กระเรียนหลงฟ้า บทที่10

นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง กระเรียนหลงฟ้า บทที่10 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่10

กระเรียนหลงฟ้า บทที่9

กระเรียนหลงฟ้า บทที่9 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่9

กระเรียนหลงฟ้า บทที่8

นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 กระเรียนหลงฟ้า บทที่8

กระเรียนหลงฟ้า บทที่8

เล่ห์กุหลาบ

เบ็นซ์สีดำแล่นตามรถตู้เข้ามาจอดนิ่งๆ หน้าห้างสรรพสินค้า The M shopping center อีกคันที่แล่นตามมาก็แซงขึ้นมาจอดเทียบข้างๆ บอดี้การ์ด 10 คน ลงจากรถและกระจายตัวออกไปยืนระแวดระวังอยู่รอบๆ สักครู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ หนึ่งในพวกเขาก็เดินเข้ามาเปิดประตูรถให้ต้องตะวันและดาบไผ่อย่างระมัดระวัง โดยมี อลัน ชูเบิร์ก ที่นั่งประกบอยู่ด้านหน้าเปิดประตูตามลงมาพร้อมๆ กัน บอดี้การ์ดเดินประกบคนทั้งสองเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเป็นขบวนใหญ่ ผู้คนต่างมองพวกเขาตาไม่กระพริบ แรกๆ มันก็ทำให้ดาบไผ่รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่พอนานวันเข้าความอึดอัดก็กลายเป็นความเคยชินโดยไม่รู้ตัว

#นั่นไงเธอคุณชายประภาสกร หล่อมาก!#

#ไหนๆ…คนไหน#

#ไม่รู้ คงทั้งสองคนนั้นแหละ#

#เออๆ…หล่อและเท่ชะมัดโดยเฉพาะคนผิวคล้ำที่หน้าเหมือนญี่ปุ่น…ฉันจอง# เสียงจ้อกแจ้กจอแจในขณะที่พวกเขาเดินผ่าน แต่ชายหนุ่มทั้งคู่ยังนิ่ง การก้าวต่อไปข้างหน้าดูจะเป็นเรื่องที่สมควรที่สุดหากต้องการรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกปลิงลมสันดานหนอน ที่กำลังจ้องจะเล่นงานพวกเขาอยู่ในขณะนี้

#คุณชาย The M เธอนั้นไงคุณชาย The M#

#คนไหน…#

#ทั้งสองคนนั้นแหละ พี่น้องกัน#

#คนขาวๆ ตี๋อินเตอร์ชะมัด# เสียงกระซิบที่แววเข้าหูทำเอาต้องตะวันถึงกับอมยิ้ม แต่บอดี้การ์ดก็ยังเดินนำไม่หยุด

……….

ในความทรงจำ…

“…เขาคือทายาทคนเดียวของ The M Group  ต้องอารักขาตลอด 24 ชั่วโมง…เราจะหวังพึ่งตำรวจไม่ได้อีกแล้ว เมียและลูกสาวอั๊ว ต้องมาตายก็เพราะเชื่อใจตำรวจไทย แต่สุดท้ายเป็นไง…ทุกวันนี้ยังตามตัวคนร้ายมาลงโทษไม่ได้…อลัน ลึเป็นคนเดียวที่อั๊วไว้ใจ ฝากดูแลคุณชายด้วย…” เป็นเสียงในความทรงจำที่ต้องตะวันใช้เตือนสติตัวเอง เขาไม่รู้สึกภาคภูมิหรือใดๆ กับตำแหน่งทายาทธุรกิจหลายหมื่นล้านของ The M Group การทำทุกอย่างไปตามเกมที่วางเอาไว้แล้วดูจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมและถูกต้อง แม้แต่เรื่องที่ถูกสั่งให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเมืองไทยแทนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศก็ตามที พักหลังพอมีดาบไผ่เข้ามาเป็นเพื่อน ทุกอย่างก็รู้สึกผ่อนคลายลง

(ขอบใจมากเพื่อน…ขอบใจนายที่ยอมเป็นเพื่อนกับเรา) ต้องตะวันหันไปสบสายตาและยิ้มแทนคำพูดจากปาก

(เราต่างหากที่ต้องขอบใจนาย หากไม่มีบอดี้การ์ดเราเองก็คงจะไม่รอดเงื้อมมือของพวกปลิงลมสันดานหนอนเช่นกัน) ดาบไผ่ยิ้มแทนความรู้สึก…แต่นานวันเข้ามันกลับกลายเป็นมิตรภาพที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

บอดี้การ์ด 2 คนเดินนำผ่านเข้าไปในโถงกลางของห้างสรรพสินค้าโดยมีอลันและบอดี้การ์ด 4 คนเดินประกบไม่ห่างและอีก 2 คนคอยรั้งท้าย ที่เหลือก็แทรกปะปนไปกับผู้คน พวกเขาเดินผ่านน้ำตกจำลองแล้วขึ้นบันเลื่อนสู่ชั้น 2 ก่อนจะเลี้ยวซ้ายตรงไปยังลิฟต์ขนสินค้าที่ซ่อนอยู่หลังน้ำตกแห่งนั้น

“คุณชายเชิญ” อลันเอ่ยขึ้น แต่ต้องตะวันกลับไม่เต็มใจ

“ไปเถอะ มันปลอดภัยที่สุดแล้วละ” ดาบไผ่กระซิบพลางขยิบตาให้เหมือนจะบอกบางอย่างที่กำลังไม่ปกติด้านนอก อลันกดลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น5 และมันก็ค่อยเลื่อนขึ้นจนกระทั้งประตูเปิดเสียงความเคลื่อนไหวและกลิ่นสาบจางๆ ของนินจาก็ทำเอาดาบไผ่ถึงกับผงะ

(พวกปลิงลมสันดานหนอน) เขาสำรวจซ้ายทีขวาทีแต่แล้วเสียงแห่งความตายก็ดังขึ้น…

“ทางนั้น” เขาชี้นำ แต่วัตถุปริศนาได้พุ่งแหวกอากาศใกล้เข้ามา ถึงจะไม่รู้ว่าเป้าหมายเป็นใคร แต่ดาบไผ่ก็ผลักต้องตะวันให้พ้นรัศมีสังหาร โดยตัวเขาเองก็ล้มไปอีกทาง

“มันอยู่บันไดเลื่อน” หนึ่งในบอดี้การ์ดตะโกนขึ้น เสียงกรีดร้องของผู้คนที่กำลังเดินจับจ่ายซื้อของดังลั่น หลายคนนอนราบไปกับพื้นและอีกหลายคนวิ่งหนีแตกกระเจิง บอดี้การ์ด 3 คนยืนถือปืนตั้งเป็นกำแพงรอบๆ พวกเขา อลันกดโทรศัพท์ ในมือแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยให้ช่วยสกัดทางออกทุกด้าน สุดท้ายก็ไร้ร่องรอย พวกมันหายตัวได้ราวกับเป็นปิศาจจากโลกมืด…

“เสี้ยวจันทรา…อาวุธของพวกนินจา”

“เก็บมันไว้ แล้วเคลียพื้นที่ให้เรียบร้อย” อลันสั่งเสียงต่ำกับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่พึ่งจะวิ่งกรูกันมาถึง

“ครับ คุณอลัน” หัวหน้า รปภ.ก้มศีรษะรับ อลันจ้องเขาตาขวาง ดูเหมือนจะโกรธจัดในเรื่องนี้

“อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” เขาขู่เสียงลอดไรฟัน ก่อนจะพูดต่อเสียงดัง “นำทางคุณชายต่อไป” บอดี้การ์ดเก็บปืนแล้วเร่งเดินนำแทรกผ่านผู้คนที่กำลังตื่นตกใจไปอย่างรวดเร็ว อลันส่งสัญญาณนำพวกเขาเลี้ยวขวาตรงไปยังภัตตาคารจีนขนาดใหญ่ ส่วนหนึ่งเข้าไปกระจายตัวนั่งเสมือนเป็นแขกในร้าน อีก 2 คนคอยยืนระวังอยู่ด้านหน้าส่วนตัวเขาก็เดินนำคนทั้งคู่ไปยังห้องรับรองพิเศษที่อยู่ด้านในสุด

“คุณท่าน…เด็กๆ มาถึงแล้วครับ” อลัน ชูเบิร์ก แทรกกระซิบชายร่างอ้วนที่นั่งหันหลังให้

“อ้าว…มาฝากเนื้อฝากตัวกับท่านนายกและท่านรัฐมนตรีเร็วเข้า” เสียงคุณป๋าดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ต้องตะวันตรงรี่เข้าไปกระซิบบอกเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น จนสีหน้าคุณป๋าเริ่มแจ้งพิรุธ…

“คุณป๋าครับ…” ดาบไผ่กระแซะเตือน ซึ่งดูเหมือนคุณป๋าจะรับลูกได้ไวไม่น้อยไปกว่าเขา

“เอ่อ…ทุกๆ ท่านครับ” คุณป๋าพูดและหยุดหันมาพูดกับอลัน อลันรีบพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับไปนั่งรวมอยู่กับบอดี้การ์ด “เอ่อ…วันนี้ผมต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษสักหน่อย คือผมอยากจะแนะนำบุตรชายผม 2 คนอย่างเป็นทางการ…เผื่อวันข้างหน้าทุกๆ ท่านจะเรียกใช้ได้สะดวก” คุณป๋าพูดเสียงดังพลางฉีกยิ้มกว้างกระจายไปทั่วห้อง

“ยินดี…ยินดี ดูหน่วยก้านก็ยอดเยี่ยมทั้งคู่…มีโอกาส มีโอกาส ฮึๆ”

“ขอบคุณครับท่านนายก…” คุณป๋ากล่าวขอบคุณสั้นๆ เขาเริ่มแนะนำวนไปรอบโต๊ะ จนครบ

“นี่ครับ ต้องตะวัน ประภาสกร และ ดาบไผ่…เอ่อ…ธารารักษ์ บุตรบุญธรรมของผมอีกคน”

“ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ต้องตะวันพูดเสียงมั่นใจเหมือนไม่ตื่นเต้นกับสังคมแบบนี้ ส่วนดาบไผ่ก็ได้แต่ยิ้มและก้มหัวให้ในแบบของเขา

#คนผิวคล้ำ หน้าเหมือนญี่ปุ่นนั้นละ…#

#ใช่เขาแน่หรือ#

#นัยน์ดวงตาบอกว่าใช่…แต่มันเป็นสิทธ์ของพวกอิงะก่อน#

#ฮึๆ…ฮึๆ ชักน่าสนใจแล้วซิ# และเสียงกระซิบกระซาบต่ำกว่าระดับที่คนทั่วไปจะได้ยินแววมาเข้าหูดาบไผ่โดยบังเอิญ เขากรอกลูกตาสำรวจเพื่อจะมองหาต้นเสียง

“โคงะนะครับคุณชาย คนของเราไม่มีอะไร” ฮายาชิเอียงตัวกระซิบราวจับตามองเขาทุกอิริยาบถ

“เอาละ เอาละ นั่ง นั่ง คนกันเองทั้งนั้นไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากมาย” นายกรัฐมนตรีพูดยิ้มๆ พลางโปกมือโปรยยิ้มจนเกลื่อน…ดาบไผ่กับต้องตะวันนั่งคู่กัน…แต่ก็ยังเหลือเก้าอี้ว่างอีกตัว เหมือนมันกำลังรอใครอีกคนที่ยังมาไม่ถึง

“ท่านครับบุตรสาวคุณหญิงวิภาดา” เสียงเรียบๆ ของบอดี้การ์ดนายกรัฐมนตรีดังขึ้นที่ประตูทางเข้า

“อ๋อ!…เจ้าหญิงแห่ง พริ้นซ์เซสส์ไดมอล ครับท่าน” คุณป๋าโพล่งขึ้นแนะนำอีก และดูเหมือนจะกระตือรือร้นมากกว่าเมื่อสักครู่หลายเท่า

“ขอประทานโทษคะ ที่ดิฉันเสียมารยาท” เสียงอู้อี้เหมือนคนผิดดังตามขึ้นเบาๆ

“สวัสดีคะท่านนายก สวัสดีคะคุณป๋า…เมื่อเช้าคุณหญิงแม่คงโทรแจ้งให้ทราบแล้วนะคะ…คือท่านติดธุระด่วนที่ญี่ปุ่น เลยให้ดิฉันมาแทนนะคะ” เธอพูดเกรงๆ แต่ก็แข็งแรงไม่น้อย เธอเดินเข้ามาสวมกอดคุณป๋าที่กุลีกุจอตอนรับ ชุดราตรียาวสีโอโรสที่เธอสวมใส่พร้อมกับเครื่องประดับเพชรชุดใหญ่ ทำเอาบรรดารัฐมนตรีที่นั่งอยู่ก่อนแล้วถึงกับตกตะลึง  ดาบไผ่เองก็เห็นเธอตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมๆ กับบอดี้การ์ดสาวที่ดูทะมัดทะแมง 2 คน เขาอมยิ้มที่มุมปากให้กับความสวยสะพรั่งราวกับดอกกุหลาบสีเดียวกับชุด แต่ฉับพลันสายตาที่คมกริบก็จ้องเขม็งตรงมายังเขา บางอย่างที่มาพร้อมกันแทบจะแยกประสาทในหัวออกเป็นส่วนๆ… “โอ้ย!…” เขาอุทานพลางบังคับไม่ให้มีเสียงหลุดออกมา และมันก็เป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยิน (โอ้ย!…เกิดอะไรขึ้นกันแน่) เขาพึมพำอย่างคนไม่รู้เหนือรู้ใต้ เสียงพูดของต้องตะวันในระยะประชิดเบาแทบจับใจความไม่ได้ (เกิดอะไรขึ้น) เขาถามตัวเองพร้อมกับชำเลืองกลับไปที่เธอคนนั้นอีกที

“ทุกๆ ท่านครับผมขออนุญาตอีกครั้ง…บางท่านอาจจะคุ้นเคยและรู้จักเธอดีอยู่แล้ว แต่ผมขอแนะนำและฝากเนื้อฝากตัวทายาทคนเดียวแห่ง พริ้นซ์เซสส์ไดมอล เธอชื่อ นิลดา เกียติสกุล บุตรสาวคนสวยของ คุณหญิง วิภาดา เกียติสกุล ครับท่าน” เสียงพูดของคุณป๋าเบามากจนรับรู้เพียงแค่การอ่านริมฝีปาก หญิงสาวยกมือไหว้ไปรอบๆ จนกระทั้งแววตาที่ดูจะสะใจก็วนมาหยุดที่เขาจนผิดวิสัย

“ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล…เมื่อเช้าคุณหญิงวิภาดาก็ได้โทรมาแจ้งให้ทราบแล้ว” นากยกกล่าวเสริมพลางยิ้มบางๆคืนให้

“นิล…เพิ่งบินกลับจากญี่ปุ่น…ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วยนะคะหากมีอะไรที่ พรินซ์เชสส์ไดมอลพอจะช่วยเหลือได้โปรดแจ้งกับคุณหญิงแม่ได้ทุกเวลา” เธอพูดพลางโปกมือไล่บอดี้การ์ดสาวทั้ง 2 คนให้ออกไปรอด้านนอก

“ลูกสาวของคุณหญิงวิภาดา หรอกหรือนี่…สวยเหมือนแม่ไม่มีผิด” เสียงรัฐมนตรีมหาดไทยที่นั่งถัดจากนายกพูดเย้า เขาทำตากะลิ้มกะเหลี่ยอย่างไม่ระมัดระวัง…เธอเผยอมุมปากแสยะยิ้มกลับไปให้อย่างมีเชิง…และก็ไม่วายชายหางตามาตกที่ดาบไผ่อีกเป็นครั้งที่ 3

“ใช่สวยเหมือนแม่…อ้าว อ้าว นั่ง นั่ง คนกันเองทั้งนั้นไม่ต้องพิธีรีตองมาก…มาๆ เราดื่มเพื่อต้อนรับเจ้าหญิงแห่ง พรินซ์เชสส์ไดมอล กันเถอะ” นายกรัฐมนตรีนำ ดาบไผ่เห็นเธอหยิบแก้วบรั่นดีที่วางอยู่ชูสูง

“ขอบคุณคะที่ให้เกียรตินิล” เธอพูดพร้อมกับจิบมันนิดๆ

“สวัสดีคะ… พี่ต้องตะวัน พี่ดาบไผ่” เธอทักเหมือนคนเคยรู้จักมานาน ต้องตะวันรับไหว้ทั้งๆ ที่ยังไม่หลุดภวังค์ ดาบไผ่เองก็ยกมือรับไหว้ทั้งๆ ที่ประสาทหูเกือบจะหยุดทำงานไปแล้ว

“พี่ไผ่…พี่ต้องรู้หรือเปล่าคะว่านิลเอ็นติดและเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยปีนี้”

“เหรอครับ…ยินดีด้วยแล้วนิลเอ็นติดคณะอะไรครับ” ต้องตะวันถาม แต่สายตาที่คมกริบของเธอยังคงเฝ้าจับตกที่ดาบไผ่เป็นระยะๆ

“นิเทศฯ คะ” เธอตอบ ดาบไผ่อ่านปากบางๆ ได้อย่างนั้น ความงามดุจกุหลาบสีโอโรสที่นั่งอยู่ตรงหน้าทำให้เขาแทบจะลืมไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น (นิลดา…)

(อย่าไว้ใจผู้หญิงที่มีดวงตาเป็นพิษ…อย่าไว้ใจผู้หญิงที่มีดวงตาเป็นพิษ) และฉับพลันเสียงสื่อที่นุ่มนวลราวกับสำเนียงของชายชราในชุดกิมิโนสีขาวก็ดังเตือนในหัว เหมือนต้องการปลุกให้สมองที่กำลังเคลิ้มฝันตื่นจากภวังค์แห่งความตาย (เกิดอะไรขึ้น) เขาถามตัวเอง และความอยากรู้ก็สั่งให้เขาจ้องเขม็งกลับเข้าไปในดวงตาที่กำลังจ้องเขาอยู่…

“อุ่ย!…” เสียงเธออุทานเบาๆ พร้อมกับสะบัดใบหน้าหนีไปทางอื่น

“นิล…เป็นอะไรครับ” ปากของต้องตะวันที่เขาอ่านได้

(นิลดา…เป็นอะไร) ดาบไผ่เองก็ชะงัก แต่เวลาเดียวกันประสาทหูของเขาก็เริ่มได้ยินเสียงพูดคุยอีกระดับ

“ไม่มีอะไรคะ…นิลรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะบรั่นดี…เพราะนิลไม่คุ้นเคยกับมัน”

“โอ้!…แย่จัง” ต้องตะวันอุทาน

“คุณนิล…” ดาบไผ่พลั้งปากเรียก เธอหันมาแวบเดียวก่อนจะหลบไปอีก

(เธอเป็นใครกันแน่นิลดา) เขาตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆ เวลานี้ความสงสัยชักนำให้เขานึกถึงหญิงสาวที่ชื่อไหมจีนขึ้นมาอีกคน

“เรื่องหาเงินเข้าพรรค…ผมขอเสนอให้เราเร่งจัดงานแสดงเพชรและเครื่องประดับระดับโลกให้เร็วขึ้น”

“ผมเห็นด้วยกับท่านรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์…เพราะเวลานี้เสถียรภาพของรัฐบาลเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก การที่จะดึงเพชรเม็ดสำคัญๆ มาแสดงในงาน…เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องไม่ยาก” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศพูดต่อ

“เพชรเม็ดแรกที่ผมอยากจะเห็นในงานนี้ คือ เพชรสีน้ำเงิน ที่มีชื่อว่า  หัวใจราชินี จากอังกฤษ” รัฐมนตีอีกคนที่นั่งข้างคุณป๋าเสนอความต้องการของตัวเองแต่ก็เผยอมุมปากมาทางคุณป๋าอย่างตั้งใจ

“พริ้นซ์เซสส์ไดมอลเห็นด้วย…และขอสนับสนับสนุนแนวความคิดนี้อย่างเต็มที่คะ” นิลดาสมทบอีกคน จนเป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีในห้องหันมาจ้องเธอเป็นจุดเดียว “เออ…นิลเห็นว่ามันเป็นธุรกิจเกื้อหนุนนะคะ…คุณหญิงแม่จะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน”

“ทั้งเก่ง สวย ฉลาด…ผมอดอิจฉาคุณหญิงวิภาดาไม่ได้จริงๆ” นายกกล่าวชื่นชม “หากงานนี้ผ่านที่ประชุมในต้นเดือนหน้าผมคงต้องรบกวนทั้ง The M และ พริ้นซ์เซสส์ไดมอล อีกมาก”

“ยินดีครับท่านนายก…” คุณป๋าตอบยิ้มหน้าบาน พร้อมกับหันไปพยักหน้าให้กับนิลดาอย่างมีความหมาย…

 

……….

……ความงามคืออาวุธอย่างหนึ่งของผู้หญิง

หากลุ่มหลงเข้าแล้วก็ยากจะชนะ…………..

ต้องตะวัน ประภาสกร

……….

จบ กระเรียนหลงฟ้า บทที่8

กระเรียนหลงฟ้า บทที่7

กระเรียนหลงฟ้า บทที่7 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่7

กระเรียนหลงฟ้า บทที่6

กระเรียนหลงฟ้า บทที่6 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่6

กระเรียนหลงฟ้า บทที่5

กระเรียนหลงฟ้า บทที่5 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่5

กระเรียนหลงฟ้า บทที่4

กระเรียนหลงฟ้า บทที่4 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่4

กระเรียนหลงฟ้า บทที่3

กระเรียนหลงฟ้า บทที่3 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่3

กระเรียนหลงฟ้า บทที่2

กระเรียนหลงฟ้า บทที่2 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่2

กระเรียนหลงฟ้า บทที่1

กระเรียนหลงฟ้า บทที่1 อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part3 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อ่านเพิ่มเติม กระเรียนหลงฟ้า บทที่1