คุณนายซาอุฯ บทที่ 3 (ฉบับบ้านโคกอีรวย) นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง
คุณนายซาอุฯ บทที่ 3
ปี พ.ศ. 2522 ณ บ้านโคกอีรวยจากไม่ถึง 50 หลังคาเรือนก็แตกลูกออกหลานเป็น 70 – 80 หลังคาเรือนเข้าไปแล้ว ต้นเต็งต้นรังที่เคยแทรกอยู่ตามรั้วตามสวนติดบ้านก็ถูกถางถูกโค่นสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวหนุ่มสาวรุ่นถัดมา ต้นฤดูที่เพิ่งจะหนาว อากาศระดับสูงก็โรยตัวกดอุณหภูมิให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ ซากตอไผ่ที่ตายแห้งคากอก็ถูกงัด ถูกดึง ถูกถอนเอามาเก็บไว้ใต้เล้าไก่เพื่อก่อกองไฟไล่หนาวในตอนเย็นและตอนเช้าๆ ปั้นข้าวเหนียวเวลาเดียวกันก็พร้อมจะเปลี่ยนเป็นข้าวจี่ทาไข่ได้ทันทีที่ไฟถูกจุด แต่เด็กหลายคนกลับถวิลหามันเถาลูกเล็กๆ เป็นพวงสีน้ำตาลดำที่เลื้อยตามรั้วเอามาเผากินแทนข้าวมากกว่า และก่อนจะได้ยินเสียงระฆังจากวัด คนแปลกหน้าคาดผ้าขาวม้าสีสดสวมเสื้อขาวสะอาด 4- 5 คนก็เดินตรงเข้ามาหา
“สวัสดีพ่อใหญ่ แม่ใหญ่” ทั้งหมดพากันนั่งลงข้างกองไฟก่อนพ่อใหญ่ไว แม่ใหญ่จันทร์ที่โอบหลานสาวไม่ยอมห่างจะถามขึ้น
“พวกสูเป็นไผน้อ! (พวกคุณเป็นใครนะ)”
“โอ้ย….พวกหลานมาจากนาเชือก สารคามพู้นละ (สารคาม =จังหวัดมหาสารคาม)” คนตัวใหญ่เสียงดังตอบขึ้นก่อน
“แล้วพวกสูมาเฮ็ดหยังกัน (พวกคุณมาทำอะไรกัน)” พ่อใหญ่ไวที่กำลังเขี่ยมันเผาให้หลานๆ ถามบ้าง
“หมู่ข่อย (พวกเรา) เป็นนายหน้ามาหาคนไปเฮ็ดงานประเทศซาอุดิอาระเบีย”
“ซาอุดิอาระเบียวาติ….แม้น!…มันอยู่หม่อง (ที่) ใดน้อ คือบ่ฮุ้จัก”
“โอ้ย อยู่ไกลอยู่แม่ใหญ่ต้องนั่งเฮือบิน (เครื่องบิน) ไปพู้นละ”
“คือพวกลูกๆ หลานๆ นี้อยากฮู้ว่าบ้านพ่อใหญ่บ้านอยู่หม่องใด สิได้ไปแจ้งข่าว เผื่อจะมีคนบ้านเฮ่าอยากไป”
“โอ้ ติ…คันซั่น (ถ้าอย่างนั้น) นั้นเด้อเลยต้นฉำฉา (ต้นจามจุรี) ต้นใหญ่กลางบ้านนั้นละสิมีป้ายบอกอยู่….หรือถามหาบ้านพ่อผู้ใหญ่สากะได้” พ่อใหญ่ไวตอบยาวๆ
“อ้อ!…ต้นฉำฉา (ต้นจามจุรี) ต้นนั้นติพ่อใหญ่” ชายตัดผมสั้นแบบทหารชี้มือถามต่อ
“เออ ต้นที่เห็นอยู่นั้นละ”
“คันซั่นพวกตูข่อยไปเด้อ ฟ้าว (รีบ)ไปแจ้งข่าว ถ้าพ่อใหญ่มีลูกหลานจะไปฟังนำกันกะได้เด้อ”
“เออ…เดี๋ยวสิตามไปดอก”
ข่าวการมาของคนแปลกหน้าต่างถิ่นกระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ผู้ใหญ่สาเห็นว่าเป็นเรื่องดีต่อลูกบ้านจึงตีขอลอเรียกประชุม (ขอลอ คือเครื่องมือเคาะส่งสัญญาณให้ลูกบ้านรู้เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินหรือมีเรื่องสำคัญมาจากอำเภอ ทำมาจากไม้ไผ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ฝ่ามือโอบรัดหรือใหญ่กว่านั้นยาวประมาณศอกนิดๆ เจาะรูตามยาว เวลาตีเสียงจะดังก้องกังวานได้ยินไกลหลายกิโลเมตร)
“ห้วย!…อีหลีติ (ใช่จริงๆ หรา) ข่อยสิไปฟังกับเผิ่นนำ เผื่อสิได้ไปเฮ็ดงานที่ประเทศซาอุฯ (กับเผิน = กับเขาบ้าง)” ทิดดอนตะโกนบอกไรราที่กำลังนึ่งข้าวอยู่บนนอกชาน
“ดีๆ เจ้าอย่าลืมไปเอิ้น (เรียก) อ้ายทิดไซกับอ้ายทิดทองไปฟังนำกันเด้อ เผื่อจะได้ไปเป็นหมู่กัน (เป็นเพื่อนกัน)”
“กะว่าจังซั่นละ (ก็คิดอย่างนั้นแหละ)” ทิดดอนเข้าไปอุ้มลูกคนเล็กที่เพิ่งตื่น “ข่อยไปก่อนเด้อ เดี๋ยวสิบ่ทันประชุมกับเขา”
“เจ้าสิอุ้มบักแดงไปนำติ…เดี๋ยวมันกะฮ้องไห้ดอก”
“บ่ฮ้องดอกเนาะลูกหล่า….คราวเดียว (แป๊บเดียว)”
“เออ ฟ้าวไปฟ้าวมาเด้อ (ฟ้าว = รีบ) ข่อยสิปิ้งปลาถ่า (ปิ้งปลารอ)”
เมื่อทิดดอนอุ้มลูกลงบันไดไปแล้ว ไรราเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงวิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วเปิดหน้าต่างตะโกนขึ้นเสียงดัง “เอื้อยบัวไหล อยู่บ้านบ่”
“มีอีหยังแต่เซ่า (เช้า)” สาวใหญ่ชื่อบัวไหลขานรับจากใต้ถุน
“ทิดจ่อย อยากไปเฮ็ดงานประเทศซาอุกับบักทิดดอนบ่”
“บักทิดดอนสิไปติ”
“ว่าจังสั่นละ (ว่าอย่างนั้นแหละ) กำลังไปซวน (ชวน) อ้ายทิดทองกับอ้ายทิดไซอยู่”
“โอ้! คันซั่น (ถ้าอย่างนั้น) สิให้ไอ้ทิดจ่อยไปฟังคือกันนั้นละ อยู่บ้านเฮามันลำบากโพด (โพด= มาก) ปีนี้ฝนก็ยังแล้งอีก ข้าวกะสิหมดเล้าแล้ว”
“เออ ดีๆ อ้ายทิดดอนจะได้มีหมู่ (เพื่อน)ไปนำกันหลายๆ คน”
“โอ้ย! เฮาสิได้เป็นคุณนายซาอุฯ ก็คราวนี้ละน้อ ฮ่า ฮา ฮ้า ฮ่า”
“ฮ่า ฮา ฮา คุณซาอุฯ คุณนายไรรา ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
………
พอกินข้าวเช้าเรียบร้อย พ่อบ้านรวมทั้งหนุ่มๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านก็ค่อยๆ ทยอยมารวมกันจนเต็มลานหญ้าหน้าบ้านพ่อใหญ่สา ความหนาวเย็นของอากาศต้นฤดูทำให้หลายคนขยับออกไปนั่งกลางแดดแรกสีชาเข้มๆ ที่เพิ่งตกกระทบพื้น ปลายกอไผ่ข้างคอกหมูของพ่อใหญ่สาไวเอนไปมาบอกสถานะลมบนได้เป็นอย่างดี
“พวกสูเป็นคนแปลกหน้าสำหรับบ้านเฮา พวกสูบ่ได้มาตั๊วกันเด่ (ตั๊วกัน=หลอกกัน)” พ่อใหญ่สาเอ่ยราวกับเปิดประเด็นเป็นคนแรก
“พ่อใหญ่…พี่น้องบ้านเฮาทุกคนครับ พวกผมทุกคนเป็นคนอำเภอนาเชือก สารคามนี้เอง ตัวผมชื่ออำนาจ นั้น จำนง คนใส่เสื้อลายนะหลานผมเองชื่อพรชัย ส่วน 2 คนนั้นเผินเป็นคนบ้านแดงใกล้ฝายบ้านเม็ก เผินกำลังเดินเรื่องไปเฮ็ดงานนำกัน…ถ้าตูข่อย (ตูข่อย=พวกผม) เป็นคนขี้ตั๊วหลอกลวง ตูข่อยบ่มาถามหาบ้านผู้ใหญ่บ้านดอกแมนบ่”
“เออ แมนความเผิน (เผิน= เขา,ท่าน) ” เสียงจากลูกบ้านหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน
“พวกตูข่อย (พวกเรา) อยากเห็นคนบ้านเราร่ำๆ รวยๆ มีหน้ามีตาคือบ้านอื่นเมืองอื่น เลยอยากจะซวน (ชวน) หมู่เจ้า คนหนุ่มๆ พ่อบ้านบ้านเรานี้แหละไปขุดทองที่ประเทศซาอุดิอาระเบียแบบคนทางอำเภอเมืองพล (อ.เมืองพล จ.ขอนแก่น) ไผบ่เชื่อไปดูบ้านเมืองทางอำเภอเมืองพลได้เลย เขาไปเฮ็ดงานไม่ถึง 2 ปีกะมีเงินมีคำมาสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ งามๆ กันหมดทุกคนนั้นละ”
“แมนอีหลีติ (ใช่จริงๆหรา) เป็นตาอยากไปแท้ๆ”
การประชุมดำเนินต่อไปสักพัก ผู้ใหญ่สาเลยสรุป
“อ้าว!…ไผ (ใคร) อยากไปเฮ็ดการเฮ็ดงานประเทศซาอุฯ กะให้มาลงชื่อได้ที่บ้านผู้ใหญ่นี้ละ คุณอำนาจและคณะเผินจะได้เดินทางไปบ้านอื่น”
“เผินสิไปบ้านไดอีก” ตาแหลมที่นั่งอยู่ไกลๆ ดึงผ้าขาวม้าพาดบ่าตบไล่แมลงกับแผ่นหลังซ้ายทีขวาที
“โอ้ย! รถตูข่อย (พวกเรา) จอดอยู่ในตลาด กะว่าสิไปบ้านแดง บ้านหนองแสง บ้านโคกไผ่แถวๆ นี้แหละถึงสิพากันกลับ ส่วนใครสนใจกะมาลงชื่อเอาไว้ อาทิตย์หน้าเช้าวันจันทร์ถึงจะกลับมาแจ้งเรื่องเอกสารกับรายละเอียดอีกเทือ (อีกที)”
“ค่าเดินทางแพงโพด”
“เขาไป 2 ปีกะได้ทั้งเฮือนทั้งนาพูนเด่ละ (ได้ทั้งบ้านทั้งนาเลยนะ)”
หลายคนเริ่มจับกลุ่มคุยกัน โดยเฉพาะทิดไซ ทิดทองกับทิดดอนเหมือนจะตื่นตัวมากกว่าใครๆ หลังจากแยกย้ายพวกเขาทั้ง 3 จึงมานั่งปรึกษากันต่อที่บ้านศรี โดยมีบรรดาภรรยามารวมตัวกันอยู่ตรงนั้นด้วย
“เฮาสิเอาเงินที่ไหนเป็นค่าเดินทาง”
“อ้าว! กะที่นานั้นเด่…ไผไปซาอุฯ เขากะเอาที่นาไปจำนองหมดทุกคน” ทิดไซลงเสียงต่ำพร้อมกับชี้นิ้วชี้มือไปทางนั้นทีทางนี้ที
“ตั้งแสนสอง….เกิดมายังบ่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้เลย”
“บักทิดทอง มึงสิใจออกแล้วบ่….” ทิดดอนถามเพื่อน
“บ่ๆ…มันกะใช้เงินใช้คำหลายโพด”
“อุ้ย!…คนบ้านเบ็ญน้อยฟากห้วย เขาไปหลายกว่านี้ตั๊ว เกือบ 2 แสนพูนนะ เขาไปยังได้นาได้บ้านเลย” ทิดไซพยายามกล่อมไม่ให้เพื่อนเขว พลางตบเข่าทิดทองอีก 2 ที “ใจแข็ง..เราจะร่ำจะรวยก็คราวนี้ละ”
“มันแมนจังซั่นแนกะไค (เป็นอย่างนั้นได้ก็ ดี)”
“เจ้าใจแข็งไว้ทิดทอง เฮากะพอสิคุยกับแม่กับพ่อเฮาได้อยู่ตั๊ว นาโคกนั้นกะบ่มีไผเฮ็ด อีพ่อคงสิให้ไปจำนองอยู่ดอก” วารีปลอบสามี
“แล้วเฮาสิเอาไฮเอานาไปจำนองกับผู้ใดละ” ทิดอนถาม ก่อนไรราจะแทรกขึ้นทันควัน
“ฮ่วย!….สิยากอีหยัง (จะอยากอะไร) กะอีดากับทิดสวัสดิ์หมู่เฮานั้นเด่ (หมู่เฮา=เพื่อนเรา)….มันร่ำมันรวยสิตาย”
“แมนๆ…เรื่องนี้ตูข่อย (พวกฉัน) สิจัดการเองบ่ต้องเป็นห่วง” ศรียื่นหน้าแหลมๆ เสริมขึ้นกลางวง จนทำให้หลายคนหายใจหลุดออกมาด้วยความโล่งอก
……..
เสียงลมหนาวกลางดึกหลัง 4 ทุ่มขณะที่ลูกชาย 2 คนของทิดทองกับวารีหลับใต้ผ้าห่มผืนบางๆ เรียบร้อยแล้ว วารีก็สะกิดสามีให้เดินตามออกไปนอกชานที่เปิดโล่ง ผนังใบมะพร้าวแห้งตาบทับด้วยซี่ไม้ไผ่ไม่พอจะต้านลมหนาว จึงเป็นเหตุให้ทั้งพ่อแม่ลูกต้องนอนเบียดเสียดในห้องเดียวกัน เพราะต่างต้องการไออุ่นจากร่างกายของกันและกันมาช่วยบรรเทาความหนาวกลางดึก เดือน ดาวคืนนี้ทอแสงได้อย่างอิสระพร่างพราวดารดาษไปทั้งฟ้า วารีนั่งอิงอกสามีมองขึ้นไปยังหมู่ดาว ดวงตาเหม่อไร้จุดตกก็ยังล่องลอยหลุดไปในที่ไม่เคยเห็น ทิดทองเองก็โอบกอดลูบคลำต้นแขนที่เปลือยเปล่าของภรรยาไปมากระนั้นสายตาของเขาก็ยังอยู่ในสถานะไม่ต่างกัน
“เจ้าบ่ไป-บ่ได้ดอกทิดทอง (คุณไม่ไปไม่ได้หรอกทิดทอง)…ลูกเฮา 2 คนกำลังโต อนาคตข้างหน้าของพวกเขาขึ้นอยู่กับเฮา 2 คน”
“ข่อยเป็นห่วงแต่ลูกที่อยู่ในท้องอีกคนนี้ละวาเอ้ย….” พูดจบทิดทองก็เอามือลูบท้องภรรยา “บักหล่าสิเป็นจังไดน้อถ่าพ่อบ่ได้อยู่ตอนเกิด”
“เรื่องนี้บ่ต้องห่วงดอก…น้องๆ เอื้อยอ้าย เฮือนข้างๆ เผินกะซอยเบิ่งซอยดูให้อยู่…ไหนสิอีพ่อ อีแม่อีก มีโอกาสเจ้าไปโลด ไปหาเงินหาคำ เพื่อข่อย เพื่อลูก แล้วกะเพื่ออนาคตของครอบครัวเฮานำ”
“ไฮนาปลาปิ้งผู้ไดสิเบิ่ง (ไร่นาใครจะดูแล)”
“แค่ 2 3 ปี บ่อดตายดอก อ้ายทิดทอง อ้ายเป็นที่พึ่งเดียวของเฮาเด่…ใจแข็งๆ บ่ต้องเป็นห่วงทางบ้าน”
“วาสัญญาบ่-ว่าจะเขียนจดหมายไปหาอ้ายดุๆ (ดุๆ = บ่อยๆ)”
“อ้ายทิดทอง เรื่องนั้นบ่ต้องห่วง…ขอให้เฮามีเงินสร้างบ้านหลังน้อยๆ ฝาดีๆ กว่านี้ ทาสีขาวหลังงามๆ ข่อยเจ่ากับลูกๆ กะสบายแล้ว”
“ลูกคนนี้ขอให้เป็นผู้หญิง อ้ายอยากได้ยินเสียงหัวเราะคือสิม่วนหลาย (เพลิดเพลินมากๆ)”
“อ้ายทิดทอง เขาสิเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกะลูกของเฮาตั๊วอ้าย” วารีกระชับฝ่ามือของทองมาโอบตัวเองให้แน่นขึ้น
“วาหนาวติ….คั้นหนาว (ถ้าหนาว) กะเข้าไปนอนกับลูกก่อนอ้ายกะได้”
“บ่อ้าย…วาบ่ได้หนาวดอก แต่วากำลังคิดถึงอนาคตของเฮา”
“อ้ายสัญญาว่า อ้ายจะเข้มแข็ง อ้ายจะบ่ถอย อ้ายจะเฮ็ดให้วารีเป็นคุณนายซาอุฯ ให้ได้”
“อ้ายทิดทองอนาคตมันบ่แน่นอน บ่ต้องสัญญาดอก แต่ขอให้อ้ายเฮ็ดสูมื้อ (ทุกวัน)ให้ดีที่สุด….ถ้าอ้ายได้ไป วาก็จะเลี้ยงลูกถ่า (รอ) อ้ายอยู่บ้านเฮานี้ละ”
ทิดทองลูบผมภรรยาเล่น แสงดาวล้านดวงยังคงทอแสงรับรู้สิ่งที่ทั้งคู่คุยกัน….ต่อจากนี้อนาคตจะเป็นเช่นไรน้อ! ในหัวใจของวารีก็ยังหวาดหวั่นไม่จบสิ้น เธอกุ่มมือสามีแน่น แน่นเสียจนมีเหงื่อซึมออกมา
“ถ้าอ้ายได้บินมื้อได อ้ายสิคิดฮอดวากับลูกสูมื้อสูคืน (ทุกวันทุกคืน)”
“วากับลูกกะสิคิดฮอดอ้ายสูมื้อสูคืนคือกัน (ทุกวันทุกคืนเหมือนกัน)”
“มื้อหนึ่งข้างหน้าเฮาสิเฮ็ดบ้านหลังใหม่ ออกรถตุ๊กๆ (รถอีแต๋น) จักคัน คอยถ่าเบิ่งลูกๆ เฮาโตเป็นหนุ่ม ส่งเขาให้ได้เรียนหนังสือสูงๆ แล้ววากะสิได้เป็นคุณนายซาอุฯ นำ”
“วาจะคอยอ้ายทิดทอง….และวาเชื่อมั่นว่าเฮาเฮ็ดได้”
“หลับซะวา อ้ายกะสิหลับอยู่หม่องนี้ละ (หม่อง = ที่ตรงนี้)”
และแล้วที่ชานระเบียงสูงโล่ง หมอน 2 ใบ กับผ้าห่มผืนเล็กๆ ก็ถูกใช้งาน มันสามารถต้านลมหนาวได้สุดยอด เพราะอ้อมกอดของกันและกันที่ยังมีไออุ่นอย่างไม่มีวันหมด….
“แสงดาวกำลังนำทางให้แล้วละอ้ายทิดทองเอ้ย……”
………
จบ คุณนายซาอุฯ บทที่ 3 (ฉบับบ้านโคกอีรวย)