นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง คุณนายซาอุฯ บทที่ 21 (ฉบับบ้านโคกอีรวย)
คุณนายซาอุฯ บทที่ 21
ไรราตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นาฬิกาที่แขวนบนผนังของโรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพมหานครก็บอกเวลาอีก 10 นาทีจะ 4 นาฬิกา เธอเหลือบมองชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ข้างๆ อย่างคนมีคำถามมากมาย ลมหายใจกำลังดันช่องท้องขึ้นลงถี่ๆ ขณะค่อยๆ ขยับแผ่นหลังพิงกับหัวเตียงพร้อมๆ กับดึงชายผ้าห่มขึ้นมาปิดบังหน้าอก แววตาสับสนมองผ่านผนังกระจกบานใหญ่ออกไปข้างนอก ยอดตึกสูงระฟ้าที่เห็นแสงไฟหลากสีระยิบระยับทำให้เธอคิดถึงหมู่ดาวในคืนข้างแรมที่บ้านโคกอีรวย ภาพในวันเก่าๆ จึงไหลวนเข้ามาในหัว
……..
“อีไร อีไร มึงฮู้บ่ บักทิดดอนกับบักทิดไซขึ้นหาอีศรีมื้อคืน” สาวบัวใหลกระซิบกระซาบราวกับเป็นความลับ พลางหัวเราะ คริ คริ ตามหลัง
“บักทิดดอนหรือว่าทิดไซมักอีศรี”
“บักทิดดอนและอีศรีก็มีทีท่าจะมักบักทิดดอนหลายคือกันนั้นละ”
“แม่นอีหลีตี้!…เอื้อยบัวใหล”
“กูเบิ่งคนบ่ผิดดอก พ่อใหญ่หมานมีคุยๆ กับพ่อใหญ่เงินแล้วคือกัน กูคิดว่า 2 คนนี้อย่างไรก็หนีกันบ่พ้นแน่นอน ฮิ ฮิ ฮิ”
“อีไรราบ่ยอม บักทิดดอนต้องเป็นของอีไรคนเดียว” ไรรางึมงำไม่เป็นภาษาจนเพื่อนรุ่นพี่ต้องตะแคงหูถามขึ้นอีก
“มึงว่าอีหยัง กูบ่ได้ยิน”
“กูว่าบักทิดไซต่างหากที่จะได้กับอีศรี บ่แมนบักทิดดอนดอก มึงเชื่อกู”
……….
และมันก็เป็นจริงอย่างที่เธอต้องการ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นกับชายคนที่เธอหวังจะฝากชีวิต เขาทำให้เธอต้องมานอนกับชายคนที่เพิ่งรู้จักไม่ถึง 10 ชั่วโมงได้อย่างไร น้ำตากำลังล้นออกนอกเบ้าแต่เธอก็สูดลมหายใจเข้าแรงๆ พร้อมกับใช้ฝ่ามือปัดให้มันแห้งเพียงครั้งเดียว
“ที่นี่มันคือประเทศซาอุฯ สำหรับกู เป็นที่ๆ ของคุณนายซาอุอย่างกู” ไรราปาดน้ำตาทิ้งอีกรอบ “กูมาถึงที่เฮ็ดงานของกูแล้ว อย่างไรคนบ้านโคกอีรวยก็บ่มีทางฮู้เรื่องนี้ และจะบ่มีไผฮุ้เรื่องของกูอย่างเด็ดขาด ฮื้อๆ….”
เมื่อเสียงสะอื้นปลุกคนข้างๆ สมยศก็ยกมือขึ้นมาโอบรอบเอวเธอขณะที่ยังหลับตานอนคล่ำหน้าอยู่กับหมอนใบใหญ่
“ไรราสวยยังกับนางฟ้า แค่ขัดสีฉวีวรรณนิดหน่อยก็เป็นดาวเบอร์ตองได้ไม่ยาก”
เธอแหงนหน้าเบรกน้ำตาจากประโยคนั้น แต่มันก็ไหลพรากออกมาราวกับทำนบแตก….เธอร้องไห้คนเดียว เสียใจคนเดียว รู้สึกผิด-ถูก-ชอบคนเดียว เพราะเธอคนเดียวที่พาครอบครัวที่อยู่ข้างหลังให้รอดได้ เธอรีบเช็ดน้ำตาให้แห้งก่อนจะไถลกลับลงไปนอนที่เดิมพร้อมๆ กับสมยศที่พลิกตัวนอนหงายเธอจึงเข้ากอดอย่างคนมีจุดประสงค์ที่ซุ่มซ่อนอยู่ในวงแขน
“พี่ยศจะทำอะไรกับไรราก็ได้ แต่พี่ยศอย่างทิ้งหนูนะ” น้ำเสียงราวกับคนครางละเมอดังขึ้น ก่อนสมยศจะลืมตาโอบกอดเธอเอาไว้หลวมๆ
“ก็ไรสวยออกอย่างนี้ จะให้พี่ทิ้งได้อย่างไรกัน”
“ไรอยากทำงานเร็วๆ หาเงินให้ได้เยอะๆ”
ไรราพูดไม่ทันจบสมยศก็หัวเราะดักทาง “ฮะ ฮะ ฮะ ก็ตอนนี้ไรราของพี่ก็กำลังทำงานอยู่ยังไม่รู้ตัวรึไง ฮะ ฮะ ฮะ” พูดจบเขาก็โน้มลงจูบกลางศีรษะของเธอเบาๆ “เด็กดี พี่นี้แหละจะพาไรราขึ้นสู่ดาวเบอร์ตองให้ได้ ไม่ถึงปีเผลอๆ อาจจะมีเงินเป็นล้านเสียด้วยซ้ำ ฮะ ฮะ ฮะ”
……..
1 เดือนผ่านไป ในที่สุดจดหมายฉบับแรกของไรราก็ส่งมาถึงบ้านโคกอีรวย พ่อใหญ่บุญมาแกะจดหมายจนมือเหี่ยวๆ สั่นเทา โดยมีแม่ใหญ่สายพินพร้อมกับหลานสาวกับหลานชายวัยใกล้จะ 6 ขวบนั่งขดงอเป็นกุ้งแห้ง 2 ตัวอยู่ข้างๆ
……….
ถึงพ่อกับแม่ที่เคารพ
ตอนนี้ไรได้ทำงานเรียบร้อยแล้ว งานสบายไม่หนักเหมือนอยู่บ้านเรา แม่กับพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ลูกๆ ของไรสบายดีไหม เป็นห่วงแต่ไอ้แดงกลัวจะเป็นไข้เป็นหวัด บอกลูกๆ ไรด้วยว่าแม่สบายดี เมื่อครบกำหนด 1 ปี แม่จะรีบกลับไปเยี่ยม เงินทองที่ทำงานอยู่ก็ถือว่าดีถึงดีมากๆ คงไม่นานที่นาแปลงแรกที่เอาไปจำนองไว้กับดาและสวัสดิ์คงจะกลับไปไถ่คืนได้ แม่กับพ่อต้องรักษาสุขภาพให้ดีๆ สุขภาพดีเพื่อไร สุขภาพดีเพื่อหลานๆ และสุขภาพดีรอวันที่ไรราคนนี้จะกลับบ้าน ไรคิดถึงบ้านโคกอีรวย คิดถึงลูกมากๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อชีวิตเดินมาถึงตรงนี้แล้ว มีแค่ทางเดียวให้เลือกคือต้องเดินหน้าต่อให้สุดทาง อยากให้พ่อกับแม่และลูกๆ เป็นกำลังใจให้ด้วย
สุดท้ายนี้ไรราจะเขียนจดหมายมาบ่อยๆ ไรรู้ว่าพ่อเขียนหนังสือไม่เก่ง
รักและคิดถึงทุกคน
ไรรา
……….
อีกด้าน
เมื่อหวีหญิงสาวบ้านหนองบุกที่โดนหลอกไปทำงานประเทศซาอุดิอาระเบียพร้อมกับคุณนายไรราเดินลงจากรถประจำทางที่หน้าบ้านของดาและสวัสดิ์
“อ้าว!…หวี เกิดอีหยังขึ้น” ดาตะโกนถามเร็วๆ อย่างคนตกใจสุดขีดพร้อมกับตรงดิ่งเข้าไปหา
“โอ้ย! ฮื้อๆ….ดาเอ้ยเฮาโดนหลอก ได้ขึ้นเครื่องบินเรียบร้อยแล้วนึกว่าจะไปประเทศซาอุดิอาระเบีย แต่เครื่องบินกลับไปลงจอดอยู่สนามบินจังหวัดอุดรธานี ฮื้อๆ….โอ้ยอยากตายเด้ กูอยากตาย” หวีพูดไปร้องให้ไปไม่หยุด จนดาต้องดึงแขนหายเข้าไปหลังบ้าน
“แล้วอีไรเด่…บ่กลับมานำกันบ่” ดาถามขณะที่สวัสดิ์เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เมียตัวเอง
“บ่ฮู้ว่ามันไปใส….ลงจากเครื่องบินแล้วอีไรก็หายไปเลย ฮื้อๆ โอ้ย กูแค้นใจ กูเจ็บใจ” หวีบอกทำให้ดากับสวัสดิ์หันไปมองหน้ากันแบบคนตื่นตระหนก
“เป็นหยังจังว่าแบบนั้น….อีไรมันจะหายไปได้อย่างไง หากันดีแล้วบ่” ดาถามกลับราวกับจะตะคอกกลายๆ แต่เธอก็ไหวตัวทันก่อนจะค่อยๆ ถามขึ้นเบาๆ ช้าๆ อีก “ตำรวจ เผิ่น ว่า จั้ง ใด แน”
“ตำรวจเผิ่นกะลงบันทึกแล้วก็ให้เงินค่ารถกลับบ้านนี้ละ โอ้ย ชีวิตน้อชีวิต กูจะเฮ็ดจังใดดี ฮื้อๆ”
“ใจเย็นๆ มึงกลับบ้านกลับช่องก่อนค่อยคิด อีไรน้ออีไร มึงจะไปอยู่ที่ไหนน้อ”
“จะเข้าไปบอกพ่อใหญ่บุญมากับแม่ใหญ่สายพินเลยบ่” สวัสดิ์ถามเมียตัวเอง ดานิ่งสักพักก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เฮาบ่ฮู้ว่าอีไรมันไปอยู่ใส ต้องรอมันส่งจดหมายกลับบ้านอย่างเดียว แม่ใหญ่สายพินบ่ค่อยสบาย พ่อใหญ่บุญมาก็อีกคน….” ดานิ่งคิดก่อนจะหันไปพูดกับหวีอีก “หวีกลับบ้านแล้วอย่าเพิ่งพูดถึงอีไรเด้อ เดี๋ยวเรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่…เฮาเงียบๆ ไว้ก่อน อีไรมันมีลูก 2 คนอย่างไรมันก็ต้องคิดถึงลูกคิดถึงเต้ามัน…รอจดหมายของมันก่อนค่อยว่ากัน”
“กูบ่กล้าเว้าให้ไผฟังดอก กูอายคน”
เมื่อหวีนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างออกจากตลาดไปแล้ว ดากับสวัสดิ์ก็มาสุมหัวกันพูดถึงเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง
“อีไรน้อ….อีไร….เงินก็บ่เอามาตัดดอก กูจะยื้อให้มึงได้ถึงปีบ่น้อ….”
“อีไรมันเป็นคนเก่ง อ้ายว่ามันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วละ ตราบใดที่บ่เห็นศพ ตราบนั้นอีไรยังมีชีวิตอยู่”
“ห้วยตานี้แหม เป็นหยังจั่งเว้าถึงหมู่ข่อยแบบนั้น….” ดาถลึงตาใส่ผัว
“มันก็จริงอย่างที่อ้ายว่านั้นละ คนอย่างอีไรเอาตัวรอดได้เชื่ออ้ายเถอะ รับรองบ่ทันถึงปีมันก็ต้องมีเงินก้อนใหญ่มาไถ่นาพ่อใหญ่บุญมาได้อย่างแน่นอน”
“แล้วตอนนี้มันไปใส ไปเฮ็ดงานอีหยัง มันเพิ่งจะเคยเดินทางออกนอกบ้านโคกอีรวยนานๆ เป็นครั้งแรก…พี่น้องที่จะพออาสงอาศัยได้อยู่กรุงเทพฯ กรุงไทยก็บ่มี….คิดไปคิดมาก็อดเป็นห่วงมันบ่ได้”
“ใจเย็นๆ นะดา…รอๆ ไปก่อน อ้ายจะเพียรเข้าไปถามข่าวกับพ่อใหญ่บุญมาให้ บ่เกิน 1 เดือน จดหมายฉบับแรกต้องมาถึงแน่ๆ…….”
บนท้องฟ้าเหนือปุยเมฆระหว่างสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินจังหวัดอุดรธานีไม่มีนางฟ้า ไม่มีเทวดาฉันใด น่านฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือบ้านโคกอีรวยก็เป็นเช่นนั้น สวัสดิ์เทียวเข้าเทียวออกบ้านโคกอีรวยกับตลาดเฉลี่ยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่ละครั้งก็จะไปสนทนากับพ่อใหญ่บุญมาเรื่องซื้อขายวัวก่อนจะแซะถามเรื่องไรรา จนกระทั้งไปจบที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของทิดไซอยู่เป็นประจำ และเมื่อรู้ว่าไรราส่งจดหมายถึงบ้านแล้ว ดาก็บุกถึงบ้านพ่อใหญ่เงินกับแม่ใหญ่สายพินด้วยตัวเองทันที
“แม่ใหญ่สายพิน ได้ข่าวอีไรส่งจดหมายมาแล้วบ่ เป็นห่วงมันหลายเลยแวะมาถามข่าว”
แม่ใหญ่สายพินที่กำลังตำหมากอยู่ใต้ถุนยิ้ม-หัวเราะพลางกวักมือเรียกราวกับคนดีใจสุดขีด “เออ ส่งมาแล้ว บอกว่าได้เฮ็ดการเฮ็ดงานแล้วละ”
“มันเฮ็ดงานอีหยังได้บอกบ่” ดาถามอีก
“มันบ่ได้บอกดอก แต่มันบอกว่างานสบายเงินดี เดี๋ยวจะมาไถ่นาแปลงแรกต้นปีนั้นละ”
“เรื่องนั้นบ่เป็นหยังดอก….เดี๋ยวจะดูแลให้แต่ขออ่านจดหมายมันได้บ่จะได้สบายใจ” ดาพูดอย่างคนวางแผน
“อยู่บนเฮือนตั๊ว!”
“เออๆ ถ้าอย่างนั้นเอาหมากมานี้จะตำให้ แม่ใหญ่ขึ้นไปหยิบมาให้อ่านนำแน”
“เอาๆ…แก่แล้วเคี้ยวบ่ค่อยแหลก” แม่ใหญ่สายพินยื่นตะบันหมากทองเหลืองให้ “ฮ่า ฮ่า มึงถ่ากูคราวเดียวจะขึ้นไปหยิบมาให้”
ไม่ทันหมากจะแหลกแม่ใหญ่สายพินก็ถือจดหมายซองยาวขอบลายธงชาติไทยแบบจดหมายมาจากต่างประเทศยื่นให้ ดาคืนตะบันหมากที่แหลกระดับหนึ่ง แม่ใหญ่สายพินเทเข้าปาก สายตาของดาก็เพ่งไปยังลายแสตมป์ด้วยหมึกสีดำประทับบนดวงตราไปรษณีย์ทันที
“ห่า!….อี อี ไร”
“มันบอกว่าเฮ็ดงานที่ประเทศซาอุฯ สบายๆ เงินก็ได้เยอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า บ่นานมันก็จะส่งเงินมาแล้ว” แม่ใหญ่สายพินที่อ่านหนังสือไม่ออกพูดเสียงก้องในโพลงปาก
ดาไล่อ่านเนื้อความในจดหมายหลายรอบ เมื่อรู้ว่าเพื่อนเอาตัวรอดได้ รอยยิ้มขมๆ ขื่นๆ ฝืนๆ เฝื่อนๆ ก็ถูกส่งกลับไปให้แม่ใหญ่สายพินพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น
“อีไรมันได้เฮ็ดงานก็เป็นข่าวดีหลายๆ แล้วละแม่ใหญ่เอ้ย วู้” ดาเป่าลมออกมาทางปาก ก่อนจะขอตัวกลับ
“อ้าวแล้วผัวมึงบ่มารับบ่”
“ทิดสวัสดิ์นั่งรออยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวทิดไซนั้นละ ไปก่อนเด้อ ถ้าอีไรส่งจดหมายมาอีกก็ไปบอกแน่จะได้สบายใจ”
“เออ…ฮ่า ฮ่า ฮ่า….จะฝากข่าวเข้าไปบอกดอก สูนี้สมกับเป็นเสี่ยวกันจริงน้อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
และทันทีที่ดาอยู่กับสวัสดิ์เพียงลำพัง
“อีไรมันบ่ได้ไปเฮ็ดงานที่ประเทศซาอุฯ ดอก”
“อ้าวคือว่าจั่งซั่น…(ทำไมถึงพูดแบบนั้นละ)”
“จดหมายของมันถูกส่งมาจากที่ทำการไปรษณีย์เขตบางรัก กรุงเทพฯ….มันจะเฮ็ดงานอีหยังน้อ”
“อ้าวๆ….อย่างน้อยก็ฮู้ว่ามันบ่ตาย….สบายใจขึ้นแล้วหวา”
“เออ ข่อยบ่สบายใจก็เพราะคำพูดของเจ่านี้ละ 2 คำก็ตาย 3 คำก็ตาย มันเป็นลางบ่ดีเด่” ดาย้ำเสียงดังแบบคนเอาจริง
“ตี้!…อ้ายบ่ฮู้ ถ้าแบบนั้นต่อไปจะบ่พูดแล้ว ไปๆ กลับบ้านเฮา ปานนี้น้องอิ๊ดกับเจ้าอาร์ทใกล้เลิกเรียนแล้วมั่ง….”
“ดีแล้วละ….ไปๆ จะต้องทำขนมให้เด็กน้อย 2 คนนั้นอีก”
……….