คุณนายซาอุฯ บทที่ 15

คุณนายซาอุฯ บทที่ 15


พ่อกลับบ้าน คุณนายซาอุฯ บทที่ 15 (ฉบับบ้านโคกอีรวย) นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง

คุณนายซาอุฯ บทที่ 15

หลายเดือนต่อมาข่าวของทิดดอนก็เงียบหายไปเฉยๆ จนทำให้ไรราเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เงินที่เคยส่งมาให้เป็นประจำกลับขาดหายไปพร้อมๆ กับจดหมาย กระนั้นเมื่อความเป็นคุณนายซาอุฯ ค้ำคออยู่ เธอก็ไม่อาจแสดงปมปัญหานี้ออกมาให้ชาวบ้านเห็นง่ายๆ ความเจ็บปวด กังวล หงุดหงิด ดิ้นพล่านๆ อยู่ในหัว และดึกๆ คืนหนึ่งความอดทนก็สิ้นสุดลง

อีกไม่กี่นาทีดวงจันทร์ที่ทอแสงสีเงินก็จะเคลื่อนมาตรงศีรษะพอดี เมื่อผู้คนบ้านโคกอีรวยหลับสนิทหมดแล้ว เงาตะคุ่มๆ ของหญิงสาววัยใกล้ 25 ปีก็สาวเท้าไวๆไปตามถนนลูกรังที่เพิ่งจะแล้วเสร็จใหม่ๆ มุ่งตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งติดกับโรงเรียนวัดโคกอีรวยอนุสรณ์ ไฟฉายที่ถือติดมือมาด้วยไม่มีประโยชน์ในเวลาเช่นนี้ เมื่อถึงบ้านเป้าหมายเธอไม่ยอมเสียเวลาเรียกเจ้าของบ้านที่เห็นเพียงแสงตะเกียงน้ำมันก๊าชวิบๆ วับๆ บอกสถานะลอดผ่านหน้าต่างชั้นสองลงมาให้เห็น ประตูรั้วไม้ไผ่ถูกถอดและวางลงช้าๆ เบาๆ อย่างคนกลัวว่าเสียงลำไม้ไผ่แห้งกระทบพื้นจะปลุกคนบ้านข้างๆ ให้ตื่นมาเห็น เมื่อก้าวข้ามและไต่ขึ้นบันไดที่เจ้าของบ้านลืมชักเก็บตั้งแต่หัวค่ำไปยืนพิงประตูไม้เก่าๆ ที่มีช่องโหว่ให้พอสายตาส่องลอดเข้าไปข้างในได้ มือที่กำลังจะเคาะประตูก็ชะงักเมื่อเสียงครวญครางโหยหวนราวกับคนเจ็บปวดดังลอยลอดออกมาให้ได้ยิน เธอแนบหูลงกับลอยแยกอย่างคนไม่มั่นใจแต่คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายดังสลับขึ้นมาบ้าง ดวงตาที่ตื่นตระหนกสุดขีดก็ถูกยิงผ่านรอยแยกของประตูบานนั้นเพื่อจะเข้าไปสำรวจข้างในให้เห็นชัดๆ

“อีสำลีมันอยู่กับไผ” เธอตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อภาพจากในมุ้งสะท้อนแสงตะเกียงไม่ชัดเจนนัก เธอถอยฉากตกใจแทบสิ้นสติพร้อมกับเอามือกุมหัวใจเอาไว้ “อีสำลีเล่นชู้” เธอพูดกับตัวเองก่อนความอยากรู้ว่าผู้ชายคนดังกล่าวเป็นใครกัน เธอจึงแนบสายตาเข้าไปสำรวจอีกครั้ง “นั้น…นั้น บักทิดมิตรคนบ้านหนองบุกนี้…แหมมมม อีกากี เรื่องนี้กูบ่ให้จบง่ายๆ แน่….” ในที่สุดเธอก็รีบไต่ลงบันไดเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

“เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านพ่อแม่ของลุงสัก ไรราก็สาวเท้าเข้าไปในบ้านอย่างคนรีบร้อนก่อนจะลากแขนสมร น้องสาวลุงสักที่เธอคุ้นเคยไปนั่งบนแคร่ติดกับชั้นเลี้ยงตัวหนอนไหม ขณะที่พ่อใหญ่สีมาพ่อลุงสักก็กำลังนั่งรับคมมีดอยู่ไม่ไกล

“มึงมีหยังแต่เซ่าคุณนาย…หน้าตื่นยังกับคนเห็นผี ฮ่า ฮ่า …” สมรพูดไม่ทันจบไรราก็แทรกก้มกระซิบ

“เมื่อคืนกูไปบ้านอีสำลี กะว่าจะไปถามข่าวหาทิดดอน แต่กูเห็นอีหยังมึงฮู้บ่”

“หึ!….พี่นางสำลีเป็นหยัง เมื่อเช้ายังเจอกันที่วัดอยู่เลย”

“แต่เมื่อคืนอีสำลีมันอยู่กับทิดมิตรลูกชายคนหล่า (ลูกชายคนเล็ก) ของพ่อใหญ่บุญส่งบ้านหนองบุก”

“อี อี คุณนาย มึงเว้าอีหยังออกมา”

“กูเห็นมากับตา เลยมาบอกพวกสู งานนี้ลุงสักไปเสียนา กลับมาเสียเมียแน่ๆ”

“คุณนายยยยยยยย…..”

“อีสำลีเลี้ยงผู้ชาย….กูได้ข่าวแว่วหลายครั้งละ  แต่ก็บ่เชื่อ กระทั้งเห็นมากับตาตัวเอง”

“แม่นอีหลีติ! (ใช่จริงๆ เหรอ)” สมรก้มหน้าตื่นๆ ถามกลับก่อนจะเอากำปั้นทุบหน้าอกตัวเองรัวๆ “โอ้ย!…ที่นาของอีแม่หมดก็คราวนี้ละกูว่า”

“กูหวังดี เขียนจดหมายบอกลุงสักให้แกส่งเงินมาให้พวกสูซะ บ่อย่างนั้นอีสำลีเล่นพวกสูหมดตัวแน่ๆ”

“โอ้ยยยย…กูจะบ้าตาย มันแม่นอีหลีติคุณนาย มึงเห็นกับตัวตัวเองจริงๆ แม่นบ่ อย่ามาโกหกพวกกูเด่”

ไรราจ้องหน้าสมรแบบคนหัวเสีย “กูได้อีหยังกับเรื่องนี้ ถ้ามันบ่แม่นความจริงอีคุณนายไรราบ่ตายตี้! (ถ้าไม่ใช่ความจริงอีคุณนายไรราไม่ตายเหรอ)”

“เออ แมนความมึง (เออใช่อย่างที่มึงพูด)”

และอยู่ๆ…..“มีอีหยังกันแต่เซ่า…นั้นอีไรมึงมาเฮ็ดหยัง” เสียงแม่ใหญ่สวนดังขึ้นด้านหลัง ก่อนจะเอาตะกล้าไม้ไผ่ที่เพิ่งมาจากวัดตั้งลงข้างๆ ลูกสาวตัวเอง และสมรจึงขยิบตาให้ไรราก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง

“บ่มีหยังดอกแม่ อีคุณนายไรมาเล่นนำซื่อๆ”

“แมน (ใช่) มาคุยกันเล่นเฉยๆ บ่มีหยังแล้วข่อยกลับบ้านเด้อ”

“เออ แล้วบักทิดดอนผัวมึงเป็นอย่างไรบ้าง ฝากเงินฝากคำมาให้ใช้หลายแล้วหวา (แล้วหวา=ซินะ)”

“โอ้ย! ก็พอได้แต่งตัวนี้แหละแม่ใหญ่…ฮ่า ฮ่า ฮ่า กินข้าวเซ่ากับหยัง” ไรรารีบเปลี่ยนประเด็น

“เมื่อคืนบักสร้อยมันได้อึ่ง ก็เลยจะกินปิ้งอึ่งนั้นละ” สมรตอบแทน ก่อนไรราจะขอตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งรอยด่างดำไว้บนใบหน้าสมรจนแม่ใหญ่สวนดึงแขนลูกสาวไปคาดคั้นความจริงหลังคอกควายอีกที

“ต้าย ตาย ตาย!…..เป็นหยังอีสำลีจังเฮ็ดแบบนั้น….มึงรีบเขียนจดหมายบอกอ้ายมึงเดี๋ยวนี้ บ่อย่างซั่นนากูบ่เหลือแน่นอน”

“เออ เจ่าก็เสียงเบาๆ แน่….อายชาวบ้านเขา”

“คนที่จะต้องอายบ่แมนกู แต่เป็นอีสำลีต่างหาก”

……….

เมื่อไม่ได้ข่าวจากสำลี คุณนายไรราก็ตรงดิ่งไปหาวารีอีกคน

“วา วา อยู่บ้านบ่” คุณนายไรรายืนเรียกเพื่อนที่เชิงบันได จนเสียงวารีดังลงมาจากในบ้าน

“อยู่…กำลังป้อนข้าวลูก ขึ้นมาข้างบนเลยไร”

เมื่อไรราเข้าไปนั่งเทียบก้มๆ เงยๆ หยอกล้อเด็กชายตัวน้อยที่กำลังน่ารักอยู่นั้น วารีก็ถามขึ้นตรงๆ

“มึงมีอีหยัง…”

ไรราเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนนิ่งๆ ก่อนจะถามกลับ “มึงได้ข่าวทิดดอนแน่บ่ เงินก็บ่ได้ฝากมา จดมงจดหมายก็บ่มี”

วารีนิ่งแบบคนคิดหนัก เธอรู้ทุกอย่างที่ทิดดอนกำลังเป็นอยู่ ถึงกระนั้นคนปากหนักก็ยังคงบุคลิกเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “ทิดทองก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ….ทิดสักไปอยู่ด้วย ทิดดอนเลยแยกไปอยู่กับเพื่อนคนลำปาง

เมื่อวารีเอ่ยถึงคนลำปางขึ้นมาเธอก็พออนุมานได้ทันทีว่าสามีตัวเองเป็นอย่างไร สีหน้าไม่สู้ดีฉายจนหมองคล่ำให้เพื่อนเห็น

“ทิดดอนเป็นหยังมึงคือคนเครียดแท้ๆ” วารีถามกลับ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ “คงกำลังยุ่ง มึงใจเย็น”

เมื่อไรราจมหนัก และเริ่มจมดิ่งสู่จุดที่สุดจะคาดเดา เธอจึงตัดบทดื้อๆ “เออๆ บ่มีหยังดอก งั้นกูกลับเลยเด้อ”

“เออ…” วารีบอกส่งพร้อมกับถอนลมหายใจทิ้งยาวๆ “กูคิดหนักแทนมึงอีหลีอีไรเอ้ย….แต่จะให้กูบอกว่าบักทิดดอนบ่ได้เฮ็ดงานแล้วกูก็พูดบ่ได้….เล่นแต่ไฮโลกินแต่เหล้ากูก็บอกมึงบ่ได้อีก…กูขอโทษ” วารีงึมงำตามหลัง ก่อนแดดบ่ายๆ จะพรากคุณนายซาอุฯ แห่งบ้านโคกอีรวยหายไป

……….

เป็นเวลา 1 ปีกับ 4 เดือนเข้าไปแล้วหลังจากทิดทองพาลุงสักและศรีไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย บ้านโคกอีรวยคล้ายจะเจริญขึ้นเมื่อถนนทรายสีชมพูแดงถูกทับถมด้วยดินลูกรังที่มีก้อนหินศิลาแลงเม็ดเล็กๆ เข้ามาแทนที่ จนเป็นเหตุให้คนเฒ่าคนแก่บ้านโคกอีรวยบ่นกันเป็นแถวๆ ว่าทำให้เจ็บเท้าเดินไม่ถนัด รองเท้าฟองน้ำตราดาวเทียมจึงขายดิบขายดีขึ้นมา โดยมีพรรณลูกสาวเจ๊กเตี้ยเป็นคนออกความคิดนำเข้ามาขายเป็นคนแรกๆ จนหลังๆ แม่ใหญ่หงส์ปล่อยให้พรรณเป็นคนดูแลซื้อของเข้าร้านเองเป็นส่วนใหญ่

และดึกๆ ข้างแรมกลางเดือนเมษายนท้องฟ้าดารดาษไปด้วยดาว เสียงรถมอเตอร์ไซด์แล่นมาจอดเทียบประตูรั้วหน้าบ้านแม่ใหญ่ย้อยพ่อใหญ่เงินก็ปลุก 3 ชีวิต พอนเด็กชายวัยจะ 10 ขวบอีกไม่กี่เดือนก็ไต่บันไดเดินเข้าไปหา แสงจากไฟหน้ารถสาดกระทบชายวัยกลางคนๆ หนึ่งกำลังยืนฉีกยิ้มใบหน้าเปื้อนน้ำตาจ้องมายังเขาไม่กระพริบ ความงวยงงเล่นงานคนทั้งคู่จนกระทั้งพ่อใหญ่เงินค่อยๆ ไต่บันไดที่สูงชันลงมาสมทบ

“อ้าว! บักทิดไซ….แม่นบักทิดไซบ่ แม่นมึงบ่ทิดไซ” พ่อใหญ่เงินชะโงกหน้ามองใกล้ๆ ก่อนชายคนนั้นจะวางกระเป๋าและก้มลงกราบเท้าพลางร้องไห้ไม่หยุด กระทั้งแม่ใหญ่ย้อยไต่บันไดลงมาอีกคน ชายคนดังกล่าวจึงผละจากเท้าพ่อใหญ่เงินไปกราบเท้าแม่ใหญ่ย้อยอีกคน

“พ่อ แม่ บักไซขอโทษ ฮื้อๆๆ” เสียงชายคนนั้นได้ปลุกเด็กชายให้ตื่นจากภวังค์ เขาจ้องผู้เป็นพ่อนาน นานกระทั้ง 2 พ่อลูกมีโอกาสจ้องหน้ากันตรงๆ สุดท้ายพอนก็เช็ดน้ำตาเพียงครั้งเดียวก่อนจะวิ่งกลับขึ้นบ้านทันที

“พอน พอน พ่อไซเองลูก จำพ่อไซบ่ได้ติ ฮื้อ!” ทิดไซไล่สายตาตามหลังลูกชายไปติดๆ จนพ่อใหญ่เงินเดินเข้ามาตบหลังปลอบ 2 ที

“มันคงช็อก!…ให้เวลาลูกแน่”

“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ฮื้อๆ”

“บ่เป็นหยัง บ่เป็นหยังลูกเอ้ย…ไปๆ ขึ้นบ้านเฮา” แม่ใหญ่ย้อยพูดพลางจูงแขนทิดไซขึ้นบ้าน….

แสงแรกของวันใหม่สาดผ่านผนังไม้จิกที่แยกเป็นทางยาวเข้ามาถึงมุ้งนอนสีเทาๆ พอนนอนกอดทิดไซแน่นไม่ยอมปล่อยกระทั้งเสียงเด็กสาววัยใกล้จะ 12 ขวบดังขึ้นนอกมุ้ง

“อีพ่อ อีพ่อ ฮื้อๆ อีพ่อไซ อีพ่อไซกลับบ้านแล้ว”

ทิดไซลุกนั่ง น้ำตาตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่แห้งเหือดน้ำตาชุดใหม่ก็ทะลักออกมาอีก “พรรณ พรรณลูกพ่อ”

“อีพ่อ อีพ่อกลับบ้านแล้ว” สามคนพ่อลูกร้องไห้กอดกันจนแทบจะเป็นก้อนเนื้อก้อนเดียว เมื่ออารมณ์กลับเข้าที่เข้าทาง เสียงแม่ใหญ่ย้อยจึงดังขึ้น

“ตอนเช้าแม่ว่าจะต้มไก่ไปเลี้ยงญาพ่อปู่สักตัว สายๆ จึงจะให้คนเฒ่าคนแก่มาผูกข้อไม้ข้อมือสู่ขวัญให้”

“พ่อแม่มึงก็ฮู้แล้ว กูให้อีเจ้ยวิ่งไปบอกเมื่อครู่สักพักก็คงจะมา” พ่อใหญ่เงินพูดอีกคน

“ขวัญเอ้ย ขวัญมาเด้อบักทิดไซเอ้ย เป็นโชคเป็นลาภของมึงแล้วละที่ได้กลับบ้านกลับช่อง กูก็นึกว่าจะบ่ได้เห็นหน้ามึงแล้ว”

“เดี๋ยวผมจะต้มไก่ให้เองแม่….ขอพ่อไปล้างหน้าก่อนเด้อ” ทิดไซบอกพรรณกับพอนก่อนจะดึงทั้งคู่เข้ามาจูบที่หน้าผากอีกที “เออ แล้วพรรณที่อยู่กับพ่อเจ๊กเตี้ยกับแม่หงส์สบายดีบ่ลูก” ทิดไซเหมือนจะนึกได้กะทันหัน พรรณพยักหน้าบอกเร็วๆ “ดีแล้วละเผิ่นดีกับเฮา เฮาก็ต้องดีกับเผิ่นเข้าใจบ่ลูก”

“คืนนี้พ่อเจ๊กเตี้ยกับแม่หงส์ให้พรรณมานอนกับอีพ่อจนกว่าจะพอใจ” เด็กสาวพูดเสียงใส ก่อนจะฉายยิ้มออกมาให้ทิดไซเห็นกว้างๆ

“ดีแล้วละ อีพ่อก็อยากนอนกอดลูกคือกัน ไป ไป ไปล้างหน้าล้างตาก่อนค่อยพูดค่อยจากันใหม่” และทิดไซก็ดึงแขนลูกชายกับลูกสาวเดินลงไปข้างล่าง ดูเหมือน 3 คนพ่อลูกจะสดใสกว่าทุกๆ วัน แดดเช้าสีครีมผสมนมข้นๆ บอกอย่างนั้น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อีพ่อ อีพ่อนะ”

“อีพ่อขาวขึ้นหลายๆ อีพ่อคือหล่อแท้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ต่อจากนี้พ่อสัญญาว่าจะบ่ทิ้งลูกไปไหนอีก จะอยู่ที่บ้านโคกอีรวยนี้ละ บ่ไปแล้วซาองซาอุฯ อยู่บ้านเฮาก็บ่อดตายดอกแม่นบ่”

“แม่น แม่นเลย อีพ่อเว้าถูก ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ผมจะพาอีพ่อไปล่าหนู ล่าอีปอม ไปขุดกบ จับเขียดที่หนองกะเดา”

“แม่นๆ หนองกะเดา ไปดักนกคุ้มนำเนาะ” ทิดไซเสียงใสแข่งกับเด็กๆ ทำให้พ่อใหญ่เงินแม่ใหญ่ย้อยต้องเช็ดน้ำตาทิ้งอยู่หลัด

“แม่นความมึงละบักทิดไซเอ้ย บ้านโคกอีรวยบ่เฮ็ดให้คนอดตายดอก” พ่อใหญ่เงินพูดกับตัวเอง ก่อนสายๆ ผู้เฒ่าผู้แก่บ้านโคกอีรวยและใกล้เคียงที่รู้ข่าวจะทยอยมาผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญให้จนบริเวณบ้านที่ว่ากว้างใหญ่กลับเหลือพื้นที่เพียงน้อยนิดให้ต้นหญ้าแห้วหมูได้หายใจ

และ 2 วันผ่านไปหลังจากเรื่องของทิดไซเริ่มซาลงไปบ้างแล้ว คุณนายไรราก็แอบแวะเข้ามาคุยด้วย

“ได้ข่าวทิดดอนแน่บ่”

ทิดไซจ้องหน้าเพื่อนไม่กระพริบก่อนการตัดสินใจที่ยากลำบากจะหลุดตามลมหายใจออกมา “ไร เฮาออกจากคุกได้ 2 เดือนกว่าก่อนจะกลับบ้าน เฮาได้พบบักทิดดอนหลายครั้ง….ซี๊ด!” ทิดไซซีดปากแบบคนคิดหนัก คุณนายไรราจ้องเขาไม่กระพริบ “เฮาบ่แมนคนดีดอก จริงแล้วก็บ่มีสิทธิ์จะไปวิจารณ์เพื่อนด้วยซ้ำ”

“บ่เป็นหยังดดอกทิดไซ ทิดดอนบ่ส่งเงินมา จดหมายก็ไม่ตอบหลายเดือนแล้ว เฮาอดเป็นห่วงบ่ได้คือกัน มีหยังเว้ามาโลด” คุณนายไรราบอกขณะที่สายตาก็ยังรอคอยอยู่แบบนั้น “อ้ายทิดไซ”

“วู้….” ทิดไซเป่าลมออกมาทางปากดังๆ อีกที

“ทิดไซ…ว่ามาโลดอ้าย อีหยังจะเกิดก็ต้องเกิดละ”

“บักทิดดอนบ่ได้เฮ็ดงานดอกไร มื้อๆ เอาแต่เล่นไฮโลกับกินเหล้า…ย้ายไปแค้มป์นั้นออกแค้มป์นี้จนผู้จัดการไล่มันออกไปอยู่กับเพื่อนคนเหนือแล้วละ”

“หา!…. คือ คือว่าจังซั่นละอ้าย”

“นี้คือความจริง จริงๆ แล้วบักทิดทองบอกอ้ายบ่ให้บอกไรเด่….บักทิดทองมันรับปากจะคอยดูแลบักทิดดอนและจะให้มันกลับไปเฮ็ดงานเหมือนเดิม”

“ฮื้อๆ….ว่าแล้วมันต้องเป็นแบบนี้ เป็นหยังจังเป็นแบบนี้…..”

“เฮาเฮ็ดหยังบ่ได้ (เราทำอะไรไม่ได้) รอเอาใจช่วยบักทิดทองกับลุกสักอย่างเดียวไรเอ้ย….ขอให้เทวดาดลใจให้บักทิดดอนมันคิดได้ก็แล้วกัน เห็นว่าหลังๆ ยืมเงินบักทิดทองไปหลายหมื่นนำเด่”

“อ้าว! เมื่อวานไปหาอีวารี มันเป็นหยังจังบ่บอกเรื่องนี้ละ ฮื้อๆๆ”

“ก็เพราะว่าทั้งบักทิดทองกับอีวารีเป็นคนดีทั้งคู่นั้นละ”

“บักทิดดอนน้อ บักทิดดอน….ต่อไปอีไรราจะเฮ็ดจังใด….อีไรกับลูกจะอยู่อย่างไร นาอีแม่ที่เอาไปจำนองกับอีดาก็จะบ่มีเงินส่งแล้ว ฮื้อๆ”

“ใจเย็นๆ มันต้องมีทางออก อีดากับบักสวัสดิ์ก็เป็นคนดีคือกัน มันต้องมีทางออก มันต้องมีทางออกแน่นอน”

“ฮื้อๆ อีไรเอ้ย มึงจะอยู่อย่างไร ลูกมึงจะเอาอะไรกิน กูอยากตาย กูอยากตายแท้ๆ…”

……….

จบ พ่อกลับบ้าน คุณนายซาอุฯ บทที่ 15 (ฉบับบ้านโคกอีรวย)

(Visited 87 times, 1 visits today)