เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep10-3 ความลับของอาม่า นิยายอ่านดี มีคติสอนใจ เขียนโดย TIMMY BUTO
เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep10-3
อีกคน….ไม่รู้ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับท่านผู้หญิงโฉมศิริกัลยาภรรยาดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากรรองนายกรัฐมนตรี วันๆเหมือนจะไม่สนุกกับการดูแลตัวเองเช่นเมื่อก่อน ยิ่งเมื่อลูกชายคนเดียวที่ไม่เคยเรียกเธอว่าแม่มาตั้งแต่เกิดหนีไปฝังตัวอยู่อำเภอปัว! ซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆของจังหวัดน่าน ดูจากความตั้งใจที่จะสอบเข้ารับราชการของกลมอุทยานแห่งชาติดอยภูคาเข้าแล้ว ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเธอผู้เป็นแม่แท้ๆไม่เคยรู้จักลูกชายของตัวเองเลยสักนิด
“มันก็สมควรแล้วละ” เธอพึมพำคล้ายคนน้อยใจ ขณะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไล่ดูรายชื่อบุคคลที่ถูกบันทึกไว้กระทั่งมาหยุดที่ “ลูกชายฉัน” เธอหลับตาพิจารณาตัวเองสักพัก “นี้ฉันเป็นแม่เค้าจริงๆหรือเปล่า” แต่นิ้วก็เผลอกดโทรออกเรียบร้อยแล้ว
#ฮัลโหลครับท่านผู้หญิง….# ค็อกเทล! รับสายเป็นปกติ ทั้งคู่ก็คุยกันด้วยภาษาปกติ แต่จนแล้วจนรอด ชายหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นลูกชายก็ไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่เป็นปกติเช่นเคย “ท่านผู้หญิง” แต่ก่อนมันเป็นคำเรียกที่หอมหวานหูสำหรับเธอและครอบครัว แต่พอมาถึงวันนี้คำเดียวกันกลับถูกตั้งคำถาม ว่ายังหอมหวานอยู่หรือไม่
#….วันนี้ตอนเย็นอึ่มหงส์ปวดท้องเดินกลับเองไม่ไหวเลยต้องไปแบกขึ้นหลังกลับ….ค็อก! พึ่งรู้ชื่อภาษาจีนของอึ่มและอาม่าก็วันนี้เอง…อาม่าชื่อ เจียวฟาง ส่วนอึ่มหงส์ชื่อว่า เฟยเฟิ่ง#
ทันทีที่ชื่อภาษาจีนของอาม่าและอึ่มหงส์หลุดให้เธอได้ยิน….ท่านผู้หญิงโฉมก็ตาเหลือกโพลง “เฟยเฟิ่ง” เธอทวนชื่อตามที่ค็อกเทล! บอก
#ครับ อึ่มหงส์ชื่อเฟยเฟิ่ง แปลว่าหงส์ทะยานฟ้า ส่วนเจียวฟางเป็นชื่ออาม่าแปลว่า ห้องพักที่น่ารัก#
“เฟยเฟิ่งกับเจียวฟาง….เจียวฟาง&เฟยเฟิ่ง….” ทันใดนั้นดวงตาคู่เดิมก็ลุกวาวเป็นรอบที่ 2… “ตาค็อก! แค่นี้ก่อนนะ คือ คือ….เอ่อฉันพึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้” เธอวางโทรศัพท์ไว้ในห้องนั่งเล่นก่อนจะหายตัวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว สักพักก็กลับมาพร้อมกับจดหมายเก่าเก็บจนสีกระดาษเปลี่ยนเป็นสีครีมกรอบๆ เธอไล่อ่านชื่อเป็นภาษาไทยหวัดๆจนคล้ายกับคนพึ่งหัดเขียนหรือไม่ก็ใช้มือข้างไม่ถนัด ผู้รับเป็น เจียวฟาง แซ่ลี ที่อยู่เป็นบ้านเสรี ชัดเจน ส่วนชื่อผู้ส่งเป็นเฟยเฟิ่ง แซ่ฉา จากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
“จดหมายจากอึ่มหงส์เขียนถึงอาม่าเองเหรอนี้” เธอยกมือปิดปาก “December 6 1990 34 ปี” เธอพึมพำแบบคนไม่รู้จะทำอะไร?ดี กระทั่งเสียงถอนหายใจครั้งสุดท้าย เธอจึงตัดสินใจแกะเปิดซองพร้อมกับดึงกระดาษที่พับเป็น 4 ทบออกมาคลีดู “ภาษาจีนทั้งนั้นเลย….” เธอพึมพำก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาไล่แปลอ่านไปทีละบรรทัด
วันที่ 6 ธันวาคม 1990
ถึงเจียวฟางที่รัก
การแต่งงานของลูกชายที่จะเกิดขึ้นต้นปีหน้า คล้ายจะเป็นเรื่องเดิมของพวกเรานำมาฉายซ้ำ และเรา 2 คนก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องของตัวเอง สงสารอาตี๋กับอาสุนีย์อีเท่าไร? ก็ไม่เท่าสงสารคุณหนูโฉมบ้านใหญ่ ความรู้สึกอีคงไม่ต่างจากเราที่โดนบังคับแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักแถมไม่ได้รัก จากที่ลึ! เล่าถึงหนูโฉมให้ฟัง เธอเป็นคนไม่พูดไม่จา แต่ความรู้สึกข้างในที่พูดไม่ได้คงไม่ต่างจากที่เราเจอมา ตกนรกทั้งเป็นนะอาเจียวฟาง ไหนๆอีก็เข้ามาเป็นสะใภ้ในบ้าน อะไรที่ลึ! คอยช่วยได้ก็ช่วยอีก็แล้วกัน โดยเฉพาะความรู้สึก ลึ!ต้องพยายามเดาให้ออกเพื่อช่วยให้อีผ่อนผ่านให้มากที่สุด
หน้าที่แม่สามีคงทำได้แค่นี้….บ้านที่ลึ! ดูไว้ให้ อั๊ว!เห็นรูปถ่ายที่ส่งมาพร้อมจดหมายแล้ว จะใหญ่จะเล็ก สวยไม่สวยไม่สำคัญ ขอเพียงเฟยเฟิ่งได้อยู่ใกล้ๆ ได้อยู่บนแผ่นดินเดียวกับเจียวฟางแค่นี้ก็นอนหลับฝันดีแล้วละ
สุดท้ายนี้ก็อยากย้ำคำเดิมว่า “เฟยเฟิ่งของลึ! จะทำทุกๆทางเพื่อจะให้ได้อยู่ใกล้ๆเจียวฟางห้องนอนที่น่ารักของอั๊ว!
รักเสมอ เฟยเฟิ่ง แซ่ฉา
ท่านผู้หญิงโฉมศิริกัลยาปิดปากร้องไห้อย่างหนัก จนกระทั่งกระดาษจดหมายสีครีมกรอบเข้มๆถูกยัดกลับเข้าซอง… ภาพวันแต่งงาน ภาพแม่สามีชาวจีนที่เธอแสนเกลียดชังก็ผุดขึ้นมาในหัว เธอเกลียดขณะที่แววตาแม่สามีชาวจีนส่งกลับมาให้ดูอ่อนโยนจนคาดเดาไม่ถูก แม่สามีเป็นคนประคับประคองความรู้สึกเธอแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าเธอจะวีนแรงขนาดปาขวดไวน์เฉียดหน้าจนได้แผลเธอก็ไม่เคยนำเรื่องนี้ไปฟ้องใคร ห้องนอนกับห้องครัวที่เห็นเธอเป็นประจำจึงเป็นเสมือนพื้นที่ส่วนตัวในบ้านสวัสดิ์พากรที่เธอเลือกขังตัวเองไม่ต้องการให้ใครเข้าหาแม้กระทั่งสามี
“ฉันไม่เคยรักคุณเลยดอกเตอร์ แต่เป็นอาม่ากับอาอึ่มหงส์ที่ช่วยประคองจนฉันต้องอยู่กับคุณ” ท่านผู้หญิงโฉมพึมพำก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาให้แห้งก่อนจะลุกเดินฉับๆตรงไปเคาะประตูห้องทำงาน
“ดอกเตอร์คะเดี้ยนอยากไปเยี่ยมตาค็อก! สักวันหรือสองวัน”
“คุณจะไปวันไหน? เผื่อว่างผมจะได้ไปด้วย”
“พรุ่งนี้วันเสาร์ วันจันทร์เดี้ยนมีงานการกุศลที่สถานทูตจีน”
“อึ่ม! ถ้าอย่างนั้นผมจะได้เอาหนังสือที่ผอ.กลมอุทยานฯส่งมาไปให้ตาค็อก! ด้วยเลย กลับวันอาทิตย์เย็นๆน่าจะพอดี คุณเตรียมตัวเถอะ ผมจะให้เลขาจองโรงแรม”
“ค่ะ!…..” เธอตอบสั้นๆก่อนจะกลับไปหยิบจดหมายพร้อมโทรศัพท์หายเข้าพื้นที่ส่วนตัว
*******************
รถตู้จากบ้านสวัสดิ์พากรออกถนนสุขุมวิทขึ้นทางด่วนบางปะอินตรงไปถนนสายเอเชียตั้งแต่เช้ามืด ผ่านนครสวรรค์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ อำเภอเมืองน่านก่อนจะเข้าเขตเขตอำเภอปัว! ก็บ่ายเกือบค่ำเข้าไปแล้ว ค็อกเทล! อาม่าและอึ่งหงส์ที่ยังเดินไกลไม่ได้ต่างแปลกใจกับการมาของทั้งคู่ ดร.ชัยนนท์ส่งหนังสือที่นำมาด้วยให้ค็อกเทล! ท่านผู้หญิงโฉมที่นั่งรวมกันในห้องเล็กๆกับอาม่า อึ่มหงส์โดยมีดร.ชัยนนท์ยืนลับๆล่อๆที่ประตูจึงพูดขึ้น
“ดอกเตอร์คะ เดี้ยนอยากคุยกับอาม่าและอึ่มหงส์สักหน่อย”
อาม่าและอึ่มหงส์ทั้งแปลกใจและตกใจในเวลาเดียวกัน
“อื้อ!….ผมออกไปรอศาลานะ” เมื่อประตูปิดตามหลัง ท่านผู้หญิงโฉมจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าแบลนเนมราคาเฉียดล้านหยิบจดหมายออกมายื่นให้
“ขอโทษค่ะอาม่าขอโทษอึ่มหงส์ เดี้ยนไม่รู้ว่าเป็นจดหมายใครเลยเก็บไว้ซะนาน…”
อึ่มหงส์ตาลุกวาว… “เจียวฟาง”
“เป็นจดหมายของลึ!นิ!….ไหนๆอาโฉมเอามานี้” อาม่าดึงจดหมายออกมาอ่าน
“ขอบคุณอาม่ามากๆนะค่ะ ที่คอยประคับประคองโฉมกับด็อกเตอร์มาโดยตลอด…”
“อี! เข้าใจลึ! เพราะอี! กับอั๊ว! ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน” อึ่มหงส์บอก
“เฟยเฟิ่ง ลึ! ยังจำได้เหรอเขียนว่าอะไร?” อาม่าเงยหน้าถาม
“เป็นจดหมายฉบับสุดท้ายก่อนอั๊ว! จะตัดสินใจมาอยู่กับลึ! ทำไม?จะจำไม่ได้” อึ่มหงส์พูด แววตาที่ทั้งคู่ส่งให้กันทำให้ท่านผู้หญิงโฉมอดน้ำตาซึมไม่ไหว
“ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ เพราะเดี้ยนไม่รู้จริงๆว่า เจียวฟาง แซ่ลี กับเฟยเฟิ่ง แซ่ฉา เป็นใคร แต่เนื้อความในจดหมายเดี้ยนแปลอ่านหมดแล้วค่ะ ขอโทษอีกครั้งที่เดี้ยนเข้าใจอาม่าผิดมาโดยตลอด….”
“อาโฉม…เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว” อึ่มหงส์พูดขณะประคองตัวเองขยับเปลี่ยนท่า จนอาม่าต้องช่วยพยุงแขน “ลึ! เป็นเด็กสาวที่น่ารัก ถึงแม้จะค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองก็ตามเถอะ”
“เฟยเฟิ่ง พูดอะไรนะ….” อาม่าตบแขนเบาๆ
จนท่านผู้หญิงโฉมหัวเราะ “ก็จริงอย่างอึ่มหงส์พูดนั้นแหละค่ะ” เธอมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา “ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้อาม่าเดี้ยนคงเลิกกับด็อกเตอร์ตั้งแต่ก่อนจะตัดสินใจมีตาค็อก!แล้ว”
“เออ! พูดถึงเรื่องอาค็อก! เลยอดคิดถึงอาเค้ก! อีไม่ได้…อาโฉม” อาม่าใช้ฝ่ามือเบี่ยงใบหน้าเธอมาหา “ช่วยดูอาเค้ก! ด้วยนะ อย่าให้อี! ต้องเป็นเหมือนเรา”
“เรื่องนั้นอาม่าไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนจะมา เดี้ยนแวะเข้าไปคุยกับครอบครัวพลเอกอลงกฎมาแล้ว ถ้าเด็ก 2 คนเค้ารัก เค้าชอบพอกัน เราเป็นผู้ใหญ่มีหน้าที่เดียวคือสนับสนุนและประคับประคองพวกเขาอยู่ห่างๆเท่านั้นเอง” ท่านผู้หญิงโฉมยิ้ม “ว่าแต่…….” เธอบ่ายหน้าไปหาอึ่มหงส์ “อึ่ม!….คิดดีแล้วเหรอค่ะ”
อึ่มหงส์ยันตัวเองนั่งตรงๆ “ลึ! มองออกไปนอกหน้าต่างซิ! อาโฉมลึ!เห็นอะไร?…”
“เหมือนหมู่บ้านจั่วมูหลางที่เตียจิวเลยละ…หึ หึ หึ” อาม่าหัวเราะ “บ้านเดิมพวกเราที่กวางตุ้งนะ….”
“และที่นี้ก็คืออำเภอปัว!…” อึ่มหงส์พูดพร้อมกับยิ้มแบบที่เห็นความสุขปรากฏในดวงตาชัดเจน “ปัว! แปลว่ารักษา….อั๊ว! 84 ปีแล้ว ขออยู่ปัว!ที่นี้แหละ”
“ม๊า! เองก็จะขออยู่กับอาค็อก! ที่นี้เช่นกัน ตอนเย็นๆจะได้มีที่เดินเล่นไกลๆ”
ท่านผู้หญิงโฉมปิดปากลักษณะคิดตามจนเห็นภาพ….เธอพนมมือโน้มตัวเข้าไปไหว้ติดหน้าอกหญิงชราที่ละคน “เดี้ยนเห็นบางอย่างแล้วละ”
“ไปคุยกับอาค็อก! อีซะ….อะไร? ที่ไม่กล้าคุยก็คุยภาษาแม่ลูกกันตรงๆ เข็มทิศชีวิตอีพุ่งมาลงที่นี้ อาโฉมลึ!ต้องเข้าใจอีด้วยนะ เพราะชีวิตเป็นของอี ไม่ใช่ของเรา”
ท่านผู้หญิงโฉมจ้องอาม่าพักใหญ่ก่อนจะโผเข้ากอด…. “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ”
ก่อนกลับโรงแรม….ท่านผู้หญิงโฉมจูงมือค็อกเทล! ออกไปเดินเล่นราวกับไม่มีจุดหมาย ค็อกเทล! ถึงจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างแต่ความรู้สึกที่ท่านผู้หญิงซึ่งมีสถานะเป็นแม่ที่เขาไม่เคยเรียก มาปฏิบัติต่อเขาในเวลานี้มันอบอุ่นจนหัวใจจนเผลอยิ้มลอยๆในแดดสุดท้ายของวัน
“ตาค็อก!….เออ!….”
ค็อกเทล! หยุดจ้องหน้าราวต้องการจะรีดคำพูดที่เหลือ…..
“แม….แม่…แม่ขอโทษ”
เพียงแค่นั้นน้ำตาของค็อกเทล! ก็ไหลพราก เขาทรุดกับถนนลูกรังเงยหน้าจ้องท่านผู้หญิงที่ยืนเด่นราวจะอ่านความในใจของเธอให้แตก
“ที่ผ่านมาแม่เหมือนกับคนตาบอด ไม่รู้จักลูกชายของตัวเองเลยสักนิด แม่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
ค็อกเทล! ค่อยๆยันตัวเองลุก เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของท่านผู้หญิงสูงสักดิ์แบบจริงๆจังๆ… “ที่ผ่านมา แม่สุนีย์มักจะสอนให้ค็อก! เรียกท่านผู้หญิงว่าแม่มาโดยตลอด….แต่ค็อก!”
“เรียกแม่ได้ไหม?” เธอสะอื้นในอกกระทั้งเห็นน้ำตาล้นทะลักออกมาข้างนอก “เรียกฉันว่าแม่สักครั้งเถอะนะ…ฉันอยากได้ยิน”
ค็อกเทล! พิจารณาเธอจนรู้สึกอิ่ม “แม่….” น้ำเสียงราวกับอุทานดังขึ้นครั้งเดียว แต่เมื่อท่านผู้หญิงโฉมร้องไห้หนักกว่าเดิม เขาจึงแหกปากเรียกเธอจนเสียงสะท้อนเทือกเขาภูคาได้ยินไปถึงหูดร.ชัยนนท์ที่นั่งอยู่กับตำรวจที่ศาลาโรงนา
“แม่….แม่…คุณแม่ครับ”
นายตำรวจผวาจะลุก
“ไม่มีอะไรหรอก…” ดร.ชัยนนท์จิบกาแฟพร้อมกับยกมือห้าม “ให้แม่ลูกเค้ามีเวลาดีๆด้วยกันเถอะ ว่าแต่ปัว! แปลว่ารักษาจริงๆหรือครับผู้กำกับ”
“เป็นภาษาคำเมืองครับท่าน….”
“ลูกชายผมเปลี่ยนไปเพราะหนุ่มลัวะจากอำเภอปัว! ต้องขอบคุณจริงๆ”
******************
อีกคน…ฝ้ายทำงานในบริษัท WA. Group กระนั้นงานถ่ายแบบที่มีเฟี้ยทซ์เป็นผู้จัดการ ฟางเป็นแรงหนุนก็เริ่มมีคนติดตามมากขึ้น ด้วยคาแรคเตอร์แตกต่างจากนางแบบลูกครึ่งทั่วไป เธอจึงทำให้บริษัทเครื่องสำอางหลายแบลนติดต่อขอร่วมงานด้วย…และเย็นวันศุกร์หลังเลิกงานฝ้ายมีงานถ่ายแบบให้กับสินค้ายี่ห้อหนึ่ง
“ฝ้าย…แบลนนี้เป็นไง สนไหม? เค้าพร้อมทุ่มเต็มที่เลยนะ” เฟี้ยทซ์ถามขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังปัดแก้มอยู่หน้ากระจก
“ฝ้ายคุยกับเจ้ฟางไว้บ้างแล้วละ….” เธอบอก ทำเอาเฟี้ยทซ์ถึงกับหันไปหาพี่สาวที่กำลังไล่จัดแสงดูกล้องอยู่ไม่ไกล
“เจ้….”
“อย่าพึ่งยุ่งไอ้เฟี้ยทซ์ หมดหน้าที่รับส่งแล้วก็ออกไปรอข้างนอก เกะกะชาวบ้านเค้า” ฟางขึงขังใส่ เฟี้ยทซ์จึงตามเข้าไปพูดใกล้ๆ
“คุยอะไร?ไว้กับฝ้าย”
ฟางจ้องหน้าแบบคนอารมณ์เสีย “หึงรึไง?…”
“เอาจริงๆ….คุยอะไรกันบอกหน่อย” เฟี้ยทซ์ไม่ยอมแพ้ ทำเอาฟางต้องถอดเฮดโพนแปลงร่างเป็นนางยักษ์
“….แกอยู่ด้วยกัน ทำไมไม่ไปถามเองวะ…” เธอแจะปากแบบคนอารมณ์เสียสุดๆ “ฉันกับฝ้ายคุยกันเกี่ยวกับบริษัทเครื่องสำอางที่เราจะทำแบลนเป็นของตัวเอง….ไปได้แล้วฉันจะทำงาน”
เฟี้ยทซ์หน้าเหรอหราก่อนจะหันไปยิ้มให้ฝ้ายที่เหลือบมองมาพอดี “ขอเฟี้ยทซ์ร่วมหุ่นด้วยดิ”
“ไม่ได้!….ฉันจะทำกับฝ้าย 2 คน แกมันคนชอบหาเรื่องอยู่เรื่อย ไปทำอสังหาฯช่วยป๊า!ที่ SCN…ดีที่สุดแล้ว OK”
“อะไร? เจ้….ฝ้าย….ทิ้งกันดื้อๆเลยเหรอ….ฝ้าย ฝ้าย….เจ้ อะไร? วะเนี้ย!”
*****************
***โปรดติดตาม EP. ต่อไปเร็วๆนี้ ต้องการเป็นกำลังใจให้นักเขียน (พร้อมเพย์ : 092-2697869) ขอบคุณครับ***