บทนำเข็มทิศชีวิตลิขิตรัก

บทนำเข็มทิศชีวิตลิขิตรัก

บทนำเข็มทิศชีวิตลิขิตรัก เขียนโดย TIMMY BUTO

#ชีวิตหมายความถึงทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ถ้าชีวิตคือการเดินทาง ทุกครั้งก่อนจะก้าวเดิน ชีวิตจำเป็นต้องมีจุดหมายปลายทางให้ชัดเจน สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนก็เช่นกัน ทุกคนจำเป็นต้องมีจุดหมายเพื่อจะนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งต่อจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป กระผม ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร จะให้คำนิยามสำหรับพารากราฟที่ได้กล่าวข้างต้นว่า “เข็มทิศชีวิต” ใช่ครับทุกคนจำเป็นต้องมีเข็มทิศนำชีวิตเป็นของตัวเอง ถ้าปล่อยชีวิตไร้ทิศทาง สุดท้ายทั้งชีวิตก็จะไม่เหลืออะไรให้ชนรุ่นหลังจดจำ

กระผมเขียนหนังสือเล่มนี้ก็หวังจะให้มันเป็นเสมือนเข็มทิศชี้นำทางในช่วงเวลาที่ยากลำบากของหลายๆ คน โดยเฉพาะคนเป็นพ่อที่ไม่สามารถสื่อสารกับลูกวัยกำลังค้นหาตัวตนด้วยภาษาพ่อ-ลูกได้ตรงๆ   

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร รองนายกรัฐมนตรี#

บทนำเข็มทิศชีวิตลิขิตรัก

#ก๊อกๆ…#

“คุณคะ…” หญิงวัย 50 ต้นๆ ชื่อสุนีย์สถานะตามขนาดของบ้านชั้นเดียวที่ซ่อนตัวใต้เงาต้นไม้ใหญ่ชานเมือง เธอเคาะประตูที่เปิดค้างไว้และไม่รอเสียงตอบกลับจากชายวัยเดียวกัน รูปร่างท้วมขาวแบบคนจีนชื่อ ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีสมัยปัจจุบัน ที่กำลังนั่งก้มหน้าตรวจงานหน้าคอมพิวเตอร์อยู่ภายในห้องทำงานเพียงลำพัง

“คุณคะ” เธอเรียกเป็นครั้งที่ 2

“อื้อหึ!” เขาขานรับสั้นๆ และเงยหน้าดันกรอบแว่นตาหนาเตอะขึ้นเหนือสันจมูก

“คุณคะ คุณคะ” สุนีย์เรียกซ้ำๆ ด้วยกิริยาคล้ายกำลังดีใจ

“ใจร่มๆ คุณ ปู่นนี้ละไม่กลัวเบาหวานขึ้นรึไง?” ดร.ชัยนนท์แซวจนสุนีย์ชะงักเท้า

“คุณก็แซวดิฉันอยู่ได้ รีบเปิด TV ดูข่าวช่องการตลาด45 ด่วนเลยคะ” เธอพูดก่อนเสียงถาดรองถ้วยกาแฟจะดัง กิ๊ก! บนโต๊ะทำงาน “หนังสือเข็มทิศชีวิตมียอดจำหน่ายอันดับหนึ่งประจำสัปดาห์แล้วนะคะ” พูดจบเธอก็เดินอ้อมไปด้านหลัง

ดร.ชัยนนท์หลับตาเอนหลังไปกับพนักพิง ขณะที่เธอเอื้อมมือหยิบรีโหมดขึ้นมาใช้งานเสียเอง

: ภาพนักข่าวสาวที่ขอเข้าพบเมื่อ 2 วันก่อนกำลังรายงานยอดจำหน่ายหนังสือประจำสัปดาห์อย่างเป็นปกติ ดร.ชัยนนท์ส่ายหัวแจะปาก ขณะที่มือขาวๆ ก็เข้านวดคลึงต้นคอลามลงหัวไหล่ราวกับรู้งาน

“เพราะรองนายกรัฐมนตรีเป็นคนเขียน คุณไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้”

สุนีย์ก้มข้ามศีรษะเกือบล้านยิ้มให้เห็น  “ไม่หรอกค่า! ถ้าหนังสือไม่ดีจริงๆ ต่อให้นายกฯ เป็นคนเขียนก็ไม่มีคนสนใจ” เธอปล่อยเวลาสักพัก “ดิฉันรู้ค่ะ จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้ คุณเพียงต้องการจะสื่อสารกับลูกชายเท่านั้น เอ่อ!….ดิฉันหมายถึงตาค็อก! นะค่ะ”

ดร.ชัยนนท์ดึงมือเธอมาคลึง “คุณแนะนำผมเองนี่นา”

“เป็นวิธีสื่อสารกับลูกชายวัยหนุ่มได้เป็นอย่างดีเชียวละเชื่อดิฉันเถอะ” สุนีย์ก้มจุ๊บแก้ม 1 ที

“อันที่จริงผมก็อยากคุยกับเขาด้วยภาษาพ่อลูกแบบตัวต่อตัว แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง?….” ทั้งคู่เงียบ…. “เป็นอันว่าผมจะเหมาหนังสือไปกระจายให้ทั่วบ้านและส่งให้ถึงมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโกเลยเป็นไง?”

“ไม่ต้องหรอกคะ ดิฉันจะส่งให้ยัยเค้ก! จัดการให้เอง เดี๋ยวจะไม่เนียน ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

“เออใช่!….ถ้าอย่างนั้นคุณไม่ต้องละ ผมจะให้เลขาจัดการเอง” ดร.ชัยนนท์จ้องสุนีย์ด้วยแววตาลึกซึ้ง “ถ้าคุณเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายคอยอยู่เคียงข้างแบบนี้ ผมคงจะอุ่นใจมากๆ”

สุนีย์จ้อง ดร.ชัยนนท์จนเห็นน้ำเคลือบผิวกระจกตาสะท้อนแสงวิบวับ “สำหรับดิฉันแค่มีคุณก็มากพอแล้วคะ อย่าเอาดิฉันขึ้นเทียบกับท่านผู้หญิงโฉมเธอเลย”

“ผมรักคุณมากนะสุนีย์ ครั้งแรกรู้สึกอย่างไร? วันนี้ก็ยังครบถ้วน” เขาโน้มศีรษะเธอลงมาจูบกระทั้งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น สุนีย์เหลือบมองหน้าจอสั้นๆ

“กลับเถอะค่ะ คงมีเรื่องสำคัญไม่อย่างนั้นท่านผู้หญิงเธอไม่โทรตามแน่ๆ”

ดร.ชัยนนท์พยักหน้า แต่ก็ยังปล่อยให้โทรศัพท์เรียกเข้ากระทั้งปลายเงียบไปเอง “เดือนหน้าผมกับทีมเศรษฐกิจของท่านนายกฯ ต้องเดินทางไปอเมริกา 2 อาทิตย์อาจจะแวะไปหายัยเค้ก! คุณมีอะไรฝากไหม?”

“ไม่หรอกค่า ดิฉันกับลูกคุยกันทุกวัน ส่งแต่ความคิดถึงไปให้ตาค็อก! ก็พอ นี้ถ้ามะม่วงน้ำดอกไม้สุกจะฝากไปด้วยนะค่ะ”

ดร.ชัยนนท์ชะงัก…ก่อนจะยิ้มมุมปากและเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก  “ผมต้องไปแล้วสงสัยเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่คุณว่าจริงๆ”

“คะ มีอะไรส่งข่าวด้วยดิฉันจะได้เบาใจ”

“ผมจัดการเองได้น่า ไม่ต้องกังวล”

ทันทีที่เสียงรถเบนซ์สีดำคันใหญ่แล่นผ่านป่ามะม่วงพ้นประตูรั้วไม้สีขาวออกไปแล้ว สุนีย์ที่ยืนมองผ่านหน้าต่างจากภายในห้องก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เธอปาดน้ำตาให้แห้งก่อนจะหยิบถ้วยกาแฟที่ยังไม่จิบเดินออกประตูตรงไปยังครัวร้อนที่อยู่ด้านหลัง

“คุณสุนีย์คะ ฝากหนังสือให้ดอกเตอร์เซ็นให้ด้วยนะคะ คือดิฉันจะส่งไปให้ลูกชายที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยนะค่ะ” สาวใช้วัย 40 รับถ้วยกาแฟจากมือพร้อมกับยื่นหนังสือเข็มทิศชีวิตให้

“แม่แตงแอบไปซื้อตั้งแต่เมื่อไร?” สุนีย์ขมวดคิ้วถาม

“ไปตลาดเมื่อตอนกลางวันเลยถือโอกาสแวะนะค่ะ ฮิ ฮิ ฮิ”

“โถ! เสียดายจัง ถ้ารู้ล่วงหน้าจะได้ฝากสัก 2 เล่ม”

“พรุ่งนี้ดิฉันแวะได้ค่ะ แต่ต้องไปหลัง 11 โมงนะคะ”

“ได้ๆ พรุ่งนี้ซื้อมาให้หน่อย แต่เอ้! เดี๋ยวไม่ต้องๆพรุ่งนี้วันอังคารฉันมีธุระไปธนาคารพอดี ส่วนหนังสือเล่มนี้ฉันจัดการให้”

“ปกสีน้ำเงิน-ขาวส้วยสวยนะคะ ดิฉันชอบ คงต้องแอบอ่านก่อนส่งแล้วละคะ”

******************

ที่บ้าน “สวัสดิ์พากร” แกรนส์ซิตี้ลากูน ถนนสุขุมวิท ใจกลางกรุงเทพมหานคร

จดหมายจากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก ระบุชื่อ ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากร (ผู้ปกครอง) วางอยู่บนโต๊ะทำงานไม้สักตัวใหญ่ที่มีคอมพิวเตอร์สีดำเพียงเครื่องเดียวตั้งอยู่ มันดูโดดเด่นแม้จะมีขนาดเล็กกว่าหนังสือเล่มอื่นๆที่วางอยู่ใกล้ ทันทีที่ ดร.ชัยนนท์เดินผ่านประตูเข้าไปเห็น เขาก็เผลอหลับตาซี๊ด!ปากออกมาดังๆ ขณะเดียวกันด้านหลังบานประตูที่เพิ่งปิดก็ถูกกระชากแบบคนไม่มีมารยาท

#ปัง!#—–“ด็อกเตอร์คะ เกิดอะไร? ขึ้นกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณกันแน่ ช่วยอธิบายให้เดี้ยน!เก็ท!ที นี้ฉบับที่ 2 ในรอบ 1 เดือนแล้วนะคะคุณ” ท่านผู้หญิงโฉมศิริกัลยา สวัสดิ์พากร ภรรยาจากตระกูลผู้ดีเก่าปรากฏตัวพร้อมโรลม้วนผมใต้ผ้าตาข่ายสีขาว เครื่องประทินผิวนานายังเปรอะปะทั่วใบหน้าและลำคอ เธอเดินเอียงซอยเท้าถี่ๆผ่านไปหยิบจดหมายยัดใส่มือเขาแรงๆ “คุณต้องจัดการให้จบ อย่าให้เดี้ยน!เสียหน้าเด็ดขาด” พูดจบก็พาร่างอ้อนแอ่นเดินกลับและก่อนประตูจะปิด เธอก็ตวาดขึ้นอีก “ลูกเพื่อนเดี้ยน!จบดอกเตอร์กันทุกคน อย่าให้ตาค็อกเทล! มาทำลายความมั่นคงในชีวิตเดี้ยน!เด็ดขาด”

#ปัง!#  เสียงบานประตูกระแทกผสมความโมโหเข้าไปด้วย ดร.ชัยนนท์กำจดหมายด้วยอารมณ์สับสนก่อนเดินวนไปนั่งเก้าอี้นวมสีดำ แสงดาวไล้ท์ค่อยๆสว่างทีละนิด พักใหญ่ๆโคมหัวโต๊ะสีขาวจึงถูกเปิดใช้งานกระนั้นจดหมายก็ยังไม่ถูกดึงออกจากซอง กระทั้งเสียงเคาะประตูดังขึ้น คราวนี้เป็นหญิงชราผมบนศีรษะขาวโพน ด้วยวัย 70 ปลายๆ เธอจึงใช้เวลาเดินเข้าไปหาพอสมควร

“อาตี๋!” เธอใช้น้ำเสียงราวคนละเมอเรียก ดร.ชัยนนท์เงยใบหน้าอมทุกข์มองเธอแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ “อาตี๋ เข็มทิศชีวิตของแต่ละคนไม่ได้ชี้ไปทิศทางเดียวกัน…ลึ! เข้าใจที่อั๊ว! พูดไหม?”

“อั๊ว! ไม่เข้าใจ….” ดร.ชัยนนท์ถอดแว่นใช้ฝ่ามือลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ “อั๊ว! อุตส่าห์ปูทางให้อี! ชี้นำชีวิตอี! ช่วยอี! ทุกอย่างแล้วทำไมอี! ถึง…..อี!ไม่ต้องเสียเวลาคิดเองด้วยซ้ำ….” เขาก้มหน้าบีบขมับ “ม๊า! อั๊วพลาดตรงไหน? ถ้าอี! เดินตามทางที่อั๊วชี้นำ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็อยู่แค่เอื้อม”

หญิงชราส่ายใบหน้าเหี่ยวย่นไปมา “ชีวิตลึ! ก็ชีวิตลึ! ชีวิตอาค็อก! ก็ต้องให้อาค็อกเทล!อีเป็นคนเลือกเอง”

“ทำไม? ละ ก็ในเมื่ออั๊ว!มีพาวเวอร์พอจะชี้นำให้ชีวิต อี!ง่ายขึ้น อั๊ว! อั๊ว! ไม่เข้าใจ”

หญิงชราส่ายหน้าละอาเป็นครั้งที่ 2 “ไปพาอาค็อก!กลับเมืองไทย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” เธอก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆ  “เตี่ยลึ! ชี้นำชีวิตของลึ! มากเกินไปจนเข็มทิศชีวิตลึ! หลงทิศผิดทาง”

“ม๊า! แต่เป็นเพราะเตี่ย! ที่ทำให้อั๊วมาถึงรองนายกฯ ถ้าไม่มีอี! ชีวิตอั๊ว! ก็ไม่รู้จะไปจบที่ไหน?”

“ใช่!…แต่ถ้าลึ!เลือกจะดื้อกับอีสักนิด” หญิงชราตบไหล่ราวกับเขาเป็นลูกชายวัยเด็ก “ลึ! อาจจะไม่ได้เป็นรองนายกฯ หรืออาจจะไม่มีปัญญาเรียนจบดอกเตอร์ด้วยซ้ำ…” เธอเงียบราวต้องการสัมผัสอีกมิติ  “แต่อั๊ว! มั่นใจว่าชีวิตครอบครัวของลึ! จะดีกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน” อาม่า! จ้องเข้าไปนัยน์ตาแบบจริงจังก่อนจะวางกระดาษลงตรงหน้า “บ้านเสรีคือสมบัติของอาค็อก! ยังไงอั๊ว! ก็ไม่ขาย” พูดจบก็หมุนตัวเดินผ่านประตูทิ้งให้ ดร.ชัยนนท์ทบทวนตัวเองอยู่ภายในห้องคนเดียว

“อาค็อก!……ลึ! ต้องการอะไรกันแน่” เมื่อเวลาเดินเข้าสู่ 22.00 น. โทรศัพท์ในมือก็ถูกใช้งาน

“ท่านชาญชัย งานที่สภาฯ ยังไม่จบใช่ไหม?”

“ไม่น่าเกินเที่ยงคืนก็แยกย้ายแล้วครับด็อกเตอร์”

“อื้อ! ดี….ไปห้องทำงานหน่อย ตู้ด้านหลังจะมีหนังสือเข็มทิศชีวิตอยู่ตั้งหนึ่ง ฝากหยิบไป 2 เล่มส่งให้ยัยเค้ก! ที ขอบใจมาก”

“ได้ครับด็อกเตอร์ พรุ่งนี้เช้าจะฝากไปพร้อมกับสายการบิน…ไม่น่าเกิน 20 ชั่วโมง”

“อื้อ!ดีๆขอบใจ” หลังวางสายน้ำเสียงแหลมๆ จนแสบแก้วหูก็ดังขึ้นในหัวอีกรอบ….

# เดี้ยนก็แค่พนักงานในบริษัทที่ชื่อสวัสดิ์พากร ภริยารองนายกรัฐมนตรีคือตำแหน่งโดยชอบธรรมที่หม่อมพ่อของเดี้ยนวางเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะแต่งงาน เดี้ยนจะทำหน้าที่ของเดี้ยน ด็อกเตอร์ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง เรื่องส่วนตัวเดี้ยนไม่ยุ่งและด็อกเตอร์ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาวุ่นวายในชีวิตเดี้ยนเช่นกัน เข้าใจตรงกันนะค่ะ#

ดร.ชัยนนท์หยิบกระดาษที่อาม่าทิ้งไว้ให้ขึ้นมาอ่านผ่านๆ “ม๊า! หรือจะจริงตามที่ลึ! บอก…”

******************

***โปรดติดตาม EP. ต่อไปเร็วๆนี้ ต้องการเป็นกำลังใจให้นักเขียน (พร้อมเพย์ : 092-2697869) ขอบคุณครับ***

(Visited 103 times, 1 visits today)