อูคาชิ เซดะ นินจาเลือดซามูไร Part2 สมรภูมิปักษา8
สมรภูมิปักษา8
เสียงเพรียกในคืนหนาว
แดดสีเหลืองจางๆ ส่องลอดรูโหว่ของหลังคาเต็นท์พลาสติกหลายจุดลงมาถึงพื้น มินาโมโต โคทาโร่ ตื่นขึ้นอีกครั้ง ท่วมกลางเพื่อนทหารญี่ปุ่นหลายนาย บ้างก็กำลังส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด บางก็นอนนิ่งๆ แต่อวัยวะหลายส่วนของพวกเขาเหล่านั้นหายไป
“อย่าเพิ่งลุก…นอนลงนิ่งๆ ก่อน” แพทย์สนามเดินเข้ามาขนาบเขาจากด้านหลัง เหมือนกลัวว่าจุดสำคัญที่กำลังเข้าที่จะได้รับบาดเจ็บซ้ำอีก “โชคดีที่สะเก็ดระเบิดไม่ถูกอวัยวะสำคัญ…แต่เจ้าก็ต้องอยู่ในท่านี้สักอาทิตย์” เขาพูดเบาลง โคทาโร่พยักหน้า “ไหนขอดูแผลหน่อยซิ…เจ็บหน่อยนะ…” แพทย์สนามคนเดิมพูดต่อ พลางใช้มือแกะปมผ้าพันแผลที่ชุ่มไปด้วยเลือดกลางลำตัวออกช้าๆ โคทาโร่กัดฟันเผยอปากต่อสู้กับความเจ็บปวดเป็นระยะๆ…เขาพยายามยกหัวขึ้นเหมือนต้องการจะเห็นแผลด้วยตาของตัวเอง “เจ้าเสียเลือดมากไปหน่อย ก็เลยสลบไป”แพทย์สนามพูดอย่างใจเย็นพลางชักสีหน้าดีขึ้น…
“เราเสียทหารไปเท่าไร” โคทาโร่ถามพร้อมกับพยายามมองสำรวจไปรอบๆ
“23 นาย บาดเจ็บอีก 86 นาย”
“แล้วชาวบ้านละ” เขาถามต่อโดยไม่ได้สนใจบาดแผลของตัวเอง
“เราช่วยพวกเขาได้ส่วนหนึ่ง…แต่ไม่มีข้อมูลที่แท้จริงแจ้งเข้ามา” แพทย์สนามรายงาน สักพักเขาก็เงยหน้าขึ้นเมื่อพันแผลกลับเข้าที่เดิมเรียบร้อย “แผลดีขึ้นกว่าเมื่อวาน…” น้ำเสียงหนักแน่นกว่าเมื่อครู่ โคทาโร่พยักหน้าขอบคุณ แต่ก็ส่ายสายตาไปรอบเหมือนกำลังมองหาใครบางคน
“ข้าขอตัว…แล้วจะมาดูใหม่ก่อนเที่ยง” แพทย์สนามพูดพร้อมกับก้มหัวให้เหมือนจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
“เออ!…เดี๋ยวก่อน ข้าอยากถามหาใครบางคน” โคทาโร่ตัดสินใจในนาทีสุดท้าย แต่ก็ยังคงกลัวจะเป็นข่าวร้ายอยู่ดี
“ใครหรือ” เขาถามกลับสั้นๆ
“ทหารที่มากับข้า เขาชื่อ ฮาราชิ จิโระ”
“ตอนนี้รายชื่อทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บยังไม่เรียบร้อย แต่เดี๋ยวข้าจะเช็คให้…ข้าขอตัวเพราะมีคนไข้อยู่ในเต็นท์ข้างๆ กันอีก 3 หลังที่ต้องดูแล” เขาตัดบท
“ขอบคุณ” โคทาโร่พูดเสียงไม่หลุดออกมา แพทย์สนามคำนับแล้วเดินผ่านไป
“เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไรนะจิโระ” โคทาโร่ภาวนาต่อดวงดาวแห่งนักรบที่เขาเชื่อมั่น (ข้าเกียดสงคราม…ข้าเกียดสงคราม) เขากัดฟันแน่นไปพร้อมกับความรู้สึก สักครู่ฤทธิ์ยาก็ทำให้เขาหลับไปอีก…
………..
เมื่อความมืดเข้ามาเยือน
(โคทาโร่ ความรักจะปิดดวงตาชิโนบิให้มือบอด คำสาปซามูไรจากหญิงที่มีดวงตาคมยิ่งกว่าดาบคาตานะ จะสังหารเจ้า เจ้าไม่ได้ยินเสียงข้า เจ้าไม่ได้ยินในสิ่งที่ชิโนบิสมควรได้ยิน เซดะคุง อูคาชิ เซดะ!) เสียงสื่อสะท้อนต่ำจากกระแสจิตดังแทรกเข้ามาในหัว โคทาโร่ค่อยๆ เปิดเปลือกตาสำรวจช้าๆ และร่างชายชราในชุดกิโมโนสีขาวก็ปรากฏนิ่งอยู่กลางแสงจันทร์สีเงินยวงเบื้องหน้า
(อูคาชิ ยาสุ…ท่านพ่อ) โคทาโร่อุทานอย่างตื่นตระหนกและแปลกใจไปพร้อมกัน
(เซดะ คุณชายเลือดผสมของข้า…เจ้าได้ยินเสียงข้าเสียที) น้ำเสียงที่นุ่มนวลจากคนที่เขาเรียกชื่อ อูคาชิ ยาสุดังในระยะใกล้…แต่ริมฝีปากของชายชรากลับไม่ขยับอย่างที่ควรจะเป็น
(…ท่านแต่งกายไม่ต่างอะไรกับซามูไร) โคทาโร่ถามอย่างที่ตั้งใจแต่แรกเห็น
(บัดนี้เจ้าคือ มินาโมโต โคทาโร่และข้าก็คือตาของเจ้า…เป็นตาของคุณชายมินาโมโตเป็นตาของซามูไรเมืองคาโกคุมะ…ส่วนคุณชายอูคาชิ ในหุบเขาอิงะ เป็นเพียงอดีตที่รอการกลับไปเท่านั้น) เขาตอบไม่ตรงประเด็น…และโคทาโร่ก็ไม่อยากตอกย้ำกับเรื่องราวที่ผ่านมาอีก
(ท่านแม่ เป็นอย่างไรบ้าง) เขาเปลี่ยนประเด็นในทันที
(นางเสียชีวิตอย่างมีเกียติเยี่ยงภรรยาและแม่คนหนึ่งของครอบครัวซามูไร) คำตอบจากอูคาชิ ยาสุทำให้โคทาโร่รู้สึกเย็นวาบ นัยยะหนึ่งแปลกใจที่เขายอมรับในความเป็นครอบครัวซามูไรของนางได้ และอีกนัยยะก็อยากจะร้องไห้ ให้กับการตายของแม่ตัวเอง…
(แม่ข้าตายด้วยวิธีใด เมื่อไร และศพของนางอยู่ที่ไหน ท่านได้เอาศพไปฝังไว้ใกล้ๆ กับคนในตระกูลข้าหรือไม่) โคทาโร่นิ่งอยู่นานก่อนจะหลุดคำถามออกมาเป็นชุด
(…..)ยาสุนิ่งกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง…เหมือนจะมีน้ำตาปนอยู่ด้วย
(ท่านพ่อ…) โคทาโร่ถามย้ำด้วยแววตาที่วิงวอน
(นางเชือดคอตัวเองตอนเช้ามืด หลังจากได้ส่งบุตรชายของเจ้าคืนสู่บ้านมินาโมโต…)
(บุตรชายของข้า) โคทาโร่อึ้ง…(ข้า..ข้ามีบุตรชายตั้งแต่เมื่อไรกัน)
(ใช่บุตรชายของเจ้าที่เกิดกับซามิโอะจัง…โคทาโร่เจ้ามีบุตรชายที่เกิดมาเหมือนเจ้าทุกกระเบียดนิ้ว…ข้าเลยให้ชื่อกับเขา อูคาชิ เซดะ ซ้ำชื่อเดิมของเจ้า…มินาโมโต ฟูจิกาว่าเสียเจ้าให้กับอูคาชิตอนเจ้ามีอายุเพียง 4 ขวบ และอูคาชิก็ต้องเสียคุณชายน้อยให้มินาโมโต ตอนเขาอายุได้ 5 ขวบ เป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่สองตระกูลได้รับ…แต่อูคาชิ แห่งหุบเขาอิงะต้องสูญเสียจนแทบจะสูญสิ้นแทบทุกอย่างให้กับ ยูกาว่า ชิการุ…โคทาโร่ เซดะคุง อูคาชิต้องการเจ้า อูคาชิกำลังรอการกลับไปของเจ้า…ชิโนบิแห่งหุบเขาอิงะ จะต้องกลับมาก่อนที่ชิโนบิในหุบเขาโคงะจะกลืนกิน สายฟ้าสีดำผ่ากลางจันทร์เสี้ยวจะต้องมีคนสานต่อ)
(ท่านหมายความว่า ยูกาว่า ชิการุ ไปเข้ากับพวก โคงะ หรือ)
(ก็ไม่เชิง…แต่คิดว่ามีซาซากุมิอยู่เบื้องหลัง…และมันก็พยายามลักลอบสังหารบุตรของเจ้าหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนยามุดะทนไม่ได้ นางจึงจำเป็นต้องส่งเขาไปอยู่กับมินาโมโต)
(ข้าเข้าใจแล้ว…ศพของแม่ข้าอยู่ในวัดไรอันจิ หรือไม่)
(ใช่แล้ว รวมทั้งข้าด้วย…ฟูจิกาว่า พ่อของเจ้าเขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ทั้งหมด)
(ท่านพ่อ…)โคทาโร่อุทานดวงตาเขาเบิกค้างอยู่นาน (ท่านพ่อ…) และหลับตานิ่งเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน…เขามองลึกข้าไปในดวงตาที่สงบนิ่งของยาสุเพื่อต้องการเค้นความจริงอีก
(เจ้าฟังไม่ผิดหรอก…ศพของข้านอนเคียงข้างกับยามุดะที่วัดไรอันจิ…) ยาสุย้ำเหมือนสัมผัสความรู้สึกของโคทาโร่ได้ แต่โคทาโร่กลับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของยาสุเหมือนอยากจะฝังเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้ที่นั้น
(โคทาโร่ เซดะคุง…สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นบัญชาจากสรรค์ เจ้าอย่าได้กังวลใจในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เจ้าควรจะกังวลเป็นพิเศษนั้นก็คือ คำสาปซามูไร ที่มันเฝ้าติดตามและจองเวรซามูไรของมินาโมโตจนรุ่นสุดท้าย…และเจ้าก็คือเป้าหมายหนึ่งของมัน) เสียงของยาสุมีพลังขึ้นมาจนน่ากลัว
(คำสาปซามูไร…ข้าไม่เข้าใจ)
(สักวัน…จะเข้าใจเอง เจ้าจะตายเพราะผู้หญิงที่มีดวงตาคมกริบยิ่งกว่าดาบคาตานะในสนามรัก ไม่ใช่สนามรบ…โคทาโร่ เซดะ)
(ท่านพ่อ….ท่านพ่อ….เดี๋ยวก่อน ท่านพ่อ ท่านพ่อ)
“ท่านพ่อ เดี๋ยวก่อน ท่านพ่อ ท่านพ่อ” โคทาโร่ตะโกนลั่นทั้งๆ ที่ยังหลับตานอนอยู่บนเตียง มือทั้งสองข้างพยายามไขว่คว้าหาอะไรบางอย่างในความว่างเปล่า จนทำให้แพทย์สนามที่เข้าเวรอยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามา
“จับเขาเอาไว้…” เสียงแพทย์สนามสั่งทหารผู้ช่วย สักพักแรงกดแขนและขาทั้งสองข้างก็ทำให้เขาดิ้นไม่หลุด แพทย์สนามลงมือฉีดยาให้กับเขา “ท่านพ่อ…ท่านพ่อ…” เสียงเขาค่อยๆ เบาลง ความอ่อนเพลียกำลังจะทำให้แขนของเขายกไม่ขึ้น “ท่านพ่อ…” และก็ไม่มีแรงแม้จะเปิดเปลือกตาในเวลานี้
“เอาผ้าชุบน้ำ เช็ดตัวให้เขา วันพรุ่งนี้น่าจะดีขึ้น” เสียงแพทย์สนามคนเดิมสั่งอีก…และสติอันน้อยนิดก็จมลงสู่สีดำอีก
……….
มินาโมโต โคทาโร่ฟื้นอีกที ตอนสายๆของวันต่อมาแพทย์สนามได้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ให้เขา แสงแดดสีขาวเจิดจ้าที่ส่องทะลุรูโหว่ของหลังคาเป็นมุม 90 องศา ทำให้พอเดาเวลาในขณะนั้นได้ไม่ยาก และแสงสว่างนี้เองที่เป็นสาเหตุทำให้เขาปวดที่เบ้าตาทั้ง 2 ข้าง กระนั้นก็พยายามยันตัวเองลุกนั่ง เพื่อกระพริบตาปรับลดแสงให้น้อยลงอย่างเคยชิน จนมันรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ
“ตื่นแล้วเหรอ…” แพทย์สนามทักทาย โคทาโร่ค่อยๆ หันไปมอง รอยยิ้มจางๆเด่นชัดอยู่ตรงหน้า โคทาโร่พยักหน้าแทนคำพูด
“เจ้าต้องรับยาอีกชุด แล้วค่อยไปรับอาหารข้างนอก”
“ข้าเกรงว่าจะหลับอีก” โคทาโร่พูดดักคอ
“นี้เป็นยาบำรุง เพื่อปรับสภาพร่างกายให้แข็งแรงให้เร็วขึ้น ข้างดยานอนหลับตั้งแต่เมื่อวานแล้วละ” แพทย์สนามบอกและส่งเม็ดยาให้พร้อมกับน้ำดื่ม โคทาโร่พยักหน้ารับแล้วกลืนมันลงไปทันที
“ขอบใจ มากที่ดูแลข้า”
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว…อ้อ ข้าลืมไปทหารที่ชื่อ ฮาราชิ จิโระ ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วนะ อาจจะฟื้นตัวทันพร้อมกับเจ้านี้แหละ” เขารีบรายงาน ทันทีที่นึกได้
“ตอนนี้ เขาอยู่ที่ไหน” โคทาโร่ถาม
“เต็นท์ 3 หมายเลข 3406…ข้าต้องขอตัว…เออข้าลืมอีกแล้ว ดาบคาตานะของเจ้า ข้าเก็บมันไว้ที่ห้องเก็บสัมภาระชั่วคราว ติดต่อรับคืนจากทหารเวรได้เลย…แต่ว่าดาบของเจ้ามันร้อนยังกับไฟ ทำไมเจ้ายังจับมันได้เป็นนาน ดูนี้ มือข้าพองก็เพราะมัน” แพทย์สนามพูดพลางยื่นมือที่บวมแดงให้ดู โคทาโร่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
(แต่ข้ากลับรู้สึกเย็นสบายทุกครั้งที่ได้สัมผัส) โคทาโร่บอกความรู้สึกที่คิดถึง เขากวาดมองไปรอบๆ สภาพในขณะนี้ยังมีนายทหารที่นอนรักษารวมอยู่ในเต็นท์เดียวกับเขาอีกมาก ทหารบางนายมีเอกสารส่งตัวกลับญี่ปุ่นวางอยู่ข้างๆ แต่เมื่อโคทาโร่จ้องลึกเพื่ออ่านความรู้สึก มันบอกชัดเจนว่าพวกเขาไม่พร้อมจะกลับบ้านในสภาพที่เป็นอยู่ เขาถอนหายใจออกยาวๆ หลายครั้ง จึงพยายามยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะค่อยๆเดินไปตามทางแคบๆ ตรงไปยังทางออก เขาต้องปรับสายตาของตัวเองอีกหลายครั้งก่อนจะพ้นม่านพลาสติกที่ใช้แทนประตู และทันทีที่ก้าวพ้นออกมา ภาพของอาคารเรียนสีขาวขนาดใหญ่ที่เคยตั้งตระหง่านในวันแรกที่มาถึง เวลานี้มันกลับเหลือแต่ซากปรักหักพัง เศษอิฐเศษปูนกองพะเนินเทินทึกเป็นภูเขาย่อมๆ เหมือนมันกำลังรอให้เขาตื่นขึ้นมาสะสาง
(นี้หรือสงคราม สงคราม…สงคราม) เขาคิดวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้นหลายรอบ โดยมีคนไทยหลายคนกำลังยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์อยู่ห่างออกไป เขาเห็นหลายคนร่ำไห้อย่างไม่อาย และอีกหลายคนก็กำลังจ้องเขม็งมาที่เขาเหมือนจะฉีกร่างกายที่เพิ่งฟื้นออกเป็นชิ้น
(ข้าเสียใจ หากหยุดสงครามได้ ข้าจะออกคำสั่งเดี๋ยวนี้)
……….
“หากเจ็บปวด…………………………………….เพียงใด
แรงผลักดันสู่เป้าหมายก็จะยิ่งมากขึ้น……เพียงนั้น”
มินาโมโต โคทาโร่
……….