เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep7-3

เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep7-3

เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep7-3 สำเร็จในวันสูญเสีย นิยายอ่านดี มีคติสอนใจ เขียนโดย TIMMY BUTO

เข็มทิศชีวิตลิขิตรัก ep7-3

ก่อนจะเข้าประชุมที่รัฐสภาฯ ดร.ชัยนนท์ สวัสดิ์พากรรองนายกรัฐมนตรีขอให้คนขับรถพาไปทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเสรีเท่าไร?นัก เป็นทาวน์เฮ้าส์ 2  ชั้นตามแบบมาตรฐานของยุค 80 ภายนอกสภาพโทรมทรุด แต่ทันทีที่หญิงชราเปิดประตูต้อนรับ เดินนำงกๆเงิ่นๆพาไปนั่งในห้องรับแขก มันก็คล้ายจะเป็นคนละหลัง อึ่มหงส์คนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา แต่เธอยังเคยเป็นอดีตคนที่เลี้ยงดูเขาสมัยยังเด็ก เธอมีอายุน้อยกว่าแม่ผู้ให้กำเนิดไม่ถึงปี กระนั้นผมขาวที่ยาวสลวยบวกใบหน้าได้รูปทำให้เธอดูโดดเด่นมากๆคนหนึ่ง

“มีอะไร? กับอึ่ม! อาตี๋” เธอถือกาน้ำชาสีหม่นใบเล็กๆ เดินมาเสริฟตามความเคยชิน

ดร.ชัยนนท์จ้องแวบเดียวก่อนจะกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆตัว “บ้านอึ่ม! ก็ยังสะอาดเหมือนเดิมเลยนะ” เขาหมายถึงพื้นผนัง “แต่ฝ้าเพดานรู้สึกจะมีรอยน้ำซึมบ้างแล้ว”

“บ้านเก่าก็งี้แหละ อย่าอะไรกับมันมากนักเลย ว่าแต่วันนี้มีอะไร? ถึงแวะมาหาได้” เธอรินน้ำชาลงถ้วยเล็กๆ 4-5 ใบเรียงเป็นวงกลมบนถาดศิลาดลสีเดียวกันจนเต็ม

ดร.ชัยนนท์หายใจลึกๆ จนลำตัวยืดสูงหลายเซนติเมตร “ช่วงนี้อึ่ม! ย้ายไปอยู่กับม๊า! ก่อนนะ อั๊ว! จะให้ช่างเข้ามาทำพื้น ผนัง ฝ้าเพดานและหลังคาให้ใหม่”

“ไม่น่า! อาตี๋!  อึ่ม! อยู่ได้หน้าฝนหลังคาก็แค่ซึมนิดหน่อยเท่านั้นเอง” อึ่มหงส์ปฏิเสธ

“เถอะน่า อึ่ม! อยู่คนเดียว อั๊ว!เป็นห่วง”

“อาตี๋น่า….”

“ไม่เกิน 1 เดือน คนงานสร้างบ้านพักตากอากาศที่หัวหินกำลังว่างงานอยู่พอดีเลยหางานให้พวกอีทำ…เดี๋ยวทำให้ฟรีๆ”

“เรื่องนั้นอึ่ม! ไม่ห่วงหรอก…แต่….”

“อึ่ม! ย้ายไปอยู่กับม๊า! นั้นแหละดีแล้วอีจะได้มีเพื่อนคุย อีกอย่างอั๊ว! จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอีด้วย…”

“……..” เมื่อหญิงชราจ้องใบหน้าดร.ชัยนนท์ด้วยแววตาเรียบจนเดาไม่ออก

“บ่ายๆจะให้คนที่บ้านมาช่วย”

“สมัยยังเด็ก ลึ! ไม่เคยดื้อกับอั๊ว!เลยสักครั้ง ทำไมยิ่งโตยิ่งดื้อหึ!” เธอตบแขนเขาเบาๆ “จิบ น้ำชาก่อน นี่จะเข้ารัฐสภาฯเหรอ”

“นัดแถลงข่าวนิดหน่อย”

“ลึ! ไม่น่าลำบากเลยจริงๆ….” เธอยิ้มรื่นๆพร้อมกับตบแขนเขาแบบนักเลงอีก 1 ที “ขอบใจลึ! มากไปได้แล้วเดี๋ยวประชุมสาย”

*******************

ฮ่อมเดินทางกลับถึงอำเภอปัว! จังหวัดน่าน

เกือบตี 3 ก็ตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลประจำอำเภอทันที ณ.ที่นั้นมีฝ้ายและญาติๆอีก 4 – 5 คนนั่งรวมกลุ่มรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่ฝ้ายเห็นหน้าพี่ชาย เธอก็ปล่อยโฮจนเนื้อตัวสั่นราวกับโดนไฟเผา ฮ่อมคิดในใจเมื่อไม่เหลือคนในครอบครัว เขาจึงไม่มีสิทธิ์แม้จะสะอื้นให้เธอเห็น

“คุณนุกุลใช่ไหมครับ”

ฮ่อมพยักหน้า…..

“เสียใจด้วยนะครับ เวลานี้แพทย์ได้ชันสูตรศพเรียบร้อยทั้ง 2 ท่านแล้ว คาดว่าน่าจะขอรับศพได้ไม่เกิน 8 โมงเช้า เดี๋ยวเชิญญาติเข้ามาคุยกับเจ้าหน้าที่สักนิด จะได้สอบถามเรื่องสถานจัดงานศพ นายกำชับมานะครับ”

ฮ่อมแปลกใจอยู่บ้างกับประโยคสุดท้ายแต่เวลานั้นบอกตรงๆพูดอะไรไม่ออกจริงๆ เขาได้แต่พยักหน้า ก่อนผู้ใหญ่บ้านกับญาติจะเดินตามนายตำรวจเข้าไปในห้อง สักพักญาติก็โผล่หน้าพ้นขอบประตูเรียก

“ฮ่อม! “

เขาจับไหล่น้องสาวส่งต่อให้ญาติผู้หญิงที่นั่งติดกับเธอ ก่อนจะเดินหายเข้าไป เกือบ  6 โมงเช้ารถตู้จากบ้านสวัสดิ์พากรก็มาถึง ดูเหมือนค็อกเทล! กับเฟี้ยทซ์ก็ไม่ได้นอนทั้งคืน ฮ่อมแปลกใจอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะแบตเตอร์รี่มือถือหมดตั้งแต่ขึ้นรถทัวร์จึงติดต่อใครไม่ได้ ค็อกเทล! ประกบเขาไปทุกที่ เฟี้ยทซ์เองก็คล้ายจะไม่อยากห่างจากฝ้ายเช่นกัน

งานสวดอภิธรรมศพคืนแรก ภาพหน้าศพ 2 โลงคู่ที่ตั้งเรียงกันเป็นภาพคู่รูปแรกของพ่อกับแม่บนถนนโค้งเลข 3 ภาพนี้เฟี้ยทซ์เป็นคนถ่ายเองกับมือ ฮ่อมกับค็อกเทล! แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่สบโอกาสถาม ค็อกเทล! รู้ดีว่าชายคนที่เขาตามประกบแท้จริงอ่อนแอแค่ไหน? แต่ด้วยเหตุผลบางประการเขาจึงไม่ยอมปล่อยอารมณ์ที่แท้จริงให้คนอื่นเห็น โดยเฉพาะฝ้ายน้องสาวเพราะอีกไม่ถึงเดือนก็จะเรียนจบระดับ ปวส.แล้ว ด้วยเหตุผลที่พอประมวลอารมณ์คนที่ยืนแขนสั่นทุกๆ 5 นาทีได้ ตัวเขาเองก็ต้องเข้มแข็งให้อีกคนเห็นเช่นเดียวกัน

งานสวดอภิธรรมคืนที่ 2 มีนายตำรวจแสดงตัวเป็นเจ้าภาพโดยไม่บอกผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งฮ่อมก็พอเดาออก ค็อกเทล! ทำหน้าที่หลายอย่างแทนหลายๆ เรื่องและเขาก็ปฏิบัติได้แบบไม่มีเคอะเขินแถมยังเข้ากับคนบ้านดอนสวายราวกับว่าตัวเองเกิดและเติบโตที่นี้

คืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย หลังจากพระสวดอภิธรรมจบ ทั้งหมดจึงกลับมานอนที่บ้านกลางทุ่ง  บรรยากาศหลังบ้านดอนสวายเงียบค่อนไปทางวังเวง ภูเขา 2 ลูกของหมู่บ้านรวมไปถึงเทือกเขาภูคากำลังจมสีดำหนักกว่าทุกครั้ง ทำให้ทั้งเฟี้ยทซ์และค็อกเทล! ไม่ยอมปล่อยให้ฮ่อมอยู่ลำพัง ฝ้ายมีเพื่อนจากวิทยาลัยเทคนิคมาเป็นเพื่อนจึงลดความเป็นห่วงลงได้เยอะ เมื่อบรรยากาศเข้าสู่ระดับปกติที่ไม่ปกติ ค็อกเทล! จึงหยิบหนังสือเข็มทิศชีวิตเล่มที่มีลายเซ็นดร.ชัยนนท์ยื่นให้ ฮ่อมหยิบมันมาพินิจพิจารณาสักพัก ก็โผล่เข้ากอดเอาดื้อๆ

“ฉันนึกว่าจะทำมันหายบนแท็กซี่หรือไม่ก็รถทัวร์ซะอีก”

“หน้าบริษัท….ฉันเห็นมันหล่นจากมือนาย….” ค็อกเทล! อยากจะพูดต่อแต่ดวงตาของฮ่อมบอกว่าควรจะหยุด “นอนเถอะพรุ่งนี้ต้องลุยงานกันแต่เช้า….ไอ้เฟี้ยทซ์มึงนอนพื้นไหวนะ” ค็อกเทล! ตะโกนถามจากบนเตียง

“สบายมากๆเฮีย…” เฟี้ยทซ์ตอบก่อนจะเงียบทำเป็นหลับซึ่งอันที่จริงก็ไม่หลับ

********************

                #ฮ่อม มีอะหยังจะอู้กะแม่ก่อ?#

                                #นั้นซิ….มีอะหยังก็อู้ตรงๆ ตายจากกันจะไปเคาะโลงบ่หันได้ยินแล้วเน้อ#

                                #พ่อ….แม่ก็อีกคน….#

                                #ไผจะไปฮู้อนาคตละฮ่อมเอ้ย!…ยามมีชีวิต สำคัญกว่ายามจากกั๋น อยากบอกอะหยัง? อยากอู้อะหยัง? ต้องอู้ต้องจ๋า จะได้บ่เสียใจภายหลัง#

                                #แม่….#

                                #เอาน่าแม่ให้พี่ฮ่อมกับพี่ก๊อกเท! ทำใจก่อน เดี๋ยวก็ยอมพูดเองแหละ เนาะพี่เฟี้ยทซ์เนาะ#

                                #เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ#

ฮ่อมคล้ายจะฝัน แต่ก็ไม่ใช่ความฝัน เพราะมันคือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นหลังอาหารมื้อสุดท้ายก่อนจะกลับกรุงเทพฯเมื่อหลายปีก่อน เขาตั้งใจจะสารภาพสถานะระหว่างเขากับค็อกเทล! แต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาส ศพถูกเจ้าหน้าที่นำขึ้นสู่เมรุเวลาเที่ยงตรง โดยแม่จะเผาก่อนเป็นศพแรก ส่วนพ่อจะเผาต่อเวลาบ่าย 3 โมง เมื่อสัปเหรอเปิดฝาโลงทำพิธีครั้งสุดท้าย ฮ่อมจึงนำหนังสือเข็มทิศชีวิตที่ติดมือมาวางลงหน้าอกของพ่อ

“ฮ่อมเรียนจบและเป็นสถาปนิกเต็มตัวแล้วนะพ่อ” และเขาก็หันไปบอกแม่ในโลงข้างๆด้วยประโยคเดียวกัน “นี้คือของขวัญที่พ่ออยากได้ ดร.ชัยนนท์เซ็นให้แล้วนะ”

ฝ้ายเห็นจึงเข้าไปหยิบ “พ่อน่าจะอยากส่งต่อให้ฝ้ายมากกว่า” เธอร้องไห้ก่อนจะพูดจบ เพื่อนๆคอยประคองแต่เฟี้ยทซ์ก็ยังวนซ้ายเวียนขวาไม่ไปไหนไกล

“มีสิ่งหนึ่งที่พ่อกับแม่อยากรู้ แต่ฮ่อมไม่กล้าบอก”…เขานึกถึงความฝันเมื่อคืน ขณะเดี่ยวกันค็อกเทล! ก็เข้าไปโอบไหล่เอาไว้หลวมๆ

“บอกท่านไปเลย” ค็อกเทล! แนะนาทีนั้นเป็นฝ้ายเองที่แทรกด้วยน้ำเสียงพอจะฟังรู้เรื่อง

“พี่ฮ่อม พี่ค็อก! ดูรูปพ่อกับแม่ทางนี้ซิคะ” เธอเดินนำไปหยุดใกล้ๆ “ดูที่แบล็กกราวด้านล่างซ้าย มุมถนนโค้งเลข 3 ตรงนี้” เธอชี้มือนำสายตา  “พวกพี่ 2 คนเห็นอะไรไหม?” เธอถามเสียงสั่น เฟี้ยทซ์ที่ยืนด้านหลังชะโงกหน้าเข้าไปดู

“เฮ้ย! ไม่นึกว่าพ่อกับแม่จะเลือกรูปนี้” เฟี้ยทซ์แทรก ทั้งฮ่อมกับค็อกเทล! ชะโงกมองถึงกับช็อก!

“ฝ้าย!…..”

“ไอ้เฟี้ยทซ์!….”

“ค่ะวันนั้นทันทีที่พ่อกับแม่รู้ว่าพี่ค็อก! เป็นใคร ท่านเป็นห่วงจึงอาสาขับรถตามห่างๆ และพวกท่านก็ได้เห็น” ฝ้ายดึงลมเข้าปอดก่อนจะปล่อยทิ้ง “พ่อกับแม่รู้แล้วคะ รู้ตั้งแต่วันนั้น รอเพียงพวกพี่คอนเฟิร์มเท่านั้นเอง”

ทั้งฮ่อมกับค็อกเทล! ต่างจ้องตากันก่อนจะหันไปคาดโทษกับไอ้คุณเฟี้ยทซ์

“คือว่า…เอ่อ…”

“เออๆ….ยังไงก็ขอบใจที่เสือกเรื่องของพวกกูจนได้เรื่อง….” ค็อกเทล! กระแทกเสียงดังใส่เฟี้ยทซ์จบก็หันไปพูดกับฮ่อมอีก “เอาไงต่อ พวกท่านก็รู้แล้วนิว่าเราเป็นแฟนกัน”

ฮ่อมสบตาค็อกเทล!….นิ่งจนอีกคนเผลอหลับตาเดินแทรกไปจับขอบโลงศพที่ตั้งเรียงกันอยู่ “ในเมื่อแม่กับพ่อรู้มานานแล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน ค็อก!ในฐานนะลูกเขย….”

“ตรงขนาดนั้นเลยเหรอ” ฮ่อมกระซิบ

“เออ! ตรงๆ ชัดๆนี้แหละดีแล้ว” ค็อกเทล! กระซิบและหันไปพูดต่อ “ยืนยันนะครับว่าเราจะรักกัน ก๊อกเท!ของแม่….” ค็อกเทล! ปล่อยโฮประโยคสุดท้ายจนร่างกายไม่สมดุล “จะดูแลฮ่อมกับฝ้ายให้ดีที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรานะครับ”

“เฟี้ยทซ์เอง ปีนี้ก็เรียนจบแล้วครับ จะดูแลน้องฝ้ายด้วยชีวิตเช่นกัน”

“น้อยๆหน่อย ไอ้คุณเฟี้ยทซ์” ฮ่อมฝืนทำเสียงแน่นๆ พร้อมกับหันไปจับมือค็อกเทล! ที่ยังจับโล่งศพไม่ยอมปล่อย “แม่ครับฮ่อมเป็นเกย์ ฮ่อมว่าสิ่งนี้ต่างหากที่แม่ต้องการให้ฮ่อมคอนเฟิร์ม….” แล้วก็หันไปหาพ่ออีก “ฮ่อมเป็นเกย์ครับพ่อ….” บรรยากาศเงียบลงชั่วขณะ ก่อนฮ่อมจะหันไปสบตากับฝ้ายที่ยืนสั่นข้างๆเฟี้ยทซ์  “สิ่งที่พ่อกับแม่อยากให้พี่พูด ไม่ใช่ค็อกเทล! เป็นแฟนพี่หรอก แต่อยากให้พี่ยืนยันตัวตนต่างหาก” ฮ่อมดึงฝ้ายมากอดจนเธอสะอื้นขึ้นมาอีกรอบ “ไม่เป็นไร? นะพี่อยู่นี้แล้ว พี่ไม่มีวันทิ้งฝ้ายแน่นอน”

“พี่ด้วยคน” ค็อกเทล! พูดพร้อมกับเข้าโอบไหล่

“สัญญาเลย ตามนั้น” เฟี้ยทซ์พูดเป็นปริศนาและกำลังจะเข้าไปสวมกอดด้านหลังฝ้าย ฮ่อมและค็อกเทล! ก็หันขวับ… “เอ่อ! ก็ ก็ สัญญาว่าจะช่วยดูแลน้องฝ้ายไง?”

หลังจากงานศพผ่านพ้นไป เย็นๆฮ่อมจึงขอให้ค็อกเทล! พาขึ้นอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ทั้งคู่เปิดห้องพักบนนั้น ทันทีที่ประตูปิด ค็อกเทล! ก็จับฮ่อมหันหน้ามาหาตัวเอง ทิวเขานอกหน้าต่างกำลังจมเข้าสู่เงาราตรี ใช่! ความมืดกำลังปกปิดความลับของป่า เวลานี้ภายในห้องสี่เหลี่ยมไม่ถึง 30 ตารางเมตรเจ้าของก็ยังไม่ยอมเปิดไฟก็เช่นเดียวกัน

“ฮ่อม!…นายไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา ฉันอยู่ตรงนี้” ค็อกเทล!โอบรัดร่างที่กำลังทรงตัวไม่อยู่ อีกคนที่ยังทิ้งแขนแบบคนหมดแรงข้างลำตัวก็ค่อยๆรวบกอดเกร็งสั่นอ้าปากค้างก่อนเสียงโหยหวนจะดังสะท้านขุนเขาให้ได้ยิน

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!…” ฮ่อมทิ้งตัวลงกับพื้นดิ้นพล่านๆ เป็นปลาถูกทุบหัว “ไอ้ค็อก! ไอ้เหี้ยค็อก! กู กูอุตส่าห์ตะเกียกตะกายจนสำเร็จแต่ทำไมกูสูญเสียในเวลาเดียวกัน…สำเร็จในวันสูญเสียแบบนี้กูไม่เอา กูรับไม่ได้ ไอ้ค็อก! กูรับไม่ไหว อ๊ากกกกกกกกกก!!!”

“ร้องออกมา มึงต้องร้องไห้ มึงจำเป็นต้องร้องไห้ มึงไม่ใช่หุ่นยนต์ มึงก็แค่คนธรรมดาๆ ร้องมันออกมาดัง กูจะอยู่ข้างมึง มึงให้กอด กูก็จะกอด มึงให้กูทำอะไร? กูก็พร้อมทุกอย่าง” ค็อกเทล! กอดร่างที่ดิ้นพล่านๆกดไว้กับพื้น  เขาเองก็สุดจะทน น้ำตาราวกับสายธารเป็นเรื่องไม่เกินจริง “กูจะกกมึงแบบนี้ กอดมึงแบบนี้และกูก็ดีใจฉิบหายที่มึงกล้าร้องไห้กับกู กูสัญญาจะค้นหาจุดตัดเข็มทิศชีวิตของเราให้เจอ แม้เอกภพจะไม่มีที่สิ้นสุด กูก็จะไม่มีวันยอมแพ้ มึงได้ยินเสียงกูไหม? กูจะไม่มีวันยอมแพ้ กูสัญญา”

“อ๊ากกกกกกกกกกกก…ไอ้ค็อก! ไอ้เหี้ยค็อก!”

“ถึงจะสูญเสียในวันที่มึงสำเร็จ แต่อย่าลืมซิ! ว่ามึงมีกู มึงยังมีกูไอ้ฮ่อมมึงได้ยินกูไหม?….มึง ยัง เหลือกู”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก……..”

“มึงยังเหลือกู ไอ้ควายเผือกของมึงไง?”

คำถามส่งท้าย : คืนที่หนาวสุดในชีวิตหมายถึงคืนที่ไม่มีใครหรือว่าคืนที่ไม่เหลืออะไร?

*******************

***โปรดติดตาม EP. ต่อไปเร็วๆนี้ ต้องการเป็นกำลังใจให้นักเขียน (พร้อมเพย์ : 092-2697869) ขอบคุณครับ***

(Visited 4 times, 1 visits today)