คุณป้าคาเฟ่ คิดบวกความสุขในมุมเล็กๆ
คุณป้าคาเฟ่
กลางปี 2541
“ป๋าคะ ป๋าขา!…”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอเอ่ยคำแรกขึ้นมาพอเดาออกเลยใช่ไหมครับว่าคืนนี้ผมจะพาไปเที่ยวที่ไหน
มา!…ป๋า Timmy เลี้ยง ใครสนใจเจอกันที่สมายคาเฟ่…ไปถูกไหม?… ถนนพัฒนาการติดกับอาบอบนวดดังชื่อ “โอซาก้า” ถ้ามุ่งหน้าคลองตันอยู่ซ้ายมือ
:“ป๋า Tim ขา! ก่อนถึง โอซาก้า หรือเลยไปแล้วคะ…ของฟรีหนูชอบ…ฮิ ฮิ ฮิ”
:“เลยไปอยู่ซ้ายมือจ้า!หนู…เมื่อเจอป้ายไฟตัวหนังสือสีแดงก็เลี้ยวเข้าไปจอดได้เลย…แต่ต้องเช็คข้างกล่องก่อนนะหนู…ถ้านมหมดอายุป๋าไม่ดื่ม กลัวท้องเสีย”
:“อ๊าก!…ป๋านะ…นมสดจากเต้าค้า!…ปากคอเลาะร้ายแบบเนี้ยหนูชอบบบบบบ ฮิ ฮิ ฮิ”
อันที่จริงแล้วรสนิยมการเที่ยวกลางคืนแนวที่จะพูดถึงในบทความชุด คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ตอน “คุณป้า-คาเฟ่” ไม่ใช่แนวของผมเอาเสียเลยนะครับ สารภาพ ผมมันประเภทไม่นิยมบริโภคนมสด โดยเฉพาะสายตรงจากเต้า…แต่ผมนิยม อะๆ….ละไว้ก่อนดีกว่า… แต่การออกเที่ยวคาเฟ่-หรือคาราโอเกะ ส่วนใหญ่แล้วประธานบริษัทจะเป็นคนลากคอผมไปเสียมากกว่า ดึกๆ ก่อนจะกลับท่านก็จะเป็นธุระโทรเรียกไอ้คุณ มานั่งกินข้าวต้มพร้อมกับมารับผมกลับไปนอน และดูเหมือนไอ้เชีย!คุณเองก็จะไว้ใจประธานบริษัทคนนี้ซะเหลือเกิน…ไม่หือ! ไม่อือ!…เอาเป็นว่าทุกๆ ราตรีสุดสัปดาห์เป็นอันรู้กัน ประธานบริษัทเองก็ไม่รู้มาพิสมัยอะไรกับผมนักหนาถึงได้หนีบผมมาด้วย….หรืออาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนซื่อๆ- เรื่องเงินเรื่องทองไว้ใจได้-ขับรถได้ -ว่าง่าย -คุยสนุกหรือเปล่าไม่รู้….แต่สุดท้ายผมก็สนุกจริงๆ นั้นแหละ….ก่อนออกเที่ยวทุกครั้งท่านก็จะโยนกระเป๋าตังที่อัดตุงไปด้วยแบงค์ 100 แบงค์ 500 แบงค์ 1000 บาทใส่ในมือ…เพราะฉะนั้นการที่ผมโปรยหัวว่าตัวเองคือ ป๋า Timmy ก็ไม่น่าจะผิด
“อ้าว!…หลังเลิกประชุมใครว่างๆ เจอกันที่สมายคาเฟ่นะ…Timmy คุณเรียกแพ็คลิ้ง-ไอ้หนุ่ม-ไอ้ไก่ และอัฒไปด้วย…ผมยังมีเรื่องงานอีกนิดหน่อยต้องถาม…ส่วนแฟนคุณเดี๋ยวผมจัดการเอง”
นั้นไง…เขาสนิทสนมกันมากกว่าผมซะอีก “ครับ…ได้ครับ” สมัยนั้นโทรศัพท์มือถือราคาค่อนข้างสูง ถึงสูงมากไม่ค่อยมีคนใช้… ส่วนใหญ่โฟร์แมนที่คุมงานอยู่หน้างานนิยมใช้แพ็คลิ้งมากกว่า
ขอขยายความเรื่อง แพ็คลิ้ง ให้เด็กรุ่นใหม่รู้กันคร่าวๆ ก่อนนะครับ แพ็คลิ้งคือเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง สีดำเล็กๆ เท่าหรือใกล้เคียงกับกล่องไม้ขีดไฟ ใช้รับข้อความสั้นๆ ได้อย่างเดียว…เวลาติดต่อต้องโทรเข้าศูนย์บริการ พนักงานปลายสายจะเป็นคนส่งข้อความแทน…คำหยาบๆ คลายๆ ส่งไม่ได้นะจ้ะ…ไม่อย่างนั้นแม่ด่าเช็ดจนวางสายแทบไม่ทันเชียวละ…เวลาพกพานิยมติดกับเข็มขัดกางเกงและคุณก็จะรู้สึกว่าตัวเองเท่ฉิบหายประมาณนี้นะครับ
ผมโดนลากคอมาที่สมายคาเฟ่บ่อย-ถึงบ่อยมากจนสนิทกับนักร้องสาวๆ สวยๆ แทบทุกคนในร้าน… เวลามาที่นี้ก็จะเป็นเวลาหลังอาหารเย็นในวงเหล้าก็ประมาณหลัง 4 ทุ่มไปแล้วโน้นละครับ…แสงไฟสลัวช่วยอำพรางหลายๆ อย่าง แต่ใครจะสนละ กลับดีซะอีกนักเที่ยวกับนักร้องสาวจะได้ทำความเคารพกันและกันได้อย่างถนัดถนี่มากขึ้น…ถึงผมจะไม่นิยมแนวนี้ แต่ประธานบริษัทก็แอบยัดเยียดนักร้องสาวคนหนึ่งให้…ประมาณให้ป้อนข้าว-ป้อนนมว่างั้นเถอะ ไอ้เราก็เป็นคนคิดบวกชอบสนุกอยู่แล้วก็เล่นกับเขาไปเรื่อย ประธานบริษัทบอกให้ทำความเคารพ ผมก็สวัสดี ให้ตีผี ผมก็ปล่อยให้ผีตีจนมึน…เธอชื่อน้องกุ้ง…ชอบร้องเพลงช้าๆกินใจ โดยเฉพาะเพลง “นักร้องบ้านนอก” ของ คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ดูเหมือนจะเป็นเพลงประจำตัวและทำให้เธอได้พวงมาลัยจากนักเที่ยวมากเป็นพิเศษ เธอเป็นคนร่างเล็ก คุยสนุก ทำความเคารพกับผมได้ทุกจุด…(ขอให้เงินถึง) ผมก็ทำความเคารพกับเธอไปอย่างนั้นๆ…ไม่ได้คิดอะไร แต่ผมว่าเธอคิดนะ หลังๆ ถึงกับขึ้นมานั่งโยกบนตักผมก็หลายครั้ง…
อ้าว! ส่วนประธานบริษัทกับกรรมการผู้จัดการอีกคนละ…เขาก็มุมใครมุมมันซิครับ พอเหล้าเข้าปากก็ไล่ทำความเคารพกันไปเรื่อย …ยิ่งประธานบริษัทแกแอบชอบเจ้าของคาเฟ่ชื่อ พี่มด…(อันนี้เป็นความลับนะห้ามเปิดเผยที่ไหนเด็ดขาด รู้แล้วเหยียบให้จมดิน มิฉะนั้น ไอ้ Timmy จะเป็นคนถูกเหยียบใต้บาทาซะเอง)…พี่มดเธอ เป็นผู้หญิงอวบสวย อายุน่าจะ 40 ต้นๆ เป็นสาวมาดนักธุรกิจ และดูเหมือนพี่มดก็แอบชอบประธานบริษัทผมอยู่ไม่น้อย…พอประมาณ 5 ทุ่ม- เที่ยงคืนพวกเขาก็มักจะอ้างออกไปทำธุระข้างนอก ก่อนตี 2 นิดๆ ก็จะกลับเข้ามาพร้อมกับใบหน้าอิ่มๆ พองๆ…ผมเห็นจนชินอะมูทเนี้ย…ดีซะอีกทิ้งกระเป๋าตังไว้ในมือ… ป๋า Timmy ก็เอาแบงค์100 มาเย็บคล้องคอนักร้องซะเพลิน โดยเฉพาะน้องกุ้ง…ถ้าคืนไหนเกิน 2000 บาทมีโยกให้ 1 ดอก…สนุกชิบหาย…
และใต้แสงไฟสลัวๆ…
“Timmy ขา…กุ้งขอน้ำส้มสักแก้วนะคะ”
ไม่ใช่เงินกูซะหน่อย.. “ได้ซิ!….สั่งเบียร์สดเพิ่มกับหมูแดดเดียวด้วยนะจ้ะ”
“Timmy เคยกิน แหนมเนืองหรือเปล่าคะ…อร่อยมากๆ…”
แหม!…กูแดกทุกคืนถามมาได้….กระนั้นมาดป๋ากระเป๋าตุงก็เอาแต่นั่งยิ้มบางๆ พร้อมกับส่ายหน้าแบบคนเจ้าเล่ห์ให้เธออ่านเล่น
“Timmy นะ…ฮิ ฮิ ฮิ….น่าหยิกจังเลย….กุ้งสั่งเพิ่มนะคะ”
“ครับ”แล้วผมก็…ปี๊บๆ..จับนมเธอเล่น 1 ดอก….
แปะ!… “อ๊าก!… Timmy นะ…ฮิ ฮิ ฮิ…ซนจังเล้ยยยย!”
“ผมชอบคุณก็ตรงนี้แหละ…น้องกุ้งเปิดซิง Timmy คืนนี้เลยนะ” เสียงประธานบริษัทดังขึ้นพร้อมกับชะโงกเข้ามากระซิบใกล้หู “ล้วงเลยๆ…ผมไม่บอกแฟนคุณหรอก..เผื่อจะติดใจ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แล้วเราทั้งหมดก็ส่งเสียงหัวเราะร่วมกัน จนเป็นที่อิจฉาของโต๊ะอื่นๆ…
น้องกุ้งหุ่นบาง ร่างเล็ก เสียงหวาน หน้าแหลม คางยาว ปากแดงรูปกระจับ ผมคาดเดาอายุเธอไม่ออกเมื่ออยู่ใต้แสงไฟสลัวๆ เช่นนี้… (เธอน่าจะเด็กกว่าหรืออาจะเท่ากัน) ผมเริ่มอ่านเธอหลังจากหลายเดือนผ่านไป …เราเริ่มสนิทกันถึงขั้นพูดคุยได้หลายระดับ มีปรึกษาขอเงินซื้อโน้ตเพลงใหม่เพิ่มด้วยนะ…กล้าเอ่ยปากขอพวงมาลัยเอาดื้อหรือแค่เห็นหน้าตอน 4 ทุ่มเธอก็สั่งดริ้ง!ให้ตัวเองโดยไม่ต้องรีๆ รอๆ เหมือนคืนแรก….หัวใจผมกำลังพลิกกลับอย่างที่ประธานบริษัทต้องการจะให้เป็นหรือเปล่าน้อ!….ผมคิด คิด คิด….
มีอยู่คืนหนึ่งซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่ผมไปที่นั่น…
“Timmy กุ้งขอบคุณมากๆ นะที่ตลอดระยะเวลาหลายเดือน Timmy สุภาพกับกุ้งมากๆ เลย…”
ผมชำเลืองไปที่เธอขณะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบบางๆ…พร้อมกับส่งสัญญาณให้เธอพูดให้จบ (ประธานบริษัทออกไปข้างนอกกับพี่มด) “หึ!…..”
“กุ้งไม่รู้จะทำงานที่นี้ได้อีกนานแค่ไหน….คืนวันศุกร์-เสาร์คนเยอะนักร้องก็ได้ทริปเยอะหน่อย…ส่วนคืนที่เหลือต้องมานั่งตบยุงจนกว่าร้านจะปิด…กุ้ง กุ้งมีลูกแล้วนะ Timmy”
อ้าววววว!….เริ่มเข้าสู่โหมดส่วนตัว…ดาวไถ่กำลังเบิกฟ้าแล้วโว้ย…ผมคิดในใจขณะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา จะตี 1 ละ ประธานบริษัทยังไม่มาอีก…(กูอยากกลับแล้ว) กระนั้นผมก็ยังอ้าปากรับข้าวเกรียบกรอบๆ ที่น้องกุ้งป้อนอย่างปกติ
“แฟนกุ้งพึ่งเสียชีวิต…กุ้งต้องเลี้ยงลูกคนเดียว…ถ้าแกตื่นกลางดึกแล้วไม่เจอแม่ แก่จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้”
(เริ่มน้ำเน่านะน้องกุ้งนะ….) ผมคิดแบบคนระวังตัวพร้อมกับดึงกระเป๋าใส่เงินที่วางอยู่ข้างๆ ให้กระชับตัวเองมากขึ้น
“ทำไมไม่ส่งลูกไปไว้ที่บ้านให้แม่เลี้ยงละครับน้องกุ้ง” ผมพูดเพื่อให้เธอสบายใจที่จะนั่งต่อและเล่าเรื่องราวเพื่อฆ่าเวลาที่เดินทางช้ากว่าปกติ (คืนนี้ประธานบริษัทไม่เมา พี่หนุ่ม พี่อัฒ คุณอนุ ยังนั่งอยู่ด้วย…คิดว่าน่าจะขอตัวกลับก่อนได้ไม่ยาก) ไม่ใช่ผมเบื่อน้องกุ้งนะ แต่ผมเที่ยวมาพอสมควร ถ้านักร้องคนไหนเริ่มวนเข้าสู่โหมดเศร้าๆ ของตัวเอง… เธอก็มักจะคาดหวังสิ่งอื่นจากตัวเรา….ผมต้องอยู่ให้ห่างจากเธอมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผู้ชายหัวใจอ่อนไหวอย่าง Timmy ต้องติดกับดักน้องกุ้งแน่ๆ….ผมพยักหน้าให้เธอเห็น กะจะให้คล้อยตาม
“กุ้งไม่มีญาติพี่น้องทางไหนหรอกคะ….แม่กุ้งเสียชีวิตได้ 5 ปีแล้ว”
นั้นไงละ….กูว่าแล้ว….
“กุ้งเหนื่อย เหนื่อยมากๆ…อย่าคิดว่ามือจับไมล์ ไฟส่องหน้า ปากยิ้มแย้ม-ทักทายแขกโต๊ะนั้น โต๊ะนี้ แซวชาวบ้านชาวเมือง…แล้วหัวเราะให้เสียงดังๆ จะมีความสุขนะคะ กุ้งเองก็อายุมากขึ้นทุกวัน”
เอ้!….สะดุ้ง….(ไม่น่าแก่กว่าเราน่า….แต่จะถามอายุเธอตรงๆ ก็น่าเกลียด) “ไม่หรอกครับ น้องกุ้งยังไม่แก่…ยังสาว -ยังสวยไม่น่าจะถึง 30 ปีด้วยซ้ำ”
เธอหัวเราะ…พร้อมกับซ่อนอาการหัวเราะที่หลุดออกมาจากใจให้เห็น
“มากกว่า หรือว่า น้อยกว่า” คราวนี้ผมอยากรู้อายุเธอขึ้นมาแบบจริงๆ จังๆ แล้วละ
แต่เธอก็เอาแต่หัวเราะ….ขณะเดี่ยวกันประธานบริษัทก็เดินเข้ามาพร้อมกับพี่มด….ผมจึงได้โอกาสบอกพร้อมกับคืนกระเป๋าตังให้
“เฮ้ย…ทำไมกลับเร็ววะ…..”
“ไอ้คุณมารับแล้วครับ”
“ไอ้ห่า!….กูอุตส่าหาผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ให้กลับไม่ชอบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
กุ้งจ้องหน้าผมเขม็ง….ราวจะอ่านเกมนี้ให้แตก
ประธานบริษัทโน้มกระซิบ…“เอาๆ…เอาเงินนี้ให้น้องกุ้งของมึงซะหน่อย…ผมเหมาให้ทั้งคืน” และเงินปึกใหญ่ก็ถูกยัดเข้ากระเป๋ากางเกง…ผมประมาณมันไม่ถูก แต่ก็ยกมือไหว้ตามธรรมเนียมก่อนจะขอตัวกลับ ขณะที่น้องกุ้งของผมก็รนรานราวกับป๋ากระเป๋าหนักจะทิ้ง…เธอตามติดตัวผมแจ…กระทั้งผมสามารถลากเธอออกมายืนคุยริมถนนได้สำเร็จ และเมื่อแสงโคมของหลอดนีออนสาดไปถึง…ผมก็แทบลมจับ…เมื่อใบหน้าใต้เครื่องสำอางหนาๆ ยืนดีดดิ้นอยู่ข้างๆ….อายุเธอน่าจะเลย 40 เผลอๆ อาจจะเข้าใกล้ 50 ปีเข้าไปแล้วด้วยซ้ำ…สารภาพผมเกือบจะก้มลงกราบซะให้ได้ (โอ้!….เกือบทำลายวัตถุโบราณแล้วไหมละกู) ผมคิด
“Timmy คือกุ้งอยากได้โน้ตเพลงใหม่นะ…ช่วยกุ้งหน่อยนะ”
ผมยิ้มให้เธอแบบยิ้มให้คุณป้า….ก่อนจะล้วงเงินที่ประธานบริษัทยัดใส่กระเป๋ากางเกงยื่นให้เธอไปทั้งหมด
“ถ้าผมจะเรียกกุ้งว่า …คุณป้าคาเฟ่….กุ้งจะโกรธผมไหม”
กุ้งนิ่งช็อก!…ช็อก1ใต้แสงนีออนที่เปิดเผยความลับของเธอ กระทั้งรถ BMW ของไอ้คุณเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบใกล้ๆ เสียงแหลมๆ เล็กๆ จึงเอ่ยขึ้น… “เพราะดีเหมือนกันนะ คุณป้าคาเฟ่…ฮิ ฮิ ฮิ” จริตจะก้านของเธอยังครบถ้วน….
“คุณป้า คาเฟ่….” ผมพูดกับเธอขณะยกมือให้สัญญาณกับไอ้คุณ
“แฟน Timmy เหรอ….” เธอถาม
“ครับคุณป้า” เธอหัวเราะ พร้อมกับโอบกอดผมราวจะยั้วไอ้คุณที่ยืนสูบบุหรี่รออยู่ข้างรถให้หึงหวง
“มิน่าละ…ถึงไม่ยอมดื่มนมป้าสักที…ไอ้เราก็อุตส่าห์ยั่วแล้วยั่วอีก….ฮิ ฮิ ฮิ…แฟนหล่อดีนะ…หาแบบนี้ได้ที่ไหนอะ ให้มารับก็มา เอา BMW มาซะด้วย”
“ชีวิตคนเราไม่แน่นอนหรอกครับป้า….วันนี้ คืนนี้สวยงาม พรุ่งนี้อาจจะเละไม่เป็นท่าก็ได้” ผมพูด เธอนิ่งขณะยังคล้องแขนผมไว้แน่น “คิดบวก แล้วสู้ต่อไปนะครับคุณป้า….ผมดีใจที่ได้คุยด้วย และสบายใจที่ได้นั่งคุยกับคุณป้าคาเฟ่เกือบปี”
“ใช่!…กุ้งก็สบายใจที่ได้คุยกับ Timmy อีกไม่นานสมายคาเฟ่ก็ปิดตัว…คงเป็นคาเฟ่ที่สุดท้ายของกุ้งแล้วละ…กุ้งแก่ละ ปีนี้ก็ 46 ปีสมควรจะถูกเรียกว่าป้าจริงๆ จังๆ อย่างที่ Timmy เรียกนั้นแหละ…กลับไปเลี้ยงหลานดีกว่า เหนื่อยมานาน” เธอพูดอย่างคนปลงตก
ก่อนผมจะย้อนเธอด้วยประโยคเดียวกันว่า “ตกลงลูกหรือหลานอะป้า….ที่ปล่อยให้นอนอยู่ในห้องคนเดียวนะ”
“ฮิ ฮิ ฮิ…หลานคะ….หลายชาย แม่มันเอามาทิ้งไว้ให้เลี้ยง…แต่ก็มีหลานสาวอีกคนช่วยดูแลไว้ให้”
“โอ้!….อยู่ในร้านคิดว่าอายุเท่ากัน พอออกข้างนอก มีหลานสาวเพิ่มเข้ามาอีกคนละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฮิ ฮิ ฮิ…นั้นนะซิ…ไม่น่าหลวมตัวเดินตามออกมาเลยจริงๆ ฮิ ฮิ ฮิ”
เรายืนหัวเราะร่วมกันพักหนึ่ง ก่อนจะเห็นไอ้คุณทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้น เป็นสัญญาณที่ผมจะต้องไปแล้ว ผมจ้องเธอผ่านเครื่องสำอางหนาๆ สักพัก ก่อนจะยื่นแขนดึงเธอเข้ากอด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า & ฮิ ฮิ ฮิ… “ไปเถอะ…เดี๋ยวแฟนรอนาน” เธอยกมือทักทายไอ้คุณนิดๆ และดึงใบหน้าผมลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่ในแบบคุณป้าหอมแก้มหลานชาย ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าสมายคาเฟ่!….ที่ใกล้ปิดกิจการพร้อมกับตัวเธอเอง….
“โชคดีนะครับคุณป้าคาเฟ่”
คิดบวก ความสุขในมุมเล็กๆ ตอน คุณป้าคาเฟ่ เผยให้ผมได้เห็นชีวิตของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเงารัตติกาล…บอกให้ผมรู้ว่าในเวลาหลับใหลยังมีคนอย่างคุณป้าคาเฟ่กำลังดิ้นรน….คิดบวก…แล้วโลกของคุณจะเปลี่ยน…ผมก็คงบอกส่งให้หลายชีวิตได้เท่านี้…สู้กันต่อไปครับ