนกิจิคุงมันหัวแข็งจะตาย…ไม่เป็นไรง่ายๆ หรอก”
“จริงซินะ…พี่เซนกิจิหัวแข็งจะตาย ตกต้นไม้ตอนที่อยู่ฮอกไกโดยังไม่เป็นไรเลย”
“ไปเถอะ…ถึงจะหัวแข็งแต่ก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ”
ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ…
เอกตะวันอยู่เฝ้าโคมูละ เซนกิจิ กระทั้งนายแพทย์ประจำตัวเดินมาบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ใบหน้าหมองจนคล้ายจะเป็นสีเทาก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้น…
“นายเป็นใครกันนะ เซนกิจิ…ทำไมอาถึงรู้สึกเหมือนกับรู้จักมานานเหลือเกิน” เอกตะวันพึมพำขณะนั่งมองร่างในชุดสีฟ้าระยะ 2 เมตร… “ปลอดภัยแล้วนะ” เอกตะวันเดินเข้าไปลูบเส้นผมที่หน้าผากให้เข้าที่ เขาติดนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น “เธอเป็นใครกันนะ…” และยังงึมงำ…ก่อนจะหยุดคำถามที่ไม่ได้คำตอบเดินออกจากห้องไปเงียบๆ…
พื้น-ผนังสีขาวสะอาดเมื่อแสงดาวไลท์สีเดียวกันสาดกระทบ โถงทางเดินกว้าง 3 เมตรยาวไม่น้อยกว่า 15 ห้องแถวก็ราวจะเป็นหนทางไปสู่สวรรค์ เอกตะวันเดินเนิบๆ ในแบบเฉพาะ ขณะเดียวกันที่ปลายทางเลี้ยวสู่โถงลิฟต์ก็ปรากฏหญิงวัยกลางคนในชุดเปี้ยวจี๊ด!สีเพลิงมีแว่นตาสีชาอันใหญ่เดินสวนทางมา…ขณะกำลังเทียบก้าวต่อก้าว แว่นอันใหญ่ก็ถูกเธอถอดเสียบเอาไว้เหนือหัวราวกับที่ครอบผมกลายๆ….เธอเหลือบมองมาที่เขาแบบคนชะงัก….เอกตะวันเองก็ตะลึงราวกับเผชิญหน้ากับผีสาว สวย และโคตรเอ๊ก…
“แอนนี่!…” เอกตะวันอุทานแต่ริมผีปากกลับไม่ยอมขยับ
“เอก เอกรึเปล่าคะ” และเธอก็เมียงมองราวกับคลับคล้ายคลับคลาเช่นกัน… สุดท้ายมุมเลี้ยวโถงลิฟต์ก็พรากคนทั้งคู่…
“แอนนี่!…ใช่ ใช่ ไม่ผิดแน่…” เอกตะวันสรุปพร้อมกับหมุนตัววิ่งกลับไปหา…แต่โถงโล่งสีขาวก็ไร้เงาของเธอไปแล้ว… “แอนนี่…แอนนี่…แอนนี่”
“น้ำ ต า ข อ ง ศั ต รู”
เอกตะวันวางกล่องสก๊อตรังนก ขนาด 12 ขวดผูกโบสีน้ำเงิน ไว้บนตู้หัวเตียงของ โคมูละ เซนกิจิ อีกขวดเปล่าๆ มีกระดาษที่ม้วนเป็นหลอดกลมๆ ราวกับจะสื่อรักวางอยู่ด้วยกัน…
“เซนกิจิคุง นายเป็นใครกันนะ”…เอกตะวันลูบหัวเขาอย่างบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องมีความรู้สึกแบบนี้กับศัตรูหัวใจด้วย…
“เฮ้ย!…นั้นซินะ สำคัญอะไรละ อายอมแพ้หัวใจของนายแล้วละ…ฝากดูแลมิ้มโกะจังด้วยนะ อาได้แค่เอาใจช่วยเธอทั้งคู่ 40 ปีของอา กับ 19 ปีของมิ้มโกะจัง จบแล้ว…สมควรจบแบบที่ควรจะจบ…อาเอาใจช่วย” เอกตะวันพูดยาว เขาถอนหายใจอีกหลายครั้งก่อนจะหมุนตัวเข้าห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งโดยไม่ทันเห็นน้ำตาของศัตรูที่เอ่อล้นหางตาทีละข้าง…ไม่เห็นบางอย่างที่โคมูละ เซนกิจิ อยากจะสื่อสาร กระทั้ง…เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นพร้อมกับบานประตูหน้าห้อง เอกหลับตาเครียดราวกับไม่อยากได้ยิน….
“คุณไม่เข้าใจ เค็นจิ คุณไม่เข้าใจ และคุณไม่มีวันจะเข้าใจฉันตลอดไปด้วย”
“คุณแม่คะ…”
“ยายมิ้ม! ต้องไปอยู่กับฉันที่เยอรมัน…นี้คือข้อตกลงตั้งแต่แรก”
“ใช่แอนนี่…มิ้มโกะจังเป็นของคุณตั้งแต่แรก…คุณเลี้ยงเธออย่างไร…คุณทิ้งเธอให้อยู่กับแม่แก่ๆ เพียง 2 คน…หลายปี คุณไม่เคยกลับบุรีรัมย์เลยด้วยซ้ำ…แอนนี่…มิ้มโกะจังเป็นลูกสาวคุณนะ เธอไม่ใช่สินค้า เธอไม่ใช่สิ่งของ เธอมีชีวิต เธอมีหัวใจ…เคยรู้บ้างไหม”
“มาร์ติน ไม่ดีตรงไหน รวยก็รวย ยายมิ้มได้เขาสบายไปทั้งชาติ…นี้แหละคือสิ่งที่ฉันจะทำให้กับลูกได้”
“คุณแม่…หมายความว่าอะไร….มาร์ตินเป็นใครคะ มิ้ม ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“แอนนี่…หยุดซะที ผมทนคุณไม่ได้อีกต่อไปแล้วนะ…ที่คุณกลับมาก็เพราะสิ่งนี้เท่านั้นเองรึ ไม่ใช่เพราะลูกชายของคุณที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนนั้นหรอกรึไง”
“เค็นจิ…คุณจะดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ เซนกิจิ ก็ลูกฉัน ทำไมจะไม่ห่วง ฉันเป็นแม่เขาเหมือนกันอย่าลืมซิ”
เอกตะวันนิ่ง…ความลับที่ไม่เคยล่วงรู้ทำร้ายเขาจนแทบจะยื่นไม่อยู่ เขาเปิดประตูห้องน้ำอย่างคนหมดความอดทน…
“แอนนี่…” เอกตะวันตวาด หญิงวัย 40 ปีค่อยๆ หมุนกลับมา…ในที่สุดแววตาประหนึ่งตะวันรุ่งก็ฉายซ่าน
“เอก เอกตะวันจริงๆ ด้วย แอนนี่ก็ว่าแล้วต้องเป็นเอกแน่ๆ…เอกดูดีกว่าเดิมเยอะ เอกคะ เอกเหมือน สรพงษ์ ชาตรี เลยรู้ตัวบ้างไหม”
“แอนนี่…คุณขังผมในห้องสี่เหลี่ยมถึง 10 ปี…คุณโกหกผมทุกๆ เรื่อง…เด็กคนที่คุณบอกว่าเป็นแค่เด็กขายดอกไม้” เอกตะวันชี้มือตรงไปยัง โคมูละ เซนกิจิ… “คนนั้นแท้จริงเขาเป็นลูกคุณ…เขาเป็นลูกคุณนะแอนนี่ คุณทำกับเขาได้อย่างไร คุณทำลายพวกเขาได้อย่างไรกัน”
น้ำตาของ โคมูละ เซนกิจิ ยังไหลไม่หยุด กระนั้นเขาก็พยายามนิ่งคล้ายอยากจะสลบให้ได้อีกครั้ง
“แอนนี่ แอนนี่ คือว่า เอกคะ แอนนี่…”
“สิ่งที่ผมเสียดายที่สุด…นั้นก็คือเวลา ผมเป็น The monster man เพราะความโง่ถึง 10 ปี มันมากเกินไปแล้วแอนนี่…มันมากเกินไปจริงๆ…”
“เอกคะ…คุณมีคนใหม่แล้วใช่ไหม? แอนนี่ขอโทษ แอนนี่อยากเริ่มต้นใหม่กับคุณ แอนนี่คิดถึงคุณ แอนนี่รู้สึกผิด แอนนี่…ก็…ก็โง่มา 10 ปี ไม่ต่างจากคุณเลยนะคะ คุณต้องเชื่อแอนนี่นะ”
เอกตรงดิ่งเข้าไปหา มิ้ม!…แบบคนต้องการสื่อสาร “ลาก่อนมิ้ม อาคงเป็นสรพงษ์ ชาตรีของมิโกะจังไม่ได้…หัวใจอารับไม่ไหวอีกแล้ว…ฝากขอโทษเซนกิจิด้วย ขอโทษที่อาทำลายเขา อาขอโทษมิ้มกับเรื่องในอดีต…และผมต้องขอโทษคุณ…” เอกตะวันค้อมหัวในแบบญี่ปุ่นให้กับชายญี่ปุ่นวัย 52
“โคมูละซัง ผมขอโทษ” ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตู… และก่อนที่ประตูจะถูกเปิด มิ้มก็ถลาเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง
“พี่เอก…พี่เอกคะ…”
เอกนิ่งไตร่ตรองในที่สุดเขาก็ค่อยๆ แกะมือมิ้ม! ออกอย่างระมัดระวัง “สก๊อต…สะกดคำว่ารักจนอาเข้าใจมันในหลายๆ ด้าน…มันควรจบได้แล้วละมิ้มโกะจัง…จบแบบที่อาก็คาดไม่ถึงซะด้วยซิ…ลาก่อน”
“เอกคะ เอก แอนนี่ขอโทษ…นี้หมายความว่าอย่างไรยายมื้ม!…หมายความว่าอย่างไร…นั้นนะแฟนของแม่นะ”
“คุณแม่…พอซะที หยุดซะที….หยุดได้แล้ว” และเสียงตะโกนจนสุดกลั้นในลมเดียวของ โคมูละ เซนกิจิ ก็ทะลายทุกสิ่ง…ร่างทั้งร่างบนเตียงกำลังเกร็งสั่นดิ้นพล่านๆ ราวกับความตายกำลังฉุดกระชาก โคมูละ เค็นจิ ผู้พ่อถลากดกริ่งฉุกเฉิน ไม่นานนายแพทย์และพยาบาลก็กรูเข้ามาในห้อง…แล้วกันทุกคนออกไป….
“กิจิคุง…ไม่นะ เซนกิจิ…เซนกิจิ”
“ออกไปก่อนนะคะ….นะคะ นะคะ ทุกท่านเลย….”