นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อนุชาย2 บทที่19
อนุชาย2 บทที่19
…..ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง ถนนงามวงศ์วาน เวลาเกือบจะ 10 โมงเช้า แดดต้นฤดูฝนยังซ่อนตัวเหนือแผ่นเมฆที่แผ่กระจายปิดฟ้ากรุงเทพฯ ไว้ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ปกรณ์ถือกระเป๋าเสื้อผ้าส่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำก่อนจะกรอกรายละเอียดเอกสารด้วยลายมือห่วยๆ พร้อมกับขอเข้าเยี่ยมนักโทษอดีตท่านผู้หญิงแขไขตามปกติ เขานั่งรออยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมผนังสีเทาทึบๆ ที่อีกฝั่งของกระจกกั้นจะทาด้วยสีขาวเปิดไฟสว่างตลอดเวลา สักพักหญิงวัยเลย 60 ปีไม่กี่วันก็เดินหลังคล่อมๆ ผ่านมุมที่มีเจ้าหน้าหญิงร่างท้วมนั่งประจำการเข้ามาหาด้วยท่าทีเนือยๆ เธอนั่งลงตรงหน้าเผยรอยยิ้มให้เห็นก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
(หวัดดีจ้ะพ่อรูปหล่อ…) เธอเริ่มต้นสนทนาด้วยน้ำเสียงธรรมดา
ปกรณ์ยิ้มรับ “ผมเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน”
(นึกๆ แล้วฉันก็อดใจหายไม่ได้ 10 กว่าปีที่อยู่ข้างในฉันเริ่มจะชอบมันอยู่แล้วเชียว)
“อาทิตย์หน้าแครรายพร้อมครอบครัวเจมส์มาร์ทคอร์ จะเป็นคนมารับ ส่วนบ้านเช่าทนายอำพลหาไว้สำหรับท่านคุณหญิงเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ” เขายังใช้สรรพนามเดิมแทนตัวเธออย่างคนชินปาก สายตาของนักโทษหญิงแขไขจ้องเขาในมุมที่ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ เธอนิ่งอ่านวงหน้าขาวๆ เรียวยาวอยู่นานจนกระทั้ง
(ทนายอำพลบอกฉันหมดทุกเรื่องแล้วละ) เธอหยุดยิ้มประเมิน ปกรณ์พยักหน้ารับทราบ (เธอไม่ใช่คนขับรถส่วนตัวของฉันอีกแล้วนะปกรณ์ เธอคือทายาทอันดับที่ 4 ของบ้านตระกูลเชาว์ เธอก็ควรเปลี่ยนไปใช้นามสกุลเชาว์ซะ เพื่ออนาคตของเธอเอง….) อดีตท่านผู้หญิงแขไขแนะ (อันที่จริงฉันก็พอจะรู้เรื่องของเธอมาตั้งแต่ต้น….แต่ในเมื่อหลายสิ่งหลายอย่างยังอึมครึม ท้องฟ้าอย่างเธอจึงถูกซ่อนหลังก้อนเมฆมาโดยตลอด) เธอเว้นช่องว่างให้เวลาอีก (ฉันเคยคุยกับแม่ของเธอด้วยนะ)
ปกรณ์เงยหน้าสบตาแบบคนอยากรู้เรื่อง “แม่ผมชื่อฟองฟ้า….ใช่ไหมครับ”
(ใช่เธอเป็นสาวเชียงตุงที่มีกิริยางดงามมากๆ ตัวของเธอเองได้ดวงตาของแม่มาครบ ก่อนที่…..) อดีตท่านผู้หญิงแขไขหยุดดื้อๆ
“ก่อนที่อะไรครับท่านผู้หญิง” ปกรณ์เร่ง….
(ก่อนที่ฉันจะเป็นคนส่งเธอกลับบ้าน)
“หา!….”
(ฉันเองแหละที่แอบส่งเธอกลับเชียงตุง) อดีตท่านผู้หญิงแขไขสารภาพพลางจ้องตาปกรณ์ไม่ยอมปล่อย (เพราะหากเธอยังอยู่ในบ้านตระกูลเชาว์ต่อ ฟองฟ้ารวมทั้งตัวเธอเองก็อาจจะไม่รอด….)
“ท่านผู้หญิงครับ”
(หยุดเรียกฉันด้วยสรรพนามนั้นเสียที ฉันละอาใจที่จะใช้มันแล้วละ) เธอหายใจทิ้งยาวๆ ก่อนจะใช้นิ้วเคาะกระจกกระตุ้นเขา (ปกรณ์ก่อนที่ฟองฟ้าจะไปได้ฝากเธอไว้กับฉัน…แต่ฉันก็ไม่เอาไหนปล่อยเธอให้อยู่กับแม่ครัวจนกระทั้งอายุ 12 จะย่าง 13 แววความหล่อเหลาดึงดูดใจฉันเป็นที่สุด….ฉันรับเลี้ยงเธอในสถานะไม่ต่างอะไรกับทาสกาม ฉันสอนให้เด็กวัย 13 ปีมีเซ็กส์สารพัดรูปแบบ กระนั้นเธอก็ยังไม่ทิ้งฉันจนเวลานี้….) อดีตท่านผู้หญิงแขไขใช้หลังนิ้วซับน้ำตานิดๆ (ฉันอยากขอโทษ…เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม)
ปกรณ์บีบริมฝีปากเข้าหากัน…. “เพราะว่าผมไม่มีใครต่างหาก ท่าน…..”
(เรียกฉันว่า แขธรรมดาเถอะ)
“ท่านใกล้เคียงกับคำว่าแม่สำหรับผมมากที่สุดแล้วละ” ปกรณ์พูดพลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้กระจกอีก “ผมเรียกคุณว่าแม่ได้ไหม”
อดีตท่านผู้หญิงแขไขยกมือปิดปากแบบคนคาดไม่ถึง น้ำตาหลั่งหยดล้นจนพูดต่อไม่ไหว
“แม่….แม่ที่สอนผมทุกเรื่อง ให้ผมได้ทุกอย่าง แม้กระทั้งเซ็กส์สารพัดรูปแบบ ไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย แม่…เวลานี้ผมเป็น Professional of sex ไปแล้วนะ แต่….” ปกรณ์เว้นจังหวะคิด “แต่กับความรักผมเพิ่งจะเริ่มเรียนรู้….อนุบาลชัดๆ” เขาทิ้งประโยคให้คิด….ก่อนจะวนกลับไปเรื่องเดิม “คุณยอมให้ผมเรียกแม่ได้ไหม”
อดีตท่านผู้หญิงแขไขร้องไห้จนเห็นหลังมือสั่นระริก น้ำตาล้นทะลักก็ไม่มีท่าทีจะหยุดง่ายๆ แต่สักพัก (คนอย่างฉัน ไม่สมควรจะเป็นแม่ใครทั้งนั้น….แม้กระทั้งแครรี่เองก็ตามที)
“แม่ แม่” ปกรณ์เรียนสรรพนามนี้กับเธอ 2 ครั้ง “ถ้าผมกับคุณหนูแครรายไม่มีคุณ ชีวิตเราทั้งคู่ก็คงจบก่อนจะจำความได้ คุณช่วยเหลือแม่แท้ๆ ของผม แม้คุณจะเลี้ยงผมในสถานะไหน ผมก็โตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นคุณก็มีคุณสมบัติครบถ้วน…ไม่ใช่เหรอครับ”
อดีตท่านผู้หญิงแขไขรับฟังและตั้งสติอยู่นาน
“อย่างน้อยก็ขอให้ผมมีแม่กับเขาสักคน…นะครับ นะครับคุณแม่”
เธอปิดปากพยักหน้าก่อนจะยกฝ่ามือซ้ายมาแนบกับกระจก ปกรณ์ยิ้มพลางยื่นมือขวาขึ้นประกบราวจะถ่ายทอดความรู้สึกจนสายตาสื่อสายตาได้แจ้งสถานะใหม่สมบูรณ์แบบ ทั้งคู่เลยยิ้มและหัวเราะให้กัน
(ลูกคือทองแท้ปกรณ์….เหมาะที่จะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของอนุชัยและแครรี่ไปพร้อมกัน)
“ขอบคุณครับคุณแม่”
(ไม่เอาๆ ต่อจากวันนี้เป็นต้นไป เราต้องเป็นคนใหม่…ว่าแต่อาชาพ้นโทษเมื่อไรพอรู้ไหม) เธอถามถึง อนุชา เชาว์ ที่ต้องโทษด้วยคดีเดียวกัน
“อาชาก็คงได้ออกจากเรือนจำใกล้เคียงกับแม่นี้ละครับ…ทนายอำพลก็กำลังเร่งหาบ้านให้เขาด้วย”
(แต่เมื่อครู่ลูกบอกว่า ลูกเพิ่งจะรู้จักความรัก หมายความว่าอย่างไรปกรณ์)
ปกรณ์จ้องอดีตท่านผู้หญิงแขไขสักพัก “แม่ไม่หึงหวงใช่ไหม” เขาถามกลับอย่างคนคาดคะเน
อดีตท่านผู้หญิงแขไขปัดมือผ่านหน้าแล้วหัวเราะ (บ้าไปกันใหญ่แล้ว แม่ 60 กว่าแล้วนะ ลูกมีคนรักเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไง) เธอจ้องตาเขา(ถึงลูกจะเป็น Professional of sex แต่หากลูกคิดจะรักใคร ลูกต้องมีเซ็กส์กับเธอคนนั้นคนเดียว…เข้าใจไหมลูก)
“เธอทำให้ผมอบอุ่นจนพูดไม่ออก”
(นั้นแหละเขาเรียกว่าความรัก)
“เธอทำให้ผมอยากอยู่ใกล้ๆ”
(นั้นก็เรียกว่าความรัก)
“และเธอก็ทำให้ผมถึงจุดสุดยอดในแบบที่ผมไม่เคยพบมาทั้งชีวิต”
(มันคือส่วนสำคัญที่เรียกว่ารัก…แม่ชักอยากจะเจอเธอคนนั้นซะแล้วซิ)
“แม่ได้เจอเธอแน่นอน….” ปกรณ์จิ! ปากคิด “ทั้งหมดทั้งมวลหมายถึง….ผมรักเธอรึยังครับแม่”
(ลูกคิดอย่างไรกับเธอละ)
“ผมอยากเห็นหน้า อยากพูด อยากช่วยเหลือ ไม่อยากให้เธอเหนื่อย และ….” ปกรณ์จะพูดต่อยาวๆ แต่เสียงอดีตท่านผู้หญิงแขไขก็เบรกไว้ซะก่อน
(พอๆ….ทั้งหมดที่ว่ามานั้นแหละเขาเรียกว่าความรัก)
“ถ้าอย่านั้น….”
(ก่อนจะไปหาเธอวันนี้…ลูกควรซื้อกุหลาบไปให้เธอด้วยนะ)
“ทำไมละครับ….”
(เพราะกุหลาบหมายถึงความรัก โดยเฉพาะกุหลาบสีแดง)
“หา!….จริงเหรอครับ”
(จ้ะ!…ไปได้แล้วลูก อย่าปล่อยให้เธอคอยนาน แม่มีความสุขและอาจจะเป็นความสุขในบั้นปลายชีวิตนอกคุกของแม่ก็เป็นได้…โชคดีนะพ่อรูปหล่อ)
“ครับคุณแม่….” สามคำสุดท้ายเล่นเอาอดีตท่านผู้หญิงแขไขต้องเสียน้ำตาอีกรอบ เธอยกมือโบกลาก่อนจะเดินลับมุมผนังเข้าไปข้างในเงียบๆ
“ความรักกับกุหลาบสีแดง….เออ!……ถ้าเป็น มะลิสีชมพู จะได้ไหมน้อ!”
อีก 18 นาทีจะ 18.00 น. หรือ 6 โมงเย็น…
รถตู้สีขาวหมายเลขทะเบียน 1กศ-xxxx กรุเทพมหานคร วิ่งออกจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิมุ่งหน้าถนนพระราม 9 ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ พอลอดผ่านทางยกระดับถนนวงแหวนตะวันออกเสียงระเบิดกัมปนาทก็ทำให้รถที่ตามหลังมาต้องหยุดนิ่ง การจราจรเป็นอัมพาตในทันที…..
เสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามือถือของอนุชัยจึงดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน…..
“ฮัลโหล” อนุชัยกรอกเสียงเปิดรับสั้นๆ ขณะที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
(นายน้อยครับ) สรรพนามที่เรียกขานคงไม่ใช่ใครนอกจากคนของบ้านตระกูลเชาว์ ความเครียดพุ่งทะยานขึ้นหลายองศา เสียงสนทนาผ่านไลน์กลุ่มจากแคราย เชาว์-สตีป เจมส์มาร์ทคอร์-รัดดา สายสกุล-และอานนท์ สายสกุลเมื่อ 4 วันก่อนเดินทางก็ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
#คุณแม่พ้นโทษศุกร์แครกับสตีปเลยต้องกลับไปจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางสักอาทิตย์นะคะ——>ดีใจด้วยนะคะพี่หมอ-หญิงกับอาตี้จะไปดักเจอที่ญี่ปุ่นแล้วกัน——>หมายความว่าอย่างไรคะน้องหญิง (ดร.ชานนท์แทรกถาม)——>อ้อ! คือเบลกับรินรี่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นนะคะเราเลยวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นล่วงหน้าสัก 2 วันแล้วค่อยบินไฟ้ท์เดียวกับน้องหญิงรัดดากับอาตี้ไปกรุงเทพฯ——>โฮ!จริงรึฮะ…อาหญิงเราเลื่อนตั๋วบินเที่ยวญี่ปุ่นพร้อมอาหมอไม่ได้รึฮะ—–>ซิมะรออยู่อาตี้เดี๋ยวพ่อนุจะพาไปเองอย่ารบกวนอาหญิงเลย—–>คราวหน้านะจ้ะอาตี้อาหมอจะนำเที่ยว(เสียงแครายปลอบ)——> แสดงว่าทุกคนเลือกแลนด์ดิ้งที่กรุงเทพฯ พร้อมกันทั้งหมดเลยเหรอคะ (ดร.ชานนท์ถาม)—–>คะพี่ชายเห็นรถตู้บ้านตระกูลเชาว์คอนเฟิร์มจะมารับเรียบร้อยแล้วด้วย (หญิงรัดดาบอก ดร.ชานนท์จับมืออนุชัยเป็นงเชิ่งรู้กันแต่ก็ยังไม่พูดอะไร)—–>คะน้องหญิง แครรี่ อาตี้ครับอาทิตย์หน้าเรามาฉลองกันที่บ้าน Loft Love นะครับ——>ฮะ คิดถึงพ่อชายกับพ่อนุนะครับ—–>ครับแล้วเจอกันครับอาตี้(อนุชัยบอกส่ง)#……….
(นายน้อยครับได้ยินผมไหมครับ)
อนุชัยสะดุ้ง เขาเหลือบไปที่ดร.ชานนท์สั้นๆ “ครับ ได้ยินครับ”
(นายน้อยตั้งสติให้ดีนะครับ) แค่คำๆ นั้นก็ทำให้แทบจะหมดแรง
“มี มี อะไรเหรอ” อนุชัยเดินเลี่ยงไปคุยต่อด้านนอก “ครับ….มี อะ อะไรเหรอครับ”
(รถตู้บ้านตระกูลเชาว์ที่ไปรับครอบครัวแครรี่พร้อมกับ…..) เขาเว้นจังหวะเกรงใจหรือพูดไม่ออกอย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์ (พร้อมกับคุณหญิงและอาตี้)
“………” อนุชัยหายใจไม่ทั่วท้องตาก็เทียวมองเข้าไปข้างในที่เห็นดร.ชานนท์นั่งนิ่งอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว
(เกิดอุบัติเหตุระเบิดไฟลุกท่วมทั้งคันอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ขากลับครับ นายน้อยครับ นายน้อย)
“โทรศัพท์มือถือในมือหล่นกระแทกพื้น เขาสั่นไร้เสียงอยู่ในสภาพนิ่งซีดราวกับหุ่นช็อก!….สักพักดร.ชานนท์ก็คลำทางเลื่อนประตูอลูมิเนียมออกมาสมทบ
“นุ นุ นายอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น” พอดร.ชานนท์ควานหาเขาจนเจอก็รวบร่างสั่นๆ เข้าไปกอด “นายสั่น นายเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินเสียงของหล่นกระแทกพื้น นุ ตอบฉันซิ นุ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” กระนั้นอนุชัยก็ได้แต่นิ่งเกร็งกระทั้งเห็นรถตู้บ้านสายสกุลวิ่งผ่านประตูรั้วไม้สักเข้ามาจอดข้างใน (คุณหญิงพวงพรกับดร.ชวนนท์คงมารอรับหลานชายแน่ ๆ) อนุชัยคิดและก็เป็นไปตามคาดเมื่อดร.ชวนนท์ก้าวลงมาโบกมือให้ตามมาด้วยคุณหญิงพวงพร เขาแทบจะระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาให้ก้องโลก…จนกระทั้งปลายแดดสุดท้ายยิงลำแสงเป็นเส้นยาวสีอำพันราวกับปลายดาบคาตานะกำลังระอุไฟตกที่เด็กหนุ่มตัวสูงผิวขาวที่กระโจนออกจากรถพร้อมกับวิ่งยิ้มหน้าบานๆ เข้ามาหา
“อาตี้!…” อนุชัยหลุดเสียงดังจากหลายๆ อารมณ์ “อาตี้ อาตี้ ลูกพ่อ” มันจวนเป็นน้ำเสียงสะอื้นแต่หลายคนต่างแปลงเป็นน้ำเสียงตื่นเต้น “อาตี้…”
“พ่อนุ พ่อชาย”
ดร.ชานนท์เปิดอ้อมแขนกว้างๆ ในทิศที่คาด…ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นเมื่ออ้อมแขนอุ่นๆ พุ่งเข้ามากระทบ “คุณพ่อ….” อนุชัยสุดจะกลั้น เขาร้องไห้พร้อมๆ กับลูบหัวลูกชายไม่หยุดจนได้ยินเสียงดร.ชานนท์ดุเข้าให้
“นายจะร้องไห้ทำไมเนี่ย!….”
“คุณพ่อครับ อาตี้ถึงบ้านแล้วไม่ร้องไห้แล้วครับ” เมื่ออาตี้โผเข้ามาซบอก สติสตังที่ขาดผึงจึงกลับมา
“พี่ชาย พี่นุสวัสดีคะ….” เสียงของหญิงรัดดาบีบให้เขาต้องรีบเช็ดน้ำตาก่อนคนทั้งหมดจะมาถึง….
“อ้าว!….นุ ทำไมโทรศัพท์ตัวเองถึงได้แตกเป็นเสี่ยงแบบนี้ละ” แครรายถามพร้อมกับแนะนำสาวน้อยเบลและรินรี่ “สวัสดีคุณลุงซิลูก”
อนุชัยกับดร.ชานนท์ยิ้มรับไหว้ก่อนจะลูบหัวพวกเธอ “ปะ เปล่า คือเค้าตื่นเต้นมากไปหน่อยนะแคร”
“Hi สติป How are You” เสียงชานนท์ดังถูกที่ถูกเวลา การคาดเดาของเขาแม่นยำเหมือนจับวาง
“ส บาย ดี คุณ ละ ครับ ชาย” สตีปพูดเป็นภาษาไทยทีละคำ
“สบายดีครับ” ดร.ชานนท์ตอบ…ก่อนจะนำทุกคนเข้าไปในบ้าน แครายกับครอบครัวอยู่คุยด้วยสั้นๆ
“คือเค้ากับสตีปตั้งใจไปค้างบ้านใหม่ที่จะเตรียมไว้ให้คุณแม่กับอาชานะ….เอาเป็นว่าวันพรุ่งนี้เราค่อยปาร์ตี้ก็แล้วกันนะ”
“อ้าว! เบลกับรินรี่จะไม่ค้างที่บ้านตาสักคืนเหรอ” ดร.ชวนนท์ที่ไม่ยอมห่างหลานสาวถาม แครายมองดูกิจกรรมของพวกเขา เธอออกอาการซึ้งกับภาพนั้น
“เอาไว้คืนพรุ่งนี้นะคะคุณพ่อ” เธอทิ้งแววตาตามหลังสรรพนามที่เรียก ดร.ชวนนท์จ้องไปตกที่เธอแบบจริงๆ จังๆ ก่อนจะเปิดอ้อมแขนรับ
“ไม่เป็นไร ก่อนกลับขอพ่อได้นอนกับหลานสักคืนก็แล้วกันนะ”
“คะ….ได้คะ” แครรายบอก ก่อนจะผละไปสวมกอดคุณหญิงพวงพรอีกคน “เบล รินรี่คะ ไหว้ลาคุณตาคุณยายซิลูก” แครรายบอก ก่อนสาวน้อยผมบลอนจะยกมือไหว้ได้อย่างไม่ขัดไม่เขิน
“ไหว้ได้สวยมาก มามะมาให้ยายกอดให้หายคิดถึงที”
ในที่สุดครอบครัวเจมส์มาร์ทคอร์ก็ขึ้นรถตู้จากไป
ขณะที่คุณหญิงพวงพรสังเกตเห็นอาการที่อนุชัยเป็นตั้งแต่ต้นก็เก็บความสงสัยไว้นิ่งๆ กระทั้งหญิงรัดดา-อาตี้ถูกดร.ชานนท์ลากหายขึ้นไปข้างบนโอกาสนั้นก็มาถึง
“ที่โทรศัพท์หล่นจากมือจนแตกเป็นเสี่ยงๆ คงใช่เพราะตื่นเต้นใช่ไหม นุมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าลูก” คุณหญิงพวงพรคาดคั้น อนุชัยพยักหน้ายอมรับ จนดร.ชวนนท์ซี๊ด!ปากแบบคนเป็นกังวลตามขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอนุ” ดร.ชวนนท์ถาม
อนุชัยมองคนทั้ง 2 สักพัก….“รถตู้จากบ้านตระกูลเชาว์ที่จะไปรับเกิดอุบัติเหตุครับคุณลุง” อนุชัยบอกด้วยน้ำเสียงเครียดจม คุณหญิงพวงพรกับดร.ชวนนท์ถึงกับยกฝ่ามือขึ้นทาบอกช็อกหน้าซีดเผือด
“ลุงสังหรณ์ใจตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว….เลยไปรอรับในอาคารด้วยตัวเอง” ดร.ชวนนท์บอกขณะใบหน้ายังเคร่งเครียดไม่ปกติ
“คุณพระคุณเจ้า ขอบคุณลางสังหรณ์ของคุณมากนะคะ…..โอ้ย! ดิฉันจะเป็นลมซะให้ได้เชียว”
“ถ้าเป็นแบบนี้ในช่วง 1 อาทิตย์ที่ตาปีใหม่อยู่กรุงเทพฯ เห็นทีต้องให้ไปอยู่ที่บ้านสายสกุลพลางๆ ก่อนแล้วละ” ดร.ชวนนท์เสนอ อนุชัยคิดไม่ตก
“ผมจะพูดกับอาตี้อย่างไรดีละครับคุณลุง” อนุชัยถาม ดร.ชวนนท์ยังไม่ได้พูด เขาก็แทรกขึ้นอีก “กับชานนท์พออธิบายได้”
“ไม่เป็นไรนุ ป้ามีวิธี” คุณหญิงพวงพรบอก กระทั้งอาหารค่ำมื้อพิเศษพร้อมรออยู่บนโต๊ะ ดร.ชานนท์จึงเดินนำคนทั้ง 2 ลงมาสมทบ ขณะที่กำลังดำเนินไปได้ครึ่งทางเสียงคุณหญิงพวงพรก็เปิดประเด็น
“ตาปีใหม่ถ้าคราวนี้ไม่ไปค้างกับย่า-ย่าจะโกรธจริงแล้วนะ” พูดจบเธอก็รวบช้อนกับซ่อมเป็นการจบก่อนจะเช็ดปากด้วยผ้าสีขาวนิ่มๆ ที่เตรียมไว้บนตัก อาตี้จ้องเธอสลับกับดร.ชวนนท์ไปมา
“คุณปู่คุณย่าวางแผนเรื่องนี้มานานรึยังฮะ” เขาถามซื่อๆ พลางสลับมาจ้องหน้าอนุชัยกับชานนท์อีก
“ไปค้างที่บ้านคุณปู่-คุณย่าบ้างก็ดีเหมือนกันนะลูก” ดร.ชานนท์ส่งเสริม อนุชัยจ้องที่เขาคล้ายจะเข้าใจ
“นั้นนะซิ…คุณปู่คุณย่าจะได้มีเพื่อน นะครับลูก” อนุชัยบอก
อาตี้ออกอากาศแบบคนกำลังใช้ความคิด “ก็ได้ฮะ แต่ก่อนกลับอาตี้ขอค้างที่นี่สักคืนนะฮะ”
“ได้จ้ะ อาหญิงจะตามมาค้างด้วย จะได้นอนคุยกับพี่ชายให้หายคิดถึง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หญิงรัดดาพูดพลางหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี
“ว่าแต่ลูกศิษย์เราเถอะไปถึงไหนกันแล้วละคะ” ดร.ชานนท์สวนทันควัน อาตี้ยิ้มเกือบจะหลุดหัวเราะ
“อาตี้!….” หญิงรัดดาปรามเสียงดัง ก่อนเธอจะยิ้มอายๆ โปรยไปรอบๆ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอไม่กระพริบ “พี่ชายคะ…เพื่อนของพี่ชายทึ้มมากๆ คะ สอนยากสอนเย็น เข็นอย่างไรก็ไม่ขึ้น”
“อ้าว!….แล้วทีอาหมอพูดไทยกับอาตี้ทำไมคล่องปรื๋อเลยละฮะ”
ทุกคนหัวเราะจนหญิงรัดดาอายหน้าแดงผิดธรรมชาติ
“นุว่าหมอเดียรเนียลมาแผนสูงนะครับคุณหญิงป้า” อนุชัยอดแซวไม่ได้
“ป้าก็ว่าแบบนั้นแหละ หึ หึ หึ”
“หญิงรัดดา” อยู่ๆ ดร.ชวนนท์ก็เรียก ทุกคนเงียบกริบ หญิงรัดดาเองก็มองไปที่เขาราวกำลังลุ้น “หญิงก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะลูก รักใครชอบใครพ่อกับแม่ไม่ว่าหรอกแต่ขอให้รักกันจริงๆ ก็พอ”
“คุณพ่อคะ…”
“อาตี้ก็ว่าแบบนั้นแหละครับคุณปู่”
“อาตี้!…..”
“ก็อาหมอลงทุนบินจากแวนคูเวอร์เพื่อมาเรียนภาษาไทยกับอาหญิงที่ซานฟรานฯ อาทิตย์ละครั้งเนี่ยนะฮะ แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น….คุณย่าว่าไหมฮะ”
คุณหญิงพวงพรเผลอโบกผ้าในมือหัวเราะลั่นบ้าน “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ตกลงเดียรเนียลจะเอาจริงรึเนี่ย” ดร.ชานนท์ที่นิ่งมาตลอดอดรนทนไม่ไหว
“ทุกคนรุมหญิงคนเดียวเลยนะคะ” หญิงรัดดาหน้าแดงเป็นสีลูกตำลึง ก่อนจะรวบช้อนจิบน้ำแก้เขิน “อาตี้! จำไว้เลยนะ” เธอก้มกระซิบแบบคาดโทษ “หญิงขอตัวนะคะ” และพูดเสียงดังแยกไปห้องนั่งเล่น
“งานนี้อาตี้ต้องทนกินสลัดของอาหญิงไปอีกหลายอาทิตย์” อาตี้พูดลอยๆ ทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมกันอีก “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แดดใกล้เที่ยงส่งอุณหภูมิสูงขึ้นตามลำดับ
ที่หน้าทัณฑสถานหญิงกลางมีรถตู้สีขาวมารอรับผู้ต้องขังพ้นโทษ เมื่อใช้เวลาทำเอกสารไม่นานรถคันดังกล่าวก็วนออกไปรอรับอีกฝั่ง
หญิงวัย 60 ต้นๆ เดินหลังคล่อมนิดๆ ออกมาจากประตูเหล็กสีดำด้วยท่าทีเนือยๆ เธอหยุดหันกลับไปมองด้านหลังราวจะขอจดจำภาพเก่าๆ ให้ขึ้นใจก่อนชายฉกรรจ์ 2 คนจะเดินเข้าไปหา….แต่ก็โดนหญิงวัย 34 ปีที่มาด้วยชุดเรียบๆ ตัดหน้าไปก่อน….
“ท่านแขไขครับ”
“คุณแม่คะ….” เธอเรียกหญิงที่เพิ่งพ้นโทษว่าแม่เต็มปากเต็มคำพร้อมกับพุ่งเข้าไปกอดแน่น และเธอก็ไม่ยอมเสียเวลา “คุณแม่คะทางนี้คะ”
“คุณหนูครับ” เขาคนนั้นพยายาม แต่ก็โดนเธอลากแขนหญิงชราห่างออกไปเสียก่อน
“แครรี่….”
“คะคุณแม่เราต้องรีบแล้วคะ”
“เกิดอะไรขึ้น” แขไขถามแบบคนตื่นตระหนก
“บางสิ่งที่น่าไว้ใจก็อย่างเพิ่งวางใจนะคะ เราไปคุยกันต่อที่บ้านดีกว่า” แครายบอกพลางโอบเธอไปขึ้นแท็กซี่ที่รออยู่ก่อนแล้ว
“เห็นว่า อาชาก็จะพ้นโทษวันเดียวกัน”
“คะพี่ปกรณ์เพิ่งพาขึ้นรถไปเมื่อสักครู่นี้เอง เราจะไปเจอกันที่บ้านค่ะ”
“บ้าน….” แขไขคล้ายจะละเมอเสียงลอย ๆ
“บ้านในเซอร์แจ๊กสันต์แครขายไปแล้วนะคะ เพราะเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์” แครรายบอก ทำให้หญิงชราออกอาการตกใจนิดๆ แต่ในที่สุดก็นิ่ง
“ใช่! ก็จริงอย่างที่แครว่า….ไม่เป็นไร แม่อยู่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอให้ห่างจากคนบ้านตระกูลเชาว์ไว้ก็พอ” เธอบอกแนะขณะมองรถตู้ที่มารอรับกระทั้งแท็กซี่พุ่งตัวออกถนนใหญ่ไปเร็วๆ
“คะ แครเข้าใจคะ และอาชาเองก็เหมือนจะชอบบ้านใหม่เอามากๆ ด้วย”
“ขอบใจหนูมากเลยแครรี่….” แขไขหยุดให้เวลา “ที่ไม่ทิ้งแม่”
“แม่…” แครรายอุทานเสียงหายลงลำคอ
“แม่เข้าใจลูก เวลานี้แม่ปลงได้เยอะ”….
“แครมีเวลาอยู่กับแม่แค่อาทิตย์เดียว คุณแม่อยู่กับอาชาได้นะคะ” แครายถาม
แขไขพยักหน้า….แบบไม่ลังเล
“พี่ปกรณ์รับปากจะแวะมาดูเรื่อยๆ แครเลยสบายใจขึ้นเยอะ” แครายพูดในลักษณะโล่งอก
แขไขมองหน้าแครรายอยู่สักพัก “ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกแครรี่ แม่อยู่คนเดียวมา 10 กว่าปี แม่ยังอยู่ได้ ออกมาอยู่ข้างนอกมีอนุชาและยังมีลูกชายเพิ่มอีกคน แม่ไม่โดดเดี่ยวหรอก กลับไปสร้างครอบครัวลูกให้สมบูรณ์เถอะ อย่าให้เหมือนที่แม่เป็นก็แล้วกัน” แขไขบอกเสียงสั่นๆ จนแครรายเห็นเธอในอีกมุมที่น่าทึ่ง….เธอนั่งห่อไหล่มองผ่านกระจกข้าง เมืองที่ไม่คุ้นตา สถานที่กว้างใหญ่ไร้รั้วสูงทำให้เธอกลัวขึ้นมาบ้าง แต่แครายที่รับรู้ก็กอดเธอไว้แน่น….
“ขอบใจมากแครรี่ ว่าแต่เบลกับรินรี่มาด้วยกันไหม”
“คะ สตีปก็มาด้วย พวกเขารอรับคุณแม่อยู่ที่บ้านแล้วละคะ”
แขไขพยักหน้า แต่แววตาที่ฉายออกมายังสั่นกลัวจนเธอต้องกอดอกตัวเอง….(ฉันพ้นโทษแล้ว แต่ข้างนอกยังมีหลายสิ่งที่ทำให้ฉันผวา….ฉันกลัวเหลือเกิน)
จบ อนุชาย2 บทที่19 วันพ้นโทษ