ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่15

ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่15

นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่15

ฉันกับนางฟ้าตัวกลม ตอนที่15

ณ มุมถนนเดวี่ย์ (Davie ST.)

ผมกระสับกระสายอย่างบอกไม่ถูก ไอ้แก๊บบี้เวลาเมาแล้วแม่งภาษาอังกฤษรัวจนผมฟังไม่ทัน มือถือที่รอสัญญาณจากใครบางคนแบตเตอร์รี่ก็กำลังจะหมด ผมกังวลใจสารพัดสายตามัวๆ ก็ส่ายไปมาราวกับเหยี่ยวเหินเวหา…. “กูกำลังมองหาอะไรวะ…ไรสาระชิบ!” ผมก่นด่าตัวเอง ขณะที่ในหัวเผลอคิดถึง “กฎเขกกะโหลก” ขึ้นมาเงียบๆ

กฎเขกกะโหลก

….ข้อที่ 1 ท่าบอกรัก ให้ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งลูบที่กะโหลก อนุญาตให้ตีเบาๆ ได้

….ข้อที่ 2 ท่าบอกหมั่นไส้หรือบอกรำคาญ ให้เขกกะโหลกได้ แต่ห้ามแรง

….ข้อที่ 3 ท่าบอกโกรธ แต่ยังรักอยู่ ให้ใช้ฝ่ามือตบหน้าหรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่ง น้ำหนักที่ตบอยู่ที่อารมณ์โกรธนั้น ซึ่งผู้ถูกตบจะต้องประเมินเอง

….ข้อที่ 4 ท่าบอกเกลียดหรือบอกเลิกให้ใช้กำปั้นชกเข้าตรงๆ ที่ใบหน้า หรือกะโหลกส่วนใดส่วนหนึ่งแรงสุดชีวิต….

กฎบ้าๆ ทำให้ผมอมยิ้มเงียบๆพร้อมถามตัวเองกลับว่า “กูนึกถึงมันทำไมวะ”… และผมก็ยิ้มกว้างได้อีก เมื่อเห็นเงาคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถแท๊กซี่ “เออมันแน่เหมือนกันโว้ย!”…. (แค่อยากให้งงเฉยๆ นะครับ อ่านจนจบแล้วคุณจะรู้เองว่าผมหมายถึงอะไร ใคร ที่ไหน และอย่างไร)

กลับมาเข้าเรื่องกัน…ใครไม่ทันกรุณาจูนสมองกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่นะครับ…เอาละ

ณ มุมถนนเดวี่ย์ (Davie ST.)

พอตึงๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ภาษาอังกฤษผมก็คล่องปื๋ออย่างไม่น่าเชื่อ…กระนั้นผมก็ต้องตระหนักคอยเรียกสติบอกตัวเองถึงสถานะ “โดดเดี่ยวในเมืองที่ไม่คุ้นเคยให้ขึ้นใจ” ผมจะไว้ใจไอ้แก๊บบี้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้มันจะเป็นเพื่อนพี่สาวก็ตาม แวนคูเวอร์กับกรุงเทพฯอยู่กันคนละซีกโลก เกิดอะไรขึ้น…ผมจบ!…ยิ่งโทรศัพท์แบตเตอร์รี่ก็หมด แผนที่กูเกิลที่ใช้ประจำก็หมดสิทธิ์ แท็กซี่ที่นี้ก็ต้องใช้วิธีโทรเข้าศูนย์บริการเพียงอย่างเดียว…ใช่!ผมตระหนักถึงข้อนี้ดีพอๆ กับไอ้ฮิเดะที่มันเก็บพลาสปอร์ตเอาไว้ในกางเกงในเวลาหลับ ผมนึกถึงมัน คิดถึงมัน เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดจากมัน แต่ก็หัวเราะเรียกบรรยากาศได้หากเจอกับนักเที่ยวกลางคืนที่ยกฝ่ามือขอ Fighting ทักทาย

เดทแรกในแวนคูเวอร์

และมุมถนนเดวี่ย์ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อวัยรุ่นฝรั่ง 4 5 คนเดินเร็วคุยเสียงดังแบบกำลังอยู่ในอารมณ์สุดเหวี่ยง หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มผมบลอน สูงโปร่ง ไม่ถึงกับอ้วนใส่แว่นตาไร้กรอบดูสะอาดสะอ้านส่งเสียงหัวเราะจ้องมายังผมในระยะ 10 เมตร (กูคิดเองรึเปล่าวะ…ไม่น่า!…มันจ้องกูจริงๆ) ผมคิด ต่อมามันก็ยิ้มให้ผมอีก (มันยิ้มให้กูก่อน…ชัว!) ผมมั่นใจและไม่สนบวกฤทธิ์แอลกอฮอล์เลยจงใจยิ้มกลับแบบเปิดเผย

“เห็นไหมๆ มันจงใจยิ้มให้กูชัดๆ” ผมพึมพำแบบคนได้ใจ กระทั้งจังหวะจะเดินสวนกันมันก็ยกฝ่ามือตั้งขึ้นตรงๆ “Fighting กับกูแน่ๆ” ผมเข้าใจความหมายทันทีจึงยกมือขึ้นตบกับมือมันแรงๆ แบบคนสะใจสุดๆ

“Hi” ผมทักทายพร้อมกับบอกส่ง “Happy night Guy” มันยิ้มกว้างและตะโกนตามหลังผมว่า

“You too, You too.Ha Ha Ha” เบื้องต้นคือแค่นี้จริงๆ แต่เมื่อผมกับแก๊บบี้เดินออกมาจากโรงแรมที่พนักงานแจ้งว่าเต็มกลับมาตามถนนเส้นเดิม ผมจึงได้เจอมันนั่งจมเครียดอยู่ใกล้ๆทางเข้าผับเพียงลำพัง ผมกับแก๊บบี้เลยแวะข้างทาง

“Hi guy What going on” ผมถามมันด้วยภาษาอังกฤษรัวๆ เร็วๆ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของมันจะต้องเข้าใจเอง เออมันกลับเข้าใจแฮะ…มันตอบว่า ลืมบัตรประชาชนมาเลยเข้าไม่ได้ เมื่อหน้าตึงลูกบ้าก็เปิดเผยบวกกับคอแห้งจนอยากจะได้น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสักแก้ว จึงชวนมันเดินไปยังร้าน Soppers ที่เปิดไฟป้ายสว่างสีแดงฝั่งตรงข้าม เออ…มันว่าง่ายแฮะ! มันพยักหน้ายิ้มแล้วตามผมมาเฉยเลย ไอ้แก๊บบี้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จังหวะนี้แหละผมกับมันจึงได้ทำความรู้จักกับแบบเป็นทางการ

“เดียร์เนียว” มันออกเสียงว่าเดียร์เนียว จริงๆ เพราะผมทวนชื่อมันว่า “เดย์เนียว” มันบอกว่าผิด “เดียยยยยร์เนียวววว” มันสอนผมหลายรอบ “OK เดียร์เนียวก็เดียร์เนียว”

ภายในร้าน SOPPERS น้ำมะนาวกับน้ำส้มไม่เวิร์กสำหรับเดทแรกในแวนคูเวอร์ซะแล้ว ผมเข้าคิวที่ 2 ต่อจากเดียร์เนียว ผมสั่งกาแฟเย็นแก้วเล็กตั้งใจจะให้สมองตื่น เดียร์เนียวมันสั่งน้ำอะไรสักอย่างหน้าตาคล้ายๆ น้ำปั่นสีเขียวๆ แต่ไม่ใช่ชาเขียว อย่าเดาเลยถ้ามันเมลล์มาจะถามให้ ผมขอจ่ายตังในฐานะอายุเยอะกว่า ซึ่งมันก็ยอมรับ เรามานั่งคุยกันที่โต๊ะโล่งๆแบบสองต่อสอง มันบอกว่ากำลังเรียนปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัย บริติชโคลัมเบีย สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ บ้านอยู่ริชมอนด์ มันคุยเก่งมากๆ มันถามเกี่ยวกับผมหลายอย่าง เมื่อรู้ว่าผมเป็นสถาปนิกอยู่กรุงเทพประเทศไทย ดูเหมือนจะกระตุ้นความสนใจได้เป็นพิเศษ….บางครั้งเวลามันพูดรัวๆ จนผมฟังไม่รู้เรื่อง ผมก็จะใช้วิธีไหลๆ ข้ามเรื่องนี้ไปเรื่องอื่น ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ผมใช้กับไอ้ฮิเดะ มันไม่ซีเรียต เราสนุก มันหัวเราะ ผมหัวเราะ มันขออีเมลล์ผมก็ให้ ผมจ้องใบหน้ารูปไข่ของมัน มันก็จ้องใบหน้าเหลี่ยมๆ ของผมตอบ มันบอกว่ามันแปลกใจมากๆ ที่ผมกล้ามาคนเดียวในประเทศที่ไม่รู้จัก

ผมบอก “ผมชอบเพลง Let it be ของเดอะบีเทิลส์โดยเฉพาะประโยคที่เป็นเนื้อเพลงที่ร้องว่า Let it be, Let it be, Let it be, Oh Let it be” มันหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

แล้วผมก็สอนมันร้องเป็นเนื้อไทยที่ว่า “ชั่งแม่มัน ช่างแมมาน ชั่งแม่มัน โอ้ช่างแมมาน” ดูมันใส่ใจกับคำแปลเอามากๆ ถึงกับควักกระดาษกับปากกาขึ้นมาจดคำอ่านเป็นภาษาอังกฤษเก็บไว้…มันอ่านให้ผมฟังหลายรอบ ผมก็สอนมันหลายรอบ จนเห็นแก๊บบี้เดินเข้ามาในร้านแต่ก็เลี้ยวไปสั่งเครื่องดื่มก่อนเราจึงพอมีเวลาอีกนิดหน่อย เดียร์เนียวจึงกระซิบข้างๆ หูผมบอกว่า

“This’s my first dating” ผมยิ้มจนจุก ก่อนจะตอบมันกลับไปเช่นกันว่า

“My First Date at Vancouver too.”……จบๆ สรุปคืนนั้นผมไม่ได้กลับบ้าน โทรศัพท์ผมแบตเตอร์รี่หมด ผมมีเดียร์เนียวจนลืมไอ้แก๊บบี้ ลืมนางฟ้าตัวกลมที่ไม่เป็นอันนอน แม่ต้อยไม่ยอมกินข้าวเช้า ไม่ไปเก็บบลูเบอร์รี่ ฟาร์มพ่อไอ้เบ๊บต้องขาดคนงานหลัก 2 คน ป้าจั๊กกี้โทรถามพี่พรที่เป็นขาเที่ยวกลางคืนหลายรอบ…สารพัด “กูสร้างปัญหาอีกละ”

กลับมาโรงแรมที่เรานอนค้างอีกนิดหนึ่ง เราเปิดโรงแรมที่มี 2 ห้องนอนราคา 175 เหรียญต่อคืนเป็นโรงแรมนอกเมืองนะครับ (ผมจ่าย) แก๊บบี้นอนห้องข้างนอก ผมกับเดียร์เนียวนอนอีกห้อง บริสุทธิ์ใจครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น ย้ำๆ เชื่อ Timmy เถอะ… “คล้ายกับกูกินปูนร้อนท้องเลยเนอะ”…ก็ผมบอกตั้งแต่ “เดทแรกในแวนคูเวอร์1. แล้วไงครับว่า…ตอนนี้เป็นเรื่องแต่ง เรท 18+…นิยายล้วนๆ ครับผม…

“สวดมนต์ก่อนนอนด้วยนะคืนนั้นนะ”

พอตอนเช้าเราตื่นนอนเกือบๆ 10 โมง หลังจบอาหารเช้าตอนสายๆ ที่ร้านขนมปัง (ผมจำชื่อไม่ได้) เราไปส่งเดียร์เนียวที่สถานีคิงส์เอ็ดเวิร์ด (King Edward) รถไฟฟ้าสาย Canada line ที่จะไปริชมอนด์ แก๊บบี้ไปส่งผมที่บ้านบนถนน 88 มันโดนนางฟ้าตัวกลมบ่นยาว หลังจากมันกลับไปแล้ว นางฟ้าตัวกลมก็แปลงร่างเป็นนางผีเสื้อสมุทรในบัดดล

“กูโดนอีกแล้ว” ผมจิปากดังๆ…โดนแน่คราวนี้

หมายเหตุ….ผมรู้มาว่านางฟ้าตัวกลมอ่านทุกตอน เพราะเธอจะโทรมาถามตอนนั้น ตอนนี้เป็นอย่างไรตลอดเวลา แต่นางอ่านภาษาไทยได้เพียง 80-90 เปอร์เซ็นต์ บางคำไม่รู้ความหมาย…ผมแอบกระหยิ่มในใจแบบคนได้โอกาส

เดี๋ยวพรุ่งนี้นางจะต้องโทรมาถามผมแน่ๆ ว่า “ผีเสื้อสมุทรแปลว่าอะไรนะเธอ”…และผมตั้งใจจะตอบนางไปว่า “หมายถึงผีเสื้อตัวน้อยๆ ปีกบางๆ กำลังบินฝ่าพายุ ฝ่าคลื่น กลางมหาสมุทรไงละแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ Butterflies on the ocean …You Know! รอดูผลนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ครับ “เดทแรกในแวนคูเวอร์จบแล้วครับ ต่อไปผมจะพาไปเที่ยวอุทยาน สแตนเลย์ปาร์ค Stanley Park เจอกันเร็วนี้ ผม Timmy Buto รายงานครับ…บาย

(Visited 47 times, 1 visits today)