อนุชาย2 บทที่14 อานนท์ สายสกุล
อนุชาย2 บทที่14 อานนท์ สายสกุล
เช้าวันเสาร์ถัดมา….เป็นเช้าวันแรกที่ ดร.ชานนท์ สายสกุล ตื่นก่อนอนุชัยเพราะเมื่อคืนกว่าจะเข้านอนก็หลัง 6 ทุ่มไปแล้ว เขาตั้งกล้องเซ็ตระบบจัดสถานที่ภายในห้องนั่งเล่นเตรียมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วยท่าทีเต็มเปรี่ยมไปด้วยความสุข แดดแรกสีวะนิลาสาดลำแสงยาวผ่านชุดรับแขกที่มีโซฟาเบทสีเบจขั้นกลางมาตกตำแหน่งขาตั้งกล้องพอดิบพอดี เมื่อทุกอย่างเข้าที่
“เกือบ 7 โมง ซานฟรานซิสโกน่าจะเย็นๆ แล้วละ” เขาพึมพำวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะลากแขนอนุชัยที่ยังงัวเงียอยู่ในชุดนอนลงมา “เร็วเข้า…นายต้องนั่งตรงนี้ แสงกำลังสวยเลย”
“นายจะทำอะไร…ไงตื่นก่อนฉันได้” อนุชัยพูดไปหาวไป
“เออน่า…เร็วเข้า….เอ้! นายนิเดี๋ยวแสงสวยๆ ก็หมดกันพอดี” ดร.ชานนท์กระตุ้นอีก… “ฉันอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาเซ็ตระบบตั้งแต่ยังไม่ตี 5 เลยนะ”
“ล้างหน้าก่อนละกัน”
“……” ดร.ชานนท์จิ! ปากแบบคนอารมณ์เสีย “เออๆ เร็วเข้า…ตั้งใจจะเปิดตัวพ่อของอาตี้เลยนะเนี้ย” เพียงเท่านั้นอนุชัยก็หันขวับจ้องตรงๆ
“นาย จะ วิดีโอคอลไปหาอาตี้เหรอ….”
“เออดิ!….”
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อคืน หน้าฉันยังไม่ล้าง น้ำก็ยังไม่อาบ….อะไรของนายเนี้ย” อนุชัยบ่นยับ
“เออน่า…ฉันจะคุยรอไปพลางๆ….เร็วเข้าละ”
วิดีโอคอนเฟอเรนซ์
# (ดร.ชานนท์ต่อสายแล้วภาพภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้านทรงโมเดิร์นเรียบๆ บนถนน 29 ซานฟรานซิสโกก็ปรากฏขึ้นมา) “พ่อฮะ——>หวัดดีอาตี้เลิกเรียนแล้วเหรอลูก——> (แต่อาตี้กลับถือโทรศัพท์เปิดประตูวิ่งลงบันไดไปเร็ว) อาหญิงฮะ อาหญิงฮะ คุณพ่อคอลมาแล้วฮะ (อาตี้หยุดถ่ายรูปหญิงรัดดากับเดียรเนียล สแปลนเลย์ ที่นั่งหน้าดำคร่ำเครียดฝั่งตรงข้ามและหญิงรัดดาก็ลุกมาแย่งมือถือไป) พี่ชายคะ อาตี้ไปนั่งข้างอาหมอเลย (แล้วภาพก็หมุน 360 องศาอยู่สักพักจึงค่อยๆ นิ่ง) พี่ชายคะเห็นพวกเราหมดทุกคนไหมคะ——>OK คะน้องหญิง Hi Dearniel What are you doing here—–> Ha Ha Ha (เดียรเนียล สแปนเลย์ หัวเราะเสียงดัง) ฉัน มา เรียน ภาษา ไทย / คุณพ่อฮะอย่าเชื่อฮะ / อาตี้! (หญิงรัดดาปราม) / น้อง สาว You ม่าย ยอม พูด ภาษาอังกฤษ กับ I ฉาน เลย ต้อง เรียน พูดภาษาไทย ว่า แต่ You เถอะ เป็น แบบไหน บ้าง / เป็นอย่างไรยะ…แบบไหนใช้กับสิ่งของ คุณนี้สอนเท่าไรไม่เคยจำ (หญิงรัดดาแทรก)——>เขามาเรียนพูดภาษาไทยกับน้องหญิงเหรอคะ (ดร.ชานนท์ถามแบบคนสงสัย)——>คะพี่ชาย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นถึงอยากพูดไทยขึ้นมาซะอย่างนั้น / ก็ You ไม่ ยอม พูด อังกฤษ กับ I นิ / พ่อฮะเป็นข้ออ้างฮะ อย่าเชื่อ / อาตี้! (เสียงหญิงรัดดาปรามอีกรอบ) / ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณพ่อเห็นไหมฮะ นี้คือปฏิกิริยาแก้เขิน / อาตี้! (แล้วหญิงรัดดาก็โยนสมุดลงบนหัว) / โอ้ย!….ฮ่า ฮ่า ฮ่า อาหญิงเขินก็บอกกับอาหมอไปตรงๆ ดิ มาลงที่อาตี้ทำไมเนี้ย / เขิน หมาย ถึง สั้นๆ ช่าย ไหม ยิ๋ง ลาดดา You สั้น เรื่องอะไร คราบ / พอเลยทั้งคู่——>ขืนคุยต่อมีหวังสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดแน่ๆ——>เออ!…คุณพ่อฮะ เดี๋ยวสักครู่นะฮะ (แล้วอาตี้ก็หลุดจากเฟรม ได้ยินแต่เสียงวิ่งขึ้นบันไดไปเร็วๆ แล้วก็ภาพ 2 หนุ่มสาวต่างก็จ้องหน้ากันไปมาสักพักอาตี้ก็กลับเข้าที่เดิม)
คุณพ่อฮะ (อาตี้โชว์ภาพถ่ายคู่ของดร.ชานนท์กับอนุชัยระหว่างที่อยู่แวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาให้กล้องซูมใกล้ๆ) คุณพ่อฮะที่คุณพ่อฝากรูปนี้มากับอาหมอหมายความว่าอย่างไรฮะ ใช่ ใช่ อย่างที่อาตี้กำลังคิดอยู่หรือเปล่าฮะ——->(ดร.ชานนท์ยิ้มรื่นๆ ก่อนจะกวักมือเรียกใครบางคนที่อยู่หลังกล้องให้เข้ามาร่วมเฟรมด้วย) เร็วดิทุกคนรออยู่ (กระนั้นอนุชัยก็ยังเก้ๆ กังๆ จนดร.ชานนท์ต้องลุกไปลากแขนมานั่งลงข้างๆ อนุชัยเหลอหลายิ้มง่ายๆ แบบคนทำอะไรไม่ถูก เขาโบกมือทักทายก่อนดร.ชานนท์จะกดนั่งลงตรงหน้า) นายต้องนั่งตรงนี้——>(อาตี้ตาโตยกมือขึ้นกุมศีรษะ หญิงรัดดายกมือปิดปากคล้ายคนจะร้องไห้ มีเพียง เดียรเนียล สแปนเลย์ คนเดียวที่หัวเราะไม่หยุด)
Oh!…คุณ คุณ พ่อ / พี่ชาย พี่นุ นี้ นี้….เดียรเนียลทำไม You ไม่บอกฉันหึ! / เรื่องของ คน อื่น ฉาน ไม่ เกี่ยว ฮ่า ฮ่า ฮ่า / เดียรเนียล เดียรเนียล เดียรเนียล / คุณพ่อ คุณพ่อฮะ (อาตี้เรียก)——> (แต่อนุชัยได้แต่จ้องผ่านจอโทรทัศน์ยกกำปั้นขึ้นปิดปากตัวเองแผ่นน้ำรื่นๆ กำลังเคลือบเปลือกตาจนเห็นภาพลูกชายสั่นระริก) นายไม่คุยอะไรกับลูกเราสักคำเหรอ (ดร.ชานนท์กระทุ้ง อนุชัยจึงโบกมือทักทายและน้ำตาหยดแรกก็หลั่งให้เห็น) ให้เวลาพ่อเขาหน่อยนะลูก——->คุณพ่อฮะ——>ครับลูก—–>คุณพ่อนุ——>ครับ ครับอาตี้ พ่อ พ่อเอง / ให้เวลาพ่อเขาหน่อยนะลูก——>คุณพ่อฮะ อาตี้อยากกลับบ้าน / (ภาพหญิงรัดดาเข้ามาสวมกอดอาตี้จากด้านหลัง เธอเองก็ปาดน้ำตาทิ้งหลายรอบพอๆ กับพวกเขาที่อยู่เมืองไทย) พี่ชายคะ พี่นุคะ….อาตี้ชอบน้ำเชื่อมจากต้นเมเปิ้ลมากๆ / ขอบคุณฮะพ่อนุช็อกโกแลตอาตี้ก็ชอบ อาตี้ชอบหมดทุกอย่างเลยฮะ——>(อนุชัยพยักหน้าให้กล้องเร็ว)——>คุณพ่อฮะปิดเทอมนี้อาตี้กลับบ้านนะฮะ / แต่อาไม่ได้กลับด้วยนะอาตี้ / อาตี้กลับเองได้ พ่อฮะ อาตี้อยากกลับไปอยู่กับพ่อนุสัก 2 วีค นะฮะ นะฮะ——->(ดร.ชานนท์พยักหน้าเร็ว) ครับลูกได้ครับ——>คงต้องเป็นต้นเดือนเมษาโน้นแหละอาตี้ (หญิงรัดดาพูดขึ้นอีก) / อาหญิงฮะปิดเทอมเล็กเดือนหน้านี้ไม่ได้เหรอ / อาตี้ต้องไปเม็กซิโกกับโรงเรียนไม่ใช่เหรอ / แต่คุณพ่อฮะ——->เดือนเมษายนก็เหลืออีกไม่กี่เดือนเองนะครับลูก (ดร.ชานนท์บอก) ไปหาประสบการณ์กับเพื่อนๆ นะดีแล้ว / ครับอาตี้พ่อชายพูดถูก สนุกให้เต็มที่นะครับพ่อนุจะรอลูกอยู่บ้าน Loft Love นี้แหละ——>พ่อนุต้องรออาตี้นะฮะ อย่าไปไหนอีกนะฮะ——->(อนุชัยพยักหน้าก่อนดร.ชานนท์จะสวมกอดหลวมๆจากด้านหลัง
ทั้งคู่ยิ้มให้กล้องและโบกมือให้กระทั้ง)——> อนุชายยย เป็น แฟนรัก ฉาน You รู้ไหม ยิ๋งลาดดา…. / แฟนเหรอ…you พูดอะไรนะเดียรเนียล——>ฮ่า ฮ่า ฮ่า (ทั้งอนุชัยและชานนท์หัวเราะจนเช็ดน้ำตาอยู่หลัดๆ) น้องหญิงเทรนลูกศิษย์ใหม่ด้วยนะคะ…เฟรน เดียรเนียล Friend not Fan…——> อ้อ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า…(ทั้งอาตี้และหญิงรัดดาหัวเราะตัวงอเป็นกุ้ง) สงครามโลกจะเกิดเพราะอาหมอนี้เอง——>นอนหลับฝันดีนะครับอาตี้ (ดร.ชานนท์บอกส่ง ขณะที่อนุชัยโบกมือและยิ้มให้ไม่หยุด)——>ฮะ….แล้วเจอกันคะพี่ชายพี่นุ / แล้ว เจอ กาน เฟ เฟร เฟรน รัก…เพื่อรัก / ออกเสียงว่า เ พื่ อ น รักยะ / โอ้ย! ไปแล้วๆ ฉานต้องเรียนภาษาไทยต่อแล้ว โชด ดีนะ Chanoon Good Luck Nu…. / เดี๋ยวฮะพ่อ…พ่อฮะ พ่อฮะ รู้ไหมว่าอาหมอซื้ออะไรมาฝากอาหญิง / อาตี้! (เสียงหญิงรัดดาดังที่หลังกล้อง อาตี้วิ่งหายไปสักพัก ขณะในเฟรมเหลือแต่ เดียรเนียล สแปนเลย์ นั่งอ้าปากค้างอยู่คนเดียว สักพักอาตี้ก็หยิบสิ่งหนึ่งมาโชว์ให้กล้องเห็น) อาตี้!….(เสียงหญิงรัดดาตวาดอีกก่อนเธอจะวิ่งมาแย่งแล้วหลบไป) / กระหรี่ป๊อบ! I แอบ ซื้อ มา จาก สา ราบูรี…ฮ่า ฮ่า ฮ่า / เดียรเนียล เดี๋ยวเถอะ….พี่ชายคะคือหญิง…เพราะเธอคนเดียวเลยอาตี้! / คุณพ่อฮะ….. —–> เฮ้ย!…นี้เดียรเนียล นายคิดอะไรกับน้องสาวฉันไหมเนี้ย…นายต้องเคลียร์ให้ชัดนะ ไม่อย่างนั้นมีบุกถึงซานฟรานซิสโกแน่ๆ…. / ฮ่า ฮ่า ฮ่า (อนุชัยหัวเราะไม่หยุดแล้วภาพก็ตัดไป)#
“หญิงรัดดาก็ 30 กว่าปีแล้วนะ…นายจะหวงเธอไว้ทำไมไม่ทราบ”
“ฉันไม่ได้หวง! แต่น่าจะบอกกันก่อน…ฉันเป็นเพื่อนซี้กับมันนะและยังเป็นพี่ชายน้องหญิงอีกด้วย นี้เท่ากับมองข้ามหัวฉันชัดๆ” ดร.ชานนท์หงุดหงิด อนุชัยมองอาการของเขาก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายเป็นเอามากนะชานนท์….”
ต้นเดือนเมษายนปีต่อมา
เกือบจะค่ำแล้วแสงโคมบนหอสูงบนทางยกระดับจากถนนมอเตอร์เวย์เข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิค่อยๆ สว่างขึ้นมาแทนแสงจากดวงอาทิตย์ สีอำพันที่ขอบฟ้าทางทิศตะวันตกกำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ มันกลืนเข้ากับสีน้ำตาลดำของ BMW ซีรี่ส์5 ที่อนุชัยเป็นคนขับอย่างพอเหมาะพอเจาะ
“ขึ้นไปจอดบนอาคารเถอะ เราจะได้หาอะไรกินสักหน่อย” ดร.ชานนท์กำกับจากตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ
“อีกแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ….” อนุชัยพูดเสียงไม่สม่ำเสมอ
“ฉันเข้าใจ…เรามีเวลาอีกชั่วโมง…กว่าเครื่องจะแลนดิ้ง” ดร.ชานนท์ยิ้มให้เห็น “อีกตั้ง 1 ชั่วโมงที่รัก ไม่ใช่แค่ชั่วโมงเดียว….ฉันรับรองนายได้เจอกับอาตี้แน่ๆ ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”
“ฉันจะพูดอะไรกับลูกก่อนดี….คุณ นายช่วยฉันคิดหน่อยดิ” อนุชัยกระสับกระส่ายขณะวนรถเข้าไปภายในอาคาร 3 ชั้น 5 เขาลดกระจกข้างขณะที่รปภ. 3 คนโบกให้จอดตรวจ
“กรุณาเปิดท้ายรถด้วยครับ….” เมื่อกระจกเลื่อนลงจนสุด “อ้าว!…ท่านรองสวัสดีครับ….ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไร ทำตามหน้าที่นะดีแล้ว” ดร.ชานนท์บอก อนุชัยที่เปิดท้ายรถตั้งแต่แรกผงกหัวอนุญาต
“ไม่ทราบว่าท่านมาทำธุระหรือครับ” รปภ.คนเดิมถามขึ้นอีก
“เรามารับลูกชายนะครับ” ดร.ชานนท์พูด อนุชัยก็ยังผงกหัวยิ้มง่ายๆ อีก รปภ.ทำหน้างงๆ แต่ก็ต้องผายมือให้ผ่านทันทีที่ตรวจเสร็จสิ้น
“อ้อๆ….เอ่อ…เชิญ เชิญครับท่าน ชั้น4 หน้าลิฟต์เลยนะครับ ผมจะแจ้งกันพื้นที่ไว้ให้เป็นพิเศษ”
“ไม่เป็นไรๆ….ไม่ต้องมีสิทธิเหนือคนอื่นๆ หรอก เราก็แค่ครอบครัวธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่ง…ขอบคุณมาก”
“ครับๆ ท่าน…เชิญครับ”
ทันทีที่กระจกข้างเลื่อนปิดสนิท “นายได้ใจฉันไปเต็มๆ เลยรู้ไหม” อนุชัยบอกพร้อมกับยิ้มให้เห็น
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ…เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะจัดนายให้หนักเลยเป็นไง” ดร.ชานนท์พูดท่าทางเอาจริง อนุชัยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่ายหน้าละอาไปมา “นายว่าฉันพูดเล่นเหรอไง”
“เปล่า!….นายพูดจริงและตั้งใจจะทำจริงๆ ด้วย…แต่….”
“แต่….แต่อะไรไม่ทราบ”
“คืนนี้ฉันจะนอนกับอาตี้…..”
“ห่า!…ได้ไง…อาตี้โตเป็นหนุ่มแล้วนะ”
“หึ!…ฉันจะนอนกับลูกเป็นหนุ่มแล้วไงละ….ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อนุชัยหัวเราะยาวกระทั้งวนได้ที่จอดรถชั้น 3 และขณะที่กำลังเดินอยู่บนสะพานเชื่อมไปยังตัวอาคารของสนามบิน อนุชัยทิ้งรอยเท้าขนานใกล้ๆ จนดร.ชานนท์ยกมือขวาโอบไหล่ดึงเข้าหาตัวเอง
“ฉันรู้ว่านายตื่นเต้น….เพราะครั้งหนึ่งอาการเดียวกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน เพียงแต่ครั้งนั้นฉันไม่มีนายอยู่ด้วย”
“ฉันจะพูดคำไหนกับลูกก่อนดีละคุณ….นาย นาย” อนุชัยเหมือนคนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดร.ชานนท์จึงจ้องหน้าส่งสายตาเย็นๆ ให้เห็น
“ก็ใช้หัวใจพูดแทนซิ!…” เขาเว้นจังหวะขณะกำลังจะผ่านประตูกระจกหมุน 360 องศา “นายกับอาตี้ใช้หัวใจยิ้ม ฉันเชื่อว่าหัวใจพวกนาย 2 คนจะคุยกันเองรู้เรื่อง เชื่อฉัน…ไปเถอะฉันอยากได้เบียร์เย็นๆ สักกระป๋อง”
….กระทั้งเวลา 19.45 น. ดร.ชานนท์ยืนเช็คไฟลท์บินหน้ากระดานอิเล็กทรอนิกส์ขณะที่อนุชัยถูฝ่ามือตัวเองแบบคนรุ่มร้อนอยู่ข้างๆ
“ไปเถอะเครื่องแลนดิ้งแล้วละ อีกไม่เกิน 20 นาทีอาตี้น่าจะผ่านประตูให้เห็น”
“อื้อ….คุณ…ถ้า….” อนุชัยพูดแบบคนไม่มั่นใจจนดร.ชานนท์ต้องโอบไหล่ดึงเข้าหาตัวเองอีก
“เออน่า…ใจเย็นๆ เขาเป็นลูกแท้ๆ ของนายนะ มั่นใจหน่อยซิ” ดร.ชานนท์ขึ้นเสียงดุนิดๆ อนุชัยถึงได้พยักหน้า คนมารอรับผู้โดยสารแน่นขนัดเต็มพื้นที่ 2 ฝั่งยาวกว่า 100 เมตร แสงไฟประดิษฐ์หลากสีกระพริบพราวพร่างจนหามุมอับไม่เจอ แต่เมื่อมองผ่านผนังกระจกสูงออกไปข้างนอกเวลานี้ท้องฟ้าแรกรัตติกาลกำลังเข้าเฉดสีเทาจมดำและดำสนิทในหลายพื้นที่ อนุชัยยกมือป้องปากพลางเป่าลมร้อนจากข้างในทิ้งทุกๆ 5 นาที ขณะที่ดร.ชานนท์ยืนชะเง้อข้ามหัวและป้ายกระดาษที่โชว์รอรับผู้โดยสารต่างชาติแบบคนไม่รู้จักเบื่อ เมื่อสายตาปะทะกับเด็กหนุ่มวัย 15 จะย่าง 16 ปีตัวสูงผิวขาวใสกำลังลากกระเป๋าเดินทางสีเทาใบย่อมๆ มาเพียงลำพัง น้ำเสียงตื่นเต้นจึงดังขึ้น
“นุ นุ อาตี้มานั่นแล้ว” แสงไฟจากเพดานดันสีผิวนอกเครื่องนุ่งห่มให้กระจ่างขาวมากกว่าธรรมดา หมวกแก๊ปสีดำมีตราสัญลักษณ์เมืองซิดนีย์ประเทศออสเตรเลียปกปิดใบหน้าเรียวๆ ไว้กว่าครึ่ง อนุชัยจ้องเขา มองเขาจากมุมไกลๆ จนคล้ายจะเห็นเป็นตัวเองถูกย่อส่วนลดทอนอายุกำลังเดินลากกระเป๋าใกล้เข้ามา สายตาที่มุ่งมั่นไม่หลุกหลิกเสริมบุคลิกที่โดดเด่นอยู่แล้วให้มีพลังมากขึ้น
“เขาช่างเหมือนฉันเหลือเกิน” อนุชัยละเมอ กระทั้งเด็กหนุ่มคนดังกล่าวอยู่ในรัศมี เสียงเรียกจากดร.ชานนท์จึงดังขึ้น
“อาตี้ อาตี้ ทางนี้ลูก” หลายคนที่รอรับผู้โดยสารต่างมองมาที่พวกเขาและแหวกทางให้เป็นแนวยาว เด็กหนุ่มวัย 15 จะย่าง 16 ปีส่ายหน้าราวกำลังมองหา เมื่อเห็นเจ้าของเสียงเรียกเขาก็ถอดหมวกแก๊ป…รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ เผยให้เห็นหัวใจที่กำลังเต้นเป็นเสียงกลอง
“เขาใช้หัวใจยิ้ม…”
“เหมือนนายมากๆ อนุชัย…..” ดร.ชานนท์โบกมือเร็วๆ จนเด็กหนุ่มทิ้งกระเป๋ากระโจนเข้าใส่อ้อมกอดจนมือของอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ สั่นเป็นเจ้าเข้า
“พ่อฮะ พ่อฮะ….”
อนุชัยไล่สำรวจเด็กหนุ่มที่เป็นเลือดเนื้อของตัวเองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เขาเดินวนไปรอบๆ ทั้งคู่ขณะที่ดวงตากำลังมีน้ำรื่นๆ ใช่! แอ่งน้ำในซอกหินแบบเดียวกับที่เมืองชิมะกำลังเอ่อล้น
“เดินทางเป็นอย่างไรบ้างลูกเหนื่อยไหม” ดร.ชานนท์ถามขณะยังกอดอาตี้แน่น
“ไม่ฮะ…”
“อาตี้….” ดร.ชานนท์ดันตัวลูกชายออกราวจะเปิดโอกาสให้อีกคนได้ริมลอง อนุชัยกำมือหลวมปิดปากสั่นๆ อาตี้จ้องไปที่เขาไม่กระพริบ นาน นานกระทั้งหมวกแก๊ปสีดำในมือถูกสวมลงบนศีรษะของอนุชัยเบาๆ
“พอดีเลยฮะ” อาตี้พูดเสียงสั่นเปลือกตาก็กำลังมีน้ำใส่ๆ ซึมรอบๆ “ใส่แล้วหล่อมากเลยฮะ”
ดร.ชานนท์ยืนมองทั้งคู่ด้วยอารมณ์ไม่ต่างกัน….
“เป็นหมวกแก๊ปของพ่ออาตี้เองฮะ….”
“อาตี้….” อนุชัยเรียกแต่เสียงก็ถูกกักเอาไว้ในลำคอ
“คุณ พ่อ” อาตี้เรียกแผ่วๆ “คุณพ่อ คุณพ่อฮะ” แล้วเด็กหนุ่มก็กระโจนใส่อนุชัยราวกับเสือหิว “คุณพ่อฮะ…ดูคุณพ่อซิ!….ดูคุณพ่อซิ!….”
“อาตี้!….อาตี้!….พ่อ พ่อ ขอโทษ พ่อขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับลูก ไม่ได้ดูแลลูกตั้งแต่แรก” อนุชัยกอดลูกชายที่เหมือนตัวเองแน่นๆ เสียงร้องไห้สองอารมณ์ที่แสดงต่อกันราวกับพวกเขาอยู่เพียงลำพัง กระทั้งดร.ชานนท์เข้าไปสวมโอบอีกคน
“คุณพ่อฮะ คุณพ่อใส่หมวกแก๊ปใบนี้แล้วดูหล่อจัง….คุณพ่อฮะ…ฮื้อๆ” อาตี้ร้องไห้ไม่หยุด จนอนุชัยกับดร.ชานนท์ต้องช่วยกันปลอบกระทั้งทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง อนุชัยจึงสวมหมวกกลับคืนให้
“อาตี้! ใส่แล้วดูหล่อกว่าพ่อเยอะ พ่อยกให้ลูกครับ”
“คุณพ่อ ฮื้อๆ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ฮะ ขอบคุณฮะ” อาตี้! ยังร้องไห้ในอ้อมกอดของอนุชัย ดร.ชานนท์จึงแยกจะเข้าไปลากกระเป๋าที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น แต่อาตี้ก็รีบรนเช็ดน้ำตัวตัวเองจนแห้ง
“คุณพ่อฮะ อาตี้ลากมันเองดีกว่า….”
“ทำไมละ….แค่นี้เองไม่เป็นไร ลูกจะได้คุยกับพ่อนุไง” ดร.ชานนท์บอก
“อาตี้ส่ายหน้า “อาตี้โตแล้วนะฮะ กระเป๋าแค่นี้อาตี้จัดการเองได้และไม่เป็นอุปสรรค์ที่จะคุยกับพ่อนุด้วย…จริงไหมฮะ”
อนุชัยเช็ดน้ำตาตัวเองพร้อมกับพยักหน้าให้อาตี้เห็นเร็วๆ “ครับ….ลูกพ่อโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้าน Loft Love กันเลยดีกว่า”
“ไปฮะพ่อนุ อาตี้คิดถึงเปียโนจะแย่อยู่แล้ว”
“ครับ ครับลูก” อนุชัยเดินเกาะบ่าอาตี้ ขณะที่ดร.ชานนท์เดินเกาะบ่าเขา ทั้ง 3 จึงเดินเรียงแถวไปตามโถงทางเดินกว้างๆ แสงไฟสีขาวไล่ตามหลังตลอดเส้นทางถึงรถ BMW. กระทั้งกระเป๋าสัมภาระถูกอาตี้ยกยัดใส่ท้ายรถเรียบร้อยแล้ว
“นายไปนั่งหลังกับลูกเถอะ ฉันจะเป็นคนขับให้เอง” ดร.ชานนท์ตบไหล่จ้องนัยน์ดวงตาอนุชัยซึ้งๆ จนเสียงอาตี้แทรกขึ้น
“คืนนี้อาตี้ต้องรู้ให้ได้ว่า ความรักของพ่อ 2 คนเป็นมาเป็นไปอย่างไร…ชักน่าสนุกแล้วดิ”
“คืนนี้เรานอนด้วยกัน 3 คนเลยเป็นไงเพราะเรื่องของพวกพ่อยาวมากๆ” อนุชัยเสริมพลางจ้องตาดร.ชานนท์เชิงบังคับให้เห็นตามนั้น
“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว นะฮะคุณพ่อ ขออาตี้นอนด้วยคนนะฮะ” อาตี้เขย่าแขนดร.ชานนท์ไม่หยุด
“แค่คืนเดียวนะ”
อาตี้ยิ้มไม่หุบ “ฮะ ฮะ คืนเดียวก็คืนเดียว”
“ขึ้นรถได้แล้ว” ดร.ชานนท์บอก ในที่สุด BMW. สีน้ำตาลดำก็เคลื่อนตัวออกไป…..
……….แรมราตรี มีดารา มาวาดฟ้า………
………ป้ายนภา ระบายรัก ให้เฉิดฉาย ……….
……….อบอุ่นร่าง อบอวลเลิฟ ลอฟท์มลาย……….
………ทั้งใจกาย LOFT LOVE HOUSE เรา 3 คน………
ที่บ้านสายสกุล
คืนต่อมา….คุณหญิงพวงพรกับดร.ชวนนท์ก็ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ อานนท์ สายสกุล หลานชายคนเดียวแบบง่ายๆ แต่ก็ไม่ง่าย ที่บริเวณสนามหญ้าข้างสระว่ายน้ำ เวทีเล็กๆ ถูกประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีจากสวนอาหารสะบันงา แน่นอนงานนี้เจ้ดวงกับปกรณ์เป็นหัวเรียวหัวแรงรวมทั้งเมนูอาหารก็ถูกสั่งตรงจากที่นั้น แขกที่มาร่วมงานหลักๆ หนีไม่พ้นอดีตนายยกรัฐมนตรี ดร.ทักพงษ์ ชีวาวัฒนะ พร้อมครอบครัว ซึ่งมีฐานะเป็นคุณตา-คุณยายของอาตี้-ปีใหม่ อาจารย์พิชัยกับอาจารย์สรวงสุดาที่ได้ย้ายกลับเข้ามาสอนในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันคุณหญิงพวงพรก็ได้ส่งรถตู้ไปรับสมรกับศักดิ์ดาจากมวกเหล็ก ถึงงานเลี้ยงต้องการจะให้ออกไปทางส่วนตัวกระนั้นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันรวมทั้งคณะรัฐมนตรีบางส่วนที่ทำงานกับดร.ชานนท์ก็มาร่วมงานในคืนนี้ด้วย จากที่เคยคิดว่าเป็นการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เลยคล้ายจะใหญ่และเป็นทางการอยู่ไม่น้อย….
ปกรณ์กลายเป็นหัวแรงหลักด้านสถานที่ เจ้ดวงดูแลเรื่องอาหาร เมื่องานเริ่มทุกสิ่งอย่างจึงค่อยๆ ขับเคลื่อนไปตามจังหวะช้าๆ ปกรณ์ได้รับคำชมจากผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ ท่านโดยเฉพาะอดีตนายกและนายกคนปัจจุบัน กระนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับอนุชัยและดร.ชานนท์เลยตลอดทั้งคืน
“แขกผู้มีเกียติทุกๆ ท่านครับ ในที่สุดค่ำคืนที่แสนพิเศษก็เดินทางมาถึงช่วงเวลาพิเศษสุดแล้วนะครับ…” พิธีกรบนเวทีมาจากพิธีกรรายการทีวีดังเว้นจังหวะให้เสียงดนตรี แสงไฟทุกดวงกระพริบระยิบระยับ ผิวของน้ำในสระรูปเลขแปดก็พราวพร่างเสริมอยู่ด้านหลัง “กระผมขอเปิดตัวหลานชายคนเดียวของอดีตนายยกรัฐมนตรี ดร.ทักพงษ์ ชีวาวัฒนะ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.ชวนนท์ สายสกุล เขาคือ อานนท์ สายสกุล ครับท่าน” และเสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับเสียงดนตรีเล้าใจ อานนท์ สายสกุล ในชุดทักซิโด้สีน้ำตาลดำ เขาดูหล่อโดดเด่นราวกับเทพบุตรเมื่อมาพร้อมกับความมั่นใจจนคุณหญิงคุณนายถึงกับเผลอกรี๊ดเสียงดังลั่น เขาก้าวขึ้นสู่เวทีด้วยรอยยิ้มกระทั้งไปหยุดตำแหน่งเดียวกับพิธีกรเมื่อครู่ น้ำเสียงนุ่มๆ จึงดังขึ้น
“กราบสวัสดีคุณตาทักพงษ์กับคุณหญิงยายที่นั่งหลบอยู่มุมโน้นด้วยนะครับ” เขาหยุดยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ ทำเอาหลายๆ คนถึงกับซาบซ่าน “กราบสวัสดีท่านนากยกรัฐมนตรีพร้อมกับคณะรัฐมนตรีที่ทำงานร่วมกับคุณพ่อทุกๆ ท่านเลยนะครับ” และเขาก็กระทำแบบเดียวกับเมื่อครู่อีก “สุดท้ายก็ขอสวัสดีคุณปู่คุณหญิงย่า” เขาหยุดยิ้มเอียงๆ ออกจากไมล์ “คุณปู่คุณย่าทั้ง 2 ครอบครัวครับ” เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งงาน “รวมทั้งแขกที่ให้เกียติมาในงานของกระผมในคืนนี้ทุกๆ ท่านรวมกันเลยนะครับ ขอบคุณมากๆ….” อาตี้หยุดยิ้มก่อนจะยกมือโบกให้กับดร.ชานนท์กับอนุชัยที่นั่งอยู่ข้างๆ เวทีแบบจงใจ “คืนนี้ผมมีความสุขมากและมีความสุขที่ได้รับรู้ถึงความรักของผู้ชาย 2 คน เป็นความรักแปลกใหม่ที่ผมเพิ่งจะรู้จากปากพวกเขาเมื่อคืนที่ผ่านมานี้เองครับ คุณพ่ออนุชัยกับ คุณพ่อชานนท์ สายสกุล ปรบมือให้กับความรักที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วยครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกันและยาวนานกระทั่งอนุชัยกับชานนท์ที่มาด้วยชุดสูทสีดำสนิทคล้ายกันต้องยืนค้อมหัวให้แขกเห็น “ถ้าไม่มีพวกเขา ก็คงจะไม่มีผม” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก “พวกเขาทั้งคู่พิเศษสำหรับผมมากๆ ผมจึงอยากจะมอบเพลงๆ หนึ่งและอยากจะถ่ายทอดเพลงนี้ให้ทุกๆ ท่านรู้ว่าความรักของพวกเขายิ่งใหญ่เพียงใด” อาตี้เว้นจังหวะให้เวลาขณะที่ทุกคนในงานเงียบกริบ…. “เพลงนั้นก็คือ—รักเอย—-อาตี้มอบให้คุณพ่อทั้ง 2 ท่านครับ” เสียงปรบมือดังยาว เขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโนสีดำที่พร้อมรออยู่ก่อนแล้ว….เมื่อปลายนิ้วเรียวยาวพร้อมอยู่บนคีย์บอร์ด แสงไฟทุกดวงในบริเวณจึงดับพรึบสู่สีดำปล่อยเพียงสปอร์ตไลท์สีขาวนวลเพียงตัวเดียวไปตกที่เขา
………รัก เอย……..
……..จริงหรือที่ว่าหวาน………
………หรือทรมานใจคน………
……..ความรักร้อยเล่ห์กล………
………รักเอยลวงล่อใจคน……….
……….หลอกจนตายใจ……….
อานนท์เล่นเปียโน พร้อมกับร้องเพลงนี้จนทุกคนถึงกับเคลิ้ม โดยเฉพาะอนุชัยและดร.ชานนท์ที่ไม่ยอมห่างกันแม้แต่ก้าวเดียว พวกเขาดูลูกชายเดี่ยวเปียโนบนเวทีด้วยท่าทีมีความสุขจนเห็นน้ำตาอาบแก้มและมีความสุขต่ออีก 2 เพลงกระทั้งดร.ชวนนท์ เดินเข้ามานั่งตรงหน้า
“อนุชัย…ตาชาย ที่ผ่านมาพ่อขอโทษที่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกมากเกินไป” เขาใช้น้ำเสียงระดับ3 ทำเอาอนุชัยและดร.ชานนท์ถึงกับยกตัวขึ้นตรงๆ “วันนี้ลูกทั้งคู่ก็ได้พิสูจน์ให้พ่อเห็นแล้วว่าความรักในโลกนี้ไม่ได้มีแค่มิติเดียว แต่มันมีอีกหลายมิติที่คนรุ่นพ่อไม่มีวันเข้าใจ”
“คุณพ่อ….” ดร.ชานนท์อุทานเสียงในลำคอ อนุชัยเองก็อดกำมือขึ้นปิดปากไม่ได้
“โลกต่อจากนี้อยู่ในมือของลูกๆ ความรักก็เช่นกัน ในเมื่อลูกได้สร้างครอบครัวจนสมบูรณ์แบบให้พ่อเห็นและพ่อก็ได้เห็นชัดเจนแล้ว คำขอโทษจากพ่อก็คือการยอมรับจากพ่อ”
“คุณลุงครับ” อนุชัยเอ่ย ทั้งดร.ชวนนท์และดร.ชานนท์ต่างหันมามองที่เขา “คุณลุงได้ทำหน้าที่พ่อสมบูรณ์ที่สุดแล้วครับ หากไม่มีเหตุการณ์อย่างที่ผ่านมา เราคงไม่มีอาตี้-ไม่มีปีใหม่” อนุชัยเอื้อมไปจับและประสานกุมมือกับดร.ชานนท์แน่น “และครอบครัวเราคงไม่สมบูรณ์แบบ เราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณลุงกับคุณหญิงป้า”
“ใช่ครับคุณพ่อ….เราต่างหากที่ต้องขอบคุณเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ที่ชายมีวันนี้ก็เพราะคุณพ่อกับคุณแม่….” ดร.ชานนท์พูดและจ้องอนุชัยลึกกว่าที่เคยเป็น
“พ่อก็ดีใจที่ลูก 2 คน ฝ่าฟันร่วมกันจนชนะ วันที่มิติรักอีกหลายๆ ด้านบอกให้พ่อกับแม่ต้องทบทวน…พ่อจึงได้แต่ภาวนาขอให้ลูกรักกันแบบนี้ ดูแลกันแบบนี้ตลอดไป”
ทั้งอนุชัยและดร.ชานนท์ยกมือไหว้ “นุคือรักเดียวที่เกิดขึ้นกับชาย อาตี้เป็นมิติรักที่ลึกสุดที่เราสัมผัสถึงความรู้สึกที่คุณพ่อกับคุณแม่มีต่อเรา ครอบครัวของชายสมบูรณ์แบบแล้วครับคุณพ่อ” และดร.ชานนท์ก็จุมพิตอนุชัยต่อหน้าถึง ดร.ชวนนท์จะผะอืดผะอมอยู่บ้าง แต่อีกด้านเขาก็เข้าใจมันมากกว่าเมื่อก่อน
“เราสัญญาครับคุณลุงว่าจะเลี้ยงอาตี้-ปีใหม่ให้โตขึ้นอย่างที่ธรรมชาติให้เขามาตั้งแต่แรก ถึงโลกอนาคตจะเป็นโลกที่ยากจะเข้าถึง ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เราก็พร้อมรับมือแล้วครับ”
“ไม่รู้จะมีมิติรักที่แปลกกว่านี้หรือเปล่า ผมกับนุก็พร้อมจะเรียนรู้และทำให้มันดีที่สุดไปพร้อมๆ กัน” ดร.ชานนท์เสริมราวจะให้สัญญา
“ดีแล้วละลูก” อยู่ๆ เสียงคุณหญิงพวงพรก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอโอบไหล่ดร.ชวนนท์ไว้หลวมก่อนจะพูดต่อ “ต่อจากวันนี้เป็นต้นไปทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือของลูกๆ แล้วนะ เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วต้องรู้จักใช้เหตุใช้ผล ช่วยกันคิด-ช่วยกันทำ มิติรักแปลกๆ ที่รออยู่ก็ค่อยๆ เรียนรู้และเข้าใจมันไป โลกอนาคตอยู่ในมือคนรุ่นใหม่ พ่อกับแม่ส่งพวกเธอได้เท่านี้จริงๆ”
“ขอบคุณคะคุณแม่-ขอบคุณครับคุณหญิงป้า-ขอบคุณครับคุณพ่อ-ขอบคุณครับคุณลุง” ทั้งคู่จุมพิตกันบางๆ อีกครั้งก่อนอาตี้-ปีใหม่จะเข้ามาสมทบ 3 คนพ่อลูกจึงถูกมือกล้องสมัครเล่นขอถ่ายรูปไปหลายใบก่อนจะได้ยินเสียงดร.ชวนนท์ดังขึ้นกับมือกล้องคนดังกล่าวห่างๆ
“เธอจัดงานออกมาได้ดีมากๆ ปกรณ์”
(หา!….ปกรณ์เป็นคนจัดงานนี้เหรอ) ดร.ชานนท์อุทานในใจ แต่ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรกระทั้งส่งแขกที่มาร่วมงานกลับไปจนหมด….เงารัตติกาลหลังเที่ยงคืนกับสายลมเย็นๆ ก็ดันคำถามดังกล่าวขึ้นมาในหัวอีกรอบ
(นายเป็นใครกันนะปกรณ์… นายเป็นใครกันแน่)
จบ อนุชาย2 บทที่14 อานนท์ สายสกุล