อนุชาย2 บทที่28 แผนฆ่า
อยู่ๆ อนุชาก็ได้รับจดหมายลึกลับฉบับหนึ่ง…เขาแกะอ่านทั้งๆ ที่มือทั้ง 2 ข้างสั่นระริก ในหัวส่งสัญญาณร้ายเตือนอย่างอัตโนมัติว่าที่อยู่ปัจจุบันถูกเปิดเผย เขาจะต้องย้ายภายในคืนนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้เช้าเป็นอย่างช้า แต่เมื่อข้อความในจดหมายบอกแหล่งที่มาเป็นรหัสสั้นๆ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษสลับกันเขาก็พอเดาออกทันทีว่าหมายถึงอะไร
“คิดจะล่อเสือออกจากถ้ำ…..มันจะง่ายเกินไปแล้วมั่ง” เขาพึมพำคนเดียวกระทั้งเลยเที่ยงคืนไม่กี่นาที ทนายอำพล ทนายความประจำบ้านตระกลูเชาว์ก็โทรผ่านไลน์เข้ามือถือที่เขาเป็นคนจัดให้
“ครับ”
(คุณอนุชามือถือเครื่องนี้ถูกเปิดเผยที่อยู่กรุณาทำลายทิ้งตอนนี้เลย ไม่เกิน 3 วันผมจะจัดส่งเครื่องใหม่ไปให้และขอย้ำอีกครั้งว่า…อย่าใช้มันโทรหาใครยกเว้นผมเพียงคนเดียว)
“มิน่าละ….ถึงได้มีจดหมายเสนอเงินก้อนใหญ่มาถึงอั๊ว!”
(โอ้!….ไม่ได้การแล้วละ…เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านหลังนั้นภายใน 1 ชั่วโมง เดี๋ยว เดี๋ยวจะส่งรถแท็กซี่หมายเลขทะเบียน กส-XXXX ไปรับ สถานที่จะ Confirm กลับไม่เกิน 15 นาที)
“อั๊ว!…..”
(อย่าบอกนะว่าคุณไปให้การกับตำรวจมา) เสียงทนายอำพลพูดจากคาดเดาพลางพ้นเสียงลมหายใจแสดงสถานะรอให้ได้ยิน
“อั๊ว! เบื่อ….”
(มิน่าละเรื่องมันถึงได้วุ่นไปกันใหญ่….ตำรวจบางคนก็ไว้ใจไม่ได้ เก็บเสื้อผ้าออกจากห้องตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นคุณจะเหลือแค่ชื่อแน่ๆ)
“แต่….”
(ไม่มีแต่…ออกไปหลบที่ไหนสักแห่ง ผมจะส่งแท็กซีไปรับ รอเพียงข้อความนัดอย่างเดียว เชื่อผม)
“แต่อั๊ว! ไม่อยากหนีอีกแล้ว คุณช่วยมามากและคุณก็ไม่อาจช่วยอั๊ว! ได้ตลอดไป เอาเป็นว่าเรื่องนี้ขออั๊ว! จัดการเองจะดีกว่า คุณแค่รอติดต่อกลับจะปลอดภัยกว่า ขอบคุณมากๆ” อนุชาพูดราวจะสรุป เขากดสายทิ้ง แต่อีกมือก็ไล่เก็บเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัวยัดใส่กระเป๋า เมื่อกำลังจะก้าวขาตรงไปยังประตู เสียงกุกๆ กิกๆ ผิดวิสัยหลังเที่ยงคืนก็ทำให้ต้องชะงัก เขาสังเกตแสงไฟที่เล็ดลอดผ่านรอยแยกเข้ามาในห้อง มันวูบวาบบอกสถานะข้างนอกอย่างผิดธรรมดา เขาจึงเปลี่ยนใจเดินกลับไปยังระเบียงด้านหลัง ในเมื่อห้องเช่าอยู่เพียงชั้น 2 การจะหนีออกทางนี้จึงไม่ใช่เรื่องลำบาก เมื่อเขาปีนลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัยแล้ว เสียงดังปั้ง! เพียงครั้งเดียวก็ทำให้พอเดาเหตุการณ์ข้างบนได้
#มันไหวตัวทัน#
#นี้ไงซองจดหมายคล้ายจะถูกฉีกใหม่ๆ คงยังหนีไปไหนไม่ไกล….ออกตามหาให้เจอ#
#ครับ#
ความมืดช่วยอำพรางเอาไว้ แต่สำหรับพรุ่งนี้เขามีทางเลือก 2 ทางนั้นก็คือโทรหาทนายอำพลขอให้ช่วยเหลือ กับเดินขึ้นสถานีตำรวจเพื่อสะสางปัญหาของครอบครัวให้จบ ตำรวจจะให้ความเชื่อมั่นกับเขาได้มากน้อยเพียงใดละ แต่ถ้ามัวแต่หลบๆ ซ่อนๆ วันหนึ่งความตายก็ต้องเดินทางมาถึง สู้เดินหน้านำความจริงให้กฎหมายจัดการอย่างน้อยความตายที่รออยู่ก็มีค่ามากกว่าความตายอันเงียบงันในโลกที่ไม่อาจคาดเดาได้…
“อย่างไรก็ต้องตาย ขออั๊ว! ตายดังๆ เถอะนะอาเฮีย…..” เขาพึมพำราวรำลึกถึงใบหน้าของพี่ชายขณะทิ้งรอยเท้าไปตามถนนแคบๆ มืดๆ ราตรีของคืนนั้นช่างยาวนาน หนทางข้างหน้าก็มิอาจคาดเดา ข้อนี้เขารู้ดีและเริ่มคิดถึงคุกอันเป็นบ้านมา 15 ปีขึ้นในหัว….
“หากกลับเข้าคุก อั๊ว! ปลอดภัย แต่คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องละจะทำอย่างไร” สมองยังคงแล่นเร็วกว่าฝีเท้า ในที่สุด 9 โมงเกือบๆ จะครึ่งอนุชาก็ตัดสินใจขึ้นไปนั่งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ตำรวจกองปราบปรามฟัง การวางแผนเพื่อซ้อนแผนฆ่าจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นระบบ….
“เอกลักษณ์ส่วนบุคคลต้องทำลายทิ้งให้หมด เดี๋ยวเราจะจัดการให้เอง…ส่วนคุณแค่ทำตามเราก็พอ” เสียงพูดกว้างๆ ของนายตำรวจใหญ่ที่เข้ามาดูแล อนุชาผงกหัวหงึกๆ อย่างคนไม่มีทางเลือก
“ครับ….จัดการได้เลยผมพร้อมแล้ว”
ที่เซฟเฮ้าส์ ภายในไร่ภูตะวัน อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา อีก 3 วันต่อมา….
ตำรวจให้อนุชาติดต่อกลับตามรหัสที่แกะได้เป็นหมายเลขโทรศัพท์ การประสานงานเบื้องต้นเป็นไปด้วยดี อีก 3 วันถัดมาการเข้าสู่เซฟเฮ้าส์ภายในไร่ภูตะวันจึงเริ่มต้นขึ้น อันที่จริงสถานที่แห่งนี้มิใช่อนุชาไม่เคยมา เมื่อก่อนเขายังเคยคิดว่ามันคือบ้านหลังที่ 2 ด้วยซ้ำ กระนั้นเมื่อสถานะเปลี่ยนไป เขาจึงต้องวางตัวต่างจากเมื่อก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตำรวจจัดหารถกระบะไม่มีหมายเลขทะเบียนให้คันหนึ่งพร้อมกับนายตำรวจผู้มีเอกลักษณ์ค่อนไปทางผู้ร้ายร่วมติดตามไปด้วย 1 คน
ถึงแม้ตะวันตกดินไปแล้วหลายชั่วโมงแต่เซฟเฮ้าส์ที่สร้างด้วยไม้ 3 ชั้นหลังนี้ก็ยังคงตั้งตระหง่านตัดกับขอบฟ้า ยอดภูเขาสูงเสริมให้มันดูโดดเด่น สีไม้ทึบๆ เองก็บอกความลึกลับเอาไว้ครบถ้วน อนุชากับต๋อง…ชื่อที่สมมุติขึ้นมาสำหรับนายตำรวจที่มีใบหน้าเป็นเอกลักษณ์ก็ขับรถมาถึง ทันทีที่ทั้ง 2 เดินขึ้นสู่เฉลียงกว้างๆ ประตูไม้สักบานใหญ่ก็เปิดต้อนรับจากด้านใน พวกเขาเดินเข้าไปในตู้โชว์ข้างบันไดตามเสียงผ่านสายแนะนำและภายในก็ปรากฏลิฟต์แคบๆ ให้เห็น มันนำลงสู่ห้องลับ แม่บ้านวัยดึกพร้อมกับคนสวนวัยชราส่งหน้ากากให้ทันทีที่ก้าวขาออกมาจากลิฟต์ตัวนั้น…แล้วห้องเพดานเตี้ยนี้ละเป็นชั้นไหนของเซฟเฮ้าส์หลังนี้กันแน่ นายตำรวจผู้ติดตามมิอาจล่วงรู้มีเพียงอนุชาและอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความลึกลับในข้อนี้ เมื่อหน้ากากถูกสวมเข้าที่ อนุชาก็ดึงถุงมือพลาสติกจากผนังส่งให้ รวมทั้งตัวเขาด้วย
“เชิญด้านใน” เสียงแม่บ้านที่หน้าตาไม่รับแขกดังห้วนๆ
อนุชาพยักหน้าใต้หน้ากากขอบคุณก่อนจะก้าวผ่านประตูเลื่อนไม้ทึบๆ เข้าสู่ภายในห้องที่ปรากฏแสงไฟสีขาวสว่างจากทุกทิศทางจนเหลือเงาบนพื้นแค่ฝ่ามือเดียว พวกเขามาถึงเป็นลำดับที่ 4 ยังเหลืออีก 2 คนกำลังลงลิฟต์จากด้านหลังมา ชายฉกรรจ์สูงใหญ่ผิวดำคล้ำและอีก 6 คนในห้องเลือกจะนั่งกระจัดกระจายไปตามเก้าอี้รอบๆ โต๊ะใหญ่อย่างไม่เป็นระเบียบ อีกไม่ถึง 2 นาทีชายรูปร่างท้วมลงพุงผิวขาวแบบคนจีน 2 คนสวมหน้ากากบางๆ สีเนื้อแต่ก็ปกปิดตัวตนได้สมบูรณ์แบบก็ผ่านประตูเข้ามาสมทบ อนุชาพอจะเดาออกว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่การจะทักทายอย่างเปิดเผยจึงเป็นเรื่องผิดวิสัยของนักฆ่า เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรูปของคน 3 คนก็ถูกฉายพร้อมรายละเอียดขึ้นบนจอ LED. ใหญ่ที่แขวนติดผนังหน้าห้อง
“คนที่ 1 คือ DEATH01AC พิกัดพร้อมรายละเอียดจะส่งให้ภายหลัง คนที่ 2 DEATH04PK และคนสุดท้ายคือ DEATH05AN กลุ่มไหนเก็บคนใดคนหนึ่งได้ก่อนมาเบิกเงินส่วนที่เหลือได้เลย” ชายร่างท้วมพูดจบเขาก็โยนซองเอกสารที่มีเงินก้อนโตให้ทีละกลุ่ม เมื่ออนุชาเห็นรูปที่ปรากฏมีตัวเองแผ่หราอยู่ต่อหน้า เขาทำอะไรไม่ถูกการยืนนิ่งๆ เพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปจึงเป็นเรื่องสมควรในเวลานั้นและเมื่อจบภารกิจลับรถกระบะไม่มีหมายเลขทะเบียนก็วิ่งกลับไปตามทางเดิม เมื่อพ้นเขตของไร่ภูตะวันเสียงทุ้มๆ ก็ดังขึ้น
“นี่….หมายความว่าอย่างไร”
นายตำรวจที่ใช้ชื่อต๋องยิ้ม “อันที่จริงเรากับทนายอำพลร่วมกันวางแผนเรื่องทั้งหมดก่อนจะเกิดเหตุร้ายกับคุณปกรณ์ซะอีก การล่อคุณให้แสดงตัวจึงต้องใช้วิธีนี้ละ” เขาบอก อนุชาหน้าซีดอย่างคนคาดไม่ถึง
“ทนายอำพลรู้เรื่องทั้งหมดนี้ด้วยหรือ” อนุชาถามขณะเร่งความเร็วของรถออกสู่ถนนหลวงเพื่อมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ เวลาก็ผ่าน 5 ทุ่มมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว กระนั้นแสงไฟตามรายทางก็ยังสว่างเข้าไปในหุบเขาทีละส่วน
“ครับ แต่ไม่ทั้งหมด ในเขามีเรา…ในเราก็มีเขาเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” ต๋องบอก เขาเงียบ ทั้งคู่เงียบสักพัก “แต่ทีมเราก็มีมากกว่าที่คุณจะนึกได้ เชื่อผมซิ”
อนุชาเป่าลมทิ้ง “อั๊ว! อยากให้เรื่องบ้าๆ พวกนี้จบเร็วๆ” เขาพูดจากความรู้สึกจริงๆ ก่อนจะพารถมุดเข้าไปในอุโมงที่ยาวโค้ง “สุดท้ายหากอั๊ว! ต้องกลับเข้าไปอยู่ในคุก อั๊ว!ก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้วขอเพียง DEATH 04PK กับ DEATH05AN รวมทั้งคนบ้านตระกูลเชาว์ปลอดภัยกินอิ่มนอนหลับเท่านั้นพอ”
“เราวางแผนเรื่องนี้มานานพอสมควร ยังขาดหลักฐานเชื่อมโยงอีกนิดหน่อยก็จะปิดคดีได้แล้วละ”
“อู้!….เขาคือพี่ชายคนเดียวของอั๊ว!เอง”
“อย่าเพิ่งปักใจเชื่อมากนัก….คดีนี้ค่อนข้างซับซ้อน ขอความกรุณาใจเย็นๆ” ต๋องพูดราวจะบอกใบ้….
เกือบจะตี 1 รถกระบะก็ยังแล่นด้วยความเร็วปกติผ่านอำเภอกบินทร์บุรี อนุชากับต๋องแวะเติมน้ำมันสั้นๆ ก่อนจะออกเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางของอีกคนชัดเจนแต่อีกคนกลับเลื่อนลอย ในหัวเต็มไปด้วยปริศนานานา…หากไม่ใช่อนุชาญแล้วจะเป็นใครกันละที่บงการเรื่องทั้งหมด เขาพยายามคิด พยายามอ่านเกมเพื่อให้เชื่อมโยงถึงตัวการใหญ่….กระทั้งเสียงนายตำรวจดังขึ้นอีก
“แวะปั้มน้ำมันข้างหน้านะครับเราต้องเปลี่ยนรถ”
“ได้ครับ…..”
“และอีกคนจะพาคุณไปยังบ้านพักที่จัดไว้ให้ สบายใจได้ขอเพียงอย่าทำอะไรนอกเหนือจากที่เราบอกก็แล้วกัน”
“ครับ….ผมจะทำอะไรได้ละ”
“เงินก้อนนี้ต้องเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเงินที่คุณจะใช้จ่าย เขาเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องเป็นกังวล” ต๋องพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ เมื่อรถกระบะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าห้องน้ำภายในปั้ม ปตท. รถโตโยต้าวีออสสีขาวก็วนเข้ามาจอดเทียบ “ต้องขออนุญาตปิดตาอีกครั้งนะครับคุณอนุชา…เราได้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของคุณมาให้พร้อมทั้งหมดแล้วด้วย”
“เราจะติดต่อกันอย่างไร”
“….เดี๋ยวจะรู้เอง” ต๋องบอกพลางใช้ผ้าดำปิดตาเขาไปด้วยกระทั้งมีอีกคนเปิดประตูเข้ามารับตัว “โชคดีนะครับคุณอนุชา”
“ครับ เช่นกัน”
เช้าวันต่อมาที่บ้านตระกูลเชาว์
“อาเฮีย….อยู่ไหน อาเฮีย” เสียงแหลมๆ เล็กๆ ของสาวไทยเชื้อสายจีนดังจากภายในบ้าน ไม่นานหญิงร่างท้วมขาวใบหน้ากลมสวยเพราะศัลยกรรมวัยน่าจะเลย 50 ปี…ที่มีโลม้วนผมอยู่เต็มหัวก็เดินผ่านประตูห้องทำงานออกมา “อาเฮีย อาเฮีย….”
“อาซ้อ….นายชาญออกไปข้างนอกแล้วครับ” เสียงยามที่หน้าประตูรายงาน
“ไปไหนของเค้าแต่เช้า เวลามีเรื่องมีราวเป็นต้องหายหัวทุกที พิมพ์เอ้ยพิมพ์…….”
“ขาซ้อหงส์…”
“อ้อๆ เห็นแล้ว…จะถามหาโทรศัพท์ซะหน่อย ไป ไปทำงานให้เสร็จ โอ้ยอะไรกันนักหนา วุ่นวายแต่เช้า นี้รองเท้าของใครเกะกะไม่เป็นระเบียบต้องให้บ่นได้ทุกวัน สมหวัง สมหวัง”
“ครับซ้อหงส์…..”
“รอฉันอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว” พูดจบเธอก็ส่ายสะโพกกลมกลึงผ่านโถงบันไดออกไปด้านนอกอีกรอบ “สยาม”
“ครับอาซ้อมีอะไรหรือครับ”
“นายพวกแกไปไหนได้บอกไหม” เธอท้าวสะเอวถามพลางเกาหัวหยิกๆ ไปด้วย
“เห็นบอกจะไปอำเภอวังน้อยนะครับ….” ยามเก่าแก่ประจำบ้านรายงาน
“หมายขับรถให้ใช่ไหม…แล้วใครจะไปส่งอาซันกับยายวิวให้ฉันละเนี่ย โอ้ยเวลาจะใช้งานหายหัวไปหมด” เธอบ่นขณะลากขากลับไปทางเดิม
“ผมไปส่งคุณหนูก่อนก็ได้ครับซ้อหงส์” สมหวังอาสา ซ้อหงส์หยุดยิ้ม หนุ่มขับรถรุ่นน้องก็ยิ้มตอบในลักษณะลึกลับ ซ้อหงส์มองซ้ายแลขวาก่อนจะก้าวเข้าไปหา
“ฉันมีธุระที่พัทยา…..” เธอกระซิบขณะเดียวกันก็ลากสายตาหวานๆ ผ่านใบหน้าดวงตาและจบที่เป้ากางเกงตุงๆ
“ไม่นานหรอกครับ ซ้อแต่งตัวรอได้เลย….แต่อย่าใส่ชั้นในเลยนะครับ” สมหวังกระซิบยิ้มๆ
“ฮ่า ฮ้า ฮ้า…ถ้ารถติดให้ขึ้นทางด่วนมาเลยนะ วันนี้เฮียชาญไม่อยู่เรามีเวลาทั้งวัน” เธอเอื้อมมือลูบเป้าหนุ่มรุ่นน้องเป็นการสื่อนำ “พี่จะแต่งตัวรอนะจ้ะ”
“ครับพี่หงส์….ผมเองก็แทบทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน” สงหวังกระซิบอีก
“ด่วนเลย….อาซัน ยายวิวเสร็จรึยังลูก วันนี้แม่มีธุระพ่อก็ไม่อยู่….โอ้ยจะบ้าตาย….”
ที่บ้าน LOFT LOVE 2 วันหลังจากกลับมาจากเกาะพีพี
แดดเช้ากำลังไล่อาบบ้านปูนเปลือยความเด่นชัดของผนัง Loft ก็ค่อยๆ เปิดเผยสีเทาจมดำไปทีละส่วน ลุงเย็นลากกระเป๋าเดินทางของ หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ ไปยัดใส่ท้ายรถตู้ของบ้านสายสกุลที่เพิ่งมาถึง หญิงรัดดาลงจากรถได้ก็หิ้วกล่องใส่ขนมปังตามหลังอาตี้ขึ้นบันไดเฉลียงเข้าสู่ตัวบ้าน….
“อาหมอหวัดดีฮะ” อาตี้ทักทายหมอเดียรเนียลขณะที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับเคาน์เตอร์ฝรั่ง
“คุณกำลังทำอะไรคะเดียรเนียล” และเสียงของหญิงรัดดาก็ตามขึ้น เธอเดินเข้าไปหาขณะที่อาตี้แยกไปล้มตัวลงนอนกับโซฟาเบทในห้องนั่งเล่น เกมในมือยังคงต่อเนื่อง หญิงรัดดาวางกล่องขนมปังได้ก็พุ่งใส่ทันที
“เฮ้!….น้องหญิง-เดียรเนียล” เสียงดร.ชานนท์ดังมาจากบันไดขณะที่อนุชัยเดินนำหน้าได้แค่ยิ้มให้ก่อนจะแยกไปรวมกับอาตี้….. “นายยังไม่…..”
“พี่ชาย พี่นุสวัสดีคะ….” หญิงรัดดากล่าวทักทายแต่ใบหน้าก็ยังจ้องไปที่ดวงตาสีฟ้าของหมอหนุ่มจากอเมริกาไม่กระพริบ “ฉันคงคิดถึงคุณมากๆ”
“อย่าเว่อร์น้องหญิง….นายก็เช่นกันเดียรเนียล ตามทำเนียมไทยถ้ายังไม่แต่งงานนายไม่มีสิทธิ์ถูกเนื้อต้องตัวน้องสาวฉันด้วยซ้ำ” ดร.ชานนท์คล้ายจะดุ กระนั้นทั้งหมอเดียรเนียลและหญิงรัดดาก็เหมือนจะไม่ได้ยิน
“คุณพ่อฮะปล่อยอาหญิงเถอะรถไฟขบวนสุดท้ายก็เป็นแบบนี้ละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เงียบเลยอาตี้…..”
“คราวนี้ ไอ บินกลับซานฟรานฯ น่าจะมีคุณไปด้วย” หมอเดียรเนียลออดอ้อน
“คงต้องเป็นอาทิตย์หน้านั้นแหละคะ”
“อาทิตย์หน้า ไอ ก็ต้องบินต่อไปแวนคูเวอร์….You บินไปหาไอที่นั้นนะที่รักได้โปรด” เสียงหมอเดียรเนียลเบาสู่ระดับ 2 คน
“ไม่ต้องเลย….ฉันไม่อยากมีหลานก่อนน้องสาวฉันแต่งงาน” ดร.ชานนท์เข้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจากกันจนสำเร็จ “นายจำไว้เลยนะ ฉันอนุญาตนายแค่นี้ก็มากเกินไปแล้ว”
“พี่ชายคะ นี่ทศวรรษไหนแล้วคะ”
“น้องหญิงเงียบเลย เรื่องนี้พี่ชายต้องเคลียกับเขาเป็นการส่วนตัว” ดร.ชานนท์แสดงสีหน้าจริงจังจนอีก 2 คนในห้องนั่งเล่นอดขำในความเป็นเผด็จการของเขาไม่ได้
“ฮ่า ฮ้า ฮ่า….นายนี้เป็นเอามากนะชานนท์” อนุชัยหัวเราะแล้วพูด
“นั่นซิฮะ….อาตี้ถึงไม่แปลกใจที่อาหญิงยังเป็นโสดมาถึงวันนี้”
“เงียบเลยทั้งคู่….” ดร.ชานนท์หันไปดุ ก่อนจะกลับมาที่เพื่อนตัวเองอีกรอบ “นายพร้อมแล้วใช่ไหมเดียรเนียลฉันจะได้ไปส่ง”
“No No….ไอยังทำมิโซะซุ๊ปไม่เสร็จเลย” หมอเดียรเนียลบอก ดร.ชานนท์นิ่งราวกับช็อก! “ไอตั้งใจทำให้ You โดยเฉพาะเลยนะ”
“อาหมอนี้ล้ำลึกจริงๆ” อาตี้เสริม ทำให้อนุชัยหัวเราะไม่หยุด
“คุณกำลังทำมิโซะให้พี่ชายเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นมาเลยขอหญิงขอลุยด้วยคน” หญิงรัดดากำลังจะเดินไปปลดผ้ากันเปื้อนมาสวมแต่ก็ถูกดร.ชานนท์ดึงมาสวมแทนซะก่อน
“น้องหญิงไปนั่งรอเลยคะ เดี๋ยวพี่ชายกับไอ้หมอเจ้าเล่ห์จัดการให้เอง….” ดร.ชานนท์พูดจบก็ผลักหลังหญิงรัดดาให้พ้นเคาน์เตอร์ก่อนตัวเองจะแทรกเข้าแทนที่ “แล้วนายละนุ….ไข่น้ำใช่ไหม”
“ขออาตี้ด้วยคนฮะ”
“พี่ชายจะไม่ถามหญิงสักนิดเลยเหรอคะ” หญิงรัดดาท่าทางจะน้อยใจแต่หมอเดียรเนียล สแปนเลย์กลับยิ้มพลางใช้หางตาชี้นำไปยังหม้อเล็กๆ บนเตาไฟฟ้า “อย่าบอกนะคะว่า”
“ข้าวต้มกุ้งสำหรับคุณที่รัก” หมอเดียรเนียลบอก ทำให้หญิงรัดดาถึงกับเป็นปลื้มออกหน้าออกตา จนสร้างความหงุดหงิดให้ดร.ชานนท์อีกหลายเท่า
“แต่ไหนแต่ไรน้องหญิงชอบทานสลัดมื้อเช้าไม่ใช่หรือคะ”
“อาหญิงเปลี่ยนไปแล้วฮะคุณพ่อ จากคาเมราซอรัสเป็นคาร์โนทอรัสเรียบร้อยโรงเรียนไดโนเสาร์ไปแล้วฮะ”
“เงียบเลยอาตี้….” หญิงรัดดาปรามอีก ส่วนหมอเดียรเนียลได้แต่ยิ้มร่าแบบผู้กุมชัยชนะให้ดร.ชานนท์เห็น
“You ตามฉันไม่ทันหรอกชานนท์ ฮ่า ฮา ฮ้า”
ดร.ชานนท์มองทั้งคู่สลับกันไปมาก่อนจะเข้าตะตบคอเสื้อหมอเดียรเนียลยกขึ้นด้วยกำลังแขน “อย่าบอกฉันนะว่า นาย….”
“พี่ชายคะ เดียรเนียลคะ หญิงมีเรื่องสำคัญจะบอก” หญิงรัดดาพูดเป็นการเป็นงาน ทำให้ดร.ชานนท์ยอมวางเพื่อนลงที่เดิม
“มีอะไรคะน้องหญิง” ดร.ชานนท์ถาม
“You อย่าบอกไอนะว่า…..”
“คะเดียรเนียล…..”
“จริงๆ หรือ ไอ ไอกำลังจะมีลูกจริงๆ หรือนี้ Oh! My God Thank you Thnaks God, ไอ มีความสุขมากๆ You กำลังจะได้เป็นลุงแล้วนะชานนท์”
ดร.ชานนท์ถึงกับพูดไม่ออก เขาตัวแข็งทื่อกระทั้งอนุชัยกับอาตี้เดินเข้ามาถึง
“นายต้องดีใจแน่ ๆ….” อนุชัยโอบไหล่ตบเบาๆ
“ฮื้อๆ…..นุ นุ ฉัน ฉัน” ดร.ชานนท์ปล่อยโฮอย่างไม่มีปี่มีขลุย ทุกคนในโถงรวมเพดานสูงมองไปที่เขาโดยเฉพาะหมอหนุ่มจากอเมริกา….เมื่อตั้งสติได้ ดร.ชานนท์ก็รวบหญิงรัดดากับหมอเดียรเนียล สแปนเลย์มากอด
“นายทำให้ฉันแปลกใจเสมอเพื่อน”
“พี่ชายคะ หญิงขอโทษ” เสียงหญิงรัดดาคล้ายจะร้องไห้ ดร.ชานนท์จึงผละเดียรเนียลแล้วหันไปช้อนคางน้องสาวขึ้นมาบอกใกล้ๆ
“มันทศวรรษไหนแล้วคะน้องหญิง”
“ฮ่า ฮา ฮ้า ฮ้า” ทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ก่อนเสียงอาตี้จะดังขึ้นจากนอกวง
“ฮัลโหล คุณย่าฮะ อาตี้มีข่าวด่วนข่าวเร็วจะบอก…….ฮะ ฮะ……คือว่า…..”
“อาตี้ส่งโทรศัพท์มานี้เลย” หญิงรัดดาตะโกนใส่ ก่อนจะเป็น หมอเดียรเนียล สแปนเลย์ แย่งไปพูดซะเอง
“คุณแม่ครับ ไอกลับอเมริกาก็เพราะจะไปบอกกับ Mom และ Daddy ให้มาสู่ขอหญิงรัดดาตามประเพณีไทยให้เร็วที่สุด เพราะ เพราะว่า….ฮื่อๆ” หมอเดียรเนียล ร้องไห้จนจุก ทุกคนในห้องร่วมกันลุ้นจนตัวโก่ง “เพราะว่า เพราะว่า ไอ ไอกำลังจะมีลูก ฮื้อๆ”
(จริงหรือคะคุณหมอ ลูกหญิง ลูกหญิง ขอสายลูกหญิงหน่อย)
“ค่ะ ค่ะ คุณแม่….จริงคะ”
จบ อนุชาย2 บทที่28 แผนฆ่า