อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part2 สมรภูมิปักษา21
สมรภูมิปักษา21
และอีกมุมหนึ่ง
“ฉันเกลียดเขา…ฉันเกลียดเขา” จันทร์หอมอุทานซ้ำๆ จนเรไรร้องไห้เสียงดังเรียกสติ นางจึงลนลานเหมือนทำอะไรไม่ถูก เวลาเดียวกันเสียงระเบิดที่ถูกปล่อยลงมาจากเครื่องบินก็ดังขึ้นในระยะใกล้
“แม่!…” เรไรสะดุ้งผวาและมันก็ดังไล่ตามกันใกล้เข้ามาอีก “แม่ๆ…”
“เรไร…เรไรต้องปลอดภัย” จันทร์หอมพร่ำเสียงสั่น ก่อนจะอุ้มเรไรวิ่งลงบันไดไป แต่ดวงตาที่เศร้าสนิทของโคทาโร่เมื่อเช้า ก็ตรึงนางเอาไว้ที่ลานโล่งในจุดเดียวกับเขาที่หันมาส่งยิ้ม…
“โคทาโร่!” จันทร์หอมอุทานทั้งๆ ที่ใจสั่น “…ฉันต้องสานภารกิจต่อให้จบ” นางกดเสียงต่ำจนน่ากลัวก่อนจะตัดสินใจอุ้มเรไรวิ่งตรงไปยังค่ายทหารอย่างไม่คิดชีวิต
“ฉันต้องสานภารกิจต่อให้จบ…พี่โมกไม่ได้ตายเพราะสงคราม แต่เป็นเพราะคุณ โคทาโร่…คุณคือฆาตกร…คุณฆ่าสามีฉัน” นางพร่ำไม่หยุดปากเหมือนจะขุดความเกลียดชังขึ้นมากลบความกลัวให้จมมิดไปกับแผ่นดิน
ระเบิดลงข้างทางแคบที่เต็มไปด้วยป่าไผ่ 2 ลูก มันหอบหลายร่างที่เพิ่งวิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงลอยขึ้นไปบนอากาศ และตกลงมากระแทกพื้นขาดใจตายต่อหน้า
“โคทาโร่…ฉันเกลียดคุณ” นางทั้งหอบทั้งลากเรไรวิ่งต่อไปข้างหน้า เรไรร้องไห้เสียงดังแต่นางก็เพียงอุ้มและกอดบุตรสาวให้แน่นขึ้นเป็นระยะๆ
“จันทร์หอม” เสียงตะโกนเรียกจากหลายคนแต่นางก็ไม่ได้ยิน
เสียงหวอเตือนภัยยังดังยาวขึ้นอีก เครื่องบิน “แฮลล์แคท” ของฝ่ายสัมพันธมิตรฝูงแรกผ่านไป เสียงเครื่องบินขับไล่แบบ “ซีโร่”ของญี่ปุ่นก็ทะยานขึ้นจากสานามบินลับหลังโรงเรียน ท้องฟ้าในยามนี้เต็มไปด้วยเมฆมรสุม มันคำรามพร้อมกับเสียงของเครื่องบิน “แฮลล์แคท” ฝูงใหม่ ที่เบิกฟ้ามาจากทิศใต้ และอีกฝูงบินมาจากขอบฟ้าทางทิศเหนือ พวกมันกำลังพุ่งเข้าประจัญบานกันบนอากาศ
“จันทร์หอม…กำลังจะทำอะไร” อยู่ๆ เสียงมยุรีที่วิ่งตามหลังมาก็ตรึงนางให้หยุด นางส่งเรไรให้
“ฉันฝากลูกด้วยนะพี่”
“จันทร์หอม!…”
“ฉันต้องสานภารกิจต่อให้จบ…” จันทร์หอมตะเบ็งเสียงแข่งกับเครื่องบินนับร้อยที่บินว่อนเหนือหัว
“หลบ!” มยุรีตะโกนลั่นเมื่อเสียงลูกระเบิดลอยแหวกอากาศใกล้เข้ามาทิศทางที่พวกนางยืนอยู่
—บึ้ม!— มันระเบิดห่างจากจุดที่ทั้ง 3 หมอบไม่ถึง 50 เมตร เมื่อเสียงเงียบลงสติของจันทร์หอมก็กลับคืนมา
“เรไรแม่สัญญาว่าจะกลับมา” นางตะโกนสุดเสียง
“จันทร์หอม!…” มยุรีตะโกนไล่ตามหลัง แต่จันทร์หอมก็พาความเกลียดชังวิ่งสวนทางฝูงชนหายไปแล้ว
“แม่!…”
“คุณพระ คุณเจ้าช่วยคุ้มครองนางด้วย” มยุรีได้แต่ภาวนา ก่อนจะอุ้มเรไรวิ่งกลับไปตามทางเดิม
เมฆสีดำทะมึนปกคลุมไปทั้งฟ้าเหนือจังหวัดเพชรบุรี แต่ฝูงบิน “แอลล์แคท” และ “ซีโร่” ที่กำลังส่งความตายให้แก่กันดูจะไม่สะทกสะท้าน ฟ้าแลบผ่านเมฆเป็นทางยาวลงสู่พื้นดิน เผยให้เห็นเงาสีดำของฝูงบินของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นจุดสีดำเล็กๆ เต็มท้องฟ้า ดูเผินๆ ไม่ต่างอะไรกับฝูงแร้งที่กำลังบินร่อนตามกลิ่นเน่าของเหยื่อ นานๆ ครั้งแสงลูกไฟและเสียงระเบิดเหนือเวหาก็สว่างวาบพุ่งลงด้วยความเร็วสูงและเสียงระเบิดก็ดังกัมปนาทประหนึ่งจะแยกโลกออกเป็นสองส่วนเพียงกระพริบตาเปลวเพลิงสีแดงประหนึ่งไฟบรรลัยกัลป์จากนรกก็พวยพุ่งขึ้นไปลามสวรรค์ที่ยังหยุดพักร้อน พร้อมกับเสียงฟ้าคำรามผ่านกลุ่มเมฆที่ไล่มาจากทิศใต้ข้ามไปจรดสุดขอบมรสุมทางทิศเหนือ ก็ถูกรวบประหนึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน เสมือนสงครามทั้ง 3 โลกได้อุบัติขึ้น และ ทางช้างเผือก เวลานี้ก็ร้างไร้ซึ่งผู้สัญจรในบัดดล
………..
“เงาแห่งศักดิ์ศรีที่สะท้อนบนผิวน้ำ………….ประเมินค่ามิได้
แต่เพียงเศษหินกระทบ
ศักดิ์ศรีทั้งมวลก็ถูกทำลาย…จนไม่เหลือค่าให้ประเมิน”
มยุรี เพชรอำไพ
………..
คาตานะ มูโต สัญญารักซามูไร
ภาพนกกระเรียนมงกุฎแดงกำลังเริงระบำอยู่กับคู่ของมันท่วมกลางแสงแรกของขอฤดูหิมะในทุ้งกว้างสีขาวทางทิศตะวันออกของเกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น พวกมันเชิดหัวชูชะงอยปากสีแดงฉานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“แกร๋ๆ…แกร๋ๆ…” สอดประสานร่วมกันร้องเพลงรัก ตัวผู้กางปีกโปกสะบัดเดินส่ายไปรอบๆ ตัวเมียก็ไช้ชะงอยปากไซ้ไปตามขนที่ลำคอประหนึ่งแทนเสียงกระซิบที่หวานหู
“แกร๋ๆ…แกร๋…” พวกมันร่วมกันร้องเพลงรักเพลงแล้วเพลงเล่าอย่างไม่รู้จักเบื่อ แต่ไม่ทันที่แสงแรกจะพ้นยอดสนมซึ นางนกระเรียนก็ล้มฟุบขาดใจตายลงข้างๆ ดาบคาตานะปริศนา…โดยไม่ทราบสาเหตุ…
“แกร๋!…แกร๋!ๆๆๆ…” จากเพลงรักก็พลันเปลี่ยนเป็นเสียงโหยหวน
“แกร๋ๆ…” เจ็บปวด
“แกร๋ๆ…” ชิงชัง…
“แกร๋ๆๆ..” และสาปส่ง ก่อนนกกระเรียนตัวผู้จะล้มลงไปนอนขาดใจตายตามคู่ของมัน…และอาทิตย์ดวงเดียวกันก็ลอยเหนือต้นซากุระใหญ่หน้าปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศตะวันออกของเมืองคาโกคุมะในเวลานี้…
…
(เจ้าหนี คำสาบซามูไร ไม่พ้นจริงๆ โคทาโร่) เสียงสื่อจากอูคาชิ ยาสุ ดังขึ้นในหัวของมินาโมโต โคทาโร่ แต่มันกลับทำให้อีกคนที่บังเอิญได้ยินพอดี
“ไหนว่าจะเอาตัวรอดได้ ในความมืด” เรียวตะพึมพำ
(ข้าช่วยเจ้าไม่ได้อีกแล้ว…ลูกพ่อ) เสียงที่ได้ยินดูเศร้าสนิท
—บึ้ม!—และระเบิดลูกหนึ่งก็ไม่ไกล แต่เรียวตะก็ยังคงนิ่งในท่าเดิม
“โคทาโร่…โคทาโร่…โคทาโร่” พลันเสียงผู้หญิงก็แทรกเข้ามาหลังเสียงหวอเตือนภัย เรียวตะกวาดมองไปเพื่อควานหา เขากระพริบตาถี่ๆอีกหลายครั้ง จนเห็นเงาของบางคนในแสงสีเขียวอมเหลืองที่ไม่ชัดเจนนัก “…จันทร์หอม!” เขาอุทานเมื่อภาพบอกชัดว่าเป็นนาง “จันทร์หอม ในที่สุดก็เป็นเจ้า!…”
……….
แต่อีกคนหนึ่ง
“โคทาโร่…” วี๊ดดด—-บึ้ม!—ระเบิดอีกลูกดังขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงสีแดง เรียวตะเห็นจันทร์หอมนั่งหมอบอยู่กับพื้น และอีกลูกก็พลันระเบิดขึ้นติดๆ กันข้างรั้วโรงอาหาร—บึ้ม!— มันไม่ไกลจากนางเลย
……….
และอีกคนหนึ่ง
“นางจะฆ่าคุณชาย!…” น้ำเสียงเรียวตะแข็งกร้าวดุจเสียงของปิศาจจากโลกที่ 3 โหนกแก้มดันขอบตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังขึ้นสูง…เขาก้าวอาจๆ เข้าไปหานางอย่างไม่สนใจอย่างอื่น “นางจะฆ่าคุณชาย!…นางจะฆ่าคุณชายไม่ได้” พร้อมๆ กับพึมพำตามที่ใจคิดจะกระทำบางอย่าง “นางจะฆ่าคุณชาย ใช่ คำสาปบอก นางจะเป็นคนสังหารเขาไม่ใช่สงคราม”เรียวตะย้ำปลุกเงาปิศาจเข้ามาสิงสู่ให้เร็วขึ้น “หากเป็นนางที่ตาย ข้ากับโคทาโร่ก็หายสาบสูญไปด้วยกัน”
“หมอ…หมอ…ทางนี้” เสียงตะโกนเรียกดังมาจากทุกทิศทุกทาง แต่เรียวตะก็ไม่มีท่าทีจะสนใจ แววตาที่เหี้ยมเหิมยังคงตรงเข้าไปหาจันทร์หอมไม่หยุด “หมอ…หมอ…”
……….
แต่อีกคนหนึ่ง
“โคทาโร่! คุณอยู่ไหน โคทาโร่” จันทร์หอมตะโกนไปวิ่งไปนางพลิกศพของทหารญี่ปุ่นที่นอนตายอยู่กับพื้นคนแล้วคนเล่า ศพแล้วศพเล่า
“คุณอยู่ไหน โคทาโร่” และนาทีเดียวกันเม็ดฝนก็เทกระหน่ำซ้ำเติมสถานการณ์ “โคทาโร่…”
……….
และอีกคนหนึ่ง
แต่เรียวตะก็ยังก้าวอาจๆ ตามไปอย่างเพชฌฆาตใจทมิฬ “นางจะฆ่าคุณชาย…” เขากดเสียงต่ำจนเปียกชื้น “ฮาๆ…” พลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงของปิศาจหมายจะเรียกหัวใจให้แข็งกร้าวมากกว่าที่เป็นอยู่ “ฮาๆ…นางจะต้องตายเพราะสงคราม…นางจะต้องตายก่อนที่โคทาโร่จะกลับมา…ฮาๆ”
………..
แต่อีกคนหนึ่ง
“เห็นมินาโมโตซังไหม…เห็นโคทาโร่ไหม” จันทร์หอมตะโกนถามทหารญี่ปุ่น 5 หรือ 6 คนที่เก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่อยู่ในแนวเปลวเพลิงที่สะท้อนถึง “เห็นโคทาโร่ไหม!…” นางตะเบ็งเสียงดังขึ้นไปอีกระดับ พวกเขาส่ายหน้าและวิ่งอ้อมไปด้านหลังโรงอาหาร
….ปังๆๆๆๆๆ…..และเสียงปืนที่มุมตึกพาห่ากระสุนที่ไร้จุดหมายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า “อ๊ากๆๆ….ปังๆๆๆ” นาทีเดียวกันนั้น
วี๊ดดดดดด…บึ้มๆๆ…ระเบิดหอบร่างพวกเขาลอยสูง ก่อนปิศาจจากขุมนรกจะฉุดดึงลงมากระแทกกับพื้น “อ๊ากๆ!”
—บึ้ม!ๆ—
“ว้าย!…” จันทร์หอมหมอบอีกครั้ง สะเก็ดระเบิดเฉี่ยวหัวไปแค่ฉิวเฉียด “โคทาโร่…..คุณอยู่ไหน โคทาโร่”
—บึ้มๆ! บึ้มๆ! บึ้มๆ!— และระเบิดชุดใหม่ก็ตกใส่ตัวอาคารเรียนสองชั้น มันพังถล่มทลายเป็นทะเลเพลิงในบัดดล
……….
…และอีกคนหนึ่ง
ก็ยังเดินตรงเข้าไปหานางอย่างไม่หวาดหวั่น “ชิ!….” เขาพ่นหางเสียงเรียกความตายที่หวังจะให้เกิดขึ้น
—บึ้ม!—และระเบิดอีกลูกก็ดันแรงอัดอากาศเข้าใส่ร่างของจันทร์หอมต็มๆ นางล้มกลิ้งไปกับพื้น สติของนางเกือบจะดับวูบในนาทีนั้น “โคทาโร่…” แต่กายสัมผัสในนาทีสุดท้ายก็กระตุ้นเอาไว้ทัน “โคทาโร่”
“เจ้าจะทำอะไรเรียวตะ” และเสียงของฮาราชิ จิโระ ก็ดังขึ้นทางด้านหลัง “นั้นนายหญิงนี้…เจ้าทำอะไรนาง” จิโระตะคอก “เจ้ากำลังจะฆ่า นายหญิง”
“นางกำลังจะฆ่าโคทาโร่” เรียวตะโพล่งขึ้นตรงๆ…
“ไอ้…เรียวตะ” ฮาราชิ จิโระ โกรธจัด เขายืนเกร็งหมัดแน่น…เป้าหมายอยู่ที่ปากเน่าๆ ของเพื่อน แต่…
“นางจะเป็นคนฆ่า โคทาโร่มิใช่หน่ายอาสาตายกามิกาเซ่” เรียวตะย้ำต่อ แต่จิโระก็ยังออกอาการไม่ยอมรับ
“โคทาโร่กำลังจะขึ้นบินเที่ยวสุดท้าย…เขาต่างหากที่อาสาตายไปพร้อมกับกามิกาเซ่เอง…มิใช่นาง” จิโระกัดฟันกระแทกสุดเสียงกลั้น “ไอ้บ้าเอ้ย!…” พร้อมกับจะเหวี่ยงหมัดใส่ตำแหน่งที่ได้หมายเอาไว้ แต่ระเบิด 2 ลูกก็สาดประกายเพลิงสีแดงฉานไปยังร่างที่นอนอยู่กับพื้นให้เด่นชัดขึ้นมา
“เจ้าดูนั้น…หากไม่เชื่อข้า” เรียวตะพูดพร้อมกับชี้มือไปยังร่างของจันทร์หอม จิโระมองตาม แต่ก็ยังไม่ปักใจเท่าไรนัก “เจ้าดูนั้น” เขาย้ำอีกและแล้วอยู่ๆร่างของจันทร์หอมก็ค่อยๆ ลอยขึ้น ทั้งๆ ที่มีเพียงความว่างเปล่าโอบอุ้ม
“เอ้! นั้นมัน” จิโระตกตะลึงพลางค่อยๆลดมือกลับไปจับจับด้ามปืนเช่นเดิม
“โคทาโร่สามารถแยกร่างได้ 12 ร่าง ชิโนบิอย่างเขาจะไม่มีวันตายในความมืด” เรียวตะกัดฟันอธิบายอย่างคนกำลังคับแค้นใจ…(ข้าช้าเกินไป…) เป็นเสียงฟันกรามบดขยี้กัน…มาจากปิศาจในตัวเขา
“โคทาโร่ เป็นนินจา!” จิโระกึ่งถาม
“ใช่…เพราะเหตุนี้ กามิกาเซ่ จึงเกิดขึ้นในเวลาหลังตะวันลับขอบฟ้า…ที่นี้ เป็นครั้งแรก” เรียวตะพูดแต่แววตาอาฆาตยังจับจ้องตามร่างของจันทร์หอมไปทุกขณะจิต
“ข้าไม่เชื่อ โคทาโร่ไม่มีวันหันหลังให้ความตายแน่นอน ข้ามั่นใจ”
“เขาหวังจะหายสาบสูญ ไปพร้อมกับหน่วยบินกามิกาเซ่”
“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ” จิโระตะโกนใส่อย่างคนเอาจริง จนแรงระเบิดแยกคนทั้งคู่กระเด็นไปคนละทิศทาง
—บึ้ม!— “อ๊าก!…อ๊าก”
……….
และในซากปรักหักพัง
“หาก…หากเป็นนางที่ตาย…ข้ากับคุณชายมินาโมโตก็จะหายสาบสูญ…ไปด้วยกัน” เสียงเพ้อของเรียวตะที่ยังอยู่ในความมืดสนิท เขาพยายามปัดยกสิ่งซากที่สัมผัสถึงออกให้พ้น…และรวบรวมแรงทั้งหมดที่เหลือยันตัวเองลุกขึ้น กระนั้นความมืดสนิทก็ยังครอบคลุมไว้ทุกด้าน เขาพยายามกระพริบตาแต่มันก็เจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว…อาชีพแพทย์ที่ติดตัวมากำลังอ่านและทบทวนอาการที่เป็นอยู่อย่างเกรงๆ “ไม่…คุณชาย!” สำเนียงอูราคามิเริ่มตื่นกลัว “คุณชาย…คุณชาย!…ข้า ข้า” และมือของเขาก็เริ่มกระตุกสั่น… “ทำไมข้าถึงมองไม่เห็น ข้ามองไม่เห็น คุณชายช่วยข้าด้วย…คุณชาย!”
……….