อนุชาย2 บทที่26 อันดามันรำลึก
เมื่อปกรณ์แข็งแรงระดับหนึ่งหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดของบ้านสายสกุลก็ได้ประชุมกัน สมรกับศักดิ์ดาเห็นว่ายังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดีนักจึงเสนอให้ไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านของพวกเขา เจ้ดวงซึ่งเห็นช่องทางจะให้ปกรณ์ได้มีโอกาสเรียนรู้ชีวิตในวัยเด็กของน้องชายตัวเองจึงสนับสนุน ตกลงทีมบอดี้การ์ดก็ต้องตามไปดูแลอย่างเสียไม่ได้ ศักดิ์ดาจึงยกบ้านตัวเองซึ่งอยู่ติดกันให้โดยไม่คิดค่าเช่า ทุกอย่างจึงลงตัว
แดดสายๆ ของวันที่ 5 นับจากปกรณ์ออกจากห้องผ่าตัดที่เมืองเล็กๆ ในหุบเขาบน ถนนมิตรภาพ ระหว่างจังหวัดสระบุรี กับ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากำลังเย็นสบาย ถ้าจะว่าไปแล้วบ้านพักอาศัยภายในสนามกอล์ฟเซอร์แจ็คสันของอดีตท่านผู้หญิงแขไขก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ การปรับตัวจึงเสมือนการได้กลับสู่บ้านหลังเดิมบรรยากาศเดิมๆ เมื่อขาก้าวเหยียบพื้นที่ต้องเดินเท้าเข้าสู่ตรอกตึกแถวไม้เก่าที่ปลูกติดกันเป็นตับทำให้ปกรณ์รู้สึกเย็นวาบอย่างไม่เคยเป็น ถนนคอนกรีตคงเป็นแผ่นคอนกรีตดั้งเดิมที่น้องชายเคยวิ่งเล่น หน้าบ้านผนังไม้เรียบๆ เข้าขั้นเก่าโบราณก็ยังเกิดคำถาม-คำตอบขึ้นในหัว อนุชัยเติบโตอยู่ที่นี่ อยู่กับสิ่งนี้จนเคยชินกระมัง ขณะที่ตัวเองอยู่ในบ้านหลังใหญ่แต่สถานะกลับต่ำตม-ตอกย้ำให้เห็นความแตกต่างที่ใกล้เคียง เมื่อนำ 2 ด้านมาหักลบความได้เปรียบเสียเปรียบเขาทั้งคู่คงไม่ต่างกันสักเท่าไร แต่ทำไมขณะที่น้องชายแท้ๆ อาศัยอยู่แค่ปลายจมูก เขาจึงไม่นึกเอะใจเลยแม้แต่น้อย ปกรณ์ก้าวตามสมรผ่านประตูบานเฟี้ยมเข้าสู่ภายในที่สะอาดสะอ้าน ผนังกรุด้วยแผ่นยิบซั่มบอร์ดฉาบทับวอลเปเปอร์สีครีมบวกเฟอร์นิเจอร์ที่เข้าขั้นทันสมัย ทำให้รู้สึกราวกับหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง เขายืนสำรวจไปรอบตัวและมองทะลุผนังที่เปิดโล่งสู่ห้องครัวที่ทันสมัยด้านหลัง ท๊อปเคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีน้ำตาลดำดึงดูดใจจนอดเดินลึกเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางพวกมันไม่ได้ สักพัก เสียงสมรก็ดังขึ้น
“นุซื้อที่ดินนอกตลาดไว้แปลงหนึ่ง แรกๆ เขาจะสร้างบ้านหลังใหม่แทนหลังนี้ให้แม่ แต่แม่ไม่ยอม เขาจึงตกแต่งภายในให้ใหม่แทน”
“เขาออกแบบได้ดีโดยเฉพาะเคาน์เตอร์ครัวมุมนี้นะครับ” ปกรณ์บอก
“อยากเห็นห้องนอนของน้องหรือเปล่า….อันที่จริงก็ต้องพักบนห้องนั้นอยู่แล้วนี่นะพ่อไม่น่าถามเลย” ศักดิ์ดาพูดทำให้ปกรณ์รีบพยักหน้าตามเร็วๆ
“ผมอยากรู้จักชีวิตในวัยเด็กของเขา…..เออ!….” ปกรณ์มองสมรสลับศักดิ์ดาอย่างคนไม่รู้จะเรียกทั้งคู่ว่าอะไรดี จนสมรเดาอาการออก
“เราเป็นพี่ชายอนุชัยเรียกพ่อกับแม่ให้สนิทปากไปเลยลูก”
“ใช่ๆ ดีซะอีก มีลูกชายแถมกำลังจะมีหลานเพิ่มอีกคนหาได้ที่ไหนจริงไหมแม่” ศักดิ์ดาหันไปถามความเห็นกับภรรยาที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ปกรณ์พูดอะไรไม่ออกหลายนาที เขายกมือปิดปากเพื่อผ่อนคลายอารมณ์…แต่สุดท้ายก็ทรุดกับพื้นพร้อมกับพนมมือไหว้ด้วยกิริยาไม่สมบูรณ์
“ไม่ต้องๆ ลุกขึ้นเถอะ” สมรพูดเร็วๆ ศักดิ์ดารีบเข้ามาซ้อนร่าง
“ทั้งชีวิต…ผมเหมือนอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ไม่เคยได้เรียกใครว่าพ่อกับแม่จริงๆ จังๆ สักคน” เขาสารภาพเสียงสั่นแล้วนิ่งเก็บอาการไปอีก “ในเมื่อน้องชายเรียกคุณว่าแม่…พ่อ…..ผมจึงขออนุญาตเรียกตามเค้า”
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว มาๆ ตามพ่อขึ้นมาเรื่องราวน้องรอให้ค้นหาอยู่เต็มห้องเชียวละ” ศักดิ์ดาบอกพร้อมกับเดินนำขึ้นชั้น 2 ทันทีที่ประตูไม้สีน้ำตาลถูกผลักเข้าสู่ภายใน ถนนมิตรภาพที่เลื้อยยาวราวกับลำตัวของงูยักษ์ก็ปรากฏให้เห็น ปกรณ์สาวเท้าไปหยุดริมหน้าต่าง เขามองข้ามภูเขาอีกลูกไปยังทิศใต้กระทั้งสมรกับศักดิ์ดาเห็นหลังมือสั่นดิกๆ….
“อนุชัยอยู่ห้องนี้มาตั้งแต่แรกเลยหรือครับ……แม่” คำสุดท้ายถูกเว้นระยะห่าง
“ใช่แล้วลูก อนุชัยเขาเติบโตภายในห้องนี้ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่กับแม่” สมรบอก
“ช่วยเล่าเรื่องของเค้าให้ฟังได้ไหม”
สมรนิ่งอยู่นาน กระทั้ง….. “ต้นเดือนมิถุนายนเมื่อ 36 ปีก่อน แม่ของแม่…หมายถึงยายที่จากเราไปแล้วนะบ่นอยากกินแกงเห็ดป่า แม่จึงไปหาซื้อในตลาดมวกเหล็กแต่ไม่มีขายแม่จึงนั่งรถโดยสารต่อไปยังตลาดกลางดง เช้าวันนั้นแดดสีครีมมาพร้อมกับเม็ดฝนโปรยปรายบางๆ มองเผินๆ ไม่ต่างอะไรจากฝูงแมลงตัวเล็กๆ กำลังบินว่อนเต็มท้องฟ้า สายรุ้งที่หุบเขาสีทึมๆ ทางอำเภอแก่งคอยก็สวยงามไร้ที่ติ กระนั้นแม่ก็ยังใช้ผ้าขนหนูสีฟ้าโพกหัวเพื่อป้องกันตัวเอง เมื่อได้ของจนเต็มมือ เสียงร้องไห้ของเด็กทารกแรกเกิดจากเพิงสังกะสีก็ดึงดูดให้แม่เดินเข้าไปหา แม่จึงได้พบกับพี่พวงพร สาวอายุมากกว่า 2 ปีกำลังทอดกล้วยขาย อีกมือก็คอยตบปลอบลูกน้อยไม่หยุด แม่ก้าวขาไม่ออกในหัวมีทั้งความเวทนา-สงสารกับคำถามมากมายสารพัด……”
ปกรณ์ตัวสั่นโคลง ร่างทั้งร่างราวจะล้ม “พอแล้วครับ พอแล้วครับแม่” เขาพูดและพยายามสงบสติจนกลับมานิ่งระดับหนึ่ง “ผมเป็นพี่ชายเขาประสาห่าอะไร…..แค่ภูเขาลูกนั้น” ปกรณ์ใช้สายตาชี้นำไปยังสนามกอล์ฟเซอร์แจ๊คสัน “เขาก็อยู่ตรงนี้ อยู่ใต้จมูกผมมาโดยตลอดยังไม่มีปัญญาปกป้องเขา ฮื้อๆ” ปกรณ์ปล่อยโฮเสียงดังแบบไม่อายใคร “แถม แถมยังเกือบจะฆ่าน้องชายแท้ๆ ตัวเองอีก ฮื้อๆ”
ศักดิ์ดาจึงเดินเข้าไปโอบ-ตบปลอบเบาๆ
“ผมมันชั่วช้าสารเลวขนาดนี้ คุณ คุณ…..” ปกรณ์หันกลับมาใช้สายตาชื้นๆ เปิดให้อ่าน “คุณยังจะยอมให้ผมเรียกว่าแม่กับพ่ออีกอย่างนั้นหรือ” พูดจบร่างของหนุ่มวัยใกล้จะ 40 ปีก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ศักดิ์ดาไม่ทันได้ช้อนร่าง สมรก็นั่งลงสะอื้นอยู่ในสถานะเดียวกัน
“เวลานั้นลูกยังไม่รู้ ย่อมไม่ผิด….และเวลานี้อนุชัยก็ผ่านเรื่องราวทั้งหมดมาแล้ว ลูกเองนั้นแหละ ต้องปลดบ่วงอดีตให้พ้นตัวเองสักที….” สมรบอกแล้วนิ่งจ้องอารณ์ที่กำลังจมดิ่งของเขา “ปลดบ่วงอดีตทิ้งให้หมด พรุ่งนี้รอลูกอยู่นะปกรณ์”
“ใช่! อดีตเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ มีเพียงวันนี้กับพรุ่งนี้เท่านั้นที่กำลังเปิดโอกาสให้เริ่มต้น” ศักดิ์ดาเสริมก่อนจะเดินไปเปิดตู้ไม้สักหยิบอัลบั้มเก่าๆ ของอนุชัยมาส่งให้ “รู้จักน้องชายของลูกให้เต็มที่ซะพรุ่งนี้อนุชัยกำลังรอลูกอยู่”
ปกรณ์มองศักดิ์ดานิ่งๆ ก่อนจะรับอัลบั้มรูปมาถือไว้ในมือ “ผมขออยู่คนเดียวนะครับ…..” เขาใช้น้ำเสียงวิงวอน…. “พ่อ…..” แล้วก็หันไปพูดกับสมรที่กำลังปาดน้ำตาทิ้ง “แม่…..”
“มีหลายอย่างของอนุชัยที่ลูกจะต้องรู้จัก” สมรชี้นิ้วไปยังตู้ไม้สักที่ศักดิ์ดาเพิ่งไปหยิบอัลบั้มรูปมาให้ “เรื่องราวในอดีตของน้องอยู่ในนั้นทั้งหมด”
“ตามสบายเลยลูก พ่อกับแม่จะลงไปรอด้านล่าง”
ปกรณ์จ้องคนทั้ง 2 สลับกันไปมา “ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”
….สรุปก็เป็นไปตามที่วางแผน ปกรณ์พักฟื้นอยู่กับศักดิ์ดาและสมร 1 อาทิตย์ วันสุดท้ายเขาขอร้องให้เธอเล่าเรื่องราวของอนุชัยที่ยังเล่าไม่จบให้ฟังก่อนจะแวะไปทำบุญให้พวงพรแม่ของอนุชัยกับอนุชาติพ่อของเขาที่สถูปเล็กๆ คู่กัน แดดหลัง 8 โมงเช้าที่อำเภอมวกเหล็กกำลังงดงาม สายลมเย็นๆ จากยอดเขาทางทิศตะวันตกก็กำลังสบาย แต่ครอบครัวใหม่รอให้กลับไปรับผิดชอบ เขาประคองเด่นดวงขณะที่เธอยังแข็งแรงไปขึ้นรถ โดยมีสมรกับศักดิ์ดาตามไปส่งกระทั้งเด่นดวงเข้าที่
“ต้องคิดถึงที่นี่แน่ ๆ” ปกรณ์พูดลอย ๆ “ผมจะกลับมาเยี่ยมนะครับ…..พ่อ……แม่”
สมรกับศักดิ์ดาเผลอปาดน้ำตา “ไปเถอะลูก พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหนหรอกจะรอลูกๆ อยู่ที่นี่ละ”
“ไปนะพี่สมร ฉันนับญาติไม่ถูกแล้วเนี้ย ฮา ฮ่า ฮ่า” เด่นดวงตะโกนออกมาจากรถโฟวิล แล้วเธอก็หัวเราะต่อไม่หยุด
“ไปนะแม่ ไปนะครับพ่อ”
“เออ ขับรถดีๆ ละ” ศักดิ์ดาบอกส่ง ทั้งหมดโบกไม้โบกมือให้กัน….แดดสีครีมกำลังเปลี่ยนเป็นสีขาว รถโฟวิลสีดำก็หายลงเนินหายไปเงียบๆ….
“เขานิสัยคล้ายกันมากๆ เลยนะพ่อ”
“อื้อ!….เราโชคดีที่พวกเขาปลอดภัยและกำลังจะมีหลานอีกคนให้อุ้ม….ขอให้ได้หลานสาวทีเถอะพ่อจะถวายหัวหมูสักสิบหัวเลย สาธุ สาธุ สาธุ” ศักดิ์ดาพร่ำยาว
“พ่อบนกับแม่รึไง….ฮ่า ฮ่า ฮ่า คนอะไร้ยิ่งแก่ยิ่งเรอะ….ไปๆ กลับบ้าน ต้องเตรียมของอีกเยอะแยะ”
“แต่นุมันไม่ให้แม่ขายแล้วนา!”
สมรหันมามองหน้าสามี…. “ถ้าหยุด….พ่อก็ต้องป่วย แม่ก็ป่วย เดี๋ยวตายก่อนจะได้เห็นหน้าหลานสาวกันพอดี”
“เออ….ก็จริงของแม่นะ….ไปๆ รีบเถอะพ่อต้องไปรับกล้วย…เที่ยงไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่าไม่รู้เลย….”
ที่บ้าน LOFT LOVE…
อีก 2 เดือนต่อมา คุณหมอเดียรเนียล สแปนเลย์ พร้อมคณะ ในที่นี่หมายถึงหญิงรัดดากับอาตี้ก็บินกลับมาเมืองไทยเพื่อเช็คอาการของดร.ชานนท์ คราวนี้ดร.ชวนนท์ผู้เป็นพ่อถือโอกาสย้ายตามภรรยามาอยู่กินที่บ้าน Loft Love ด้วยซะเลย โถงรวมเพดานสูงจึงกลายเป็นโถงกิจกรรมตลอด 24 ชั่วโมงไปโดยปริยาย
“อาหญิงฮะนี่ใช่เกาะ…..” อาตี้เปิดดูอัลบั้มรูปเจอรูปถ่ายของหญิงรัดดายืนโชว์หุนชวนแซบ! อยู่หัวเรือยอร์ซเข้าโดยบังเอิญ เขากำลังจะถามขณะที่เธอเดินถือถาดข้าวตังเกรียบกรอบมาเสริฟ แต่ดร.ชานนท์ก็แย่งไปทำเป็นลูบให้เห็นซะก่อน “เอ้!…คุณพ่อรู้ได้ไงฮะว่ารูปวางอยู่ตรงไหน”
คุณหญิงพวงพรปิดปากหัวเราะ แต่ดร.ชานนท์ชะงักค้างราวกำลังหาข้อแก้ตัว….
“แค่เสียงไล่เปิดภาพพ่อเค้าก็รู้แล้วละ” อนุชัยที่เดินถือน้ำชาเข้ามาแก้ตัวแทน “อย่าเป็นคนขี้สงสัยให้มากเข้าใจไหม”
“ใช่ๆ….พ่อนุพูดถูก….” ดร.ชานนท์ตามติดๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า….เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ” คุณหญิงพวงพรอดรนทนไม่ไหวเลยกระแซะอีกคน
“เป็นปี่เป็นขลุ่ยคืออะไร….หญิงรัดดาอธิบายให้เข้าใจหน่อย” เดียรเนียล สแปนเลย์ ถามพลางดึงแขนเธอให้นั่งลงข้างๆ
“ก็ประมาณเข้ากันได้ดี หรือเข้าข้างกันประมาณนั้นแหละ” หญิงรัดดาอธิบายอย่างคนปัดรำคาญ
“ไอ ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั้นแหละ”
“นายเงียบไปเลย ค่อยทำความเข้าใจกันภายหลังได้เปล่า” ดร.ชานนท์ต้องการจะหลุดจากประเด็นเลยแทรกเบรกเร็วๆ ซึ่งมันก็ได้ผล
“ไอ มีเวลาอยู่เมืองไทยไม่ถึง 2 วีค แต่ไอเคยเห็นรูปเกาะในประเทศไทยสวยๆ มากๆ เราไปกันดีไหม” หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ เสนอ ทำให้ดร.ชานนท์ถึงกับถอนหายใจทิ้ง
“หญิงนึกออกละ…นั้นเป็นรูปของอาสมัยสาวๆ นะอาตี้”
“รู้แล้วฮะ ประเด็นมีอยู่ว่า มันคือที่ไหนบนแผนที่โลกต่างหาก” อาตี้ถามต่อ
“หมู่เกาะ PP จังหวัดกระบี่ ภาคใต้ของประเทศไทยเรานี้แหละ” หญิงรัดดาบอกและก่อนที่น้ำชาอุ่นๆ จะจรดริมฝี่ปาก ดวงตาของเธอก็เบิกโพลง “หรือว่าเราจะไปรำลึกถึงความหลังกันสักคืน”
“เฮ!…..ผมเอาด้วย” เดียรเนียลตามแบบคนไม่ต้องคิด ต่อจากนั้นก็เป็นอาตี้….อนุชัยได้แค่ยิ้มๆ ให้ดร.ชานนท์ขโมยเห็น…..
“พ่อฮะ….” อาตี้เร่ง “พ่อฮะ….”และก็หันไปขอความเห็นใจจากอนุชัยอีก
“แฟนรัก….มีหมออย่างฉันไปด้วย ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น OK”
“เดียรเนียลคะ….คุณอยากเรียนภาษาไทยตั้งแต่เริ่มต้นหรือภาษาอังกฤษดีคะ…Friend คะ…ไม่ใช่แฟน เดี๋ยวก็ทำให้ครอบครัวชาวบ้านเขาแตกอีกรอบหรอก คราวนี้หญิงไม่สามัคคีอีกแล้วนะ” หญิงรัดดาเล่นของสูง จนทุกคนหัวเราะลั่นบ้าน
“เป็นอันว่างานนี้แม่กับพ่อจะไปด้วย” ดร.ชวนนท์เห็นด้วยอีกคน
“แต่ภายใน 2 วีคนี้คิวดิฉันแน้นแน่นๆ นะคุณ”
“คุณแม่ / คุณย่าฮะ”
“งานนุเองก็เพิ่งจะสรุปโครงการใหญ่….”
“คุณพ่อฮะ /พี่นุ”
“สรุปเป็นไฟท์บังคับใช่ไหมครับ” ดร.ชานนท์ที่นิ่งฟังระยะหนึ่งพูดอย่างคนต้องการคำตอบสุดท้าย
“ใช่/ Yes! / ถูกต้องแล้วฮะ”
“….ตกลงตามนี้นะคุณ เราเองก็ไม่เคยไปเที่ยวไหนด้วยกันนานมากแล้วนะ…ถือโอกาสไปนอนอาบแดดซะหน่อย”
“Yes! บิงโก….อาตี้กลับอเมริกาคราวนี้จะได้ผิวสีแทน…ไอ้ยูจิต้องพูดไม่ออกแน่ ๆ…..ฮา ฮ่า ฮ่า”
“ยูจินี้ใครกันละคุณ” ดร.ชวนนท์หันไปถามภรรยาอีก
คุณหญิงพวงพรส่ายหน้าเบื่อหน่าย พร้อมกับจิ! ปากใส่สามีดังๆ “ยูจิ ยามาซาดะ จะเป็นลูกใครไปได้ละคะคุณก็”
“อ้อ!….ลูกของยูริหรอกหรือ….ส่งไปเรียนซานฟรานฯ ตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่เคยเห็นเล่าให้ฟังเลย”
“คุณถ้าจะแก่แล้วแก่เลยจริงๆ แล้วละค้ะ….”
“เกือบ 2 ปีมาแล้วคะคุณพ่อ อายูริยังมาให้คุณพ่อเซ็นรับรองให้อยู่เลย จำไม่ได้รึคะ” หญิงรัดดาทวนความทรงจำ
“อ้าว!….พ่อก็นึกว่ายังไม่กี่ขวบ…”
“โตเป็นหนุ่มสูงใหญ่พอๆ กับอาตี้แล้วละคะคุณ แถมหล่อซะด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่ขำยูจิเพิ่งจะบินมาเยี่ยมแท้ๆ ลืมได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พูดจบคุณหญิงพวงพรก็หัวเราะยาว…..
“มันแอบมานอนอาบแดดเป็นอาทิตย์ไม่ยอมชวนกลับไปสาวๆ นี้ตรึม!….คราวนี้ก็ถึงคิวอาตี้บ้างแล้วละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อาตี้เสียงดัง อนุชัยอมยิ้มหันไปยักคิ้วให้ดร.ชานนท์ อาตี้เห็นเข้าพอดีจึงเก็บความสงสัยเรื่องพ่อตัวเองมองไม่เห็นไว้ในใจ……
กระทั้งวันเดินทางมาถึง ดร.ชวนนท์ส่งทีมบอดี้การ์ดลงสำรวจพื้นที่ล่วงหน้า 2 วัน ก่อนจะสั่งเพิ่มกำลังแฝงตามไปในรูปนักท่องเที่ยวอีก 2 เท่า…ใบหน้าของคุณหญิงพวงพรจึงดูดีขึ้นมาบ้าง
ช่วงหลังๆ อาตี้มักจะขลุกอยู่กับ หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ หลายชั่วโมงต่อวัน เสียงซุบซิบระยะไกลจึงเป็นประเด็นอยากรู้ของคุณหญิงพวงพรมากเป็นพิเศษ กระทั้งหลังจากทั้งคู่ลากกระเป๋าไปยกใส่ท้ายรถตู้เรียบร้อยแล้ว คุณหญิงพวงพรก็กวักมือเรียกมาคุยด้วย
“ไหนมีความลับอะไร บอกมาให้หมด” คุณหญิงพวงพรคาดคั้น อาตี้หน้าหงอหันไปขอความเห็นจากหมอเดียรเนียลที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอ่อ….คือว่าอย่างนี้ครับคุณแม่” หมอเดียรเนียลจะอธิบายแต่อาตี้ก็แซงโค้งปาดหน้าซะก่อน
“คุณย่าฮะ….คุณย่าไม่สงสัยพ่อชายบ้างหรือฮะ….” เขาเงียบคิด “อาตี้กับอาหมอกำลังคิดว่าแท้จริงแล้วเราทั้งหมดกำลังโดนหลอกอยู่หรือเปล่า…แบบว่า”
“ไอก็มั่นใจมากๆ ครับคุณแม่ ว่าชานนท์มองเห็นแล้วแน่แท้และแน่นอน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”……คุณหญิงพวงพรหัวเราะลั่น ทั้ง 2 จ้องหน้ากันไปมา
“คุณย่า….”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า……” แต่คุณหญิงพวงพรก็ยังหัวเราะไม่หยุด กระทั้งเธอปาดน้ำตาทิ้ง “เอาเป็นว่างานนี้อาตี้มีแผนอะไรย่าขอร่วมด้วยคน”
“หมอเดียรเนียลมองหน้าอาตี้สั้นๆ…. “คุณแม่รู้ตั้งแต่วันแรกแล้วใช่ไหม” หมอเดียรเนียลถาม เมื่อคุณหญิงพวงพรยิ้ม เขาก็ตบขาตัวเองดังผาง! “ปาดโท้!…..”
อาตี้สะกิด “ปั๊ดโท!….ครับอาหมอ”
“เออๆ ปั๊ดโท! นั้นแหละไอเอะใจอยู่แล้วเชียว ชานนท์นะชานนท์เล่นกันได้ งานนี้ละ”
“ใช่ๆ…..อาตี้มีแผนหรือยังลูก” คุณหญิงกระซิบ
“ยังหรอกฮะกำลังคิดอยู่….”
แต่ที่ด้านหลัง….
“คุณแม่คะ….มีอะไรกันหรือคะท่าทางเคร่งเครียดเชียว” เป็นเสียงหญิงรัดดาทุกคนจึงแยกทิ้งสีหน้าไปคนละทาง…. “เราจะไปเที่ยวกันนะคะ สนุกหน่อยดิ….นะคะ นะคะ…ไปคะขึ้นรถได้แล้ว”
“อาตี้ก็ว่าแบบนั้นแหละฮะ” และเขาก็เป็นคนแรกที่กระโจนออกไปทางประตูหน้า ก่อนจะตรงดิ่งไปหาดร.ชานนท์ที่มีอนุชัยยืนอยู่ข้างๆ
“แหม!….คุณพ่อใส่หมวกแก๊ปเหมือนกันเลยนะฮะ เท่จัง”
“พ่อเพิ่งตัดผมมาใหม่นะ….เป็นไงจะได้เหมือนหมวกสีดำของอาตี้ไง” ดร.ชานนท์พูดยิ้มๆ แต่อาตี้กลับมาในแผนที่ลึกกว่า
“ใครบอกว่าหมวกคุณพ่อสีดำกันละฮะ….สีชมพูต่างหาก” พูดจบเขาก็บีบริมฝีปากแน่นก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในรถ ทำให้ทั้งดร.ชานนท์และอนุชัยต่างมองหน้ากันไปมา
“ตกลงตาฉันไม่บอดสีแน่นะ” ดร.ชานนท์กระซิบ อนุชัยปิดปากหัวเราะแทบไม่ทัน
“หรือว่าฉันตาบอดสีซะเอง”
“สีดำ….นี้มันสีดำชัดๆ เราคงไม่ตาถั่วพร้อมกันหรอกเชื่อฉันดิ…..” ดร.ชานนท์กับอนุชัยพึมพำ แต่อาตี้กลับหัวเราะลั่นอยู่คนเดียว (ฮา ฮ่า ฮ้า ฮ่า ฮา)
จบ อนุชาย2 บทที่26 อันดามันรำลึก