อนุชาย ตอนที่ 6

อนุชาย ตอนที่ 6

เขาคือใคร แครี่ นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง เรื่อง อนุชาย ตอนที่ 6

อนุชาย ตอนที่ 6

ก่อนกลับกรุงเทพฯ 1 วัน

“นุ….หนูแคร์แวะมาหาแม่ก่อนปีใหม่ เธอฝากกระดาษแผ่นนี้ให้ก่อนกลับแคนาดานะลูก” สมรยื่นแผ่นกระดาษที่พับแค่ 2 ทบให้ มันไม่เชิงเป็นจดหมาย แต่เป็นโน้ตข้อความ 4 – 5 บรรทัดสั้นๆ ที่สมรไม่มีทางเข้าใจ

อนุชัยรับไปเปิดอ่าน “ขอบคุณครับแม่” เขายิ้มพร้อมกับวิ่งเข้าไปหยิบมือถือออกมาพิมพ์บางอย่างเร็วๆ เขายิ้มอีก ยิ้มซ้ำๆ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ๆ

“ไอ้ลูกคนนี้นิ…..” เธอตะโกนตามหลังบุตรชาย ที่วิ่งออกไปหน้าตรอก ตรงไปร้านสะดวกซื้อราวกับมีเป้าหมายสำคัญรออยู่…..

“ฉันลืมโหยหาเธอได้อย่างไร แคราย…”

ต้นเดือนมีนาคมที่บ้าน 2 ชั้นทรงร่วมสมัยภายในสนามกอล์ฟ “เซอร์แจ็กสัน” กลางดง

“แม่เอิบ ไอ้สม หายหัวไปไหนกันหมด” ท่านผู้หญิงแขไขตะโกนลั่น ขณะพึ่งตื่นนอน  เธอเดินอาดๆ ลากชุดสีชมพูบางๆ ปลิวไสวราวกับบ่างปีกกว้างถลาลงมาตามบันไดรูปโค้ง “ไอ้สม แม่เอิบ หายหัวไปไหน”

“ขา ขา ค่า คะ ท่านผู้หญิงมีอะไรรึคะ เรียกหาแต่เช้า” แม่บ้านวัย 50 ต้นๆ เปิดประตูพาร่างอ้วนกลมกลิ้งเข้ามายืนก้มหน้าใกล้ๆ “มีอะไรรึคะท่าน”

“แครายเพิ่งกลับมาเมื่อคืนหายไปไหนแต่เช้า” ท่านผู้หญิงแขไขถาม

“อ้อ…เธอให้ไอ้สมขับรถไปส่งที่บ้านตระกูลเชาว์แต่เช้าตรู่แล้วละคะ” แม่เอิบรายงาน

ซึ่งมันสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมาก “อาไรรรรร! คนเป็นแม่ยังไม่ทันเห็นหน้าเลย ฉันว่าต้องมีบางอย่างแน่ๆ”

“หนูแคร์เธอบอกกับดิฉันไว้ว่ามีนัดทานอาหารเย็นกับคุณชานนท์ลูกชาย ดร.ชวนนท์ นะคะ” แม่เอิบรายงานต่อ รอยยิ้มบางๆ จึงปรากฏให้เห็น ก่อนท่านผู้หญิงแขไขจะชักสีหน้าคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน

“ก็บินกลับมาพร้อมกัน ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยนะ” เธอขมวดคิ้วที่ยังไม่แต่งเข้าหากัน “ไม่ได้การละ แม่เอิบโทรเรียกไอ้ชินมาพบฉันตอน 9 โมง  เน้นต้องเป็นไอ้ชินคนเดียวเท่านั้นนะ” เธอออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“คะๆ….ท่านผู้หญิง”

“โอ้ย! ปกรณ์ ปกรณ์ อยู่ไหน”

“ครับๆ ท่านผู้หญิง” หนุ่มขับรถหน้าใสรุ่นลูก วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องที่อยู่ชั้นบน ท่านผู้หญิงแขไขจึงก้าวขากลับขึ้นบันไดแบบรีบๆ ตรงเข้าไปโรยหางตาระห้อยกระซิบกระซาบบางอย่าง

จนปกรณ์ตาลุกวาวพร้อมกับอุทานออกมาเบาๆ “ท่านผู้หญิงครับ”

ท่านผู้หญิงแขไขยิงสายตาดุร้ายใส่

“ครับๆ…. พิ….พี่แข”

“แขเครียดจังเลยปกรณ์ขา….”

ที่สวนอาหารสะบันงา

“พิชัย วันนี้มาแต่หัววันเลยนะ” เจ่ดวงที่กำลังวุ่นอยู่กับการเช็คของที่พึ่งมาส่งตะโกนจากลานส่ง  เมื่อเห็นรถ BMW  สีดำแล่นเข้ามาจอดเทียบในระยะที่มองเห็น ก่อนอาจารย์พิชัยจะก้าวฉับๆ เข้าไปยืนข้างๆ

“ดวง วันนี้นุมันมาทำงานหรือเปล่า” อาจารย์พิชัยถามแบบรีบๆ

“ไม่นิ อ้าว! พวกเธออยู่บ้านเดียวกันแบบไหนวะ ไว้ใจได้ไหมเนี้ย” เจ่ดวงขึ้นเสียงสูง เธอวางปากกากับเอกสาร 2 แผ่นไว้ที่หลังรถ “2 อาทิตย์ละ นึกว่าติดเรียน” เธอหยุดประเมินสีหน้าคู่สนทนา สักพัก “อ้าวๆ น้องฉันหายไป จะมีใครรับผิดชอบวะ เฮ้ย!”

“เธอโทรหาเขาหน่อยดิ!…” อาจารย์พิชัยลงน้ำเสียงวิงวอน จนอีกฝ่ายอดจิ!ปากเสียงดัง จิ๊ จิ๊ ไม่ได้

“อะไรของพวกเธอนะ….เรื่องแค่นี้ยังต้องถึงมือฉัน…โอเคยะ! ไปรอฉันอยู่ในห้องแป๊บ! ลงของเสร็จจะตามไป”

“ขอบคุณมากนะดวงนะ”

“เออ….” เธอไล่ส่งเสียงสูงก่อนจะส่ายหน้าเอื้อมละอาช้าๆ “อะไรของมันวะ ทำยังกะเป็นผัวเมียกัน….”

ภายในโรงแรม 5 ดาว บนถนนสุขุมวิท

แสงไฟสีส้มอาบ 2 ร่างที่เกี่ยวรัดกันและกันราวกับงู 2 ตัวบนเตียงสีขาว เสียงละเมอพร่ำเพ้อดังลอดไรฟันที่ขบแน่น บางช่วงบางจังหวะกระชันชิดราวกับวิญญาณของคนทั้งคู่จะหลุดลอยออกจากร่าง ลีลาซบ พลิกหมุนเวียนสลับกันไปมา กระทั้งหญิงสาวหมุนขึ้นนั่งค่อม เธอโหยหาราวกับปรารถนาสิ่งนี้มาสิบชาติ

“อนุชัย อนุชัย ตัวเองเป็นบ้าอะไรเนี้ย…โอ้ย! คนบัดซบ ทำให้ฉัน ทำให้ฉัน” เสียงขย่มจนเตียงขนาด 6 ฟุตดังลั่นห้อง “อนุชัย ตัวเองเปลี่ยนไป อนุชัยเรียกชื่อฉันซิ!  เรียกฉันว่าที่รัก เรียกฉันว่าเมียขาเร็วๆ เข้า….ตัวเองเป็นอะไร….อนุชัย….อนุชายยยยยยยยยยยยยยยย”

เมื่อทุกอย่างเงียบสงบ อนุชัยกลับเบือนหน้าหลบสายตาของหญิงสาวที่กำลังเปลือยนั่งจ้องราวกับนางเสือร้ายกำลังขย้ำเหยื่อ “เค้า เค้าขอโทษ เค้าคงเหนื่อยนะแคร์” อนุชัยอ้ำๆ อึ้งๆ ราวกับแปลกใจเช่นกัน

“ตัวเองคือสิ่งเดียวที่เค้าโหยหามาตลอด 2 ปี….ตัวเองเปลี่ยนไป ไม่ใช่คนเดิม….มองหน้าเค้า มองหน้าเมียตัวเอง แล้วตอบเค้ามา 2 ปีที่ไม่ได้เจอกัน ตัวเองมีคนอื่นใช่ไหม” แครายยิงคำถามตรงๆ แต่อนุชัยได้แต่สายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ เค้าไม่มีใครนอกจากแคร์คนเดียว….” อนุชัยตอบจนเกือบระดับกระซิบ “เค้า เค้าอาจจะเหนื่อย ใช่!  ใช่เพราะเค้าทั้งเรียน ทั้งทำงาน แครี่ ตัวเองต้องเข้าใจเค้านะ”

“ไม่อ่ะ ตัวเองไม่เหมือนเดิม ตัวเองรีบแต่งตัวเถอะ เค้ามีนัดทานข้าวกับลูกชาย ดร.ชวนนท์” แครายเสียงดุดันพร้อมกับลุกพาร่างไร้อาภรณ์หายเข้าไปในห้องน้ำที่มีแสงไฟลอดผ่านประตูเข้ามาให้เห็น “บ้าเอ้ย!….คนบ้า”

อนุชัยทิ้งตัวเอาหมอนอุดหู บีบเกรงไปทั้งร่างแบบคนตั้งคำถามและหาคำตอบไม่เจอ “บ้าฉิบ….เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”

ที่ล็อบบี้ชั้น 1

ครู่ต่อมาที่ล็อบบี้ชั้น 1  แคราย เชาว์ อยู่ในชุดราตรีสีโอโรสเปิดไหล่โชว์แผ่นหลังขาวเนียนเดินออกจากลิฟต์คู่มากับชายหนุ่มสวมสูททักซิโด้สีดำสนิท เขาและเธอเดินสยายท่ามกลางนักข่าวจากหลายๆ สำนัก เสียงกดชัตเตอร์รัวๆ ดังขึ้นพร้อมกับแสงแฟลช แสงไฟวูบวาบตามจังหวะ ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไร เพราะคืนนี้เป็นคืนเปิดตัวเพื่อนสาวคนสนิท บุตรชายคนเดียวของ ดร.ชวนนท์ สายสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ทั้งคู่เดินอย่างนางพญาและคิงส์โดยมีเสียงเรียกร้องให้หยุดสัมภาษณ์เป็นระยะๆ

“คืนนี้เรามีนัดดินเนอร์เงียบๆ ระหว่าง บ้านตระกูลเชาว์กับบ้านสายสกุล นะคะ” แครายพูดเนิบๆ มือเรียวๆ ยังเกาะวงแขนของหนุ่มหล่อตัวสูงที่เอาแต่อมยิ้มบางๆ โปรยเสน่ห์ไปทางนั้นทีทางนี้ที

“แล้วคุณชายกับคุณแครี่จะบินกลับไปเรียนต่อเมื่อไรคะ” เสียงจากนักข่าวสุภาพสตรีในชุดสีแดงเพลิง ชานนท์แตะแผ่นหลังแคราย เพื่อส่งสัญญาณให้เธอหยุดและเธอก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบในฉากนั้น

“ซัมเมอร์ 2 เดือนครับ คาดว่าปลายๆ เดือนหน้า…. เราคงได้เจอกันเรื่อยๆ จนกว่าจะเบื่อไปข้างหนึ่งนั้นแหละ” ชานท์พูดพลางบีบริมฝีปากเข้าหากันจนเกิดลักยิ้มบนแก้มทั้ง 2 ข้าง

“คะ อย่าเพิ่งเบื่อเรานะคะ” แครายเสริมเธอยิ้มไปรอบๆ แสงแฟลชยังรัวไม่รู้จักเบื่อ

“ทั้ง 2 เจอกันที่ไหนคะ….เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก”

มหาวิทยาลัย บริติช โคลัมเบีย ครับ” ชานนท์ตอบแทน

“พี่ชายจบไฮสคลูที่แวนคูเวอร์นะค่า ส่วนแคร์ หญิงแม่พึ่งจะส่งไปเรียน 2 ปีนี้เองคะ” แครายตอบ

“มีแพลนจะแต่งงานรึยังคะ”

“ฮ่า ฮ่า ฮา ขอเรียนรู้กันไปก่อนดีกว่านะคะ”

“ครับถ้าพร้อมเมื่อไรผมจะจัดแถลงข่าวอีกครั้ง” ชานนท์ตอบพลางกระชับแขนหญิงสาวเชิงกำชับ “เราต้องขอตัวก่อนนะ ผู้ใหญ่รอนานไม่เหมาะ ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านมากๆ ครับ”

“ขอบคุณพี่ๆ เช่นกันคะ”

ที่หลังกลุ่มนักข่าว อนุชัยยืนนิ่งราวกับโดนร่ายมนต์ สูทสีดำที่สวมใส่เมื่อเทียบกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างแฟนสาวทำให้เขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนีซะเดี๋ยวนั้น แต่ความเจ็บปวดนานาบังคับไม่ให้เขาไปไหน หลังจากนักข่าวเริ่มสลายตัว ที่มุมหนึ่งหน้าทางเข้าภัตตาคารจีนภายในโรงแรม เขาจึงแสดงตนขวางคนทั้ง 2 เอาไว้

แครายไม่มีท่าทีตกใจ ซ้ำยังแอบขำอยู่ข้างหลังชานนท์ อย่างกับรู้ทัน

อนุชัยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคู่ต่อสู้ที่สูงเกือบเสมอกัน …ชานนท์ถึงจะแปลกใจในท่าทีอยู่บ้าง แต่เขาก็นิ่งจ้องกลับ พร้อมกับยิ้มทักทายให้ก่อน “แครี่เคยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟัง….ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นคุณ อานุ ชายยยย ใช่ไหมครับ” ชานนท์ทักในสำเนียงฝรั่งเพี้ยนๆ จนชื่อคำสุดท้ายยาวและยาน แต่คล้ายอนุชัยไม่ทันได้ยิน

“เขาคนนี้เป็นใครกันแน่แครี่” อนุชัยระเบิดเสียงทุ้มๆ ในระยะประชิด

“อ้อคะ….แคร์ลืมแนะนำเลย พี่ชายคะ…นี้คืออนุชัยเพื่อนแคร์เองคะ” เธอก้าวยืนขั้นระหว่างกลางพลางยักคิ้วราวกับคนสะใจ “อนุชัย นี้คือคุณชานนท์ ลูกชายของ ดร.ชวนนท์ สายสกุลจ๊ะ อยากให้รู้จักกันเอาไว้” เธอผายมือแนะนำ แต่ชายหนุ่มทั้ง 2 ได้แต่นิ่งจ้องตากันและกันราวกับหุ่นหิน 2 ตัว “พี่ชายคะ!” แครายขึ้นเสียงสูงราวกับจะปลุกเรียกสติ

“เออ….เรียกผมว่าชายเฉยๆ ก็แล้วกันครับ” ชานนท์ส่งมือให้จับ แต่ความชิงชังของอีกฝ่ายยังอยู่ครบ

“อนุชัย….” แครายกระตุ้น

อนุชัยยกฝ่ามือทั้ง 2 ข้างราวกับจะห้าม “อย่าเลยแคร์ คนอย่างเค้ามักจะอยู่ผิดที่ ผิดเวลาเสมอ…ขอให้มีแพลนแต่งงานเร็วๆ นะครับคุณชาย” พูดจบเขาก็ค้อมหัวคล้ายทำความเคารพ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเงียบๆ เมื่อพ้นประตูด้านหน้าเขาจึงออกวิ่งสู่ถนนใหญ่อย่างไม่คิดชีวิต

เขาคือใคร

“แครี่ แครี่ เขาเป็นใคร เขาเป็นอะไรกับเธอกันแน่….แครี่ แครี่ๆ”

คืนไร้ดาวใช่ว่าจะไม่มีแสงดาว อนุชัยกลับถึงบ้านอย่างคนสะเปะสะปะ กลิ่นเหล้า กลิ่นสาวแรกผสมกันจนแยกไม่ออก เมื่อผ่านประตูเข้ามาเผชิญหน้ากับอาจารย์พิชัยที่รออยู่ก่อนแล้ว คำถามเห่ยๆ จึงเริ่มต้น

“ไปไหนมา”

“ไป หา เพื่อนนนน ครับบบบ ผม” เขาตอบเอียงๆ ขณะพยายามประคองตัวให้นิ่ง อาจารย์จะจับแขน แต่เขากลับสะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดี

“โทรศัพท์ทำไมไม่เปิดรับ พี่เป็นห่วงและเป็นห่วงมากๆ ด้วย” อาจารย์พิชัยเริ่มเสียงดังบ้าง

สติมัวๆ มืดๆ จึงค่อยๆ กระจ่าง แต่ก็ยังนิ่งก้มหน้าราวกับคนสำนึกผิด

“นุ นุ รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงมากแค่ไหน”

อนุชัยค่อยๆ เงยใบหน้าเศร้าๆ ปนสีแดงจากแอลกอฮอล์ขึ้นมาเผชิญช้าๆ “อาจารย์ครับ ผมขอโทษ…ผมแค่กำลังหลงทาง” เขาพูดราวกับคนละเมอ อาจารย์จึงเข้าประคองแขนพาไปยังห้องนั่งเล่นที่เหลือไว้แต่โคมจากดาวไลท์ “ผมกินแบล็ค เลเบิ้ลมา….แต่แบล็ค เลเบิ้ลทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ” ดวงตาแดงกล่ำจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกคน “จะตี 2 แล้วนะ อาจารย์รอผมอยู่ใช่ไหม….” เขาหยุดพลางค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตัวเองทีละเม็ด ทีละเม็ด “อาจารย์เองนั้นแหละอย่าทำให้ผมเมาไปมากว่านี้ก็แล้วกัน” พูดไม่ทันจบประโยค อารมณ์ที่คลั่งค้างมาจากโรงแรมก็โถมเข้าจู่โจม ปากประกบปาก กลิ่นแบล็ค เลเบิ้ล ผสานเข้ากับกลิ่นสาบชายโฉดเถื่อนๆ จนอาจารย์หนุ่มต้องผลักตัวเขาออก

“เกิดอะไรขึ้นนุ….เกิดอะไรขึ้นกันแน่” อาจารย์พิชัยหวาดวิตกในท่าทีของเขา

อนุชัยไม่ตอบ แต่เขากลับถอดเสื้อผ้าตัวเองทิ้งอย่างคนรีบรน ก่อนจะคว้าตัวอาจารย์หนุ่มเข้าสู่กองไฟราคะ เสื้อผ้าถูกเขาฉีกทิ้งราวกับเสือโหย

“นุ นุ เดี๋ยวก่อน เกิด เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้น สำคัญกว่าก็คือเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากันแน่” อนุชัยใช้เท้ายันกางเกงอาจารย์ให้หลุด ก่อนจะออกแรงผลักร่างเปลือยลงไปนอนแผ่กับโซฟาเบด ริมหน้าต่าง

“นุ นุ มันเกิดอะไรขึ้น นุ นุ โอย! โอ้ยๆๆ เบาๆ”

“อาจารย์ครับ อาจารย์”

เสียงของอาจารย์หนุ่มหายไปกับลีลาอันร้ายกาจ มันเร้าร้อน ซาบซ่านอย่างกับมีกองเพลิงกำลังแผดเผา ต่างคนก็ต่างโหยหากันและกัน โลกของพวกเขากำลังเข้าสู่นิรันดรแล้ว

“เรียกพี่เถอะ… เรียกพี่สักคำ”

“แบล็คทำอะไรผมไม่ได้ แต่พี่กำลังทำให้ผมเมา พี่ชัย พี่ชัย โอ้ย! โอ้ยยยย พี่ชายยยยยยยย”

และในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา “เขาคือใครแครี่”…..อนุชัยยังพร่ำละเมอไม่หยุด “คุณชาย เขาชื่อ ชานนท์” อนุชัยหมดสติ โดยมีอาจารย์หนุ่มที่สวมเพียงกางเกงบล็อคเซอร์สีขาวตัวเดียวกำลังใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวให้ ทุกๆ คำละเมอ ถูกบันทึกไว้ในหัว

“คุณชาย ชานนท์  เขาเป็นใครกันนะ” อาจารย์พิชัยตั้งคำถามพร้อมกับสวมกางเกงบล็อกเซอร์กลับให้ “หลับเถอะนะคนดี” ปากกระซิบข้างหูแต่ตัวก็เลื่อนลงจุมพิตที่เป้าตุงๆ ก่อนแสงสว่างภายในบ้านจะดับพรึบลง….

“เขาคือใคร แครี่….”

(Visited 80 times, 1 visits today)