อนุชาย ตอนที่ 29

อนุชาย ตอนที่ 29

นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อนุชาย ตอนที่ 29 วิวาห์ไฮโซ

อนุชาย ตอนที่ 29

ตลอด 3 วัน 3 คืนที่อนุชัยกลับมาอยู่บ้านลอฟเลิฟ มันเป็น 3 วัน 3 คืนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยโทรคุย ถึงแม้จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรออกหาเขาเป็นรอบที่ 2561 แล้วก็ตาม…พรุ่งนี้ตอนค่ำๆ งานแต่งงานระหว่างลูกชาย ดร.ชวนนท์ สายสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับลูกสาวคนที่ 2 ของ ดร. ทักพงศ์ ชีวาวัฒนะ นายกรัฐมนตรี จะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในสนามกีฬาอิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี แขกทุกวงการต่างพากันตื่นเต้น ภาพรีวิลเวดดิ้งราวกับเทวา-นางฟ้าถูกสื่อสารมวลชนทุกแขนงนำไปเล่นข่าวและร่วมแสดงความยินดีอย่างเอิกเกริก

แต่เวลาเดียวกันเกือบๆ 3 ทุ่มที่บ้านลอฟท์เลิฟมีอนุชาติ เชาว์ แครายกับสตีป เจมส์มาร์ทคอร์ แฟนหนุ่มชาวแคนาดากับลูกสาววัยพึ่งจะขวบกับไม่กี่วัน สมรและศักดิ์ดาต่างก็รวมตัวอยู่กันแน่นอยู่ในบ้านปูนเปลือย อนุชัยลบกฎเขกกะโหลกบนกระดานชนวนออกเหลือไว้เพียงความว่างเปล่าสีดำตั้งแต่มาถึง ยูริ ยามาซาดะแวะมาทานข้าวกับพวกเขาสั้นๆก่อนจะกลับโรงแรมเพื่อเตรียมตัว ใช่คืนนี้เขาเองก็จะต้องเตรียมตัวเช่นกัน แครายกับสตีปคงกำลังกล่อมลูกสาวนอนอยู่บนห้องแล้วละ ขณะที่พ่อแม่นั่งเรียงรายอยู่ในห้องรับแขกครบทุกคน เขาจึงเริ่มเอ่ยขึ้น

“พ่อ….” เขาจงใจจะเรียกอนุชาติที่กำลังคุยกับสมร

“มันเป็นบ้านของลูกนะอนุชัย” อนุชาติตอบเรียบๆ

แล้วอนุชัยก็หันหน้าไปทางสมร “แม่”

“มันเป็นชีวิตของลูก อะไรที่คิดว่าดีก็ทำไปเลยจ้ะ” สมรบอกพลางดึงเขามาโอบและจุมพิตที่หน้าผาก สุดท้ายอนุชัยก็หันไปหาศักดิ์ดาที่ยิ้มปลื้มอยู่ข้างๆ

“ไอ้อ้วนเอ้ย เอ็งโตแล้วนะลูก ตัดสินใจไปเลย พ่อกับแม่สนับสนุนเต็มที่”

ใบหน้าและแววตาของเขาดูจะมั่นคงมากกว่าเดิม “คงจะจบได้แล้วละ” เขาพึมพำก่อนจะลุกเดินหายขึ้นห้องนอนตัวเอง

เช้าๆ แดดสีวะนิลากำลังอาบบ้านปูนเปลือย สีเทาเฉดดำก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้น…เกือบจะ 7 โมงหญิงรัดดาก็มาเคาะประตูห้องเรียก เธอมาพร้อมกับชุดทักซิโด้สีขาว แถมบังคับให้เขาสวมใส่มันให้เรียบร้อยก่อน 8 โมงเช้า “ทำไมนะ” อนุชัยคิดแต่ก็น่าจะเป็นกิจกรรมในงานแต่งของชานนท์นั้นแหละ เขามองชุดที่โก้หรูอยู่นาน ใจหนึ่งก็อยากจะฉีกทำลายมันไม่ให้เหลือซาก แต่อีกใจก็อดคิดถึงภาพทารกน้อยชานนท์ตอนอยู่กับเขาตามลำพังที่ชิมะไม่ได้ อนุชัยสูดเอากาศรอบเข้าสู่ปอดจนเต็มและพ่นมันทิ้งยาวๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ

และเกือบ 8 โมง เสียงของหญิงรัดดาก็ดังขึ้นที่ประตูอีก ก๊อกๆ “พี่นุเรียบร้อยรึยังคะ หญิงจะเข้าไปแล้วนะ” ไม่ทันตอบรับ เธอก็ผลักประตูเข้ามาหา “โอ้โฮ! หล่อจังเลยคะ เดี๋ยวต้องมีกุหลาบขาวสักช่อ” เธอวิ่งหายออกจากห้องสักครู่และกลับเข้ามาพร้อมกุหลาบสีขาวช่อเล็กสำหรับปักอกเสื้อ เธอกุลีกุจอแต่งมันให้เข้าที่

“ทำไมต้องใช้กุหลาบขาวละน้องหญิง พี่ขอบสีโอโรสนะ” อนุชัยเปรยๆ แต่ก็ไม่จริงจังนัก

“เอาเถอะน่า….เชื่อหญิงเถอะ เดี๋ยวดีเอง”เธอพูดเร็วๆ ขณะปัดฝุ่นสำรวจความเรียบร้อยไปรอบตัวเขา “โอเคร หญิงว่าสุดๆ แล้วละ”

“งานเริ่มแต่เช้าขนาดนี้เลยรึ”

“งานแต่งหลอกๆ นะตอนเย็น แต่งานแต่งจริงคือตอนนี้ ไป ไปได้แล้วทุกคนเค้ารออยู่” ยิ่งเธอพูดอนุชัยก็ยิ่งสับสน กระนั้นก็ไม่มีอารมณ์ใดๆ จะมารื่นเริง “ไปกันคะพร้อมละ ขอควงสักวันละกัน”

ทันทีที่ขาก้าวออกมาจากประตูอนุชัยก็ต้องตกตะลึงค้าง เพราะภาพตั้งแต่โถงชั้น 2 ลามเลื้อยลงไปตามบันไดถูกประดับประดาไปด้วยดอกกุหลาบขาวแซมสีโอโรสได้อย่างสวยงาม ไฟแสงสีเสียงเพลงโรแมนติก บรรเลงคลอเบาๆ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่น้องหญิง” อนุชัยถามแบบตื่นๆ เมื่อหญิงรัดดาได้แต่ยิ้มเกาะอยู่ข้างกาย…เขาจึงถามขึ้นมาอีก “น้องหญิง เกิดอะไรขึ้นแล้วทุกคนละไปไหนกันหมด

“ทุกคนพร้อมที่เฉลียงหน้าบ้านลอฟท์เลิฟแล้วละคะ” เธอพูดก่อนจะดันเขาให้ลงบันได “ไปคะ เชื่อหญิงเถอะ” ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายยอมจำนน

เสียงดนตรีพาเขาและเธอผ่านซุ้มกุหลาบ 2 สีไปเรื่อยๆ แดดแรกทาทับ แสงไฟกระพริบราวกับหมู่ดาวยังอยู่ครบ ภายในโถงรวมชั้นล่าง แจกันกุหลาบและรูปภาพของเขากับชานนท์ในอิริยาบถต่างๆ ประดับประดาเป็นทางยาว มีเพียงกระดานชนวนที่เคยเขียนกฎเขกกะโหลกเท่านั้นที่หายไป

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” อนุชัยถามอีก หญิงรัดดาก็เอาแต่ฉีกยิ้ม กระทั้งเธอพาเขามายืนติดม่านที่จงใจคลุมประตูทางออกเอาไว้ เมื่อเข้าที่…..ม่านประตูก็ถูกเปิดออกช้าๆ…ช้าๆ

“โอ้!…ไม่นะน้องหญิง” อนุชัยตกใจสุดขีด เมื่อเห็นทุกคนรวมทั้ง ดร.ชวนนท์ คุณหญิงพวงพร สายสกุล พ่ออนุชาติ พ่อศักดิ์ดาแม่สมร รวมทั้งอาชาญจากบ้านตระกูลเชาว์ สตีปยืนอุ้มลูกโบกมือเล็กๆ ให้เขา ไม่เว้นแม้แต่เจ่ดวงกับยูริ ยามาซาดะที่มาด้วยชุดกิโมโนสีชมพูเต็มรูปแบบยืนฉีกยิ้มกว้างๆ แบบสาวญี่ปุ่น มันทั้งสวยงามและน่าตื้นตันหากเป็นงานแต่งของเขา “ทุกคนมาทำอะไรรึ!น้องหญิง งานแต่งคุณชายจัดที่เมืองทองธานีไม่ใช่รึไง”

“ออกมาเถอะพี่นุ” หญิงรัดดาเร่งรัด เธอดันเขาออกไปนอกประตูสู่เฉลียงกว้างที่ประดับประดาไปด้วยกุหลาบ 2 สีจนเต็มพรึบ ไม่เว้นแม้กระทั้งหลังคาระแนงไม้โปร่งๆ ที่เขาชอบ

ทุกคนจ้องมาที่ทั้ง 2 เป็นจุดเดียว เขาก้าวขาตามหญิงรัดดาไปเรื่อยๆ ยิ้มทักทายกับทุกคนที่กำลังยิ้มให้ กระทั้งหญิงรัดดาเอ่ยขึ้น

“พี่นุ ดูอะไรนี้ซิคะ”

เขาหันไปดูกระดานชนวนที่แขวนอยู่กับผนังสีปูนไม่มีกฎเขกกะโหลกเหลืออยู่แล้วมีเพียงชื่อนามแฝงเขียนด้วยลายมือห่วยๆ ของชานนท์ว่า “TIMMY&DEAR NIEL WEDDING”

“น้องหญิง” เขาอุทานตื่นๆ ตื้นๆ จน ดร.ชวนนท์เดินเข้ามาและดึงเขาไปกอด ต่อจากนั้นก็คุณหญิงพวงพร แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกระทั้งเสียงเพลงงานแต่งดังขึ้นจากสนามต้นแคนาแบบจริงๆ จังๆ….แครายที่มาด้วยชุดสีโอโรสคล้ายกับหญิงรัดดาก็ควงชานนท์ในชุดสูททักซิโด้คล้ายเขาเดินมาตามถนนที่มีซุ้มกุหลาบ 2 สีเรียงกันตลอดทาง ไอ้หมอนั้นยิ้มหน้าบาน ขณะที่เขาหมองเครียดจนนึกอะไรไม่ออก

“นี้งานแต่งงานของเรานะยิ้มหน่อยซิ” ชานนท์เอ่ยขึ้น เมื่อเดินมาหยุดข้างๆ

แต่เขาได้แต่ จิ๊!ปาก อย่างคนกำลังสับสน…

“ยิ้มหน่อย วันนี้วันดีของเรานะ” ชานนท์เกาะแขนกระตุ้น อนุชัยจึงได้จ้องดวงตาและพยายามให้มันทะลุทะลวงถึงข้างใน…

“ฉันอยากเห็นนายใช้หัวใจยิ้มให้ฉันเหมือนกับทุกๆวัน”

“ทำแบบนี้เพื่ออะไร….” อนุชัยกระซิบในขณะที่ใบหน้าพยามรักษาสภาพ

“ฉันก็แค่ไม่อยากให้นายเป็นแค่ไข่มุกแห่งชิมะ แต่ฉันอยากจะให้นายเป็นคนเดียว…เป็นทุกสิ่ง…เป็นทุกอย่างให้ฉัน….แต่…..” พลันชานนท์ก็ชะงักแล้วหันไปบอกทุกคน “เราขอเวลาคุยกันสักหน่อย” ชานนท์พูดจบ ก็ลากแขนอนุชัยหายเข้าไปในบ้าน เมื่อม่านปิดสนิท เขาก็ปล่อยโฮทรุดตัวกอดเอวรัดสะโพกอนุชัยไว้แน่น “ฉันไม่ไหวแล้ว นุ ฉันไม่ไหวจะรับจริงๆ ฮื่อๆ” ชานนท์ปล่อยโฮออกมาแบบเด็กๆ

อนุชัยเชิดหน้าสูงหวังไม่ให้แอ่งน้ำในซอกหินแห่งชิมะล้นออกนอกเบ้า เขานิ่งจนคล้ายกับหุ่นหิน

“นุ นุ ฉันรักนาย….ไอ้เฮี้ยชานนท์มันรักไอ้นกป่า….ไอ้เฮี้ยคุณมันรักนกป่านายเข้าใจไหม?…..ฉันไม่อยากเก็บนายไว้ที่ชิมะในฐานะเมียน้อยอีกแล้ว ฉัน ฉันอยากจะอยู่ที่บ้านลอฟท์เลิฟ บ้านของเรา…Loft Love House คือบ้านของเรา มันคือชีวิตของฉัน นายเข้าใจไหม นายเข้าใจฉันไหม?”

อนุชัยค่อยๆเอามือลูบวนจนทรงผมที่ถูกจัดแต่งมาอย่างดีกลายเป็นรังนกกระจอก “กฎเขกกะโหลกข้อที่ 1 อย่างไรเสีย…นกป่าก็ต้องกลับรัง” เขาเอ่ยแล้วก็หยุด “กฎข้อที่ 2 3 4 คงไม่มีความหมายแล้วละชานนท์….เราเดินทางกันมาได้ไกลมากแล้ว….” อนุชัยยื่นใบหน้าหมองๆ เข้าไปใกล้ๆ “ ชกหน้าฉันเถอะ ฉันจะได้ไปๆ ซะที”

“ไม่ ไม่มีทาง ฉันบอกนายแล้วไง หากเมื่อไรเราต้องชกกันขึ้นมาจริงๆ ฉันจะชกตัวเองจนกว่าจะตาย จนกว่าจะตายไปด้วยกัน…ฉันเอาจริงนะ” แล้วชานนท์ก็ชกใบหน้าตัวเอง ชกลำตัว ชกท้องตัวเอง จนอนุชัยห้ามไว้

“พอเถอะชานนท์  พอเถอะ….เราต้องก้าวต่อไป…” อนุชัยช้อนร่างให้ยืนอยู่ในระดับเดียวกันแล้วก็บดขยี้ความกระหายแลกลิ้นกันจนอิ่ม “ไปเถอะ งานของเราเริ่มแล้ว”

“ฉันกลัว…ผมกลัวครับพี่ทิมมี่”

“ยังมีอย่างอื่นที่น่ากลัวรอนายอยู่อีกเยอะเดี๋ยวก็ชิน” อนุชัยพูดพร้อมกับดึงชานนท์เข้ามากระชับอก ใบหน้าเกยหัวไหล่กันและกันจนกระทั้งหญิงรัดดากับแครายโผล่เปิดม่านเข้ามาหา 2 หนุ่มกับ 2 สาวก็ไปยืนในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง งานแต่งงานที่ไร้แหวนดำเนินต่อไปจนจบ พวกเขาถูกผู้ใหญ่ส่งตัวเข้าหอ 4 ชั่วโมง เวลาของพวกเขาเหลืออยู่แค่ 4 ชั่วโมงสุดท้าย หลังจากนั้นชานนท์จะถูกนำตัวสู่งานแต่งของตัวเอง…..

“ไปพร้อมกันนะ” ชานนท์เอ่ยจากร่างที่เปลือยเปล่า อนุชัยนิ่งคิด “นะ ฉันกลัวสารพัด”

“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง” อนุชัยจุมพิตที่หน้าผากเขา “ขอบใจ….อย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่เมียน้อยของนายแล้วละ”

“ถ้าเป็นไปได้ อยากจะหยุดอยู่แค่นี้”

“ไม่ง่ายหรอก…เด็กน้อยเอ้ย!…ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะตามไป”

เมื่อชานนท์และครอบครัวสายสกุลออกไปแล้ว หลายคนก็ต่างทยอยกันตามไปเหลือแต่เพียงสมรและศักดิ์ดาเท่านั้นที่อยู่กับเขาเป็นคนท้ายๆ

“คิดดีแล้วเหรอลูก” สมรถาม

“ไอ้อ้วนเป็นผู้ใหญ่แล้วน่า….มันเอาตัวรอดได้” ลุงศักดิ์ดาแทรก เขาจึงหันไปบอกเขา

“ฝากดูแลแม่กับยายแทนด้วยนะพ่อ….เมื่อทุกอย่างเข้าที่ นุ จะกลับไปเยี่ยม”

สมรเข้ากอดอนุชัยไว้แน่นอก…“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” เธอพูดได้สั้นๆ ก่อนศักดิ์ดาพาเธอไปยังรถกระบะ แล้วขับกลับบ้านในหุบเขา นกป่าปีกสีน้ำตาลเปลือกไม้ก็ได้เวลาโดดเดี่ยวอีกวาระหนึ่ง…..

อนุชัยยกหูโทรศัพท์คุยกับบางคน “พร้อมแล้วเข้ามาเลยครับ…เอาให้จบคืนนี้นะ”

(ครับนายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง…เอ่อ นายน้อยครับ….)

“อะไร…”

(โชคดีนะครับ)

“อื้อ ขอบใจมากๆ”

คืนวิวาห์ไฮโซ เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการ อนุชัยไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของชานนท์มีเพียงของขวัญในกล่องเล็กๆ ที่ฝากกับแครายไปให้เท่านั้น เมื่อผู้คนต่างมากันมากมายล้นหลาม ชานนท์จึงเข้าใจว่าอนุชัยน่าจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งในงาน กระทั้งเช้าหลังวันแต่งาน รถเบนซ์สปอร์ตสีดำก็แล่นตามถนนตรงไปยังบ้านลอฟท์เลิฟ แดดใกล้ๆ 9 โมงกระจ่างจนเกือบจะเห็นทุกสิ่งเป็นสีขาว แต่เมื่อรถวิ่งมาถึงสถานที่ที่คุ้นเคย มันกลับไม่เหลือสิ่งใดๆ ให้ชานนท์เห็น ตำแหน่งที่เคยเป็นประตูไม้ดิบสีดำว่างเปล่า….ป้ายชื่อบ้านลอฟท์เลิฟที่เป็นหินแกรนิตสีน้ำตาลดำถูกทุบทำลายจนหาเศษซากไม่เจอ…บ้านปูนเปลือยโมเดิ้ลลอฟท์ของพวกเขาละอยู่ๆ ทำไมมันเหลือแต่เศษอิฐเศษปูนนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นแคนาที่ใบกำลังโรยดอกสีขาวเยี่ยงนี้

ชานนท์ซบใบหน้าสะอื้น แผ่นหลังสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวแล้วอยู่ๆ ยามแก่ๆ ที่พวกเขาเคยจ้างก็เดินตรงเข้ามาหา

“นายน้อยฝากไว้ให้คุณชายครับ”

ชานนท์ค่อยๆ เงยใบหน้าที่เห็นดวงตาเป็นสีแดงมีน้ำไหลอาบท่วมจ้องนิ่งๆ เขารับจดหมายที่ไม่สลักชื่อผู้รับแล้วดึงมันออกมาอ่าน……

ถึงเดียร์เนียลสุดที่รัก

ในเมื่อความรักของเราเดินทางมาจนสุดปลายทาง เราก็ควรหยุด บ้านลอฟท์เลิฟถ้าปล่อยทิ้งก็รังแต่จะสร้างความเจ็บปวดไม่ต่างจากปติมากรรมแห่งรัก เมื่อเห็นยามใดก็จะเจ็บปวดยามนั้น จะ 100 ปี หรือ 1000 ปีความเจ็บปวดก็ยังอยู่ครบถ้วน

อย่าพยายามตามหาฉัน ต่อจากวันนี้เป็นต้นไป หน้าที่ลูกเขยนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่ต้องผ่านไปให้ได้ สำหรับนกป่าปีกสีน้ำตาลเปลือกไม้ มันจับคอนไหนก็หลับ จะรังไม้ รังปูนหรือรังอะไรก็คือบ้าน อย่าได้ห่วง (ถ้าห่วง) จงปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบให้ดี หน้าที่ของสามีไม่ใช่เอาไว้ปฏิบัติกับผู้ชาย แต่จงเป็นให้กับสตรีจึงจะถือว่าเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบ

ขอบใจมากที่ไม่ยอมให้ฉันเป็นอนุชาย ขอบใจจริงๆ

Timmy Buto

“นายไปไหน นายอยู่ไหนนนน….อนุชายยยยยยย…”

(Visited 87 times, 1 visits today)