นินจาเลือดซามูไร บทที่ 20

นินจาเลือดซามูไร บทที่ 20

แผนร้าย ของโอสุเกะ อิชิ นิยาย เรื่อง อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร บทที่ 20 นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง

นินจาเลือดซามูไร บทที่ 20

ดวงอาทิตย์สีนัยน์ตานกกระเรียนสาดแสงแรกอาบยอดไม้ที่เพิ่งผลิใบใหม่จนเกิดสีเหลืองอุ่นแผ่กระจายไปทั่วแนวป่าที่ลาดต่ำสู่ทะเลสาบทางทิศตะวันออก วงกลมสีแดงไร้ที่ติไม่ต่างอะไรกับตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลกำลังลอยเด่นเหนือสันเขาอีกฝั่งที่เสมือนกำแพงธรรมชาติชั้นนอกสุดของเมืองคาโกคุมะ หมอกสีขาวราวกับกลุ่มควันโรยตัวละเลียดไปกับยอดป่าและหลังคาบ้านสีทึมๆที่ปลูกติดๆกันเป็นแถวยาว มันค่อยๆ เคลื่อนตัวตามกันไปตามกระแสลมอย่างเชื่องช้า จนคล้ายจะหยุดนิ่งในบางจังหวะ แต่มินาโมโต ฟูจิกาว่ากลับมองข้ามมันไปยังดวงอาทิตย์สีแดงไร้ที่ติดวงนั้น

“โคทาโร่…” เขาอุทานราวกำลังละเมอ

#อยากกลับบ้าน…ข้าอยากกลับบ้าน# เสียงสะท้อนต่ำที่ดูคล้ายจะดังออกมาจากดวงอาทิตย์ทำให้ฟูจิกาว่าไม่ละสายตาไปไหน เขาจ้องลึกเข้าไปในวงกลมสีแดงและใช้สมาธิเพื่อสัมผัสอย่างคนคาดหวัง…(ขอข้าได้ยินอีกสักครั้ง)

“โคทาโร่…มินาโมโต โคทาโร่”ฟูจิกาว่าพลั้งปาก เมื่อปรากฏดวงตาของคนที่เขากำลังเฝ้ารออยู่ในนั้นจริงๆ

“โคทาโร่…”เขาหลุดเรียกเสียงดังขึ้นมาอีก จนโอฟูริคนใช้เก่าแก่ที่กำลังรินน้ำชาลงถ้วยกระเบื้องสียอดสนต้องเงยหน้าขึ้นมอง แต่นางก็เลือกจะนิ่งและหันกลับไปรินน้ำชาต่อจนเสร็จแล้วค่อยๆคลานออกไป…แต่ความเชื่องช้าก็ทำให้ฟูจิกาว่าหยุดนางเอาไว้ก่อนจะพ้นประตู

“เจ้าได้ยินเสียงโคทาโร่หรือไม่ โอฟูริ” เขาถามทั้งๆที่สายตายังคงนิ่งอยู่จุดเดิม โอฟูริทรุดนั่งหมอบ

“ข้าไม่ได้ยินเสียงใดๆ นอกจากเสียงน้ำชากระทบถ้วยเจ้าคะ” นางตอบด้วยเสียงวัย 73 ปี

“จะไปไหนก็ไป” ฟูจิกาว่าไล่ โอฟูริจึงก้มศีรษะที่สั่นเทิ้มลงจรดพื้น แต่พอนางลุกได้ ตุ๊กตาไขลานก็เข้าสิง

“โคทาโร่…ไม่ซิ ทซึรุ นกกระเรียน….เจ้ากำลังบินหลงฟ้าอยู่ที่ไหน…ถึงได้หาทางกลับไม่เจอ” เขาพึมพำก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาหมุน 3 รอบ และจิบมันนิดๆ โดยที่ไม่ยอมละสายตาไปจากดวงอาทิตย์ที่กำลังลอยสูง

“โคทาโร่…ทซึรุคุง” เขาพยายามเพ่งสมาธิเข้าไปที่มันอีกเป็นครั้งที่ 2 เพื่อหวังว่าจะใช้มันเป็นสะพานเชื่อมระหว่างดวงจิตที่ผูกพัน

#ข้าคิดถึงบ้าน…ข้าอยากกลับบ้าน#และน้ำเสียงรำพึงรำพันต่ำๆก็ดังขึ้นอย่างที่คาดหวัง จนมือที่ถือถ้วยน้ำชาถึงกันกระตุก แต่โชคดีที่น้ำชาถูกจิบพร่องลงไปบ้างแล้ว

“โคทาโร่ ทซึรุ… นั้นเป็นเจ้าจริงหรือ” ฟูจิกาว่าหลุดเผลอ “ข้าปวดใจทุกครั้งที่ฟ้าสาง…โคทาโร่ ไม่ซิ ทซึรุ…ข้าจะรอให้เห็นเป็นตัวเจ้ามายืนอยู่ที่นี้ หากวันนั้นมาถึงจริงๆฟ้าที่คาโกคุมะคงจะทำให้ข้ามีความสุขไม่น้อย…”พูดจบฟูจิกาว่าก็ยกถ้วยน้ำชาในมือขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะลุกเดินหนีจากตรงนั้นไป

……….

ที่หุบเขาอิงะ 

          “ข้าจะไม่ยอมเสียสมบัติของเราไปอีก…” เสียงหนุ่มน้อยวัย 15 ชื่อ โอสุเกะ อิชิดังขึ้นกลางวงที่ประชุมนินจา เมื่อโอสุเกะ ฮิเดะ อ่านจดหมายจาก เค็นจิจบลง

“อิชิคุง…เจ้าเป็นแค่เด็ก” โอสุเกะ ฮิเดะปรามแต่ไม่จริงจังนัก

“ข้าพ้นวัยเด็กมาเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน…และเวลานี้ข้าก็สอบอัครนินจัตสึผ่านแล้วด้วย สิทธิอะไรที่ชิโนบิโนะโมโนะพึงมี ข้าก็มีสิทธิ์เสมอกัน”เขาพูดด้วยท่าทีทะนง มุมปากเผยอกระตุกเชิดสูงแบบคนผยอง เหมือนต้องการจะแสดงให้นินจาที่รวมตัวรอบๆ เห็นพลังบางอย่างในตัวของเขา

“ข้อนั้นข้ารู้ แต่…” ไชอินาริ โจอานพูดเกรงๆ แต่เสียงที่เล็กแหลมก็สวนขึ้นอีก…

“ท่านลุง!…ส่งข้าตามประกบคุณชายน้อย แล้วแสร้งบอกมินาโมโตว่าข้าจะตามคุณชายน้อยไปด้วย…เราจะลงมือชิงตัวเขาระหว่างทาง”

“อิชิคุง!…” โจอานเสียงดังพร้อมกับหลายๆคน

“นี้เป็นแผนการของเจ้ารึ” โอสุเกะ ฮิเดะถามขึ้น โจอานเบิกตาค้างอย่างคนคาดไม่ถึง

“ข้าสนับสนุนแผนการของ อิชิคุง หากเราไม่มีคุณชายน้อย อูคาชิก็ต้องล่มสะลาย”

“ข้าเองก็ไม่ยอมให้พวกนอกรีตกลืนกินเราแน่ๆ”

“ข้าเอาด้วย” “ข้าด้วย” ข้าด้วยคน” เสียงนินจาดังขึ้นทีละคน ทีละคน จนเจ้าของแผนการเชิดคอแสยะยิ้มสูงขึ้นไปอีก “ฮึๆ…”

“เรื่องนี้ข้าต้องปรึกษากับเค็นจิก่อน…แล้วจะให้คำตอบอีกที” โอสุเกะ ฮิเดะ สรุป โจอานพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ แต่เขาก็เลือกที่จะนิ่ง “อิชิคุง เจ้าเตรียมตัวไปคาโกคุมะในวันพรุ่งนี้กับข้า” โอสุเกะ ฮิเดะ พูดต่อ

“เค็นจิ ต้องเห็นด้วยเพราะมันเป็นเสมือนแผนสำรองเมื่อ 12 ปีที่แล้ว…หึๆ” โอสุเกะ อิชิพูดแบบคนมั่นใจ รอยยิ้มของเขาช่างเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ที่ยากจะเข้าถึง

“โอสุเกะซัง…แต่ข้า…เอ่อ” โจอานดูเหมือนจะลังเล แต่สายตาที่แข็งกร้าวของโอสุเก อิชิก็ทำให้เขาเงียบไปอีก

“ขอบคุณท่านลุงข้าจะประกบคุณชายน้อยอยู่ที่นั้น…จนกว่าจะได้คำตอบ” โอสุเกะ อิชิ ย้ำประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงแน่นหนัก

“อื้อ!…”

……….

บ้านมินาโมโต

แสงแดดเบนเงายอดเขาแหลมสูงทางทิศตะวันตกทาบไปกับหลังคาปราสาทที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาทางทิศตะวันออกของเมืองคาโกคุมะไม่นานนักมันก็ค่อยๆ เคลื่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จนแดดสุดท้ายจากช่องเขา 2 ลูกฉายประกายสีอำพันเข้ามาแทนที่ เด็กหนุ่มวัย 17 ยืนมองทุกคนของบ้านมินาโมโตที่กำลังจัดข้าวจัดของเพื่อการเดินทางไกลของตัวเองอย่างเงียบๆ  การลักลอบเดินทางออกนอกประเทศในครั้งนี้ ถูกวางแผ่นล่วงหน้าเป็นเดือน ซากาโตะ คัทซึตะหัวหน้าซามูไร ที่มีใบหน้าเหมือนคนปวดส้วมอยู่ตลอดเวลา ต้องเดินทางไปกลับระหว่างท่าเรือเมือง เดโอะกับคาโกคุมะเฉลี่ยหลายครั้งในรอบสัปดาห์

“เรือพ่อค้าชาวจีนจะเข้าเทียบฝั่งอีก 5 วันข้างหน้า พวกเขาไม่มีสิทธ์ค้างคืน เมื่อสินค้าลงหมดเรือของพวกเขาก็รีบต้องกลับทันที” ซากาโตะ คัทซึตะ รายงาน แต่ใบหน้ายังคงคล้ายคนปวดส้วมอยู่เช่นเดิม

“คนนำทางว่าอย่างไร…” ฟูจิกาว่าถามต่อ เขาขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดหนักอยู่ไม่น้อย

“เรือจะแวะรับสินค้าที่เมืองไดเซนยะ และโอซาก้าเป็นที่สุดท้ายก่อนจะออกจากญี่ปุ่นตรงไปยังฮ่องกง”

“พวกเขาไม่ได้ไปถึงเมืองไทยหรอกรึ”

“คนนำทางบอกว่า หากไปถึงที่นั้นแล้วจะหาเรือต่อไปเมืองไทยไม่ยาก” คัทซึตะอธิบายด้วยน้ำเสียงดูมั่นใจ

“ถ้าเป็นเช่นนั้นช่วยว่าจ้างคนนำทางไปส่งคุณชายน้อยจนถึงโรงงานมิตซูบิชิที่ประเทศไทยต้องจ่ายเพิ่มอีกสักเท่าไรก็บอกมา” ฟูจิกาว่ากดเสียงต่ำขณะนินจา 2 คนกำลังเดินผ่านเข้ามาบริเวณนั้น

“เรื่องนั้น….นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง…ข้าจัดการได้…เรามีเวลาอีก 1 วัน…และต้องออกเดินทางในเช้าวันถัดไป” เขาบอกแผนการคราวๆ

“คัทซึตะคุง…ข้าฝากด้วยนะ…หรือหากเป็นไปได้ข้าจะลองติดต่อกับเพื่อนให้มารับคุณชายน้อยที่ฮ่องกงอีกแผนหนึ่ง” ฟูจิกาว่าพูดเรียบๆ คัทซึตะโค้งคำนับ ก่อนจะพาใบหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับคนปวดส้วมเดินหายไปพร้อมกับซามูไรติดตาม

ท่าเรือเมือง เดโอะ  อยู่ห่างจากเมืองคาโกคุมา ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 2 วันเดินทางด้วยม้า คุณนายมินาโมโต  ไอ  ถึงแม้ปีนี้นางจะมีอายุมากแล้ว แต่นางก็ยืนยันว่าจะต้องตามไปส่งให้ได้  นางเริ่มเตรียมข้าวของสำหรับตัวเองล่วงหน้าถึง 2 วัน

“ท่านย่า ข้าว่าข้าวของที่เตรียมให้ข้ามันมากเกินไป” เซดะพูด ในขณะยืนมองนางคุมคนใช้จัดข้าวของลงลังไม้อยู่ในเรือนครัวด้านหลัง

“ไม่ได้ๆ อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องนำมันไปด้วย ย่าว่ามันยังน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ…หลีกไปๆ เซดะคุงอย่าเข้ามายืนเกะกะ” นางเอะอะเสียงดัง ในขณะที่คนใช้ 3 4 คนช่วยกันหิ้วถุงผ้าสีดำเดินผ่านมา “ของที่เจ้าชอบทั้งนั้นแหละ…หึๆ” นางพูดต่อและหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี

“กลิ่นเหมือนผักดอง”

“ใช่…เดี๋ยวย่าจะไปเอาสาหร่ายแห้งมาเพิ่มให้อีกหน่อย” นางรีบพูดเซดะจะหันไปห้ามอีก แต่นางก็เดินตัวปลิวหายไปแล้ว

(ข้าซึ้งน้ำใจท่านย่านัก) ความรู้สึกบอก เซดะพยักหน้าเป็นการบอกขอบคุณคนใช้ที่กำลังง้วนอยู่กับงานของตัวเอง สักพักเขาก็เดินออกไปจากตรงนั้นเช่นกัน

ก่อนวันออกเดินทางพวกเขาเตรียมตัวตั้งแต่หัวค่ำ เผื่อเวลาเดินทางจริงๆ จะได้ไม่ขรุขระ คุณนาย มินาโมโต ไอ ไม่ยอมนอนทั้งคืน เพราะนางมัวแต่สั่งคนใช้เช็คข้าวของที่เซดะต้องนำไปด้วยรอบแล้วรอบเล่า  นางบอกว่ายังมีเวลานอนในรถอีกทั้งวัน  แต่เซดะรู้ดีว่าอันที่จริงแล้วนางกลัวว่าจะตื่นไม่ทันเสียมากกว่า

“เจ้าคิดดีแล้วหรือ อิชิคุง…ว่าจะตามคุณชายน้อยไปด้วย” เค็นจิถามเสียงดัง แต่หางตากลับกระตุกเหมือนจะสื่อพิรุธบางอย่างให้เข้าใจ โอสุเกะ อิชิหันไปมองเซดะและโนอานด้วยสายตาที่แข็งกร้าวก่อนจะตอบกลับเสียงดังไม่แพ้กัน “คุณชายน้อย อยู่ที่ไหน ข้าก็ขอตามไปทุกๆที่”

“เจ้าพูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ หรือว่า มีแผนการอะไรกันแน่อิชิคุง” ไชอินาริ โนอานสวนอย่างคนกำลังสงสัย ขณะเดียวกันเขาก็พาร่างที่อ้วนพุ้ย สูงใหญ่เดินเข้าไปหาโอสุเกะ อิชิ

“แววตาคนเผ่าถ่านอย่างเจ้าไม่สามารถทำให้ข้าหลับได้หรอกโนอาน” อิชิ บีบเสียงเล็กๆ ใกล้ๆ หู ราวจะเย้ยยัน “ชิ!…” พลางสะบัดหางเสียงที่ส่อถึงความไม่พอใจใส่เขาอีก ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปอีกทาง “พ่อข้าต้องการให้ข้าตามไปดูแลคุณชายน้อยเช่นเดียวกับพ่อของเจ้า” อิชิพูดต่อเสียงดัง เพื่อหวังจะให้เซดะที่ยื่นอยู่ห่างออกไปได้ยินชัดๆ

“อิชิ…คุง!” โนอานพ่นเสียงโมโหใส่ เขาโกรธจนพุงกระเพื่อม “เป็นคำสั่งจากพ่อ….นั้นแสดงว่า เจ้าถูกบังคับ”

“โนอาน!…”

“เอาเถอะ…พอได้แล้ว…ว่าแต่เจ้าเถอะโนอาน ข้าว่าเจ้าน่าจะลืมอะไรบางอย่าง” เค็นจิแทรกห้ามศึก ก่อนทั้งสองจะลงไม้ลงมือจริงๆ

“เออ…ใช่ ท่านลุง ข้าลืมเข็มทิศ กับกระบอกยาพิษ…ข้าไปเอาก่อนนะ” โนอานอุทาน เขาหันไปขู่ อิชิด้วยสายตาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งหายไปยังเรือนพักของตัวเองที่อยู่ด้านหลัง

“ต่อไปเจ้าอย่าประมาทโนอานอีก…เด็ดขาด” เค็นจิดุใส่อิชิ

“ชิ!…ไอ้ลูกคนเผาถ่าน” อิชิยังไม่เลิก จนเค็นจิต้องกำหลาบด้วยพลังลึกลับที่ฉายออกมาจากดวงตาอีกครั้ง

“ได้ต่อไป…ข้า…ข้าจะระวังตัวให้มากขึ้น” โอสุเกะ อิชิตอบเกร็งๆแต่ลับหลังเค็นจิก็ยังแฝงไปด้วยความเครียดแค้นเจืออยู่เช่นเดิม

“อู อูคาชิซัง!…อู อู อูคาชิ ซัง!” เสียงโอคิตะ ไออิ ดังไกลมาจากทางด้านหลัง ท่าทีร้อนรนของเขาทำเอาเค็นจิต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน

“มีอะไร ไออิคุง”

“ฟู ฟู จิกาว่า …กลับ กลับมา แล้ว…อยู่ที่ ที่ คอก ม้า กับ กับ ซา…”

“เออๆ…ขอบใจข้ารู้แล้ว” เค็นจิรีบตัดบทอย่างรำคาญ ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินสวนไปในนาทีนั้น “ข้าจะกลับหุบเขาอิงะคืนนี้…และเจ้าก็ควรจะกลับไปพร้อมๆกับข้า” เค็นจิหันมากำชับและโอคิตะ ไออิก็วิ่งตามไปอีกคน

ทั้งเค็นจิและไออิเดินตรงไปยังคอกม้าที่อยู่อีกฝั่งของลานโล่ง ไม่นานนักทั้ง 2 ก็เห็น ฟูจิกาว่ากำลังยืนคุยกับซามูไรกว่า 10 คนอยู่ไม่ไกลจากคอกม้าเท่าไรนัก

“ฟูจิกาว่า เห็นทีข้าต้องบอกลาท่านตรงนี้เลย” เค็นจิพยายามเค้นคำพูดออกมา ในขณะที่ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากัน

“อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไม่ไปส่งคุณชาย” ฟูจิกาว่าถาม

“ข้าลำบากใจ…ฝากลาคุณชายน้อยด้วย” เค็นจิพูดก้มหน้า “ข้าจะรอเขากลับมา…ที่หุบเขาอิงะ” เค็นจิก้มหัวลงอีก

“มินาโม โมโตซัง…ข้าเอง เอง ก็ เห็นที ต้อง ต้องลาท่าน เหมือน เหมือนกัน” โอคิตะไออิพูดขึ้นบ้าง

“แต่… พวกนอกรีต” ฟูจิกาว่าพูดอย่างเป็นกังวล

“ไม่ต้องห่าง…ข้าเตรียมนินจาเอาไว้พร้อมแล้ว” เค็นจิบอก และดูเหมือนเขาจะพยายามบีบอารมณ์ให้ใบหน้าตัวเองแดงขึ้น

“รึ เออ…ถ้าอย่างนั้นข้าก็เข้าใจพวกเจ้า…ขอบใจเค็นจิคุง…ขอบคุณอาจารย์ไออิ…ข้าจะไม่บอกลาพวกเจ้าหรอกนะ…เพราะอีกไม่นานเราต้องได้เจอกันอยู่ดี บ้านมินาโมโตยังเปิดตอนรับพวกท่านเสมอ”

“ขอบคุณ…” เสียงทั้งเค็นจิและไออิ ดังขึ้นพร้อมกัน ฟูจิกาว่าก้มหัวแทนคำบอกลา แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็ไม่ปรากฏร่างของทั้ง 2 ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

……….

นัยน์ตาของคนเลว…………ย่อมฉายแววความผิดปรากฏอยู่

แต่วาจาของศัตรู………..กลับหวานเลิศคำเยินยอที่เกินจริง

อูคาชิ เค็นจิ

………..

(Visited 14 times, 1 visits today)