อนุชาย2 บทที่15 ผู้สร้างปัญหา
ภายในห้องกระจกที่มีโต๊ะสนุกเกอร์ขนาดมาตรฐานเป็นศูนย์กลาง ชายฉกรรจ์ 6 คนกำลังนั่งดูดบุหรี่ดื่มเบียร์กระป๋องกระจายไปตามมุมต่างๆ…เก้าอี้ที่ไม่เป็นระเบียบถูกเปลี่ยนมือโดยนักสอยคิวอีก 4 คนที่วนเวียนอยู่รอบๆ โต๊ะตัวนั้น ชายร่างใหญ่ผิวเข้มเห็นรอยสักรูปสัตว์ประหลาดโผล่ออกนอกเครื่องนุ่งห่มนั่งเคร่งเครียดเป่าควันสีขาวลอยคละคลุ้งสู่ฝ้าเพดานหลายรอบ ก่อนจะควักกระดาษขนาดเอ 4 คลี่กางพลางฟาดดังปัง! ลงกับโต๊ะไม้สักเก่าๆ เพื่อเรียกความสนใจ มันได้ผลทันทีเมื่อนักสอยไม้คิวต่างทยอยกันมาล้อมตัวเขาราวกับต้องการจะรับรู้เรื่องสำคัญ
“ฮัลโหลเฮีย…..” เขากดรับพร้อมกับเปิดสปีกเกอร์โพนวางมือถือทับกระดาษที่ปรากฏอักษรภาษาอังกฤษสลับตัวเลขแปลกๆ ราวกับรหัสลับบางอย่าง
(ได้กลิ่น DEATH04PK แล้วใช่ไหม) น้ำเสียงถูกแปลงด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์จนเพี้ยนผิดไปจากธรรมชาติ
“ครับเฮีย….แต่”
(แต่อะไรวะ….)
“แบล็คอัพเขาใหญ่เหลือเกิน งานนี้ไม่ธรรมดาและไม่หมูอย่างที่คิดแล้วละ”
(กะอีแค่คนขับรถ แบล็คอัพมันจะใหญ่ขนาดไหนเชียววะ! แม่งเอ้ย)
“ใหญ่ไม่ใหญ่ก็เป็นบอดี้การ์ดทีมเดียวกับ DEATH05AN นั้นแหละครับ” เขาเว้นจังหวะซี๊ด! ปากเสียงดังอีกครั้ง “เจอสายแข็งเห็นทีต้องเริ่มต้นคุยกันใหม่แล้วละ”
(มันจะสายคงสายแข็งอะไรนักหนา….)
“งานนี้ถ้าเฮียไม่ลงมือชี้เป้า….เราคงไม่สามารถรับงานได้ มันเสี่ยงเกินไป”
(พวกลึ! คิดจะโก่งราคาเหรอ….เท่าไร? อั๊วต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไรว่ามาเลย…ไม่รอให้ DEATH01AC ละสะดวกเมื่อไรลงมือทันที เงินจ่ายก่อนครึ่งหนึ่งที่เดิม…เวลานี้ DEATH05AN ก็อยู่เมืองไทยแล้วด้วยตามประกบแล้วจัดการซะ….เท่าไรเท่ากัน)
“เราคงต้องเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้หลายๆ ทางเพราะประเทศเพื่อนบ้านที่แต่ก่อนพอพึ่งพาอาศัยได้แต่ปัจจุบันตำรวจเชื่อมโยงถึงกันหมดแล้ว….”
(ปิดเกมตัวไหนได้ก่อน พวกลึ! ก็สบายเมื่อนั้น เวลาเหลือน้อยลงทุกที เข้าใจไหม)
“………” เขาเป่าควันสีขาวสู่เพดายอีกรอบ ขณะที่ทุกคนที่ยืนล้อมรอบโทรศัพท์เครื่องนั้นต่างก็เงียบกริบจนคนต้นสายไม่อาจจะล่วงรู้จำนวนได้ “……..”
(เงินง่ายๆ หายากนะโว้ย!….เร็วเท่าไรส่วนที่เหลือก็จะอยู่ในกระเป๋าลึ! เร็วเท่านั้น ท่องให้ขึ้นใจ) ตุ๊ดๆ ตุ๊ดๆ….แล้วต้นทางก็ตัดสายไป
“ทั้ง 04 และ 05 ต่างก็เข้าถึงยากทั้งคู่ตำรวจปล่อยสายประกบราวกับรู้ตัวล่วงหน้า ถ้าเสี่ยงขนาดนี้ผมขอถอนตัวดีกว่า” พูดจบชายตัวผอมมีไม้คิวในมือก็หันหลังแยกไปยังโต๊ะสนุก ปากคาบบุหรี่แบบเดียวกับพระเอกหนังจีนก้มๆ เงยๆ อยู่กับลูกบิลเลี่ยดที่กระจายเต็มโต๊ะแบบไม่ใส่ใจกระทั้งน้ำเสียงกว้างๆ ดังขึ้น
“จะถอนตัว มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอน้อง” เขาก้าวอาดๆ เข้าไปใช้ตีนถีบ…จนชายผู้นั้นล้มลงไปกองกับพื้นกระเบื้อง ดวงตาผวาร้อนผ่าวๆ มือไม้สั่นราวกับจะรู้ชะตากรรมปากก็เอาแต่พร่ำไม่หยุด….
“พี่ยศ พี่ยศ ลูกผมยังเล็กอยู่เลยนะพี่…อย่า อย่า ผมกราบละ”
“เมียมึงยังสาว…แล้วก็สวยซะด้วยคงหาผัวใหม่ไม่ยากหรอก” แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นติดกัน 2 นัด # ปัง! ปัง!# ส่งร่างโชกเลือดดิ้นเร่าๆ สักพักก็แน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา “พวกมึงทุกตัวจำไว้เป็นบทเรียน ถ้าจะหนีคนอย่างกูต้องไปหลบหลังยมทูตเท่านั้นถึงจะรอด” เขาอัดบุหรี่เข้าปอดอึกใหญ่ก่อนจะปล่อยมันทิ้งแรงๆ “เคลียร์พื้นที่อย่าให้เหลือหลักฐานแล้วแยกย้ายกันไปได้”
ทุกคนโค้งหัวให้เขาก่อนแสงไฟในห้องจะดับพรึบและปล่อยแสงแบล็คไล้ท์สำหรับตรวจคราบเลือดสว่างขึ้นมาแทนที่….. “อย่าให้เหลือร่องรอยเด็ดขาด”
“ครับพี่….”
เมื่อ อานนท์ สายสกุล กลับมาอยู่บ้าน Loft Love ได้ 1 อาทิตย์หน่วยบอดี้การ์ดที่ดร.ชวนนท์ผู้เป็นปู่จ้างเอาไว้ก็มาขอเข้าพบดร.ชานนท์ แต่บังเอิญเช้าวันนั้นเขาไม่อยู่อนุชัยจึงรับหน้าแทน เขารายงานพฤติกรรมแปลกๆ แผงๆ ของบุตรชายกับกลุ่มเพื่อน…ตั้งแต่เปิดโรงแรมมั่วสุมกันทั้งวันทั้งคืน ออกเที่ยวตามผับตามบาร์จนเป็นที่ปวดหัวกับทีมบอดี้การ์ดที่ต้องแฝงตัวดูแลในหลายๆที่…อนุชัยนั่งคิดตามอยู่พักใหญ่
“เวลานี้ดอกเตอร์ชานนท์สุขภาพไม่สู้ดี ผมไม่อยากให้เขารู้เรื่องนี้” อนุชัยพูดแบบคนคิดหนัก เขาลูบหน้า-ถูมือตัวเองและเป่าลมทิ้งทางปากหลายครั้งและหลายๆ รอบ
“ถ้าหนักกว่านี้ทีมคงต้องเผยตัวจัดการเองแล้วละ” ชายรูปร่างสัดทันบึกบึนคล้ายทหารอายุไล่เลี่ยกับเขาลงเสียงต่ำ
“เป็นข่าวดังแน่ๆ…..ขอให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อก่อนเถอะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยว่ากันในขั้นต่อไป” อนุชัยเว้นจังหวะให้ความเงียบ “แล้วดอกเตอร์ชวนนท์กับคุณหญิงพวงพรรู้เรื่องนี้หรือยังครับ”
“ยังครับ เพราะท่านทั้ง 2 แจ้งกับทีมว่าให้อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่ท่านกับดอกเตอร์ชานนท์เป็นลำดับแรกก่อน” เขาบอกพลางไล่รูปในคอมพิวเตอร์กระทั้งโชว์ภาพนักแข่งรถตอนกลางคืนบนถนนหลวงสายหนึ่งในกรุงเทพฯ ให้อนุชัยเห็น “นี้ก็เป็นเหตุการณ์เมื่อ 2 คืนที่ผ่านมาบนถนนพระราม 2 หัวหน้าแก๊งค์คือบุตรชายท่านฉลวยลาภรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย และรองนายกรัฐมนตรีครับท่าน”
อนุชัยทิ้งน้ำหนักไปกับพนักพิง ภายในห้องรับแขกจึงเห็นไอความเครียดฟุ้งกระจายจากร่างคนทั้งคู่ “ต่อจากวันนี้…พวกเขาไปที่ไหน…ช่วยแจ้งผมด้วย”
“จะดีหรือครับ….”
“ผมเป็นพ่อเขาและผมต้องทำหน้าที่นั้นด้วยตัวเอง พวกคุณไม่เสียหายแน่นอน” อนุชัยพูดด้วยท่าทีคิดหนักอยู่ไม่น้อย
“ผมไม่ได้หวั่นเรื่องนั้นหรอกครับท่านเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องจัดการอยู่แล้ว ผมหวั่นแต่ว่า…ท่านจะรับมือกับเด็กพวกนั้นเพียงลำพังไหวหรือเปล่า…แค่นั้นเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักชัดเจนพร้อมกับพยักหน้ายืนยัน “เอาเป็นว่า งานนี้เราต้องช่วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เดี๋ยวทีมจะช่วยแยกปลาออกจากน้ำไว้ให้ ถ้าไม่ไหวกดเรียกเราได้ทุกเมื่อ….”
“อื้อ….เวลานี้อาตี้กำลังหลับอยู่ด้านบน…ผมคงไม่กักตัวเขาไว้ในบ้านจนกว่าเขาจะซึมซับประสบการณ์ที่อยากรู้อยากให้หนำใจเพื่อจะเป็นภูมิคุ้มกันตัวเองในอนาคต…ช่วงนี้ทีมก็ช่วยดูอยู่ห่างๆ ถึงเวลาแยกปลาออกจากน้ำเมื่อไรโทรเรียกผมได้ทุกเวลาแม้จะดึกดื่นแค่ไหนก็อย่าได้เกรงใจ”
“ขอบคุณครับ ตกลงจะไม่ให้ผมรายงานดอกเตอร์ชานนท์จริงๆ เหรอครับ”
“ครับผมรับผิดชอบเรื่องนี้เอง” อนุชัยยืนยัน
“อย่างนั้นผมคงต้องขอตัว…ถ้าอาตี้ตื่นขึ้นมาเจอเข้า ผมจะทำงานไม่สะดวก”
“ขอบคุณมากๆ ครับ”
“ยินดีครับท่าน….”
…และคืนวันเสาร์เลยหลังเที่ยงคืนมา 15 นาที สัญญาณเรียกเข้าที่อนุชัยตั้งแบบสั่นก็เตือน เขางัวเงียค่อยๆ พลิกตัวให้หลุดจากผ้าห่มเบาๆ เพราะกลัวว่าอีกคนที่กำลังหลับลึกจะตื่น ทันทีที่พ้นจากเตียงเขาก็ฉวยโทรศัพท์เดินออกไปนอกห้องด้วยท่าทีเร่งรีบ
“ฮัลโหล…ว่าไง” เขากรอกน้ำเสียงเบาๆ
“……….”
“OK ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้” อนุชัยกดวางสายแล้วจัดการกับตัวเองด้วยชุดง่ายๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าตรงไปยังอาคารจอดรถด้านหน้า ท้องฟ้าในคืนเดือนมืดไม่เห็นสิ่งใดนอกจากแสงสว่างจากหลอดไฟประดิษฐ์ปิดสีดำที่ควรจะเป็นไว้ในระดับต่ำ เขาวน BMW ขึ้นทางด่วนมุ่งสู่ถนนสีลมเป้าหมายที่โรงแรมเมอริแอทส์บนถนนเจริญกรุงด้วยท่าทีเร่งรีบ รถบนทางด่วนในเวลานี้เบาบางแต่ไม่ถึงกับโล่ง…ไม่ถึง 20 นาทีเขาก็มาถึงที่นัดหมาย
“ผมถึงโรงแรมแล้วครับ” อนุชัยกรอกน้ำเสียงแบบคนมีสติเกินร้อย
“…………”
“ครับได้…..” พูดจบก็ตรงไปยังล็อบบี้เพดานสูงโอ่โถงที่เห็นโคมไฟหรูหร่าประดับประดาราวกับแสงดาวบนท้องฟ้า เขาเดินตามพื้นกระเบื้องรูปตารางสู่พื้นพรมสีทึมๆ ไปยังเคาน์เตอร์ตัวใหญ่ที่มีพนักงานสาวสวยหลายคนรวมตัวกันอยู่ เมื่อแจ้งเรื่องตามข้อความที่ทีมบอดี้การ์ดบอก พนักงานคนหนึ่งก็ถือคีย์การ์ดนำทางไปยังลิฟต์ขึ้นสู่ห้องสูทชั้น 17 อนุชัยรออยู่ในห้องนั้นด้วยท่าทีไม่เป็นสุขขณะตรงหน้าคือแสงสีและบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่หลายๆ คนปรารถนาจะสัมผัส กระทั้งเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ด้านนอก แสงไฟในห้องจึงดับพรึบลงอย่างตั้งใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครกันที่มาเปิดห้องให้นอนฟรีๆ…” พอประตูเปิดรับขณะที่ยังอยู่ในสถานสีดำ “ไม่เปิดไฟวะ….เหี้ยนิ!….เปิดทิ้งไปเลยเสียเงินแล้วยังมาประหยัดให้เขาอีกมันคุ้มกันที่ไหน” เสียงอาตี้พูดยานๆ ยาวๆจ นคล้ายคนเมาได้ที่ เมื่อมือควานหาสวิทซ์จนเจอ แสงไฟในห้องก็สว่างพร้อมกันใบหน้านิ่งๆ ของอนุชัยที่ยืนอยู่ในระยะ 2 เมตร “คุ คุณ คุณพ่อ”
“ครับอาตี้ พ่อนุเอง” อนุชัยใช้น้ำเสียงปกติพร้อมกับยิ้มให้ในแบบเดียวกับที่บ้าน Loft Love “พ่อนุเองอาตี้”
“คุ คุณพ่อ….มา มา ทะ ทำอะไรครับ” อาตี้พูดเสียงสั่นไม่สม่ำเสมอ
อนุชัยจึงเดินเข้ามายืนใกล้ๆ ลูกชายกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งจนต้องหันหน้าไปสูดอากาศจากด้านข้าง “พ่อแค่มาทำหน้าที่….” เขาเว้นจังหวะจ้องบุตรชายพร้อมกับเสยเส้นผมให้พ้นรำคาญ “ปีนี้อาตี้อายุเท่าไรแล้วลูก….”
เด็กหนุ่มวัย 15 กำลังย่าง 16 ปียืนลักษณะไม่มั่นคง
“เวลานี้ลูกควรจะหลับอยู่บนเตียง ไม่ใช่มาอยู่ในสถานที่เช่นนี้…” อนุชัยพูดแบบคนคลำทางวัดใจไปเรื่อย “พ่อเชื่อว่าลูกพ่อแยก สิ่งถูก-สิ่งผิด ควร-ไม่ควร ดี-ชั่ว ทางสวรรค์-หรือนรกและวิเคราะห์แก้ไขได้ด้วยตัวของลูกเอง” เขาพูดนิ่มๆ พลางประคองลูกชายไปนั่งกับชุดรับแขก เมื่อเข้าที่เข้าทาง “สมัยที่พ่ออายุเท่าๆ กับลูก พ่อไม่มีพ่อเหมือนกับอาตี้มีพ่อพร้อมกัน 2 คนเช่นวันนี้….พ่อถึงได้รับรู้รสชาติของความโดดเดียว ไม่มีตัวตน กว่าจะค้นเจอตัวตนที่แท้จริง พ่อก็ต้องผ่านอะไรมามากมาย พ่อเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงแท้ๆ มาก่อนจะเจอกับพ่อชายของลูก…พ่อรักเธอไม่ต่างจากรักพ่อชาย แต่เมื่อพ่อไร้คนนำทาง…ชีวิตพ่อเลยหักเห หากพ่อชายไม่เป็นหลักให้ยึด ชีวิตพ่อก็คงจบที่ไหนสักแห่งแบบเดียวกับนกป่าปีกหัก….”
“คุ คุณ เป็นพ่ออาตี้จริงๆ ไม่กี่วัน….ทำไมถึงมีสิทธิมากกว่าพ่อชายของอาตี้ละครับ….” อาตี้พูดเสียงต่ำๆ พร้อมกับก้มหน้าแดงเป็นสีมะเขือเทศมองพื้น “อันที่จริงคุณไม่มีสิทธิ์นี้ ด้วยซ้ำ”
อนุชัยสะอึกคำว่า คุณ ที่หลุดออกมาจากปากบุตรชายจนจุกแน่นหน้าอก เขากลืนน้ำลายสลายอารมณ์ลงสู่กระเพาะอาหารหลายครั้งและหลายรอบ ก่อนจะทิ้งลมหายใจยาวๆ แบบไม่เสียดาย
“ก็จริงอย่างที่อาตี้พูด แต่อาตี้ครับ….อาตี้มองหน้าพ่อ ดูแขนพ่อ ดูนิ้วพ่อ ดูผิวพ่อ ดูขาพ่อ และดูซิว่าเลือดในร่างกายของอาตี้ใช่กรุ๊ป AB RH- เช่นเดียวกับที่พ่อมีหรือไม่” อนุชัยเชิดใบหน้าเรียวๆ ขึ้นมาจ้องตาตัวเอง…“พ่อเป็นพ่อแท้ๆ ของอาตี้….ถึงจะไม่กี่วัน แต่พ่อก็คือพ่อ เพราะฉะนั้นพ่อต้องทำหน้าที่ ก่อนพ่อจะไม่เหลือลูกชายให้ทำหน้าที่” และใช้สายตาค้นหาความรู้สึกของอีกคนเงียบๆ “พ่อต้องทำหน้าที่ก่อนที่จะไม่เหลือลูกชายให้ทำหน้าที่ อาตี้!….” เขาย้ำประโยคเดิมแน่นๆ แล้วลุกเดินไปยังผนังกระจกที่มองเห็นผิวแม่น้ำเจ้าพระยากำลังล้อกับแสงประดิษฐ์นานาจนคล้ายจะเป็นดวงดาวเบื้องล่างระยิบระยับ…. “หากอาตี้ไม่ยอมรับ….หน้าที่คนเป็นพ่อ…ของพ่อก็ต้องล้มเหลว….พ่อก็แค่เสียใจ…” ความเงียบผ่านคนทั้ง 2 เงียบๆ “และในที่สุดพ่อก็ไม่สมควรใช้สรรพนามที่สูงค่านี้กับ….” อนุชันหันหน้ามาเผชิญพร้อมกับทิ้งสายตาไปตกที่เขาแบบให้คิด
อาตี้อ้าปากค้าง แววตาที่สั่นออกมาจากข้างในกำลังจะร้องไห้ “………พ………”
“……” อนุชัยยังใช้สายตาจิกไปที่เขาไม่หยุด “….คุณ เป็นถึงหลานชายอดีตนายกรัฐมนตรี-เป็นหลานชายคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และยังเป็นลูกชายของรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ถือว่าอายุน้อยที่สุดอีก…กระผมก็แค่นกป่าเผลออ้าปากอวดอ้างว่าตัวเองเป็นพ่อ เทียวมาทำหน้าที่ผิดที่-ผิดคน-ผิดเวลา….กระผมขอโทษครับ….และหวังว่า….คุณชายน้อย แห่งบ้านสายสกุลจะให้อภัย…ขอโทษที่กระผมบังอาจล่วงเกิน…” และอนุชัยก็ค้อมหัวให้ลูกชายที่อ้าปากค้างน้ำตาไหลพรากๆ ไม่หยุด “กระผมต้องขอตัว….ขอให้สนุก…ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ขณะที่อนุชัยกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูเสียงสะอื้นจนสุดก็ล้มตัวลงนอนดิ้นเร่าๆ ราวกับปลาดุกถูกทุบหัว “พ่อ…..พ่อ….พ่อนุครับ อาตี้ขอโทษ อาตี้ขอโทษ”
อนุชัยถลากลับไปดึงร่างลูกชายขึ้นมากอด…..
“อาตี้ขอโทษ อาตี้ขอโทษครับพ่อ…..”
อนุชัยเช็ดน้ำตาให้ลูกชายพร้อมกับใช้ชายแขนเสื้อซับที่หางตาตัวเองเร็วๆ “ถ้าอยากให้กระผมทำหน้าที่พ่อ พ่อก็จะเป็นพ่อ และจะเป็นพ่อให้ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะทำได้”
“พ่อครับ พ่อครับ”
“ครับลูก ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
“อาตี้ อาตี้ เสพไอ้ซ์ อาตี้ไม่ตั้งใจ พี่เขาให้ลองอาตี้จึงอยากลอง….พ่อครับ” อาตี้สารภาพจนหมดเปลือก อนุชัยตกใจไม่น้อยเขาปิดปากตัวเองที่ด้านหลังบุตรชายพร้อมกับตั้งสติอยู่พักใหญ่
“มีอย่างอื่นอีกไหมลูก….ยาบ้า กัญชา หรือเฮโรอีน” อนุชัยถามเสียงสั่น
“มีเหล้าครับ….ฮื้อๆ….อาตี้ขอโทษ”
“อาตี้เพิ่งลองครั้งแรกใช่ไหมลูก” อนุชัยผลักลูกชายออกมาถามตรงๆ
อาตี้พยักหน้า “ครับ…..”
“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะเป็นคนสอนลูกเอง….ไปกับพ่อ-พ่อจะสอนลูกทั้งหมดเอง”
อนุชัยพาอาตี้ออกจากโรงแรม เขาโทรเข้ามือถือปกรณ์พร้อมกับจองห้องหมายเลข 28 แบบเร่งด่วน ซึ่งก็โชคดีที่คืนนั้นลูกค้าที่ใช้ห้องดังกล่าวเรียกเช็กบิลพอดี ทุกอย่างจึงลงตัว
(เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายถึงมาหลังเที่ยงคืนแบบนี้ละ) ปกรณ์ถามเร็วๆ
“เออน่า!…เดี๋ยวก็จะรู้เองนั้นแหละ” อนุชัยพูดแบบรีบสรุปก่อนจะโทรเข้ามือถือของใครอีกคนหนึ่ง
“สวัสดี….”
(ครับท่าน….เรียบร้อยไหมครับ)
“ลูกชายผมอยากรู้เกี่ยวกับยาไอ้ซ์ ยาอี ยาบ้า ได้เฮโรอีนมาด้วยจะดีมาก หาคนมาสาธิตให้เขาดูหน่อย”
(หา! เอาแบบนั้นเลยเหรอครับ)
“ผมอยากจะสอนเขา ก่อนที่เขาจะเป็นเหยื่อมัน”
(เอ่อ…..) เสียงเงียบไปสักพัก (….จะดีเหรอครับ)
“ทีมงานคุณมีพร้อมทุกอย่างอยู่แล้วนิ แค่สาธิตเป็นคุณมากกว่าโทษ ผมสามารถคุยกับอดีตท่านนายกได้”
(ครับที่ไหนดีครับ)
“สวนอาหารสะบันงาบนถนนเกษตร-นวมินทร์ ห้องหมายเลข 28 ขอบคุณมาก”
(ครับ….ถ้าท่านว่าตามนั้นอีกไม่เกิน 20 นาทีเราเจอกัน)
อนุชัยกดวางสายก่อนจะหันไปพูดกับลูกชาย “คืนนี้อาตี้จะได้รู้ทุกอย่างที่อยากรู้ แม้กระทั้งวิธีดื่มเหล้า-เข้าสังคมแบบลูกผู้ชายตัวจริง”
“คุณพ่อ….”
“ไม่เป็นไร ทั้งหมดมันคือหน้าที่ที่คนเป็นพ่อจะต้องสอนเพื่อตัวของอาตี้เอง” พูดจบเขาก็เสยเส้นให้ผมลูกชายแบบเดิม “อาตี้โตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ”
“……” อาตี้ยิ้ม ความมืดไม่เปิดเผยหลายสิ่ง
“ไม่โทรบอกเพื่อนๆ เหรอ….เดี๋ยวพวกเขาจะหาลูกไม่เจอนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ ปกติในวงก็ไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้ว”
เมื่ออนุชัยพาอาตี้มาถึงสวนอาหารสะบันงาทีมตำรวจนอกเครื่องแบบก็รอยู่ก่อนแล้วเกือบ 20 คน พวกเขาเปิดห้องหมายเลข 28 โดยมีปกรณ์เป็นคนอำนวยความสะดวก กระทั้งทุกอย่างเข้าที่ คนที่เป็นอาสาจึงเริ่มสาธิตทั้งวิธีเสพและฤทธิ์ของตัวยาแต่ละชนิด อาตี้ตะลึงตาค้างทุกครั้งเมื่อเห็นฤทธิ์แท้ๆ ของมันจนกระทั้ง
“การดื่มเหล้าก็เช่นกันอาตี้….มีทั้งการดื่มสังสรรค์กับเพื่อน-กับครอบครัว-ออกสังคม-สังคมไม่ทางการและเป็นทางการ” ปกรณ์วางแก้วแต่ละชนิดต่อหน้าคนทั้งคู่ โดยมีสายตาตำรวจนอกเครื่องแบบมองพวกเขาแบบซึ้งๆ ไม่ยอมลุกไปไหน “นี่คือแก้วบรั่นดี ปากแคบโถป้อมๆ คือแก้วไวน์ และนี่คือแก้วเหล้า การดื่มเหล้าไม่ว่าจะสังคมระดับสูงหรือชาวบ้าน ไม่ใช่อยู่ที่ชนิดของเหล้า แต่อยู่ที่ตัวเรา ตัวเราเท่านั้นที่จะรู้ปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย ครองสติให้อยู่ อย่าให้เหล้ากินเรา…ถ้าลูกเมาอย่างหมา-ลูกก็จะเป็นหมา แต่ถ้าลูกเมาอย่างคนลูกจะได้รับคำชมเชยอาตี้”
อาตี้จ้องอนุชัยไม่กระพริบ ปกรณ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังพลอยอดปลื้มไม่ได้ กระทั้งเสียงอนุชัยดังขึ้นอีก “ปกรณ์เอาแบล็คเลเบิ้ลมาพร้อมกับแก้วให้ครบทุกคน คืนนี้ฉันจะดื่มเหล้ากับลูกชายซะหน่อย พี่ๆ คงไม่ว่าผมเป็นบ้านะครับ” เขาหันไปถามตำรวจนอกเครื่องแบบที่นั่งรวมอยู่เต็มห้อง
“พวกผมประทับใจท่านต่างหาก….”
“ดอกเตอร์ชานนท์ตาแหลมมากๆ…..” ตำรวจนายหนึ่งพูดแบบขำๆ กระทั้งปกรณ์รินเหล้าลงแก้วครบทุกคน
“นายก็ต้องดื่มด้วยปกรณ์” อนุชัยออกคำสั่ง
“แต่…..”
“เออน่าถือว่าสอนหลานชายก็แล้วกัน” …ปกรณ์ถึงได้ยอมรินเหล้าให้ตัวเอง
“อาตี้!…มาลูก ลูกต้องดื่ม ลูกต้องฝึก ก่อนที่เหล้าจะดื่มลูกชายของพ่อแทนอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น”
“คุณพ่อฮะ….แต่” อาตี้พยายามจะขืน กระนั้นอนุชัยก็ไม่ยอมแพ้ จนเห็นอาตี้ยกเหล้าแก้วนั้นขึ้นชนกับทุกคน
“อาตี้กำลังดื่มเหล้า แต่อย่าให้เหล้าดื่มอาตี้….เข้าใจไหมลูก”
“อาตี้ดื่มไม่หมด…..”
“ลูกต้องใช้สติคิดเองว่าปริมาณแค่ไหนที่ร่างกายของลูกสามารถควบคุมมันได้….อย่าสักแต่ใช้อารมณ์เพราะถ้าลูกใช้อารมณ์ดื่มลูกก็จะเป็นทาสของมัน….เข้าใจไหม” อนุชัยแนะนำก่อนเขาจะลุ้นเหล้าในมือของอาตี้ที่กำลังยกขึ้นจรดริมฝีปาก อาตี้จิบบางๆ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะแบบรับไม่ได้
“พอแล้วฮะ อาตี้ไม่เอาอีกแล้ว”
ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน…ปกรณ์มองสองพ่อลูกเงียบๆ ในหัวก็มีเรื่องราวมากมาย…กระทั้งรอยยิ้มฉ่ำๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา (อาตี้กำลังเป็นหนุ่มแรกเป็นวัยที่กำลังอยากรู้-อยากลอง-อยากเด่น-อยากดัง-เมื่อมีภูมิคุ้มกัน ด้านมืดก็มิอาจย่างกลายเข้าไปในชีวิตได้) เขาคิดแล้วก็ยิ้มให้อนุชัยจากด้านหลัง
“พ่อเชื่อคนทุกคนต้องการเป็นคนดี มีจิตที่ใฝ่ดี แยกแยะสิ่งดี-สิ่งเลวได้ด้วยตัวเองทั้งนั้น เมื่อลูกได้เรียนรู้สิ่งไม่ดี เห็นด้านมืดจนกระจ่างแล้ว พ่อก็เบาใจ”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ….” อาตี้พูดแล้วก็เงียบราวกับคนกำลังคิดต่อ “คุณพ่อจะบอกเรื่องนี้กับพ่อชายหรือเปล่าฮะ”
อนุชัยจ้องดวงตาใสๆ สักพัก “ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกกับลูกชายครับ”
“ออ!….ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะออกไปรอด้านนอก….ลุงไปรอด้านนอกนะลูก” นายตำรวจใหญ่บอกส่ง อาตี้ยกมือไหว้….เมื่อปกรณ์กำลังหันหลังตามหลังนายตำรวจกลุ่มนั้น….
“ปกรณ์นายคือครอบครัวฉัน….นายควรจะรู้เรื่องนี้ด้วย”
“อนุชัย….”
“ใช่นายนั่นแหละ……” อนุชัยย้ำ
อาตี้มองพ่อตัวเองแบบคนหลงทางกระทั้งอนุชัยต่อสายถึงใครบางคน………
“Hello….สวัสดีเดียรเนียล นายกำลังทำอะไรอยู่ พอมีเวลาสัก 10 นาทีไหม” อนุชัยเปิดสปิกเกอร์โพนวางมือถือลงระหว่างทั้ง 3
“Yess! โอ้! ได้ เลย ฉาน ดีใจ ที่ นุโทร มา ……………..”
อาตี้ทำหน้างงๆ….มองหน้าพ่อสลับมือถือไปมา…..
“อาหมอ-คุณพ่อครับ….นี่มันอะไร…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ฮะ”
จบ อนุชาย2 บทที่15 ผู้สร้างปัญหา