มะลิสีชมพู โดดเดี่ยว

มะลิสีชมพู บทที่1

นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง มะลิสีชมพู บทที่1 โดดเดี่ยว

มะลิสีชมพู บทที่1

ปลายปี พ.ศ. 2544 ณ สตูดิโอ ของภาควิชาภาพยนตร์ ภายในมหาวิทยาลัยชานเมืองของกรุงเทพฯ 

“ผมโชคดีมากๆ คุณว่าไหม….”

“คัท!….พลบคะปานขอเพิ่มระดับเสียงอีกนิด นิดเดียวก็พอโอเคร! นะคะ”

“ดูซิ! ชิง ชิงของฉันหน้ามันหมดแล้ว”

“ใช่ๆ พูซับหน้าให้พระเอกหน่อย กล้องจะละลายอยู่ละ”

“ยินดีคะคุณเพื่อน….”

“เติมลิปมันอีกนิดท่าจะเวิร์ก”

“โห!…กะจะแต่งหน้าเค้าให้เป็นกระเทยควายเลยรึไง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า….เอาน่าแป๊บเดี๋ยวจำบทได้นะคะ…..พร้อมนะ”

“โอเคร!”

“นักแสดงพร้อม ไฟพร้อม กล้องพร้อม…แอ๊คชั่น!”

“ผมชื่อชิงพลบครับ ผมเป็นคนโชคดีมากๆ คุณว่าไหม? ทันทีที่ย้ายกลับมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ผมก็มีแฟนสาวสวยใสพร้อมกันถึง 2 คน”

“คัท!…พลบคะสีหน้าท่าทางผ่านแล้วคะ แต่ปานอยากให้เว้นจังหวะและเน้นคำว่า สาว – สวย – ใสอีกนิดเดียว เวลาตัดเข้าโปรดักส์ คนดูจะได้รู้ว่ากำลังสื่ออะไร อีกครั้งเดียวขอเน้นๆ…พร้อมนะคะ”

“โอเคร!ได้ครับ….”

“นักแสดงพร้อม ไฟพร้อม กล้องพร้อม…แอคชั่น!”

“ผมชื่อชิงพลบครับ ผมเป็นคนโชคดีมากๆ คุณว่าไหม? ทันทีที่ย้ายกลับมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ผมก็มีแฟนสาว-สวย-ใสพร้อมกันถึง 2 คน”

“คัท!……ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดีมาก ดีมากๆ….ขอบใจพลบมากๆ ที่เสียสละมาช่วยงานปาน…ดีมากๆ ทั้งสีหน้าและแววตาอันดุดันครบองค์จริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ชิง ชิง ของฉัน…..ปาน ปาน ยายปาน ทิ้งสเลทมาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยรู้สึกว่าเรา 3 คนยังไม่เคยร่วมเฟรมกันเลย วัฒน์ วัฒนาคะเป็นตากล้องให้หน่อย ชิง ชิง ยืนกอดอกนิ่งๆ ดีแล้วคะ ยายปานอย่าเกาะหลังฉัน ย้ายไปทางซ้ายของชิง ชิงด่วนเลย….”

“พร้อมแล้วนะ….”

“ขอเกาะแขนพลบหน่อย อุ๋ย!…อุ่นจัง”

“ใช่!ต้นแขนชิง ชิงทั้งใหญ่ ทั้งแข็งแรงและอบอุ่นเสมอ…ใช่ไหมคะ ชิง ชิง ขา”

“พร้อมแล้วนะ 1 – 2 – 3 -แช๊ะ!…..สวยมาก ขออีกรูปกันเสีย คราวนี้สลับให้ปานไปยืนด้านขวามั่ง พูย้ายที่ด่วน….1 – 2 – 3 – แช๊ะ!….พระเอกก็หล่อ นางเอก 2 คนก็สวย สวยมากๆ เลย”

17 ปีต่อมา

กลางเดือนมิถุนายน กลมอุตุนิยมวิทยาแจ้งข่าวเรื่องพายุ “ชันชิล” กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยทางภาคตะวันออกคาดว่ากลางดึกของคืนนี้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีฝนตกครอบคลุมพื้นที่กว่า 80% กระนั้นเด็กชายที่เพิ่งจะเริ่มต้นใช้คำนำหน้าว่า “นาย” อันหมายถึงวัยหนุ่มแรกก็ยังไม่ใส่ใจเท่าบัตรประจำตัวประชาชนในมือ ดวงตาราวกับเสือชีต้าค่อยๆ ไล่อ่านรายละเอียดที่ปรากฏในบัตรใบเล็กสีขุ่นอมเขียวทีละส่วน

“เป็นนายมากี่วันแล้วเนี้ย…1-2-3-4-…17 วันพอดี” เขาพึมพำ โคมไฟจากหลอดนีออนสาดแสงสีขาวสม่ำเสมอไปยังโต๊ะเขียนหนังสือที่ปรากฏจอคอมพิวเตอร์เปิดเล่นเพลงสากลจาก Youtube คลอเป็นเพื่อนภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้านปูนทรงร่วมสมัยขนาดพอเหมาะกึ่งเก่ากึ่งใหม่ 2 ชั้น อันเป็นสมบัติจากชายชราที่เกลียดเขาโดยไม่ยอมบอกเหตุผล แต่ชายชราที่เรียกว่าปู่ก็ได้จากไป 3 ปีแล้ว ส่วนห้องนอนชั้นล่างที่มีเพียงห้องเดียวถูกหญิงชราที่เดินเหินไม่คล่องจับจอง เธอคือ “คุณย่า” ที่เลี้ยงดูเขาตั้งแต่แรกเกิด ไม่ใช่แม่แต่ก็ใกล้เคียงกับคำว่าแม่มากที่สุดและยังเป็นคนเดียวที่มีในขณะนี้ ด้วยวัยเลย 80 ปีของเธอ เด็กหนุ่มที่ใช้ชื่อเดียวกับเสือชีต้าจึงไม่อยากจะนับมันเพิ่ม เพราะลึกๆ แล้วตัวเลขที่สูงขึ้นทำให้เขาหวาดกลัว…กลัวว่าบ้านหลังดังกล่าวจะเหลือแค่เขาอาศัยเพียงลำพัง หากวันนั้นมาถึง ยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่า จะทนอยู่กับความโดดเดี่ยวได้หรือไม่….

ขณะที่สายลมจากพายุชันซิลวูบแรกขยับบานหน้าต่างไม้จนเกิดเสียงดัง กึกๆ ลัวๆ ลันตามๆ กันไปจบที่หน้าต่างห้องนอนของอาหมอ ซึ่งขณะนี้กำลังเรียนแพทย์เฉพาะทางที่อเมริกา สายตาปักหมุดที่บัตรประจำตัวประชาชนก็ชำเลืองมองตามเสียงที่เกิดขึ้น ท้องฟ้าทางทิศใต้แดงฉานได้กระตุกขึ้นสู่ความหวาดหวั่นอย่างฉับพลัน… #ถ้าฟ้าต้นฤดูเป็นสีแดงนั้นหมายถึงพายุลูกใหญ่กำลังจะมา#

“โห!….คุณย่า”  เขาอุทานแบบคนลืมตัว เสื้อนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เพิ่งสวมเป็นวันแรกถูกถอดแขวนไว้ข้างตู้ไม้อัดสีเบจ ชุดติดตัวจึงเหลือเพียงกางเกงนักเรียนขาสั้นสีน้ำเงินกับถุงเท้าสีขาวเท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นชุดปกติหลังเลิกเรียนที่คุ้นชินมาตั้งแต่เป็นเด็ก เพียงแต่เวลานี้เขาไม่ใช่เด็กชายเหมือนเมื่อก่อน แผงหน้าอกกับแผ่นหลังบอกความกำยำของวัยหนุ่มแรกชัดเจน ขนรักแร้-หนวด-เครา-ร่องอกและในที่ลับเพิ่งจะเป็นอุยสีเทาบางๆ กระนั้นเมื่อตัดกับสีผิวที่ขาวราวกับแผ่นกระดาษมันก็ยังดูเข้มเป็นสีดำอยู่ดี ยิ่งโครงหน้าได้รูป-จมูกโด่งรับริมฝีปากสีชมพูรูปกระจับด้วยแล้วยิ่งเพิ่มเสน่ห์แบบไม่มีที่ติ หากแววตาไม่ดุดันราวกับเสือชีตาห์ เขาจะกลายเป็นหนุ่มหล่อเนื้อหอมที่หาตัวจับยากคนหนึ่งเลยทีเดียว…

#ดวงตาของหลานดุดันราวกับเสือชีต้า นี้จึงเป็นที่มาของชื่อหลานไงละ ชีตาห์#

#วู้ วู่ วู…วู้ ๆ —-ปัง! ปัง!….# เสียงลมกระแทกบานหน้าต่างที่เผลอเปิดค้างเรียกสติได้อีกครั้ง ชีตาห์กระโจนลงจากเตียงไปปิด ขณะที่ประตู

#ก๊อกๆ ก๊อกๆ—ชีตาห์ เสือชีต้า# เสียงน้าพรสาวแก่วัย 40 ต้นๆ ข้างบ้านเรียก เธอมักจะมาช่วยดูแลคุณย่าระหว่างเขาไปเรียนเสมอ

“ฮะ….” ชีตาห์ขานรับก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ “ฮะน้า….มีอะไรหรือฮะ”

เธอยิ้มจ้องสำรวจเขาราวกับไม่เคยเห็น “โตเป็นหนุ่มแล้วนะ หล่อซะด้วย” เธอใช้สายตาแทะโลมตั้งแต่ใบหน้าเลื้อยลามลงตามลำคอขาวยาวๆ กระทั่งหยุดที่หัวนมสีชมพู ไรขนบางๆ ตรงกลางหน้าอกเสริมพลังให้หนุ่มแรกโดดเด่น จนเห็นเธอเผลอกลืนน้ำลายหลายอึก…. “เอ่อ…คุณย่าเรียกนะ และน้าก็กำลังจะกลับไปเตรียมอาหารเย็นพอดี…อายุเท่าไรแล้วเนี่ย ผิดหูผิดตาจากเมื่อวานลิบลับเลยนะเรา ฮิ ฮิ ฮิ”

“หนูเพิ่งไปรับบัตรประชาชนบ่ายนี้เองฮะ” ซีตาห์บอก

“เหรอ ไหนๆ ขอดูหน่อยเพราะน้าไปทำบัตรทีไรรูปไม่สวยทุกที” เธอยืนพูดอยู่ที่เดิมกระทั้งรับรับบัตรประจำตัวประชาจนจากมือชีตาห์ไปพิจารณา “นายชีตาห์ ภัทรธารา(พัด-ทา-รา) เป็นนายแล้ว โห! ดูหล่อเชียว”

“อ่านว่า พัด-ทะ-ระ-ทา-รา ครับน้าพรอย่างแซวซิ! หนูเขิน”

“ฮิ ฮิ ฮิ ไปๆ คุณย่ารออยู่ อาหารเย็นไม่ต้องทำ เดี๋ยวน้าจะทำเผื่อในโอกาสฉลองความเป็นหนุ่ม”

“ครับ…ขอบคุณฮะน้าพร” ชีตาห์พูดขณะเดินตามหลังลงบันได….เมื่อถูกสะกิดอารมณ์วัยหนุ่มแรกก็แปรปวน สายตาที่เคยวางเฉยกับเธอถูกกระตุ้นให้จ้องตามสะโพกกลมกลึงโยกย้ายตามกลีบกระโปรงสีบานเย็นย้วยยาวเลยหัวเข่า จนมวลกล้ามท้องปั่นปวน ยิ่งเมื่อกลิ่นผู้หญิงโชยแตะจมูกอารมณ์ยิ่งวูบวาบไม่เสถียรหนักเข้าไปอีก….

“คุณย่ารออยู่ในห้อง น้าต้องรีบเข้าครัวก่อนน้าชายจะถึงบ้าน ไม่อย่างนั้นตาแก่บ้าโมโหหิวด่าบ้านแตกแน่ ๆ….” น้าพรพูดขณะหันหลังให้ที่ประตู

“ครับน้า…ขอบคุณสำหรับอาหารเย็น”

“อุ้ย!….แค่ 2 ปาก อีกอย่างคุณย่าของหนูเป็นคนจ่ายตัง ไม่ต้องเกรงใจ เราก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ถึงไม่ใช่ญาติ แต่น้าก็รักเหมือนลูกเหมือนหลาน คุณย่าเองก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของน้านั้นแหละ…เข้าไปหาคุณย่าได้แล้ว ไม่รู้มีเรื่องอะไร ถามหาตั้งแต่บ่าย”

“ขอบคุณฮะน้า”

“เล็กน้อยน่า…ทำอาหารเสร็จจะโฟนเรียก”

ทันทีที่ประตูไม้อัดสีครีมถูกผลักเข้าไปด้านใน ชีตาห์มักจะเสียมารยาทเช่นนี้กับหญิงชราที่เขาเรียกเธอว่าย่าเสมอ ซึ่งย่าเองก็ไม่ได้ติดใจ ในเมื่อบ้านหลังนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย แสงฟ้าแล๊บ แปล๊บๆ วูบวาบเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ชีตาห์เห็นร่างของหญิงชรานอนนิ่งอยู่บนเตียงแค่วูบเดียว แต่เป็นวูบเดี่ยวที่…

“คุณย่า…..” ชีตาห์อุทานแบบคนผวาพร้อมกับไล่เปิดสวิทซ์ไฟทุกดวง ทันทีที่แสงนิออนกับไฟดาวไลท์ทั้ง 4 จุดสว่าง สายระโยงระยางพร้อมกับถังอ๊อกซิเจนสีเขียวกับเครื่องมือแพทย์ครบชุดก็ทำให้เขาตกใจหนักเข้าไปอีก “คุณย่าเกิดอะไรขึ้นคะ”

“ชีตาห์ มานั่งใกล้ย่าหน่อย….ไม่ต้องปิดม่าน ย่าอยากนอนดูฝนตกซะหน่อย” เสียงหญิงชราสั่นระรัวตามแผ่นหลัง

“เกิดอะไรขึ้นคะ หนู หนูไม่สบายใจ” ชีตาห์ไล่มือสั่นระริกสำรวจเครื่องมือเหล่านั้น กระทั้งไปจบที่จมูกและหน้าอกที่ไม่เหลืออะไรให้เพลิดเพลิน

“นั่งลงชีตาห์ นั่งลงก่อน ย่ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”  เธอพูดพร้อมกับเอื้อมไปหยิบอะไรบางอย่างที่ซ่อนไว้ใต้หมอนยื่นให้เขา… “รับไปซิ!….ในนี้เป็นเรื่องราวทั้งหมดของหลาน ย่าขอโทษที่ไม่ได้เล่าให้ฟังตั้งแต่แรก”

“จดหมาย….อะไร มันคืออะไรกันคะหนูไม่เข้าใจ” ชีตาห์ถูกฝึกให้ใช้คำพูดราวกับเด็กผู้หญิงและเขาก็ใช้เฉพาะเธอ ชีตาห์หย่อนก้นนั่งพร้อมกับล้มตัวนอนข้างๆ แบบที่เคยทำ….

“ชีตาห์ของย่าเป็นหนุ่มซะที….15 ปีแล้วใช่ไหม” เธอถาม ชีตาห์จึงล้วงบัตรประจำตัวประชาชนยื่นให้….

“คะ….เลยมา 17 วันแล้ว หนูเพิ่งแวะไปรับหลังจากเลิกเรียนวันนี้เอง”

หญิงชรารับไปพิจารณาใกล้ๆ สักครู่ก็ยกมือเหี่ยวย่นลูบเส้นผมของหลานชายให้เข้าที่…..

“คุณย่ายังไม่ตอบหนูเลยว่าเกิดอะไรขึ้น….คุณย่าคะ” ชีตาห์ทวง พร้อมกับใช้สายตาชี้นำ

“เป็นเรื่องปกติของคนแก่…อาหมอให้ทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลมาตรวจสุขภาพ ทั้งหมดจึงมาพร้อมพวกเขาอย่าตกใจไปเลยลูกเอ้ย เกิด-แก่-เจ็บ-ตายเป็นเรื่องปกติ….ว่าแต่จะไม่เปิดจดหมายดูเหรอว่าข้างในมีอะไร” หญิงชรากระตุ้น ชีตาห์จึงลุกนั่งเพียงครึ่งตัว เมื่อซองจดหมายถูกเปิด สิ่งที่อยู่ข้างในแน่นอนมันคือจดหมายและอีกสิ่งคือรูปถ่ายเก่าๆ ที่ปรากฏสาวสวยในชุดนักศึกษารูปร่างดียืนขนาบข้างชายหนุ่มที่โครงสร้างโดยรวมคล้ายคลึงกับตัวเอง….

“มะ…หมายความว่า…”

“ย่าเสียใจ….”

“คุณย่าคะ….” ชีตาคลีจดหมายดูแต่ยังไม่มีท่าทีจะอ่าน สายตากำลังจมความสงสัยจ้องไปที่หญิงชราไม่กระพริบ “ที่เคยบอกว่าหนู….”

“หลานมีตัวตน ชีตาห์ หลานมีพ่อ หลานมีแม่ และหลานก็คือหลานย่า เกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกชายย่าแท้ๆ ที่ผ่านมาย่าขอโทษ และในจดหมายฉบับนั้นได้บอกรายละเอียดถึงสาเหตุผลที่ย่ากับปู่ไม่สามารถเปิดเผยเรื่องของหลานไว้ครบถ้วน”

“แต่คุณปู่เกลียดหนู….”

“คุณปู่เป็นคนไปรับหนูมาจากโรงพยาบาลด้วยมือของตัวเอง คุณปู่รักหนูยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นเชื่อย่าซิ”

“คุณย่าคะ….” ชีตาห์ยกรูปถ่ายในมือขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ เสียงยานๆ ของหญิงชราจึงดังขึ้น

“ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางคือลูกชายคนโตของย่า เขาคือพ่อแท้ๆ ของหลาน พ่อหนูชื่อชิงพลบ ชีตาห์ หนูไม่เคยโดดเดี่ยวและไม่มีวันโดดเดี่ยว หนูมีที่มา หนูลองพิจารณาใบหน้าของชายคนในรูปเทียบกับใบหน้าหนูดูซิ! ว่ามีส่วนคล้ายคลึงกันมากแค่ไหน ยิ่งดวงตาดุดันเป็นประกายราวกับเสือชีต้าด้วยแล้ว หนูถอดแบบมาจากพ่อจนบางครั้งย่าหลงคิดว่าหนูคือชิงพลบซะอีก”

“เล่าเรื่องพวกเขาให้หนูฟังที”

ฝ่ามือเหี่ยวๆ ลูบเส้นผมเด็กหนุ่มทั้งๆ ที่มันสั้นเกือบจะติดหนังหัว กระนั้นเธอก็ยังต้องการให้เสือชีต้าดูหล่อขึ้นอีกหน่อย ชีตาห์ค่อยๆ เลือนตัวลงนอนข้างๆ ในท่าเดิม น้ำเสียงยานสั่นระรัวก็ดังขึ้นสลับเสียงฟิตจากเครื่องมือแพทย์ที่ตั้งอยู่ด้านใน…… “เดิมทีชิงพลบเรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ช่วงเกิดวิกฤตการณ์การเงินเอเชียปี 2540 หรือที่เรียกว่า วิกฤตต้มยำกุ้ง ธุรกิจบ้านจัดสรรของคุณปู่ไปไม่รอด ชิงพลบจึงต้องย้ายกลับมาเรียนปีสุดท้ายที่เมืองไทย และเขาก็ได้พบสาวสวย 2 คนในรูปที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้น แรกๆ ชิงพลบบอกย่าว่า เธอทั้งคู่เป็นแค่เพื่อน แต่เมื่อพิจารณาพฤติกรรม ย่าไม่เคยเชื่อในเรื่องนี้…กระนั้นย่าก็ยังปล่อยให้ทั้ง 3 ขลุกอยู่ด้วยกันอย่างอิสระโดยไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด”

“พวกเขาเป็นแฟนกันรึคะ”

“ใช่!…พวกเขา 3 คนเป็นแฟนกัน เป็นแฟนกันอย่างเปิดเผยโดยที่สาวสวย 2 คนรู้เรื่องนี้ดีที่สุด เพราะเธอ 2 คนเป็นเพื่อนรักกันก่อนจะเจอชิงพลบซะอีก” หญิงชราใช้กิริยาเชื่องช้าขยับยันตัวเองนั่งแล้วช้อนศีรษะหลานชายเทินไว้บนตัก สายตาที่กำลังพล่ามัวมองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่แดงคล้ำจมดำทางทิศใต้บอกอีกไม่ช้าไม่นานฝนเม็ดแรกต้องมาให้เห็นแน่นอน….. “สาวสวยที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือ เธอชื่อปานดาวเป็นแม่ของหลานเอง…ชีตาห์หลานมีแม่เหมือนทุกๆ คนนะคะ หลานไม่ได้ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่อย่างที่คนเค้าพูด ผู้หญิงผิวขาวสะอาดเหมือนกับหลาน เธอคือแม่แท้ๆ ของหลาน….”

ชีตาห์จ้องไปที่เธอคนนั้นไม่กระพริบ “……….” กระนั้นเขาก็ยังไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ให้หญิงชราจับได้

“แม่ของหลานเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน….ส่วนอีกคนที่ผิวคล้ำใบหน้าคมได้รูปเธอคือ….”

“คล้ายๆ ท่านผู้หญิงพลอยชมพูเลยคะ คุณย่า….”

“ใช่! เธอคือท่านผู้หญิงพลอยชมพูปัจจุบัน ผู้หญิงที่ยอมเสียสละทุกอย่าง ยอมตกขุมนรกเพื่อแลกกับอิสระภาพของแม่หนู….”

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่คะคุณย่า”

“ทั้งพลอยชมพูและปานดาวเป็นผู้หญิงที่สวย สวยกันคนละแบบดังนั้นจึงเป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ โดยเฉพาะพลอยชมพูครอบครัวของเธอมีเชื้อมีสายมาจากตระกูลผู้ดีเก่า ซ้ำยังมีชื่อเสียง ฐานะก็ดี จึงเป็นที่หมายปองของใครหลายๆ คน ทั้งไฮโช ไฮซ้อรุมจีบเธอไม่เว้นกระทั้งลูกชายนักการเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคาสโนวา เจ้าชู้ตัวพ่อ แถมยังมีข่าวว่าเป็นซาดิสม์ เคยกระทำกับผู้หญิงเยี่ยงสัตว์ป่า ในวงการเขารู้เรื่องนี้ดี”

“ใช่ ดร.ธนเกียรติรัฐมนตรีการคลังสามีปัจจุบันของเธอหรือเปล่าคะคุณย่า”

หญิงชราพยักหน้า “ใช่!…อดีตของชายคนนี้ไม่ธรรมดา เดิมทีธนเกียรติถูกตาต้องใจกับปานดาวแม่ของหลาน แต่ผู้ใหญ่ฝั่งท่านผู้หญิงพลอยชมพูทาบทามให้ทั้งคู่แต่งงานกันด้วยเหตุผลทางการเมือง ดังนั้น….จึงเกิดเรื่องราววุ่นวายของรัก 4 เส้าระหว่าง ดร.ธนเกียรติ-ปานดาว-ชิงพลบและพลอยชมพูขึ้นมา โดยมีบ้านหลังนี้เป็นหนึ่งในสนามรักที่ไม่ลงตัว ชีตาห์….ชีตาห์…..ชีตาห์” หญิงชราเรียกกระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังไม่ขยับ “ชีตาห์เอ้ย…” ลมหายใจกระตุกไม่เสถียรราวจะบอกว่าห้วงนิทราลึกของเขากำลังเดินเข้าสู่โหมดฝันร้าย เสือชีตาห์ไม่เคยหลั่งน้ำตาให้ใครเห็น แต่ในเวลาเช่นนี้หญิงชราต้องดึงชายผ้าห่มขึ้นมาซับให้ “ชีตาห์ ไอ้เสือชีต้าของย่า”

#….ถึงคุณพ่อคุณคุณที่เคารพ….ปานมีเรื่องที่ต้องรบกวนเป็นครั้งสุดท้าย คืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 22.35 น. มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลติดชายแดนกัมพูชาของจังหวัดสระแก้ว ดวงตาของเขาดุดันแข็งกร้าวราวกับเสือชีต้าเช่นเดียวกับดวงตาของชิงพลบไม่ผิดเพี้ยน ปานจึงตั้งชื่อเขาไว้ว่า “ชีตาห์” ปานไม่มีปัญญาพาลูกไปด้วย ได้โปรดไปรับเขา ได้โปรดเถอะคะปานไม่เหลือใครให้หวังอีกต่อไป คุณพ่อคะ คุณแม่คะ ปานขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าปานยังมีบุญพอจะได้เห็นหน้าลูก ปานจะกลับมารับเขาภายหลัง ได้โปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่เช่นนั้น ชีตาห์จะไม่ปลอดภัยอีกคน ได้โปรดช่วยเราด้วย ได้โปรดช่วยลูกเสือชีต้าด้วย….คุณแม่คะ คุณพ่อคะ ฝากชีตาห์ บอกเมื่อเขาโตว่าปานไม่ได้ทิ้งเขา แต่ปานทำดีที่สุดได้แค่นี้ เมื่อปานข้ามชายแดนเข้าสู่กัมพูชาปลอดภัยเมื่อไร ปานจะติดต่อกลับอีกครั้ง ลูกของปานชื่อว่า ด.ช.ชีตาห์ ภัทรธารา : ติดต่อรับตัวกับแพทย์หญิงสายพิณ เวชชยะกรณ์ โรงพยาบาลอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ปานจะไม่มีวันลืมพระคุณในครั้งนี้ ฝากชีตาห์ด้วย ฝากเขาด้วย คุณพ่อคะ คุณแม่คะ….ฝากลูกชายของเราด้วย….#

เด็กหนุ่มวัยไม่ถึง 16 ปี สวมสูทเนื้อดีสีดำสนิทนั่งนิ่งอ่านความทรงจำ อันเป็นเรื่องราวของตัวเองเพียงลำพัง (เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้ง 3 คน) คำถามซ้ำๆ ทำให้เขาคิดไม่ตกหน้ารูปหญิงชราในกรอบไม้สักสีดำหน้าหน้าโลงศพที่มีไฟกระพริบราวหมู่ดาวตั้งแต่พระสวดอภิธรรมคืนสุดท้ายจบลง  ใบหน้าและแววตาไม่มีใครอ่านออกปักหมุดอยู่กับภาพถ่ายเก่าๆ ในมือพร้อมซองจดหมายสอดแนบไว้ด้านล่าง

#….ชีตาห์หากอาหมอไม่กลับมาหรือกลับมาไม่ทันให้หลานไปหาผู้หญิงที่ยืนอยู่ทางขวามือ หลานคงจะรู้ชื่อ-รู้จักเธอผ่านสื่อสารเป็นอย่างดีอยู่แล้ว….#

“ท่านผู้หญิงพลอยชมพู” เขาอุทานจากน้ำเสียงที่ไม่ได้ใช้งานหลายชั่วโมง..

 #….ใช่เธอคือท่านผู้หญิงพลอยชมพู รักสัตย์สกุล บอกเธอว่าหลานเป็นใคร ผู้หญิงคนนี้จะช่วยหลานได้ ชีตาห์หลานไม่ได้โดดเดี่ยว หลานมีครบทุกอย่างเท่าที่เด็กคนหนึ่งพึงจะมี….หลานมีที่มา หลานมีทั้งพ่อ มีทั้งแม่ มีย่า มีปู่และมีอาหมอชิงชัยที่รักหลานยิ่งกว่าลูกในไส้ หลานไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ จงจำคำที่ย่าพูดให้ขึ้นใจ…ไปหาเธอ ไปตามหาเธอแล้วเล่าที่มาของหลานให้ฟัง เธอจะช่วยหลานได้…#  เสียงกลืนน้ำลายขณะเวลากำลังเดินเข้าสู่ 23.00 น. ดังยิ่งกว่าเสียงลมผ่านช่องโหว่เหนือหลังคาทรงสูง กระนั้นร่างเด็กหนุ่มที่นั่งนิ่งราวกับหุ่นหินสีดำก็ยังไม่ขยับ….

#เกิด-แก่-เจ็บ-ตายเป็นเรื่องปกติ ชีตาห์หลานเป็นคนอ่อนนอกแข็งในเช่นเดียวกับแม่ แต่ดวงตาที่ดุดันราวราวกับเสือชีต้า หลานได้จากพ่อมาครบ….เสือชีต้าไม่มีวันหลั่งน้ำตาให้กับเหยื่อ ชีตาห์แม่ของหลานมองเห็นเรื่องนี้ในตัวหลาน ฉะนั้นแม่ของหลานเองก็ไม่เคยจากหลานไปไหน….หลานของย่าเข้มแข็ง และจำเป็นต้องเข้มแข็งเมื่อเดินทางต่อเพียงลำพัง….#  น้ำเสียงสั่นระรัวๆ ดังขึ้นในหัว จิตใจเวลานี้ย่ำแย่จนไม่รู้จะเริ่มต้นพูดด้วยภาษาอะไรดี เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา แต่พอมโนเห็นภาพบ้านปูนขนาดกลางกึ่งเก่ากึ่งใหม่ไม่เหลือใครให้กลับไปหา เขาจึงเลือกจะนั่งอยู่ตรงนั้นต่อไปเรื่อย ๆ แต่ขณะที่เข็มนาฬิกากำลังเดินเข้าสู่เที่ยงคืน เสียงรองเท้าเดินมาจากด้านหลังทำให้พอเดาได้ว่าคงเป็นลุงเฝ้าศาลามาไล่ให้กลับไปนอนที่บ้านเช่นเดียวกับ 2 คืนก่อนแน่ ๆ….แต่อยู่ๆ มันก็แตกต่าง เมื่อปรากฏวงแขนกว้างๆ โอบรวบตัวเขาจากด้านหลัง….แรงสั่นเกร็งบวกเสียงสะอื้นบอกเป็นชาย ถึงจะแปลกใจแต่นาทีที่ต้องสกัดไม่ให้น้ำตาของเสือชีต้าทะลักก็จำเป็น….

“อารู้แล้วว่าทำไมปานดาวจึงตั้งชื่อหลานว่าชีตาห์ เสือชีต้า ไอ้เสือชีต้า ฮื้อๆ อา อาขอโทษ” น้ำเสียงใหญ่ๆ ไม่เรียบทำให้พอเดาออก….ชีตาห์วาดสายตาลอยๆ ไร้ความรู้ไปที่รูปของหญิงชราก่อนจะแกะมือและยอมหันหน้าไปเผชิญ

“อาหมอ….” เสียงพูดไม่เต็มคำดังออกจากปากเพียง 50%

“ดูดวงตาของหลานซิ….เหมือนกับเสือชีต้าไม่ผิดเพี้ยน หลาน หลานเข้มแข็งกว่าอาอีกรู้ไหม” หมอชิงชัยที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่พูดพร้อมกับใช้ฝ่ามือเชิดใบหน้าหนุ่มน้อยพิจารณาใกล้ๆ

“เพราะหนูไม่มีใครให้ร้องไห้ต่างหาก”

“ชีตาห์ ไอ้เสือชีต้า…” หมอชิงชัยอุทานตกใจสุดขีด เมื่อผ่านจุดวิกฤติเขาก็พุ่งเข้าสวมกอด…. “ร้องออกมาชีตาห์ ไม่มีกติกาว่าเสือชีต้าจะร้องไห้ไม่ได้ ร้องกับอา ร้องไห้กับอา….ชีต้า….ชีต้า”

“อาหมอฮะ หนู หนู หนู……”

“อาอยู่นี้ อาจะไม่ไปไหนอีก อาสัญญา….”

“อาฮะ อาหมอฮะ อย่าทิ้งหนู อย่างทิ้งหนู อ๊ากกกกก ฮื้อ ๆ….อาหมออย่าทิ้งหนู หนูอยู่คนเดียวไม่ได้….หนูอยู่คนเดียวไม่ไหว อ๊ากกกกก…….” ในที่สุดชีตาห์ก็ร้องไห้จนสลบ…กำลังสุดท้ายของเสือวัยหนุ่มแรกหมดลงแล้วโดยสิ้นเชิง….

“ชีตาห์ ชีต้า ไอ้เสือชีต้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ…….”

จบ มะลิสีชมพู บทที่1 โดดเดี่ยว

(Visited 66 times, 1 visits today)