ผอม เด็ก ดูดี ตอนที่ 21 วิธีล้างผัก ผลไม้
ผอม เด็ก ดูดี ตอนที่ 21 วิธีล้างผัก ผลไม้
หากจะพูดถึงวิวัฒนาการอาหารสำหรับมนุษย์ ในมุมมองส่วนตัวแบ่งออกเป็น 5 ช่วง 5 ยุคดังนี้
- ยุคเริ่มแรกหรือยุคหิน ความจริงเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้ แต่ถ้าจะให้เดาโดยอาศัยจินตนาการ อาหารมนุษย์ในยุกแรกน่าจะเป็นแค่อาหารสด หาได้แบบไหนก็กินกันแบบนั้น ไม่มีการปรุงแต่งหรือทำให้สุกใดๆ ทั้งสิ้น
- ยุคต่อมา…เมื่อมนุษย์เปลี่ยนจากชนเผาเร่ร่อนลงหลักปักฐานอยู่กับที่ การออกล่าสัตว์หาอาหารประทังชีวิตเป็นเรื่องยาก-ลำบากมากขึ้น มนุษย์เรียนรู้ที่ปลูก-เลี้ยงสัตว์ที่เป็นอาหารเอาไว้กินเอง ยุคนี้น่าจะมาพร้อมๆ วิธีทำให้อาหารสุกด้วยการเผา-ปิ้ง-ย่างแบบง่ายๆ เพื่อเพิ่มรสชาติรวมทั้งกลิ่นให้น่ารับประทานมากขึ้น วิวัฒนาปรุงแต่งอื่นๆ ก็เริ่มจากยุคนี้เช่นกัน
- ยุคอุตสาหกรรมอาหารตอนต้น ต่อมาอีกหลายพันปีเมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นสังคมและมีจำนวนมากขึ้น การผลิตอาหารจึงต้องเพิ่มตาม เมื่ออาหารสด-เนื้อสดไม่เพียงพอการนำเอาเนื้อสัตว์มาปรุงแต่งผสมกับผัก-ผลไม้เพื่อเพิ่มปริมาณจึงมีความจำเป็น เนื่องจากยุคนี้ความเป็นสังคม การเดินทาง-ติดต่อจึงได้นำอาหารเหล่านั้นไปเป็นสินค้าแลกเปลี่ยน ยุคอุตสาหกรรมอาหารเบื้องต้นจึงมีการแปรรูปเพื่อให้เก็บได้นานขึ้นเช่น-อบแห้ง-หมัก-ดอง…ยุคนี้น่าจะมีชื่อเรียกอาหาร-เห็นหน้าตาอาหารชัดเจนแล้วละ
- ยุคปัจจุบันหรือยุคอุตสาหกรรมอาหารตอนปลาย มีการแปรรูป-แลกเปลี่ยน-ซื้อขายเพิ่มเทคโนโลยี-เพิ่มสารปรุงแต่งรวมทั้งสารเคมีอีกหลายชนิดเพื่อยืดอายุให้นานขึ้น เมื่อมนุษย์มากขึ้น-การขยายตัวของสังคมถึงขีดสุด การผลิตอาหารไม่เพียงพอ มนุษย์จึงคิดค้นสารกระตุ้น-สารเคมี-ยากำจัดศัตรูพืช-ยาฆ่าแมลง-เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากที่สุด ทั้งภาคเกษตรต่อยอดถึงภาคอุตสาหกรรมล้วนจำเป็น-ต้องใช้สารเคมีในการผลิตทั้งสิ้น
- อาหารในยุคอนาคต มนุษย์ไม่สามารถก้าวข้ามสารเคมี-สารตกค้างที่มาพร้อมอาหารได้ เพื่อความอยู่รอด-วิวัฒนาการอาหารจำเป็นต้องมองข้ามรสชาติรวมถึงหน้าตา-สู่การกินที่มีศัพท์ใหม่เฉพาะอาจจะเรียกว่าการชาร์ตหรือเติมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงแทนการกินจากปากสู่กระเพาะ รวมถึงระยะเวลาในการชาร์ตสารอาหารแต่ละมื้อน่าจะนานกว่าปัจจุบันด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง อาจจะ 2-3 วันเติมคาร์โบไฮเดรต 1000 กรัม โปรตีน 1500 กรัม ไขมัน 200 กรัม หรือสารอาหารรวม 4 หลอด 5 หลอดเป็นต้น แน่นอนสิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์อนาคตแน่นอน
เอาละครับในเมื่อยุคปัจจุบันวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมอาหารยังไปไม่ถึงยุคอนาคต วิธีกำจัดสารพิษ-สารตกค้าง-สารปนเปือนจึงเป็นเรื่องจำเป็น หากหลักกิโลเมตรที่ 80 ยังเป็นเป้าหมาย ตามผมมาเลยครับ ผอม-เด็ก-ดูดี-เริ่มต้นที่สมอง ตอนที่ 21 จะรวบรวมวิธีล้างผัก-ผลไม้ในบทเดียวให้ได้อ่าน-ศึกษา-และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
“แก ฉันซื้อผักมาให้และล้างด้วยน้ำเกลือเรียบร้อยแล้วด้วย” ยัยชลิตาผลักประตูโผล่หน้าเพียงครึ่งเดียวบอก….
“ล้างด้วยอะไรนะ”
“เกลือ…ฉันอ่านเจอในอินเตอร์เนตเมื่อคืน…เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 4 ลิตรแช่ผักทิ้งไว้ 10 นาที”
“ฉันกำลังอ่านวิธีล้างผักและผลไม้เพื่อจะเขียนตอนที่ 21 พอดี : เขาบอกว่า วิธีล้างผัก-ผลไม้ด้วยเกลือป่น ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะลดปริมาณสารพิษ-สารตกค้างได้ไม่มาก-บางข้อมูลยังบอกอีกว่าการใช้เกลือล้างผัก-ผลไม้ไม่ได้ช่วยทำให้ผัก-ผลไม้สะอาดขึ้น เนื่องจากเกลือเป็นโซเดี่ยมคลอไรด์มีส่วนทำให้สารพิษ-สารตกค้างหรือยาฆ่าแมลงยิ่งติดแน่นคงทนมากขึ้น แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ละนะ…เป็นอันว่าทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์นั้นแหละฉันล้างเอง” ผมพูดจากบทความในจอคอมพิวเตอร์
“เฮ้ย!….ได้ไง ถ้าอย่างนั้นแกเขียนจบแล้วส่งให้ฉันอ่านเลย เดี๋ยวจัดการต่อเอง…ฉันเป็นผู้หญิงนะโว้ย!…..แล้วก้อ…..” มันหยุดไปเฉยๆ ผมหันขวับด้วยความสงสัย….
“อย่ามีลับลมคมในกับฉัน….ยัยออมสิน….แล้วก้ออะไร….”
“ก็พอเดาออกแล้วนิ….”
“ตกลงไอ้ฝรั่งขี้นกหัวเหม็น…..”
“มาร์ตินเค้าเป็นคนดีนะแก….ถึงจะเป็นฝรั่งแคระก็เถอะ”
“เฮ้ย!…จริงดิ….”
“ไม่พูดมากละ….เขียนจบส่งให้ฉัน โอเคร!….” พูดจบมันก็ปิดประตูทันที…..
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยัยบ้าเอ้ย….”
ปัจจุบันคือยุคอุตสาหกรรมอาหารตอนปลาย
ประชากรมนุษย์บนโลกมีจำนวนมาก ความต้องการอาหารเพื่อดำรงค์ชีพก็สูง ขณะที่ภาคการผลิตมีพื้นที่เท่าเดิม ฉะนั้นมนุษย์จึงคิดค้นสารกระตุ้นเพื่อเร่งรัดเวลาเจริญเติบโตทั้งพืชและสัตว์ให้ใช้เวลาสั้นที่สุด จนเป็นสาเหตุให้อาหาร-ทั้งสำเร็จรูปและอาหารสดเต็มไปด้วยสารพิษ-สารเคมี-สารกระตุ้น-ยากำจัดศัตรูพืช-ยาฆ่าแมลง- เชื้อรา-แบคทีเรีย-ไวรัส-ไข่แมลง-ไข่พยาธิรวมทั้งโลหะหนักอื่นๆ มากมายปะปนมากับอาหารเหล่านั้น จนเป็นเหตุให้ชีวิตมนุษย์ไม่ปลอดภัย โรคที่เกิดขึ้นเฉียบพลันและเรื้อรังมาพร้อมกับสารตกค้างได้แก่ ปวดหัว-คลื่นไส้-อาเจียน-หน้ามืด-หายใจไม่ออก-ปวดท้อง-ท้องเสีย-เป็นไข้-ตัวชา-หมดสติ หรือที่เรียกว่า “อาหารเป็นพิษ” ส่วนโรคเรื้อรังได้แก่ มะเร็ง-อัลไซเมอร์-พาร์กิมสัน-โรคกระเพาะ-การเจริญเติบโตผิดปกติและโรคเครียดเป็นต้น
เมื่อรู้ความร้ายแรงที่มาพร้อมกับสารพิษ-สารตกค้างแล้ว ทางรอดเดียวที่พอจะช่วยได้นั้นก็คือวิธีกำจัดสารตกค้างให้หมดไปหรือเหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ : ผมจึงรวบรวม 14 วิธีในการล้างผักและผลไม้ มาให้เลือกใช้ตามไลฟ์สไตล์และความสะดวกของแต่ละคน มีตั้ง 14 ข้อก็ต้องมีสักข้อละ-ที่สามารถปฏิบัติได้ทันที มาดูกันเลยครับ
- วิธีแช่ผัก-ผลไม้ด้วยน้ำเปล่า…เห็นหรือยังเพียงข้อแรกก็สามารถทำได้แล้ว โดยเริ่มจากการล้างผัก-ผลไม้ในรอบแรก เด็ดใบ-กิ่งก้านบางส่วน-นำลงไปแช่ในน้ำเปล่าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสารตกค้างได้ประมาณ 7-33%
- ล้างผัก-ผลไม้ด้วยวิธีปอกเปลือก ถ้าเป็นกะหล่ำปลีก็ให้ลอกใบนอกทิ้งสัก2-3ใบ ผลไม้ก็ปลอกเปลือกแล้วนำไปแช่ในน้ำสะอาดประมาณ 15 นาทีหลังจากนั้นก็ล้างอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดสารตกค้างได้มากถึง 27-72%
- ล้างผัก-ผลไม้ด้วยวิธีปล่อยน้ำไหลผ่าน ถ้าเป็นผัก-ผลไม้เล็กๆ ให้ใส่ตระแกรงโปร่งเปิดน้ำไหลผ่านได้เลย ถึงวิธีนี้จะใช้น้ำในปริมาณที่มากสักหน่อย แต่ก็สามารถลดสารตกค้างได้ประมาณ 25-63%
- วิธีการต้ม-ลวก : ก่อนจะนำผัก-ผลไม้ไปต้มหรือลวกควรล้างให้สะอาดก่อน วิธีนี้จะช่วยลดสารตกค้างได้ 50% แต่คุณค่าสารอาหารอาจจะสูญเสียไปเช่นกัน หากจะนำผักผลไม้ที่ว่าไปต้มหรือแกงต่อ ให้ทิ้งน้ำที่ใช้ลวกก่อนจะดีที่สุดนะครับ
- น้ำซาวข้าวก็ช่วยล้างผัก-ผลไม้ได้ ให้แช่ผัก-ผลไม้ในน้ำซาวข้าวประมาณ 10 นาทีแล้วล้างต่อด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยลดสารตกค้างได้ประมาณ 29-38%
- ล้างผัก-ผลไม้ด้วยน้ำปูนใส จะเป็นปูนแดงหรือปูนขาวที่ใช้กินกับหมวกก็ได้ เตรียมน้ำปูนใสให้พร้อมแล้วน้ำผัก-ผลไม้ลงไปแช่ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยล้างสารตกค้างได้ประมาณ 34-52%
- ด่างทับทิม (Potassium permanganate) ให้ใช้ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด ผสมกับน้ำเปล่า 4 ลิตร นำผัก-ผลไม้ลงไปแช่ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยล้างสารตกค้างได้ประมาณ 35-43% ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ด่างทับทิมในปริมาณมากจนเกินไปเพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร-ระบบหายใจได้…
- น้ำส้มสายชู (Vinegar) ให้ใช้น้ำส้มสายชูที่มีความเข้มข้นประมาณ 5% ของกรดน้ำส้มผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:10 แช่ผัก-ผลไม้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า วิธีนี้จะช่วยกำจัดสารตกค้างได้ประมาณ 60-84%
- ผงปูนคลอรีน (Calcium Hypochlorite) ให้ใช้ผงคลอรีน 60% จำนวนครึ่งช้อนชาผสมกับน้ำเปล่า 20 ลิตร นำผัก-ผลไม้แช่ประมาณ 15-30 นาที วิธีนี้จะช่วยฆ่าเชื้อโรคและสารตกค้างได้ดีมาก แต่อย่าลืมล้างด้วยน้ำสะอาดในขั้นตอนสุดท้ายด้วยนะครับ
- เบ็กกิ้งโซดา หรือโซเดี่ยม ไบคาร์บอนเนต (Sodium bicarbonate) บางทีเรียกว่า “โซดาทำขนมปัง” ใช้ครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำเปล่า 10 ลิตร-นำผัก-ผลไม้ลงไปแช่ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด 2 รอบ วิธีนี้จะช่วยลดสารตกค้างได้มากถึง 90-95% เลยทีเดียว
- ผงฟู (Baking Powder) ให้ใช้ผงฟูครึ่งช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นจนแตกตัวแล้วค่อยเทลงไปผสมกับน้ำเปล่าประมาณ 10 ลิตร-นำผัก-ผลไม้ลงไปแช่ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำปล่า วิธีนี้จะช่วยล้างสารตกค้างได้มากกว่า 90%
- น้ำยาล้างผัก ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ความเข้มข้น 0.3% ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ผัก-ผลไม้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยกำจัดสารตกค้างได้ประมาณ 25-75%
- น้ำยาล้างจาน-น้ำยาล้างขวดนมเด็ก วิธีนี้นิยมใช้ล้างผลไม้หรือผักหัวที่เป็นลูกๆ ใช้ฟองน้ำถูกเปลือกนอกเลยครับสามารถลดสารตกค้างได้ประมาณ 95 % วิธีนี้ล้างเปลือกไข่ก่อนนำไปต้มก็ได้นะด้วย
- ผงถ่าน-ผงถ่านแอคติเวทชาร์โคล (Activated charcoal ) หรือผงคาร์บอนกัมมันต์ (Activated carbon) เป็นผงคาร์บอนที่มีเนื้อพรุน มีคุณสมบัติดูดซับสูงมาก ให้ใช้ผงถ่าน 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 5 ลิตร แล้วน้ำผัก-ผลไม้ลงไปแช่ประมาณ 20 นาที-ล้างด้วยน้ำสะอาดเป็นขั้นตอนสุดท้าย….
หมายเหตุ สำหรับเมล็ดธัญพืชและถั่วแห้ง ก่อนนำไปแช่หรือปรุงอาหารต้องล้างด้วยน้ำเปล่าก่อนเสมอนะครับ….
“แกผงฟูอยู่ไหน…”
“ในตู้แขวนซ้ายมือ”
“น้ำส้มสายชูละ”
“ด้านล่าง…” ผมตอบแบบเริ่มรำคาญ
“แล้ว…แล้ว…..” ยัยบ้ายังถามต่อไม่หยุด
“ไม่ต้องแล้ว กลับไปทำงานเถอะ…ปรินส์งานเสร็จจะล้างเอง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…….ฉันก็คิดอยู่แล้ว…..ขอไข่ดาวน้ำ 2 ฟองด้วยนะกลัวโทรมนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เออ!…”