หมวดหมู่: อนุชาย2
อนุชาย2 บทที่17
นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อนุชาย2 บทที่17 จะทำอย่างไรดี
อนุชาย2 บทที่17 จะทำอย่างไรดี
ขณะที่อนุชัยกับดร.ชานนท์ยืนอยู่บนสายพานทางเดินลาดต่ำไปยังประตูที่จะข้ามไปยังอาคารจอดรถที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตำรวจภายในสนามบินทั้งในและนอกเครื่องแบบต่างก็วิ่งกรูไปในทิศทางเดียวกัน ดร.ชานนท์กับอนุชัยผวาจ้องหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย สิ่งที่ทั้งคู่หวั่นอาจจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันไม่มีใครรู้ และขณะขากำลังจะก้าวสู่พื้นชั้น 3 โทรศัพท์เรียกเข้ามือถือของคนทั้งคู่ก็ดังขึ้นพร้อมๆ กันอีก
“สวัสดีครับ….”- “ฮัลโหล” ทั้ง 2 รับโทรศัพท์ต่างก็จ้องตากันด้วยอาการตื่นตระหนก
(ท่านรองครับไม่ต้องตกใจนะครับ ทีมเราควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ตอนนี้ คุณอานนท์ สายสกุล ผ่านเข้าข้างในเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ทีมเราจะแฝงเข้าไปส่งจนกว่าเครื่องบินจะเชิดหัว ไม่ต้องเป็นกังวลครับ)
“อื้อ….ขอบใจมาก รู้ไหมว่าเป็นทีมไหน” ดร.ชานนท์กรอกคำถามกลับเร็วๆ
(ควบคุมตัวได้ 1 คนยังสรุปอะไรไม่ได้ตอนนี้ ถ้ามีรายละเอียดทีมจะรีบแจ้งให้ทราบอีกครั้ง)
“ขอบคุณมาก” ดร.ชานนท์กดวางสาย อนุชัยก็กดวางสายในเวลาไล่เลี่ยกัน…ทั้งคู่จ้องตากันไม่กระพริบ
“ฉันไม่อยากให้นายเครียด ชานนท์…..” อนุชัยบอกพลางกุมมือเขาไว้แน่น “ไม่เป็นไร อาตี้ปลอดภัยแน่นอน”
“อื้อ….ผ่านประตูเข้าข้างในไปแล้วฉันก็คลายแล้วละ…นุฉันว่าเราอย่าเพิ่งกลับบ้าน Loft love เลย…แวะดื่มอะไรรอจนกว่าเครื่องของอาตี้จะขึ้นบินน่าจะเบาใจมากกว่า” ดร.ชานนท์บอก
อนุชัยพยักหน้าแบบคนเห็นด้วยก่อนจะกดเข้าเบอร์ที่โทรหาเมื่อครู่ “ครับ เราจะนั่งดื่มไม่ไปไหนจนกว่าเครื่องบินของลูกชายจะขึ้นบิน”
(รับทราบครับ….มีอะไรทีมจะแจ้งเรื่อยๆ ขอบคุณมากครับท่าน)
“ขอบคุณครับ” อนุชัยกดวางสาย ขณะกำลังเดินวนหาที่นั่งภายในร้านที่เต็มไปด้วยนักเดินทางจากทุกมุมโลก
“นายดื่มอะไรดี”
“ขอเป็นกาแฟดำดีกว่า”
“OK งั้นฉันตาม….อเมริกาโน่ 2 ที่ขอบคุณครับ” ดร.ชานนท์สั่งกับพนักงานสาวที่เข้ามารับออเดอร์
“คะได้คะท่านรอง รอสักครู่นะคะ”
“นายอย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นดิ….ฉันเห็นแล้วไม่สบายใจเลย” อนุชัยเตือน ดร.ชานนท์รวบมือเขามากุมรวมกันบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ “เอานะนายยังมีฉัน” และพูดต่อราวจะปลอบใจ
“คืนนี้….ขอจัดเต็มนะ” ดร.ชานนท์พูดจากใบหน้าเคร่งเครียดก่อนอนุชัยจะชักมือกลับพร้อมกับปิดเสียงหัวเราะแทบไม่ทัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายนี้หื่นชะมัด”
“ยังกะว่านายไม่ร่านอย่างนั้นแหละ” ดร.ชานนท์ต่อว่าพลางยิ้มแบบคนเบิกบานให้เห็น
“ฉันร่านกับนายคนเดียวเท่านั้นแหละ….เด็กโง่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฉันรักนายก็ตรงนี้แหละ อนุชาย….”

อีกกลุ่ม…
ภายในห้อง VIP. ของภัตตาคารแห่งหนึ่ง ชายฉกรรจ์ผิวคล้ำร่างยักษ์นั่งหน้าเครียดต่อหน้าชายหนุ่มหลายวัย 10 กว่าคนที่รายล้อมอยู่รอบโต๊ะกลมตัวใหญ่ พวกเขามาก่อนเวลานัดหมาย 1 ชั่วโมงหลังจากคุยกันจบ…แก้วเหล้าในมือก็ถูกยกขึ้นดื่มเร็วๆ
“โง่ถึงขนาดเลือกลงมือภายในสนามบิน….ปั้ด!โท”
“เก็บมันทั้งสายเท่านั้นที่เราจะรอด” อีกคนลักษณะไม่ธรรมดาเสนอ จนหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมๆ กัน
“ตามนั้น….แต่เล่นให้เนียน อย่าให้โยงถึงเราเป็นพอ” ชายคนเดิมพูดพลางเทเหล้าลงแก้วเกือบครึ่งก่อนจะกระดกอีกจนหมด “ดีเหมือนกันตัวหารจะได้ลดลง….บ้าชะมัด!” เขาจิ! ปากเสียงดังก่อนจะหันไปพ้นควันบุหรี่ทิ้งด้านข้าง “อย่าให้พวกมันมาถึงภัตตาคารเลย เล่นแม่งตอนนี้แหละ”
“ครับ ได้ครับลูกพี่” และชายคนดังกล่าวก็งัดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้งาน
“ถึงไหนแล้ววะ” เขากรอกน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับไม่มีอะไร
(กำลังวนเข้าลานจอดแล้วครับพี่)
“พวกแกมากันครบใช่ไหม”
(ครบครับพี่….)
“ถ้าอย่างนั้นวนกลับไปเจอกันที่เดิม….ที่นี่มีปัญหาแล้ววะ”
(ได้ๆ….) ทันทีที่วางสาย เขาก็กดตัวเลขเพิ่มเข้าไปอีก 5 หลักก่อนจะส่งต่อเข้าโทรศัพท์เครื่องเดิม…ไม่นาน # บึ้ม!# เสียงระเบิดก็กัมปนาทขึ้นที่ริมถนนด้านหน้า…. “เรียบร้อยแล้วครับลูกพี่”
“ดี….แยกย้ายกันไปก่อน มีอะไรจะนัดอีกครั้ง….”
“ครับๆ ได้ครับพี่ยศ”

ณ บ้าน Loft Love
หลังจากอาตี้กลับอเมริกาไปแล้ว อนุชัยก็หอบงานมาทำที่บ้าน Loft Love เป็นหลัก นานๆ ครั้งหรือเฉลี่ยสัปดาห์ละไม่ถึง 3 วันถึงจะมีประชุมหรือต้องออกไป Present งานที่บริษัทอื่น เขาปฏิบัติต่อดร.ชานนท์ราวกับช่วงข้าวใหม่ปลามันหรือสามีหนุ่มกับภรรยาสาว แต่เมื่อความดีและสมบูรณ์แบบมากจนเกินความจำเป็นก็ทำให้อีกคนเอะใจขึ้นมา ความต้องการจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังในเรื่องนี้จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นวันละนิด
“ฉันบีบยาสีฟันไว้ให้นายแล้วนะ” อนุชัยก้มจุมพิตที่หน้าผากบอก “อาบน้ำซะ…ฉันจะลงไปทำสเต็กปลาแซลมอนไว้ให้” พูดจบอนุชัยก็หันหลังเปิดประตูเดินจากไปดื้อๆ
“อะไรของเขาวะ!….มีบงมีบีบยาสีฟงยาสีฟันไว้ให้ด้วย….ฮิ ฮิ ฮิ แต่ก็ดีเหมือนกัน”…..เมื่อเสียงพึมพำจบลง “ที่รัก…..” เขาก็ตะโกนไล่ตามหลังเสียงดังลั่นบ้าน “ที่รัก…..”
อนุชัยเปิดประตูผางจ้องหน้าเขม็ง “นายจะแหกปากให้ชาวบ้านได้ยินทำไมเนี่ย”
“อ้าว!….สามีก็เรียกภรรยากันแบบนี้ไม่ใช่รึไง” ดร.ชานนท์ทำตาบ้องแบ้วไม่รู้ไม่ชี้ “อะไรของตัวเองอะนุ”
“นายต้องการอะไร…ด่วนเลยอย่าโยกโย้” อนุชัยเร่ง
“ขอกล้วยหอมกับขนมปังโฮลวิต 2 แผ่น”
อนุชัยยกสัญญาณนิ้วว่า OK. และไม่ลืมส่งจูบให้เร็วๆ ก่อนเสียงประตูปิดจะตามก้นไปติดๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า บ้าชะมัด…..”
ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันบนโต๊ะอาหาร อนุชัยนั่งหันหลังให้กับกระดานชนวน แต่ด้านหน้าของอีกคนจึงเห็นมันชัดเจน
“นายว่าเราควรจะเขียน กฎเขกกะโหลก ขึ้นมาใหม่ไหม?” ดร.ชานนท์ถามขึ้นลอยๆ อนุชัยวางสเต็กในมือลงที่เดิมก่อนจะเอี้ยวตัวกลับไปมองแบบคนต้องการใช้ความคิดจากภาพ….
“กระดานชนวนมันแผ่นเล็กเกินไปนะ….”
“เอ้!…..” ดร.ชานนท์อุทานสงสัย เขาชะงักรอก่อนเสียงอนุชัยจะดังขึ้นอีก
“มันต้องมีข้อที่ 5……”
“ข้อที่ 5….มีข้อที่ 5 ด้วย” ดร.ชานนท์ถาม อนุชัยพยักหน้ายิ้มๆ แบบคนเจ้าเล่ห์ “บ้าเอ้ย…นายกำลังทำให้ฉันคลั่งนะนุ….ข้อที่ 5 คืออะไร….”
“ข้อที่ 5….” อนุชัยยังเล่นหูเล่นตากับเขาไม่เลิก
“นุ….ฉันคลั่งจริงๆ แล้วนะ”
อนุชัยกรุ้มกริ่ม…..พลางโปรยยิ้มในแบบที่ดร.ชานนท์เคยหลงใหล “ข้อที่ 5 ท่าจะให้ดี….” เขาเว้นจังหวะราวจะเรียกโมโห “ข้อที่ 5 ท่าจะให้ดี….ให้ยกเลิกข้อ 4….เพราะจะไม่มีวันนั้นแน่นอน…..” อนุชัยพูดช้าๆ ชัดๆ จนเห็นดร.ชานนท์ยกกำปั้นขึ้นปิดปากราวกับไม่รู้จะใช้อารมณ์ไหนกับเขา “….ฉันจะรักนายตลอดไปชานนท์”
ดร.ชานนท์ทิ้งช้อน…. “ฉันอิ่มละที่รัก….วันนี้ฉันคงอิ่มทั้งวัน” เขาลุกเดินเข้าไปยืนกอดอนุชัยจากด้านหลังพร้อมกับกระซิบข้างหูแบบคนมีความลับสุดยอด “ฉันรักนายที่สุดในชีวิต…” ริมฝีปากก็จูบต้นคอพลางงับติ่งหูเบาๆ “อิ่มเถอะ เราจะได้ขึ้นห้องกัน”
อนุชัยตาขวางทันทีทันใด…. “หื่นอีกละ…กลับไปนั่งลงที่เดิมแล้วกินสเต็กของนายให้หมดด้วย รู้ไหมฉันต้องแหกขี้ตาขึ้นมาหมักตั้งแต่ยังไม่ตี 4 เลยด้วยซ้ำนะ”
ดร.ชานนท์โดนสอยร่วงกลางอากาศแต่เขาก็ยังยิ้มหัวเราะเสียงดังยาวๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม “ครับที่รัก….ความหมายของนายคือให้ฉันกินให้หมดก่อนใช่ไหม” เขายังเล่นต่อจนทำให้อนุชัยถึงกับไปไม่เป็น
“ล้างจานให้เสร็จก่อนด้วย….”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..นายนี้ร่านชะมัด…..ดีเหมือนกันฉันอยากมีน้องสาวให้อาตี้อีกคน”
“เงียบแล้วกินไปเลย….”
……อีก 3 ชั่วโมงต่อมา
เมื่อความเงียบเข้าครอบคลุม ใบหน้านิ่งๆ ที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 2 เมตรก็ลามเข้าสู่สมองชั้นในและลึกสุด (ฉันจะทำอย่างไรดีชานนท์…จะช่วยเหลือนายได้อย่างไร…) อนุชัยจ้องต่ออีกสักพัก (ไม่ ไม่! ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด….คุณหมอ คุณหมอเดียรเนียล สแปนเลย์ คุณหมอแคราย แคราย เชาว์ทำไมตัวเองไม่อยู่เมืองไทยนะ เค้า เค้า ต้องการตัวเองที่สุด….หรือว่าจะโทรหา…นี่ก็เที่ยงกับ 38 นาที แวนคูเวอร์ก็น่าจะเกือบๆ 4 ทุ่มเข้าไปแล้ว….คุณหมอ จิ! จิ! จิ!….คุณหญิงป้า ใช่!…ลืมไปได้ไงคุณหญิงป้าก็เป็นหมอนินา! และยังเป็นคุณแม่ของชานนท์อีกด้วย….โอ้!….ขอบคุณพระเจ้าฉันลืมเธอไปได้ไงเนี่ย) เมื่อสรุปได้ดังนั้นอนุชัยก็ถือโทรศัพท์เดินออกไปนอกบ้าน เขาต่อสายคุยกับคุณหญิงพวงพรแต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร
(คุยทางโทรศัพท์ไม่สะดวก นุมาหาป้าที่บ้านด่วนเลยลูก)
“ครับคุณหญิงป้า นุจะออกไปตอนนี้แหละครับ ชั่วโมงครึ่งน่าจะถึง” จบจากการสนทนาอนุชัยก็เดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ขณะที่ดร.ชานนท์กำลังจมเครียดอยู่กับกองเอกสารจากทางกระทรวง อนุชัยจึงค้อมหลังจุมพิตที่แก้มเบาๆ
“ไม่ต้องเครียดนะ…”
ดร.ชานนท์ หันไปจูบตอบพลางบีบริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เขาพยักหน้าแล้วสบตานิดๆ “เป็นเอกสารจากต่างประเทศนะ….มีหลายอย่างที่ต้องส่งต่อให้ท่านรัฐมนตรีลงนาม….อีกไม่กี่แผ่นก็จบแล้วละ” เขาบอก
“ฉันต้องเข้าบริษัทสัก 3-4 ชั่วโมง…นายอยู่คนเดียวไปก่อนนะ” อนุชัยยอมโกหกแบบเสียไม่ได้
ดร.ชานนท์จ้องตาเขา “นายนี้แปลกขึ้นทุกวัน จนฉันขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เขาหัวเราะไม่ทันจบ อนุชัยก็ขยี้ผมแรงๆ จนทรงผมที่ถูกจัดเข้าทรงมาตั้งแต่เช้ากลายเป็นรังนกกระจอกกลายๆ
“นกป่าปีกสีน้ำตาลเปลือกไม้ชอบผมทรงนี้มากกว่า” เขาพูดพร้อมกับหันหลังเดินขึ้นบันไดไปเร็วๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เดี๋ยวฉันจะทำผมทรงนี้เข้าสภาเลยเป็นไง”…….
และหลังจากที่อนุชัยขับรถ BMW ผ่านประตูรั้วสีดำไปได้สักครู่ เอกสารที่ต้องอ่านและแปลสำหรับรัฐมนตรีก็จบ ดร.ชานนท์ลุกยืดเส้นยืดสายจนลำตัวสูงกว่าปกติหลายเซ็นติเมตร….ขณะเดียวกันสายตาก็ปะเข้ากับเปียโนสีดำตัวใหญ่ เขาเดินเข้าไปหาและนั่งลงพร้อมกับค้นหาโน้ตเพลงที่เคยเล่นประจำ แต่ก็ไม่เจอ จิ! จิ! เขาจิ! ปากคิด 2 ที “สงสัยอาตี้หอบไปไว้ที่บ้านในวันงานแล้วลืมทิ้งไว้แน่ ๆ” เขาสรุปขณะเดินขึ้นไปบนห้อง ก่อนจะกลับลงมาด้วยชุดสบายๆ พร้อมกับหมวกแก๊ปสีดำที่เคยใช้งาน “ขอกลับไปเป็นวัยรุ่นสักวันแล้วกัน” เขาคว้ากุญแจเบนซ์สปอร์ตแบบไม่รีบร้อนแล้วตรงไปยังโรงเก็บด้านหน้าช้าๆ
เกือบบ่ายโมงการจราจรค่อนข้างสาหัสสากัน ในเมื่อศิลปะการขับรถในกรุงเทพฯ ของดร.ชานนท์ไม่ค่อยดีเท่าอนุชัย ดังนั้นกว่าจะเลี้ยวเข้าซอยพหลโยธิน 24 ได้ก็ต้องใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง และทันทีที่ผ่านประตูรั้วหน้าบ้านพักอาศัย 3 ชั้นทรงสเปน รถ BMW ซีรี่ส์ 5 สีน้ำตาลดำของอนุชัยจอดอยู่ก่อนแล้วก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นในหัว เมื่อลงจากรถได้เขาก็พุ่งเข้าไปสำรวจภายในตัวบ้านทันที
“สวัสดีคะคุณชาย” เสียงแม่บ้านชื่อเตยดังออกมาจากในครัวเกือบจะทันทีเช่นกัน
“นุมาที่นี่เหรอ” เขาถามกลับเร็วๆ สายตาก็ไล่สำรวจภายในห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นแต่ก็ยังไม่เห็น
“คะ กำลังคุยกับคุณหญิงที่เรือนรับรองด้านหลังโน้นนะคะ….ว่าแต่คุณชายจะรับ…” เตยกำลังจะพูด แต่ดร.ชานนท์ก็ยกนิ้วขึ้นจุ!ปาก เป็นสัญญาณให้เธอเงียบก่อนเขาจะค่อยๆ ย่องตรงไปยังเรื่อนรับรองแบบเดียวกับสายลับ 007
“คุณหญิงป้าครับนุจะทำอย่างไรดี”
“เอาเบอร์โทรคุณหมอสแปนเลย์มาให้ป้าซิ”
“ที่แวนคูเวอร์น่าจะหลังเที่ยงคืนไปแล้วนะครับคุณหญิงป้า” เสียงอนุชัยบอก
“บางทีคุณหมอสแปนเลย์เธออาจจะเข้าเวรก็ได้ เดี๋ยวป้าจะลองส่งข้อความไปก่อน”
“นี่ครับเบอร์โทรคุณหมอ แต่นุจะส่งข้อความจากเครื่องของนุเองดีกว่า ถ้าเป็นเบอร์อื่นคุณหมออาจจะตั้งตัวไม่ทันและไม่รู้ว่าเป็นใคร…..”
“อื้อ! ดีเหมือนกันจ้ะ”
#สวัสดีครับคุณหมอเดียรเนียล ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าสะดวกกรุณาส่งข้อความกลับแจ้งด้วย ขอบคุณมากครับ#
คุณหญิงพวงพรเหลือบดูที่หน้าจอมือถือจนอนุชัยสังเกตเห็น “อ๋อ!….คุณหมอเดียรเนียลกำลังเรียนภาษาไทยนะครับเลยอยากสื่อสารกับนุด้วยภาษาไทยมากกว่าภาษาอังกฤษ”
คุณหญิงพวงพรพยักหน้ายิ้มๆ “มิน่าตอนที่มาเมืองไทยไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษกับป้าเลยสักคำ”
“สงสัยมีแผนการณ์บางอย่างนั้นแหละครับ หึ หึ” เสียงอนุชัยหัวเราะไม่เต็มเสียง สักครู่เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าก็ดังขึ้นจากโปรแกรมไลน์….. “คุณหญิงป้าครับ”
“เปิดสปิกเกอร์โพนเลยลูก…ป้าจะได้คุยด้วย” เสียงคุณหญิงพวงพรสั่งรีบๆ
ภายในห้องที่ล้อมรอบด้วยผนังกระจกติดแอร์ เสียงสนทนาของทั้ง 3 คนจึงดังก้องจนได้ยินชัดเจน ดร.ชานนท์นิ่งฟังตั้งแต่ต้นกระทั้ง คุณหมอเดียรเนียล สแปนเลย์ บอกราตรีสวัสดิ์ด้วยน้ำเสียงเจ็บลึก คุณหญิงพวงพรยกฝ่ามือปิดปาก เธอนิ่ง อนุชัยเองก็ก้มหน้าคิดหนักไม่ต่างอะไรกับรูปปั้น 2 ตัวภายในห้องสี่เหลี่ยม
“หมอระบบประสาทที่เมืองไทยเองก็มีอยู่หลายท่าน….แต่…..”
“คุณหมอเดียรเนียลยืนยันแล้วนะครับว่าเคสของชานนท์เขาจะไม่ปล่อยให้คุณหมอท่านอื่นจัดการ” เสียงอนุชัยพูดด้วยท่าทีไม่สมดุล “คุณหญิงป้าครับจากแวนคูเวอร์บินมาเมืองไทยต้องใช้เวลาต่ำๆ ก็เกือบ 20 ชั่วโมงเลยนะครับ”
“ประเด็นนี้แหละที่ทำให้ป้าคิดหนัก”
“ถ้าเสกได้นุจะเสกสารเอ็นโดรฟินใส่ชานนท์หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น เลยครับ”
“มันก็มีส่วนเป็นไปได้ตามที่คุณหมอสแปนเลย์ว่ามานั้นแหละ แต่ต้องใช้เวลา คำถามมีอยู่ว่า…ตาชายจะมีเวลาขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าเขาอยู่ที่บ้านเฉยๆ ยังพอควบคุมได้ แต่หน้าที่การงานของเขาต่างหากที่จะทำให้เนื้องอกที่ว่าขยายตัวเร็วขึ้น” คุณหญิงพวงพรนั่งเหม่อลักษณะคิดไม่ตก “พรุ่งนี้ป้าจะลองขอประวัติการรักษาจากคุณหมอสแปนเลย์ดู เผื่อว่ามีอะไรจะพอยื้อเวลาได้บ้าง”
“คุณหญิงป้าครับ” อนุชัยเงยใบหน้ารื่นๆ ขึ้นมาสบตา “นุรักชานนท์ในแบบที่ไม่เคยรักใคร ชานนท์คือชีวิตใหม่และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนุ เขาคือพ่อของลูกชายนุ เราคือครอบครัว นุยอมเสียเขาไปไม่ได้….” น้ำเสียงสั่นๆ ดิ่งจมสู่ใต้ดิน นาน….กระทั้งประตูหลังถูกเปิดผาง ดร.ชานนท์ถลาเข้าไปกอดอนุชัย แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นหลังบอกถึงอารมณ์ไม่สมดุลจนเกินจะควบคุม คุณหญิงพวงพรได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากจ้องไปที่คนทั้งคู่ไม่กระพริบ….
“คุณ…นายมาได้ไงเนี้ย….นายสะกดรอยตามฉัน นายไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยรึไง” อนุชัยได้สติก่อน คำพูดกึ่งต่อว่าต่อขานไม่ทำให้ดร.ชานนท์หยุดสะอื้นได้ง่ายๆ เขาใช้เวลาอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าเปือนน้ำตามาจูบข้างแก้มต่อหน้าคุณหญิงพวงพร
“เปล่า….ฉัน ฉันไว้ใจนาย และไม่ได้สะกดรอยตามนายด้วย ฉันแค่ แค่มาเอาโน้ตเพลงที่อาตี้ลืมทิ้งไว้ต่างหาก”
อนุชัยลูบหัวปลอบ…ตัวเองก็พยักหน้ารับรู้
“แต่ที่นายพูดสักครู่ฉันซึ้งใจมากๆ เลยนายรู้รึเปล่า” ดร.ชานนท์พูดจากด้านหลัง อนุชัยผงกหัวรับรู้อีก “เรามีเวลาแค่ไหนก็จะร่วมกันสร้างความสุขให้มากแค่นั้น…..”
อนุชัยปล่อยโฮลั่นห้อง ขณะที่คุณหญิงพวงพรเองก็เก็บอาการไม่ไหวเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องร้องไห้ที่รัก เดียรเนียลบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าสารเอ็นโดรฟินเท่านั้นจะช่วยยืดเวลาให้ฉันได้…ที่รัก” ดร.ชานนท์เดินอ้อมมานั่งข้างๆ “มองหน้าฉันที่รัก นายต้องมองหน้าฉัน…..”
อนุชัยตั้งสติหยุดอารมณ์เศร้า เขาเป่าลมทิ้งทางปากเป็นการระบายก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาที่คุ้นเคยอย่างคนมีสติเต็มร้อย
“ที่รัก ความสุขจะช่วยยืดเวลาให้เรา ความสุขที่ว่าคือนายคนเดียว นายคือเอ็นโดรฟินของฉัน” ดร.ชานนท์พูดจบก็โผเข้ากอดอนุชัยแน่นกว่าที่เคยเป็น
“นายคือชีวิตของฉันชานนท์ นายคือทุกอย่างของฉัน…ฮื้อๆ”
“ไม่เอาที่รัก ไม่ร้องไห้แล้ว ฉันยังอยู่ ฉันจะอยู่ข้างนายเสมอและตลอดไป ฉันให้สัญญา”
“คุณ คุณ นายสัญญาอะไรกับฉัน จำมันให้ขึ้นใจด้วยนะ” อนุชัยหยุดปาดน้ำตาด้วยหลังมือเร็วๆ “ฉันจะเป็นเอ็นโดรฟินให้นายเอง ฉันรักนาย แต่นายต้องรักษาสัญญาให้ขึ้นใจด้วย”
เมื่อทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่โหมดปกติ
“พรุ่งนี้แม่จะเริ่มคุยกับคุณหมอสแปนเลย์ อาจจะขอสแกนสมองลูกดูอีกสักครั้ง” เสียงคุณหญิงพวงพรยังสั่นนิดๆ เมื่อดึงกระดาษซับน้ำตาจนแห้งแล้ว “ชายต้องเตรียมตัวนะลูก”
“ชายมียาวิเศษแล้วคะคุณแม่” เขายิงสายตาไปตกที่อนุชัย “เขาคือยาวิเศษตัวเดียวที่จะรักษาชายได้”
อนุชัยพูดไม่ออกอยู่นานกระทั้งเขาพยักหน้าให้คุณหญิงพวงพรและชานนท์เห็น….
“นุจะเป็นเอ็นโดรฟินให้ชานนท์เองครับคุณหญิงป้า” แล้วเขาก็หันมาจ้องชานนท์จริงๆ จังๆ “ฉันจะไม่สัญญากับนายนะชานนท์เพราะนายคือส่วนหนึ่งของฉัน การสัญญากับนายก็เท่ากับฉันสัญญากับตัวเอง….ฉันรักตัวฉันมากเท่าไรฉันก็รักนายมากเท่านั้น”
“ความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร หรือในสถานะไหน ย่อมงดงามเสมอ….แม่มีความสุขที่เห็นลูกๆ รักกัน แม่เองก็จะไม่ให้สัญญาอะไรกับลูกหรอก….เพราะแม่จะขอเป็นเอ็นโดรฟินตัวหนึ่งให้กับลูกเองชานนท์” คุณหญิงพวงพรพูดจบ ทั้งอนุชัยและชานนท์ก็ก้มลงกราบ…และ…..
“ใครกลับถึงบ้าน Loft Love ก่อนได้อยู่ข้างบน” ดร.ชานนท์พูดพร้อมกับเร่งสาวเท้าตรงไปที่รถเร็วๆ อนุชัยมองปาดเขาจากด้านหลังก่อนจะยกมือไหว้คุณหญิงพวงพรแบบรีบๆ
“นุต้องกลับแล้วครับคุณหญิงป้า….ขืนกลับถึงบ้านหลังไอ้คุณ นุต้องแย่แน่ๆ”
“อุ้ย! พวกเธอเล่นอะไรกันพิเรนทร์ ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ไปๆ เอ็นโดรฟินฉันหลั่งเต็มหัวแล้วเนี่ย! หึ หึ หึ” คุณหญิงพวงพรนั่งอยู่กับที่ปล่อยให้เวลากับสมอง….แววตากังวลสารพัดก็ฉายซ้ำวนหลายรอบ “ตาชาย ตาชายเอ้ย…แม่จะทำอย่างไรดี”

จบ อนุชาย2 บทที่17 จะทำอย่างไรดี
อนุชาย2 บทที่16
อนุชาย2 บทที่15
อนุชาย2 บทที่14
นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อนุชาย2 บทที่14 อานนท์ สายสกุล
อนุชาย2 บทที่14 อานนท์ สายสกุล
เช้าวันเสาร์ถัดมา….เป็นเช้าวันแรกที่ ดร.ชานนท์ สายสกุล ตื่นก่อนอนุชัยเพราะเมื่อคืนกว่าจะเข้านอนก็หลัง 6 ทุ่มไปแล้ว เขาตั้งกล้องเซ็ตระบบจัดสถานที่ภายในห้องนั่งเล่นเตรียมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วยท่าทีเต็มเปรี่ยมไปด้วยความสุข แดดแรกสีวะนิลาสาดลำแสงยาวผ่านชุดรับแขกที่มีโซฟาเบทสีเบจขั้นกลางมาตกตำแหน่งขาตั้งกล้องพอดิบพอดี เมื่อทุกอย่างเข้าที่
“เกือบ 7 โมง ซานฟรานซิสโกน่าจะเย็นๆ แล้วละ” เขาพึมพำวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะลากแขนอนุชัยที่ยังงัวเงียอยู่ในชุดนอนลงมา “เร็วเข้า…นายต้องนั่งตรงนี้ แสงกำลังสวยเลย”
“นายจะทำอะไร…ไงตื่นก่อนฉันได้” อนุชัยพูดไปหาวไป
“เออน่า…เร็วเข้า….เอ้! นายนิเดี๋ยวแสงสวยๆ ก็หมดกันพอดี” ดร.ชานนท์กระตุ้นอีก… “ฉันอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาเซ็ตระบบตั้งแต่ยังไม่ตี 5 เลยนะ”
“ล้างหน้าก่อนละกัน”
“……” ดร.ชานนท์จิ! ปากแบบคนอารมณ์เสีย “เออๆ เร็วเข้า…ตั้งใจจะเปิดตัวพ่อของอาตี้เลยนะเนี้ย” เพียงเท่านั้นอนุชัยก็หันขวับจ้องตรงๆ
“นาย จะ วิดีโอคอลไปหาอาตี้เหรอ….”
“เออดิ!….”
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อคืน หน้าฉันยังไม่ล้าง น้ำก็ยังไม่อาบ….อะไรของนายเนี้ย” อนุชัยบ่นยับ
“เออน่า…ฉันจะคุยรอไปพลางๆ….เร็วเข้าละ”
วิดีโอคอนเฟอเรนซ์
# (ดร.ชานนท์ต่อสายแล้วภาพภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้านทรงโมเดิร์นเรียบๆ บนถนน 29 ซานฟรานซิสโกก็ปรากฏขึ้นมา) “พ่อฮะ——>หวัดดีอาตี้เลิกเรียนแล้วเหรอลูก——> (แต่อาตี้กลับถือโทรศัพท์เปิดประตูวิ่งลงบันไดไปเร็ว) อาหญิงฮะ อาหญิงฮะ คุณพ่อคอลมาแล้วฮะ (อาตี้หยุดถ่ายรูปหญิงรัดดากับเดียรเนียล สแปลนเลย์ ที่นั่งหน้าดำคร่ำเครียดฝั่งตรงข้ามและหญิงรัดดาก็ลุกมาแย่งมือถือไป) พี่ชายคะ อาตี้ไปนั่งข้างอาหมอเลย (แล้วภาพก็หมุน 360 องศาอยู่สักพักจึงค่อยๆ นิ่ง) พี่ชายคะเห็นพวกเราหมดทุกคนไหมคะ——>OK คะน้องหญิง Hi Dearniel What are you doing here—–> Ha Ha Ha (เดียรเนียล สแปนเลย์ หัวเราะเสียงดัง) ฉัน มา เรียน ภาษา ไทย / คุณพ่อฮะอย่าเชื่อฮะ / อาตี้! (หญิงรัดดาปราม) / น้อง สาว You ม่าย ยอม พูด ภาษาอังกฤษ กับ I ฉาน เลย ต้อง เรียน พูดภาษาไทย ว่า แต่ You เถอะ เป็น แบบไหน บ้าง / เป็นอย่างไรยะ…แบบไหนใช้กับสิ่งของ คุณนี้สอนเท่าไรไม่เคยจำ (หญิงรัดดาแทรก)——>เขามาเรียนพูดภาษาไทยกับน้องหญิงเหรอคะ (ดร.ชานนท์ถามแบบคนสงสัย)——>คะพี่ชาย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นถึงอยากพูดไทยขึ้นมาซะอย่างนั้น / ก็ You ไม่ ยอม พูด อังกฤษ กับ I นิ / พ่อฮะเป็นข้ออ้างฮะ อย่าเชื่อ / อาตี้! (เสียงหญิงรัดดาปรามอีกรอบ) / ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณพ่อเห็นไหมฮะ นี้คือปฏิกิริยาแก้เขิน / อาตี้! (แล้วหญิงรัดดาก็โยนสมุดลงบนหัว) / โอ้ย!….ฮ่า ฮ่า ฮ่า อาหญิงเขินก็บอกกับอาหมอไปตรงๆ ดิ มาลงที่อาตี้ทำไมเนี้ย / เขิน หมาย ถึง สั้นๆ ช่าย ไหม ยิ๋ง ลาดดา You สั้น เรื่องอะไร คราบ / พอเลยทั้งคู่——>ขืนคุยต่อมีหวังสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดแน่ๆ——>เออ!…คุณพ่อฮะ เดี๋ยวสักครู่นะฮะ (แล้วอาตี้ก็หลุดจากเฟรม ได้ยินแต่เสียงวิ่งขึ้นบันไดไปเร็วๆ แล้วก็ภาพ 2 หนุ่มสาวต่างก็จ้องหน้ากันไปมาสักพักอาตี้ก็กลับเข้าที่เดิม)
คุณพ่อฮะ (อาตี้โชว์ภาพถ่ายคู่ของดร.ชานนท์กับอนุชัยระหว่างที่อยู่แวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาให้กล้องซูมใกล้ๆ) คุณพ่อฮะที่คุณพ่อฝากรูปนี้มากับอาหมอหมายความว่าอย่างไรฮะ ใช่ ใช่ อย่างที่อาตี้กำลังคิดอยู่หรือเปล่าฮะ——->(ดร.ชานนท์ยิ้มรื่นๆ ก่อนจะกวักมือเรียกใครบางคนที่อยู่หลังกล้องให้เข้ามาร่วมเฟรมด้วย) เร็วดิทุกคนรออยู่ (กระนั้นอนุชัยก็ยังเก้ๆ กังๆ จนดร.ชานนท์ต้องลุกไปลากแขนมานั่งลงข้างๆ อนุชัยเหลอหลายิ้มง่ายๆ แบบคนทำอะไรไม่ถูก เขาโบกมือทักทายก่อนดร.ชานนท์จะกดนั่งลงตรงหน้า) นายต้องนั่งตรงนี้——>(อาตี้ตาโตยกมือขึ้นกุมศีรษะ หญิงรัดดายกมือปิดปากคล้ายคนจะร้องไห้ มีเพียง เดียรเนียล สแปนเลย์ คนเดียวที่หัวเราะไม่หยุด)
Oh!…คุณ คุณ พ่อ / พี่ชาย พี่นุ นี้ นี้….เดียรเนียลทำไม You ไม่บอกฉันหึ! / เรื่องของ คน อื่น ฉาน ไม่ เกี่ยว ฮ่า ฮ่า ฮ่า / เดียรเนียล เดียรเนียล เดียรเนียล / คุณพ่อ คุณพ่อฮะ (อาตี้เรียก)——> (แต่อนุชัยได้แต่จ้องผ่านจอโทรทัศน์ยกกำปั้นขึ้นปิดปากตัวเองแผ่นน้ำรื่นๆ กำลังเคลือบเปลือกตาจนเห็นภาพลูกชายสั่นระริก) นายไม่คุยอะไรกับลูกเราสักคำเหรอ (ดร.ชานนท์กระทุ้ง อนุชัยจึงโบกมือทักทายและน้ำตาหยดแรกก็หลั่งให้เห็น) ให้เวลาพ่อเขาหน่อยนะลูก——->คุณพ่อฮะ——>ครับลูก—–>คุณพ่อนุ——>ครับ ครับอาตี้ พ่อ พ่อเอง / ให้เวลาพ่อเขาหน่อยนะลูก——>คุณพ่อฮะ อาตี้อยากกลับบ้าน / (ภาพหญิงรัดดาเข้ามาสวมกอดอาตี้จากด้านหลัง เธอเองก็ปาดน้ำตาทิ้งหลายรอบพอๆ กับพวกเขาที่อยู่เมืองไทย) พี่ชายคะ พี่นุคะ….อาตี้ชอบน้ำเชื่อมจากต้นเมเปิ้ลมากๆ / ขอบคุณฮะพ่อนุช็อกโกแลตอาตี้ก็ชอบ อาตี้ชอบหมดทุกอย่างเลยฮะ——>(อนุชัยพยักหน้าให้กล้องเร็ว)——>คุณพ่อฮะปิดเทอมนี้อาตี้กลับบ้านนะฮะ / แต่อาไม่ได้กลับด้วยนะอาตี้ / อาตี้กลับเองได้ พ่อฮะ อาตี้อยากกลับไปอยู่กับพ่อนุสัก 2 วีค นะฮะ นะฮะ——->(ดร.ชานนท์พยักหน้าเร็ว) ครับลูกได้ครับ——>คงต้องเป็นต้นเดือนเมษาโน้นแหละอาตี้ (หญิงรัดดาพูดขึ้นอีก) / อาหญิงฮะปิดเทอมเล็กเดือนหน้านี้ไม่ได้เหรอ / อาตี้ต้องไปเม็กซิโกกับโรงเรียนไม่ใช่เหรอ / แต่คุณพ่อฮะ——->เดือนเมษายนก็เหลืออีกไม่กี่เดือนเองนะครับลูก (ดร.ชานนท์บอก) ไปหาประสบการณ์กับเพื่อนๆ นะดีแล้ว / ครับอาตี้พ่อชายพูดถูก สนุกให้เต็มที่นะครับพ่อนุจะรอลูกอยู่บ้าน Loft Love นี้แหละ——>พ่อนุต้องรออาตี้นะฮะ อย่าไปไหนอีกนะฮะ——->(อนุชัยพยักหน้าก่อนดร.ชานนท์จะสวมกอดหลวมๆจากด้านหลัง
ทั้งคู่ยิ้มให้กล้องและโบกมือให้กระทั้ง)——> อนุชายยย เป็น แฟนรัก ฉาน You รู้ไหม ยิ๋งลาดดา…. / แฟนเหรอ…you พูดอะไรนะเดียรเนียล——>ฮ่า ฮ่า ฮ่า (ทั้งอนุชัยและชานนท์หัวเราะจนเช็ดน้ำตาอยู่หลัดๆ) น้องหญิงเทรนลูกศิษย์ใหม่ด้วยนะคะ…เฟรน เดียรเนียล Friend not Fan…——> อ้อ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า…(ทั้งอาตี้และหญิงรัดดาหัวเราะตัวงอเป็นกุ้ง) สงครามโลกจะเกิดเพราะอาหมอนี้เอง——>นอนหลับฝันดีนะครับอาตี้ (ดร.ชานนท์บอกส่ง ขณะที่อนุชัยโบกมือและยิ้มให้ไม่หยุด)——>ฮะ….แล้วเจอกันคะพี่ชายพี่นุ / แล้ว เจอ กาน เฟ เฟร เฟรน รัก…เพื่อรัก / ออกเสียงว่า เ พื่ อ น รักยะ / โอ้ย! ไปแล้วๆ ฉานต้องเรียนภาษาไทยต่อแล้ว โชด ดีนะ Chanoon Good Luck Nu…. / เดี๋ยวฮะพ่อ…พ่อฮะ พ่อฮะ รู้ไหมว่าอาหมอซื้ออะไรมาฝากอาหญิง / อาตี้! (เสียงหญิงรัดดาดังที่หลังกล้อง อาตี้วิ่งหายไปสักพัก ขณะในเฟรมเหลือแต่ เดียรเนียล สแปนเลย์ นั่งอ้าปากค้างอยู่คนเดียว สักพักอาตี้ก็หยิบสิ่งหนึ่งมาโชว์ให้กล้องเห็น) อาตี้!….(เสียงหญิงรัดดาตวาดอีกก่อนเธอจะวิ่งมาแย่งแล้วหลบไป) / กระหรี่ป๊อบ! I แอบ ซื้อ มา จาก สา ราบูรี…ฮ่า ฮ่า ฮ่า / เดียรเนียล เดี๋ยวเถอะ….พี่ชายคะคือหญิง…เพราะเธอคนเดียวเลยอาตี้! / คุณพ่อฮะ….. —–> เฮ้ย!…นี้เดียรเนียล นายคิดอะไรกับน้องสาวฉันไหมเนี้ย…นายต้องเคลียร์ให้ชัดนะ ไม่อย่างนั้นมีบุกถึงซานฟรานซิสโกแน่ๆ…. / ฮ่า ฮ่า ฮ่า (อนุชัยหัวเราะไม่หยุดแล้วภาพก็ตัดไป)#
“หญิงรัดดาก็ 30 กว่าปีแล้วนะ…นายจะหวงเธอไว้ทำไมไม่ทราบ”
“ฉันไม่ได้หวง! แต่น่าจะบอกกันก่อน…ฉันเป็นเพื่อนซี้กับมันนะและยังเป็นพี่ชายน้องหญิงอีกด้วย นี้เท่ากับมองข้ามหัวฉันชัดๆ” ดร.ชานนท์หงุดหงิด อนุชัยมองอาการของเขาก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายเป็นเอามากนะชานนท์….”
ต้นเดือนเมษายนปีต่อมา
เกือบจะค่ำแล้วแสงโคมบนหอสูงบนทางยกระดับจากถนนมอเตอร์เวย์เข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิค่อยๆ สว่างขึ้นมาแทนแสงจากดวงอาทิตย์ สีอำพันที่ขอบฟ้าทางทิศตะวันตกกำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ มันกลืนเข้ากับสีน้ำตาลดำของ BMW ซีรี่ส์5 ที่อนุชัยเป็นคนขับอย่างพอเหมาะพอเจาะ
“ขึ้นไปจอดบนอาคารเถอะ เราจะได้หาอะไรกินสักหน่อย” ดร.ชานนท์กำกับจากตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ
“อีกแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ….” อนุชัยพูดเสียงไม่สม่ำเสมอ
“ฉันเข้าใจ…เรามีเวลาอีกชั่วโมง…กว่าเครื่องจะแลนดิ้ง” ดร.ชานนท์ยิ้มให้เห็น “อีกตั้ง 1 ชั่วโมงที่รัก ไม่ใช่แค่ชั่วโมงเดียว….ฉันรับรองนายได้เจอกับอาตี้แน่ๆ ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”
“ฉันจะพูดอะไรกับลูกก่อนดี….คุณ นายช่วยฉันคิดหน่อยดิ” อนุชัยกระสับกระส่ายขณะวนรถเข้าไปภายในอาคาร 3 ชั้น 5 เขาลดกระจกข้างขณะที่รปภ. 3 คนโบกให้จอดตรวจ
“กรุณาเปิดท้ายรถด้วยครับ….” เมื่อกระจกเลื่อนลงจนสุด “อ้าว!…ท่านรองสวัสดีครับ….ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไร ทำตามหน้าที่นะดีแล้ว” ดร.ชานนท์บอก อนุชัยที่เปิดท้ายรถตั้งแต่แรกผงกหัวอนุญาต
“ไม่ทราบว่าท่านมาทำธุระหรือครับ” รปภ.คนเดิมถามขึ้นอีก
“เรามารับลูกชายนะครับ” ดร.ชานนท์พูด อนุชัยก็ยังผงกหัวยิ้มง่ายๆ อีก รปภ.ทำหน้างงๆ แต่ก็ต้องผายมือให้ผ่านทันทีที่ตรวจเสร็จสิ้น
“อ้อๆ….เอ่อ…เชิญ เชิญครับท่าน ชั้น4 หน้าลิฟต์เลยนะครับ ผมจะแจ้งกันพื้นที่ไว้ให้เป็นพิเศษ”
“ไม่เป็นไรๆ….ไม่ต้องมีสิทธิเหนือคนอื่นๆ หรอก เราก็แค่ครอบครัวธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่ง…ขอบคุณมาก”
“ครับๆ ท่าน…เชิญครับ”
ทันทีที่กระจกข้างเลื่อนปิดสนิท “นายได้ใจฉันไปเต็มๆ เลยรู้ไหม” อนุชัยบอกพร้อมกับยิ้มให้เห็น
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ…เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะจัดนายให้หนักเลยเป็นไง” ดร.ชานนท์พูดท่าทางเอาจริง อนุชัยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่ายหน้าละอาไปมา “นายว่าฉันพูดเล่นเหรอไง”
“เปล่า!….นายพูดจริงและตั้งใจจะทำจริงๆ ด้วย…แต่….”
“แต่….แต่อะไรไม่ทราบ”
“คืนนี้ฉันจะนอนกับอาตี้…..”
“ห่า!…ได้ไง…อาตี้โตเป็นหนุ่มแล้วนะ”
“หึ!…ฉันจะนอนกับลูกเป็นหนุ่มแล้วไงละ….ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อนุชัยหัวเราะยาวกระทั้งวนได้ที่จอดรถชั้น 3 และขณะที่กำลังเดินอยู่บนสะพานเชื่อมไปยังตัวอาคารของสนามบิน อนุชัยทิ้งรอยเท้าขนานใกล้ๆ จนดร.ชานนท์ยกมือขวาโอบไหล่ดึงเข้าหาตัวเอง
“ฉันรู้ว่านายตื่นเต้น….เพราะครั้งหนึ่งอาการเดียวกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน เพียงแต่ครั้งนั้นฉันไม่มีนายอยู่ด้วย”
“ฉันจะพูดคำไหนกับลูกก่อนดีละคุณ….นาย นาย” อนุชัยเหมือนคนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดร.ชานนท์จึงจ้องหน้าส่งสายตาเย็นๆ ให้เห็น
“ก็ใช้หัวใจพูดแทนซิ!…” เขาเว้นจังหวะขณะกำลังจะผ่านประตูกระจกหมุน 360 องศา “นายกับอาตี้ใช้หัวใจยิ้ม ฉันเชื่อว่าหัวใจพวกนาย 2 คนจะคุยกันเองรู้เรื่อง เชื่อฉัน…ไปเถอะฉันอยากได้เบียร์เย็นๆ สักกระป๋อง”
….กระทั้งเวลา 19.45 น. ดร.ชานนท์ยืนเช็คไฟลท์บินหน้ากระดานอิเล็กทรอนิกส์ขณะที่อนุชัยถูฝ่ามือตัวเองแบบคนรุ่มร้อนอยู่ข้างๆ
“ไปเถอะเครื่องแลนดิ้งแล้วละ อีกไม่เกิน 20 นาทีอาตี้น่าจะผ่านประตูให้เห็น”
“อื้อ….คุณ…ถ้า….” อนุชัยพูดแบบคนไม่มั่นใจจนดร.ชานนท์ต้องโอบไหล่ดึงเข้าหาตัวเองอีก
“เออน่า…ใจเย็นๆ เขาเป็นลูกแท้ๆ ของนายนะ มั่นใจหน่อยซิ” ดร.ชานนท์ขึ้นเสียงดุนิดๆ อนุชัยถึงได้พยักหน้า คนมารอรับผู้โดยสารแน่นขนัดเต็มพื้นที่ 2 ฝั่งยาวกว่า 100 เมตร แสงไฟประดิษฐ์หลากสีกระพริบพราวพร่างจนหามุมอับไม่เจอ แต่เมื่อมองผ่านผนังกระจกสูงออกไปข้างนอกเวลานี้ท้องฟ้าแรกรัตติกาลกำลังเข้าเฉดสีเทาจมดำและดำสนิทในหลายพื้นที่ อนุชัยยกมือป้องปากพลางเป่าลมร้อนจากข้างในทิ้งทุกๆ 5 นาที ขณะที่ดร.ชานนท์ยืนชะเง้อข้ามหัวและป้ายกระดาษที่โชว์รอรับผู้โดยสารต่างชาติแบบคนไม่รู้จักเบื่อ เมื่อสายตาปะทะกับเด็กหนุ่มวัย 15 จะย่าง 16 ปีตัวสูงผิวขาวใสกำลังลากกระเป๋าเดินทางสีเทาใบย่อมๆ มาเพียงลำพัง น้ำเสียงตื่นเต้นจึงดังขึ้น
“นุ นุ อาตี้มานั่นแล้ว” แสงไฟจากเพดานดันสีผิวนอกเครื่องนุ่งห่มให้กระจ่างขาวมากกว่าธรรมดา หมวกแก๊ปสีดำมีตราสัญลักษณ์เมืองซิดนีย์ประเทศออสเตรเลียปกปิดใบหน้าเรียวๆ ไว้กว่าครึ่ง อนุชัยจ้องเขา มองเขาจากมุมไกลๆ จนคล้ายจะเห็นเป็นตัวเองถูกย่อส่วนลดทอนอายุกำลังเดินลากกระเป๋าใกล้เข้ามา สายตาที่มุ่งมั่นไม่หลุกหลิกเสริมบุคลิกที่โดดเด่นอยู่แล้วให้มีพลังมากขึ้น
“เขาช่างเหมือนฉันเหลือเกิน” อนุชัยละเมอ กระทั้งเด็กหนุ่มคนดังกล่าวอยู่ในรัศมี เสียงเรียกจากดร.ชานนท์จึงดังขึ้น
“อาตี้ อาตี้ ทางนี้ลูก” หลายคนที่รอรับผู้โดยสารต่างมองมาที่พวกเขาและแหวกทางให้เป็นแนวยาว เด็กหนุ่มวัย 15 จะย่าง 16 ปีส่ายหน้าราวกำลังมองหา เมื่อเห็นเจ้าของเสียงเรียกเขาก็ถอดหมวกแก๊ป…รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ เผยให้เห็นหัวใจที่กำลังเต้นเป็นเสียงกลอง
“เขาใช้หัวใจยิ้ม…”
“เหมือนนายมากๆ อนุชัย…..” ดร.ชานนท์โบกมือเร็วๆ จนเด็กหนุ่มทิ้งกระเป๋ากระโจนเข้าใส่อ้อมกอดจนมือของอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ สั่นเป็นเจ้าเข้า
“พ่อฮะ พ่อฮะ….”
อนุชัยไล่สำรวจเด็กหนุ่มที่เป็นเลือดเนื้อของตัวเองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เขาเดินวนไปรอบๆ ทั้งคู่ขณะที่ดวงตากำลังมีน้ำรื่นๆ ใช่! แอ่งน้ำในซอกหินแบบเดียวกับที่เมืองชิมะกำลังเอ่อล้น
“เดินทางเป็นอย่างไรบ้างลูกเหนื่อยไหม” ดร.ชานนท์ถามขณะยังกอดอาตี้แน่น
“ไม่ฮะ…”
“อาตี้….” ดร.ชานนท์ดันตัวลูกชายออกราวจะเปิดโอกาสให้อีกคนได้ริมลอง อนุชัยกำมือหลวมปิดปากสั่นๆ อาตี้จ้องไปที่เขาไม่กระพริบ นาน นานกระทั้งหมวกแก๊ปสีดำในมือถูกสวมลงบนศีรษะของอนุชัยเบาๆ
“พอดีเลยฮะ” อาตี้พูดเสียงสั่นเปลือกตาก็กำลังมีน้ำใส่ๆ ซึมรอบๆ “ใส่แล้วหล่อมากเลยฮะ”
ดร.ชานนท์ยืนมองทั้งคู่ด้วยอารมณ์ไม่ต่างกัน….
“เป็นหมวกแก๊ปของพ่ออาตี้เองฮะ….”
“อาตี้….” อนุชัยเรียกแต่เสียงก็ถูกกักเอาไว้ในลำคอ
“คุณ พ่อ” อาตี้เรียกแผ่วๆ “คุณพ่อ คุณพ่อฮะ” แล้วเด็กหนุ่มก็กระโจนใส่อนุชัยราวกับเสือหิว “คุณพ่อฮะ…ดูคุณพ่อซิ!….ดูคุณพ่อซิ!….”
“อาตี้!….อาตี้!….พ่อ พ่อ ขอโทษ พ่อขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับลูก ไม่ได้ดูแลลูกตั้งแต่แรก” อนุชัยกอดลูกชายที่เหมือนตัวเองแน่นๆ เสียงร้องไห้สองอารมณ์ที่แสดงต่อกันราวกับพวกเขาอยู่เพียงลำพัง กระทั้งดร.ชานนท์เข้าไปสวมโอบอีกคน
“คุณพ่อฮะ คุณพ่อใส่หมวกแก๊ปใบนี้แล้วดูหล่อจัง….คุณพ่อฮะ…ฮื้อๆ” อาตี้ร้องไห้ไม่หยุด จนอนุชัยกับดร.ชานนท์ต้องช่วยกันปลอบกระทั้งทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง อนุชัยจึงสวมหมวกกลับคืนให้
“อาตี้! ใส่แล้วดูหล่อกว่าพ่อเยอะ พ่อยกให้ลูกครับ”
“คุณพ่อ ฮื้อๆ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ฮะ ขอบคุณฮะ” อาตี้! ยังร้องไห้ในอ้อมกอดของอนุชัย ดร.ชานนท์จึงแยกจะเข้าไปลากกระเป๋าที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น แต่อาตี้ก็รีบรนเช็ดน้ำตัวตัวเองจนแห้ง
“คุณพ่อฮะ อาตี้ลากมันเองดีกว่า….”
“ทำไมละ….แค่นี้เองไม่เป็นไร ลูกจะได้คุยกับพ่อนุไง” ดร.ชานนท์บอก
“อาตี้ส่ายหน้า “อาตี้โตแล้วนะฮะ กระเป๋าแค่นี้อาตี้จัดการเองได้และไม่เป็นอุปสรรค์ที่จะคุยกับพ่อนุด้วย…จริงไหมฮะ”
อนุชัยเช็ดน้ำตาตัวเองพร้อมกับพยักหน้าให้อาตี้เห็นเร็วๆ “ครับ….ลูกพ่อโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้าน Loft Love กันเลยดีกว่า”
“ไปฮะพ่อนุ อาตี้คิดถึงเปียโนจะแย่อยู่แล้ว”
“ครับ ครับลูก” อนุชัยเดินเกาะบ่าอาตี้ ขณะที่ดร.ชานนท์เดินเกาะบ่าเขา ทั้ง 3 จึงเดินเรียงแถวไปตามโถงทางเดินกว้างๆ แสงไฟสีขาวไล่ตามหลังตลอดเส้นทางถึงรถ BMW. กระทั้งกระเป๋าสัมภาระถูกอาตี้ยกยัดใส่ท้ายรถเรียบร้อยแล้ว
“นายไปนั่งหลังกับลูกเถอะ ฉันจะเป็นคนขับให้เอง” ดร.ชานนท์ตบไหล่จ้องนัยน์ดวงตาอนุชัยซึ้งๆ จนเสียงอาตี้แทรกขึ้น
“คืนนี้อาตี้ต้องรู้ให้ได้ว่า ความรักของพ่อ 2 คนเป็นมาเป็นไปอย่างไร…ชักน่าสนุกแล้วดิ”
“คืนนี้เรานอนด้วยกัน 3 คนเลยเป็นไงเพราะเรื่องของพวกพ่อยาวมากๆ” อนุชัยเสริมพลางจ้องตาดร.ชานนท์เชิงบังคับให้เห็นตามนั้น
“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว นะฮะคุณพ่อ ขออาตี้นอนด้วยคนนะฮะ” อาตี้เขย่าแขนดร.ชานนท์ไม่หยุด
“แค่คืนเดียวนะ”
อาตี้ยิ้มไม่หุบ “ฮะ ฮะ คืนเดียวก็คืนเดียว”
“ขึ้นรถได้แล้ว” ดร.ชานนท์บอก ในที่สุด BMW. สีน้ำตาลดำก็เคลื่อนตัวออกไป…..
……….แรมราตรี มีดารา มาวาดฟ้า………
………ป้ายนภา ระบายรัก ให้เฉิดฉาย ……….
……….อบอุ่นร่าง อบอวลเลิฟ ลอฟท์มลาย……….
………ทั้งใจกาย LOFT LOVE HOUSE เรา 3 คน………
ที่บ้านสายสกุล
คืนต่อมา….คุณหญิงพวงพรกับดร.ชวนนท์ก็ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ อานนท์ สายสกุล หลานชายคนเดียวแบบง่ายๆ แต่ก็ไม่ง่าย ที่บริเวณสนามหญ้าข้างสระว่ายน้ำ เวทีเล็กๆ ถูกประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีจากสวนอาหารสะบันงา แน่นอนงานนี้เจ้ดวงกับปกรณ์เป็นหัวเรียวหัวแรงรวมทั้งเมนูอาหารก็ถูกสั่งตรงจากที่นั้น แขกที่มาร่วมงานหลักๆ หนีไม่พ้นอดีตนายยกรัฐมนตรี ดร.ทักพงษ์ ชีวาวัฒนะ พร้อมครอบครัว ซึ่งมีฐานะเป็นคุณตา-คุณยายของอาตี้-ปีใหม่ อาจารย์พิชัยกับอาจารย์สรวงสุดาที่ได้ย้ายกลับเข้ามาสอนในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันคุณหญิงพวงพรก็ได้ส่งรถตู้ไปรับสมรกับศักดิ์ดาจากมวกเหล็ก ถึงงานเลี้ยงต้องการจะให้ออกไปทางส่วนตัวกระนั้นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันรวมทั้งคณะรัฐมนตรีบางส่วนที่ทำงานกับดร.ชานนท์ก็มาร่วมงานในคืนนี้ด้วย จากที่เคยคิดว่าเป็นการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เลยคล้ายจะใหญ่และเป็นทางการอยู่ไม่น้อย….
ปกรณ์กลายเป็นหัวแรงหลักด้านสถานที่ เจ้ดวงดูแลเรื่องอาหาร เมื่องานเริ่มทุกสิ่งอย่างจึงค่อยๆ ขับเคลื่อนไปตามจังหวะช้าๆ ปกรณ์ได้รับคำชมจากผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ ท่านโดยเฉพาะอดีตนายกและนายกคนปัจจุบัน กระนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับอนุชัยและดร.ชานนท์เลยตลอดทั้งคืน
“แขกผู้มีเกียติทุกๆ ท่านครับ ในที่สุดค่ำคืนที่แสนพิเศษก็เดินทางมาถึงช่วงเวลาพิเศษสุดแล้วนะครับ…” พิธีกรบนเวทีมาจากพิธีกรรายการทีวีดังเว้นจังหวะให้เสียงดนตรี แสงไฟทุกดวงกระพริบระยิบระยับ ผิวของน้ำในสระรูปเลขแปดก็พราวพร่างเสริมอยู่ด้านหลัง “กระผมขอเปิดตัวหลานชายคนเดียวของอดีตนายยกรัฐมนตรี ดร.ทักพงษ์ ชีวาวัฒนะ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.ชวนนท์ สายสกุล เขาคือ อานนท์ สายสกุล ครับท่าน” และเสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับเสียงดนตรีเล้าใจ อานนท์ สายสกุล ในชุดทักซิโด้สีน้ำตาลดำ เขาดูหล่อโดดเด่นราวกับเทพบุตรเมื่อมาพร้อมกับความมั่นใจจนคุณหญิงคุณนายถึงกับเผลอกรี๊ดเสียงดังลั่น เขาก้าวขึ้นสู่เวทีด้วยรอยยิ้มกระทั้งไปหยุดตำแหน่งเดียวกับพิธีกรเมื่อครู่ น้ำเสียงนุ่มๆ จึงดังขึ้น
“กราบสวัสดีคุณตาทักพงษ์กับคุณหญิงยายที่นั่งหลบอยู่มุมโน้นด้วยนะครับ” เขาหยุดยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ ทำเอาหลายๆ คนถึงกับซาบซ่าน “กราบสวัสดีท่านนากยกรัฐมนตรีพร้อมกับคณะรัฐมนตรีที่ทำงานร่วมกับคุณพ่อทุกๆ ท่านเลยนะครับ” และเขาก็กระทำแบบเดียวกับเมื่อครู่อีก “สุดท้ายก็ขอสวัสดีคุณปู่คุณหญิงย่า” เขาหยุดยิ้มเอียงๆ ออกจากไมล์ “คุณปู่คุณย่าทั้ง 2 ครอบครัวครับ” เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งงาน “รวมทั้งแขกที่ให้เกียติมาในงานของกระผมในคืนนี้ทุกๆ ท่านรวมกันเลยนะครับ ขอบคุณมากๆ….” อาตี้หยุดยิ้มก่อนจะยกมือโบกให้กับดร.ชานนท์กับอนุชัยที่นั่งอยู่ข้างๆ เวทีแบบจงใจ “คืนนี้ผมมีความสุขมากและมีความสุขที่ได้รับรู้ถึงความรักของผู้ชาย 2 คน เป็นความรักแปลกใหม่ที่ผมเพิ่งจะรู้จากปากพวกเขาเมื่อคืนที่ผ่านมานี้เองครับ คุณพ่ออนุชัยกับ คุณพ่อชานนท์ สายสกุล ปรบมือให้กับความรักที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วยครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกันและยาวนานกระทั่งอนุชัยกับชานนท์ที่มาด้วยชุดสูทสีดำสนิทคล้ายกันต้องยืนค้อมหัวให้แขกเห็น “ถ้าไม่มีพวกเขา ก็คงจะไม่มีผม” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก “พวกเขาทั้งคู่พิเศษสำหรับผมมากๆ ผมจึงอยากจะมอบเพลงๆ หนึ่งและอยากจะถ่ายทอดเพลงนี้ให้ทุกๆ ท่านรู้ว่าความรักของพวกเขายิ่งใหญ่เพียงใด” อาตี้เว้นจังหวะให้เวลาขณะที่ทุกคนในงานเงียบกริบ…. “เพลงนั้นก็คือ—รักเอย—-อาตี้มอบให้คุณพ่อทั้ง 2 ท่านครับ” เสียงปรบมือดังยาว เขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโนสีดำที่พร้อมรออยู่ก่อนแล้ว….เมื่อปลายนิ้วเรียวยาวพร้อมอยู่บนคีย์บอร์ด แสงไฟทุกดวงในบริเวณจึงดับพรึบสู่สีดำปล่อยเพียงสปอร์ตไลท์สีขาวนวลเพียงตัวเดียวไปตกที่เขา
………รัก เอย……..
……..จริงหรือที่ว่าหวาน………
………หรือทรมานใจคน………
……..ความรักร้อยเล่ห์กล………
………รักเอยลวงล่อใจคน……….
……….หลอกจนตายใจ……….

อานนท์เล่นเปียโน พร้อมกับร้องเพลงนี้จนทุกคนถึงกับเคลิ้ม โดยเฉพาะอนุชัยและดร.ชานนท์ที่ไม่ยอมห่างกันแม้แต่ก้าวเดียว พวกเขาดูลูกชายเดี่ยวเปียโนบนเวทีด้วยท่าทีมีความสุขจนเห็นน้ำตาอาบแก้มและมีความสุขต่ออีก 2 เพลงกระทั้งดร.ชวนนท์ เดินเข้ามานั่งตรงหน้า
“อนุชัย…ตาชาย ที่ผ่านมาพ่อขอโทษที่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกมากเกินไป” เขาใช้น้ำเสียงระดับ3 ทำเอาอนุชัยและดร.ชานนท์ถึงกับยกตัวขึ้นตรงๆ “วันนี้ลูกทั้งคู่ก็ได้พิสูจน์ให้พ่อเห็นแล้วว่าความรักในโลกนี้ไม่ได้มีแค่มิติเดียว แต่มันมีอีกหลายมิติที่คนรุ่นพ่อไม่มีวันเข้าใจ”
“คุณพ่อ….” ดร.ชานนท์อุทานเสียงในลำคอ อนุชัยเองก็อดกำมือขึ้นปิดปากไม่ได้
“โลกต่อจากนี้อยู่ในมือของลูกๆ ความรักก็เช่นกัน ในเมื่อลูกได้สร้างครอบครัวจนสมบูรณ์แบบให้พ่อเห็นและพ่อก็ได้เห็นชัดเจนแล้ว คำขอโทษจากพ่อก็คือการยอมรับจากพ่อ”
“คุณลุงครับ” อนุชัยเอ่ย ทั้งดร.ชวนนท์และดร.ชานนท์ต่างหันมามองที่เขา “คุณลุงได้ทำหน้าที่พ่อสมบูรณ์ที่สุดแล้วครับ หากไม่มีเหตุการณ์อย่างที่ผ่านมา เราคงไม่มีอาตี้-ไม่มีปีใหม่” อนุชัยเอื้อมไปจับและประสานกุมมือกับดร.ชานนท์แน่น “และครอบครัวเราคงไม่สมบูรณ์แบบ เราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณลุงกับคุณหญิงป้า”
“ใช่ครับคุณพ่อ….เราต่างหากที่ต้องขอบคุณเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ที่ชายมีวันนี้ก็เพราะคุณพ่อกับคุณแม่….” ดร.ชานนท์พูดและจ้องอนุชัยลึกกว่าที่เคยเป็น
“พ่อก็ดีใจที่ลูก 2 คน ฝ่าฟันร่วมกันจนชนะ วันที่มิติรักอีกหลายๆ ด้านบอกให้พ่อกับแม่ต้องทบทวน…พ่อจึงได้แต่ภาวนาขอให้ลูกรักกันแบบนี้ ดูแลกันแบบนี้ตลอดไป”
ทั้งอนุชัยและดร.ชานนท์ยกมือไหว้ “นุคือรักเดียวที่เกิดขึ้นกับชาย อาตี้เป็นมิติรักที่ลึกสุดที่เราสัมผัสถึงความรู้สึกที่คุณพ่อกับคุณแม่มีต่อเรา ครอบครัวของชายสมบูรณ์แบบแล้วครับคุณพ่อ” และดร.ชานนท์ก็จุมพิตอนุชัยต่อหน้าถึง ดร.ชวนนท์จะผะอืดผะอมอยู่บ้าง แต่อีกด้านเขาก็เข้าใจมันมากกว่าเมื่อก่อน
“เราสัญญาครับคุณลุงว่าจะเลี้ยงอาตี้-ปีใหม่ให้โตขึ้นอย่างที่ธรรมชาติให้เขามาตั้งแต่แรก ถึงโลกอนาคตจะเป็นโลกที่ยากจะเข้าถึง ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เราก็พร้อมรับมือแล้วครับ”
“ไม่รู้จะมีมิติรักที่แปลกกว่านี้หรือเปล่า ผมกับนุก็พร้อมจะเรียนรู้และทำให้มันดีที่สุดไปพร้อมๆ กัน” ดร.ชานนท์เสริมราวจะให้สัญญา
“ดีแล้วละลูก” อยู่ๆ เสียงคุณหญิงพวงพรก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอโอบไหล่ดร.ชวนนท์ไว้หลวมก่อนจะพูดต่อ “ต่อจากวันนี้เป็นต้นไปทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือของลูกๆ แล้วนะ เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วต้องรู้จักใช้เหตุใช้ผล ช่วยกันคิด-ช่วยกันทำ มิติรักแปลกๆ ที่รออยู่ก็ค่อยๆ เรียนรู้และเข้าใจมันไป โลกอนาคตอยู่ในมือคนรุ่นใหม่ พ่อกับแม่ส่งพวกเธอได้เท่านี้จริงๆ”
“ขอบคุณคะคุณแม่-ขอบคุณครับคุณหญิงป้า-ขอบคุณครับคุณพ่อ-ขอบคุณครับคุณลุง” ทั้งคู่จุมพิตกันบางๆ อีกครั้งก่อนอาตี้-ปีใหม่จะเข้ามาสมทบ 3 คนพ่อลูกจึงถูกมือกล้องสมัครเล่นขอถ่ายรูปไปหลายใบก่อนจะได้ยินเสียงดร.ชวนนท์ดังขึ้นกับมือกล้องคนดังกล่าวห่างๆ
“เธอจัดงานออกมาได้ดีมากๆ ปกรณ์”
(หา!….ปกรณ์เป็นคนจัดงานนี้เหรอ) ดร.ชานนท์อุทานในใจ แต่ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรกระทั้งส่งแขกที่มาร่วมงานกลับไปจนหมด….เงารัตติกาลหลังเที่ยงคืนกับสายลมเย็นๆ ก็ดันคำถามดังกล่าวขึ้นมาในหัวอีกรอบ
(นายเป็นใครกันนะปกรณ์… นายเป็นใครกันแน่)

จบ อนุชาย2 บทที่14 อานนท์ สายสกุล
อนุชาย2 บทที่13
นิยายอ่านฟรีจบเรื่อง อนุชาย2 บทที่13 นายมาช้า
อนุชาย2 บทที่13 นายมาช้า
เลย 11 โมงมาพอสมควร…และอีก 28 นาทีก็จะเที่ยงวัน ดร.ชานนท์ สายสกุล หอบกุหลาบฮอลแลนด์สีขาวแซมสีโอโรสช่อใหญ่เข้าไปในตึก เอ็น.ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท รอยยิ้มบางๆ บวกดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับชวนให้เสน่ห์ที่เกิดมาคู่กับเขายิ่งเพิ่มพูนทวีมากขึ้นหลายเท่า….
#“ผมกับอนุชัยจะเป็นอะไรกันไม่สำคัญหรอกครับ สำคัญอยู่ที่อนุชัย…เขารักคุณชาย ต้องการอยู่กับคุณชายต่างหาก”——>“นาย นาย เป็นใครกันแน่ปกรณ์….ทำไมฉันถึงคุ้นชื่อนี้กับใบหน้าของนายชอบกล”——->“ผมเป็นใครไม่สำคัญอีกเช่นเคย….อนุชัยกำลังเข้าใจคุณชายผิดอย่างแรง รีบไปปรับความเข้าใจกับเขาซะ…ก่อนจะสายเกินไป”——>“นี่ นี่ นาย…..”——>“แต่ถ้าหากคุณชายไม่ได้รักอนุชัยแล้ว…ได้โปรดส่งกลับคืน…ผมจะดูแลเขาเอง….ผมพูดจริงๆ เพราะผมเองก็รักเขาไม่น้อยไปกว่าคุณชายเช่นกัน”#
ยิ่งนึกถึงคำพูดของปกรณ์เมื่อวานกุหลาบในมือยิ่งมีอิทธิพลต่อเขาและหวังว่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับอีกคนที่อยู่บนชั้น 18th เขาอบอุ่นราวกับได้รับพลังวิเศษจนเผลอนับช่อกุหลาบ 2 สีตามจังหวะก้าวที่ใกล้ตัวอาคารเข้าไปเรื่อยๆ….
“แม้จะเป็นนกป่าปีกสีน้ำตาลเปลือกไม้แต่นายก็เคยบอกฉันว่าสีโอโรสจะดันสีขาวที่นายรักให้กระจ่างมากขึ้น ฉันยอมนายหมดทุกประตูแล้วที่รัก” ดร.ชานนท์พึมพำกระทั้ง 2 สาวประชาสัมพันธ์ยกมือไหว้ทักทาย
“สวัสดีคะท่านรอง” เขาผงกหัวยิ้มรับบางๆ ก่อนจะเดินผ่านไปยังลิฟต์ที่อยู่ด้านในสุด
“สวัสดีครับท่านรอง…ไม่ทราบว่าจะขึ้นไปชั้นไหนครับ” รปภ. รุ่นราวคราวเดียวกันถามอย่างสุภาพขณะเดินนำเข้าไปในลิฟต์
“ชั้นที่ 18th ครับ ขอบคุณมาก” เขาบอกพร้อมกับอมยิ้มจน รปภ. รู้สึกวางใจจึงเอ่ยขึ้นมาอีก
“กุหลาบสวยดีนะครับ”
“จะไปง้อแฟนนะครับ ไม่รู้ว่าจะใจอ่อนหรือเปล่า” เขาบอกแบบเปิดเผย จนคิ้วของ รปภ.ขมวดเข้าหากันแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาอีกกระทั้งหมายเลขชั้นปรากฏเลข 18 ให้เห็น
“โชคดีนะครับท่าน…หวังว่าท่านผู้หญิงเธอจะใจอ่อน”
ดร.ชานนท์จ้องหน้าเขาตรงๆ ก่อนริมฝีปากจะบีบเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง…..เมื่อป้ายชื่อบริษัท APT. GROUP จำกัด สีเงินสแตนเลสแวววับอยู่ตรงหน้า มือที่ถือช่อกุหลาบก็เริ่มไม่มั่นคง ทุกๆ ย่างก้าวกำลังเกิดคำถามคำตอบสลับกันวนเวียนอยู่ในหัว น่าจะมีแหวนเพชรมาด้วย เขาคิด คิด และก็คิดจนกระทั้งเลขาหน้าห้องที่รู้จักระดับหนึ่งเดินออกมายกมือไหว้ต้อนรับ
“สวัสดีคะท่านรอง….วันนี้ท่าน…”
“ผมมาขอพบ อนุชัย ธารากรณ์ ครับ” ดร.ชานนท์ พูดเต็มปากเต็มเสียง ดวงตาที่เป็นประกายของเลขาสาวหุบหาย เธอซ่อนอารมณ์ไม่ดีนักเวลานั้น
“บอสออกไปเมื่อครู่นี้เองคะท่าน….เห็นบอกว่ามีธุระด่วน” เธอรายงานหน้าเศร้าๆ สายตาก็จับไปที่กุหลาบช่อใหญ่ไม่กระพริบ ดร.ชานนท์วูบวาบ-สีหน้าปรับสู่ความผิดหวังสุดทาง จนเสียงเลขาสาวดังขึ้นมาอีก “ไม่ทราบว่าท่านรองจะฝากโน้ตไว้หรือเปล่าคะ”
“ยังไม่เที่ยงเลยทำไมเขารีบร้อนจัง ช่วงบ่ายจะเข้ามาไหมครับ” ดร.ชานนท์ถามต่อพลางเป่าลมออกจากปากยาวๆ
“คงไม่เข้ามาแล้วละคะ เพราะแพลนงานวันนี้จบแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากกุหลาบช่อนี้จัดใส่แจกันไปไว้ในห้องทำงานเขาที” ดร.ชานนท์บอก ทำให้เลขาสาวหน้าใสถึงกับถลึงตาโตๆ แบบคนอดแปลกใจไม่ได้ แต่เมื่อเวลาไม่ตอบโจทย์เธอจึงได้แต่ยิ้มรับแบบง่ายๆ
“คะ คะ…จัดไว้ในบนโต๊ะทำงานของบอสเลยนะคะ….ดิฉันเข้าใจถูกต้องไหมคะท่าน….”
“ครับ….ถูกต้องที่สุด” ดร.ชานนท์ตอบกลับเสียงนิ่มๆ ก่อนส่งช่อกุหลาบให้แล้วหันหลังเดินออกมา (เขาไปไหนของเขานะ….นุ นายไม่ได้หลบหน้าฉันใช่ไหม) เขาคิด คิด กลัว กลัว จนขาที่ก้าวตรงไปยังลิฟต์ไม่มั่นคง….กระทั้ง รปภ.คนเดิมเปิดประตูลิฟต์มารับเมื่อเจอเข้ากับใบหน้าผิดหวัง เขาจึงเงียบกระทั้งตัวเลขแสดงชั้น G
“ไม่เป็นไรนะครับท่าน”
“อื้อ!….” ดร.ชานนท์ตอบสั้นๆ ดวงตาที่เป็นประกายขามาไม่รู้หลบหลงอยู่ชั้นไหน แต่ขากลับมีหลายๆ ความผิดหวังปรากฏขึ้นแทน….
……….อยู่แห่งไหน นายนกป่าของฉัน………
……….เกือบเที่ยงวัน ใจสั่นอยากเห็นหน้า………….
……….อยากเคล้าคลอ เคียงคู่เจรจา……….
……….ตามนกป่า คืนรังเล้า ที่เฝ้ารอ………
“นายอยู่ไหนอนุชัย….นายอยู่ไหน…นายไม่ได้หลบหน้าฉันใช่ไหม….อนุชาย อนุชายยย”
….เมื่อสมองนำทาง….การยอมแพ้ง่ายๆ ก็ไม่ใช่ทางของเขา แลนด์โรเวอร์พุ่งออกจากอาคารจอดรถสู่ถนนสุขุมวิทก็ตรงดิ่งไปยังเป้าหมายต่อไปทันที…
“วันนี้ฉันต้องเจอนายให้ได้อนุชัย” เขาตั้งพิกัดที่คอนโดมิเนียมใน ซอยลาดพร้าว 20 และเกือบๆ จะบ่ายโมงก็มาถึง ดร.ชานนท์วนหาที่จอดรถชั้น 1 เมื่อรถเข้าที่เข้าทาง สมองกลับคิดหนักไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดีและขณะกำลังคิดวนอยู่นั้นสายตาที่มองผ่านกระจกหน้าก็ปะทะเข้ากับคนๆ หนึ่ง
“ปกรณ์…นาย กับ อนุชัย….อยู่ อยู่ด้วยกันรึนี้….หมาย หมายความว่า….” ดร.ชานนท์ช็อกจนพูดและนึกอะไรไม่ทันกระทั้งปกรณ์ขับรถกระบะโฟวิลแล่นออกไป อาการชาช็อกเมื่อครู่ถึงค่อยๆ คลายตัว…. “อนุชาย….อนุชาย….อนุชาย…..” เขายกมือขึ้นเสยผมปาดความเครียดที่กำลังลามไปทั่วใบหน้าหลายรอบ “ฉันหมดหวังจริงๆ แล้วใช่ไหม…นายมีคนใหม่จริงๆ….ก็มัน 15 ปีแล้วนี้นะ ใครจะบ้ารอมึงวะไอ้ชานนท์ ใครจะยังบ้ารอมึงอยู่อีก….”
สุดท้ายแลนด์โรเวอร์ก็ค่อยๆ แล่นออกจากลานจอดของคอนโดฯ ขนาด 22 ชั้นอย่างเงียบๆ เขาอยากจะเร่งความเร็วหนีความอับอายให้สุดตีน ไปให้ไกลจากเมืองมัวๆ แต่เมื่อเจอกับสภาพจราจรช่วงบ่ายแผ่นหลังก็วูบวาบซึมซับไอหนาวลามเข้ากระดูกสันหลัง “ฉันมาช้าเกินไปรึไงกัน….นุ ฉันมาช้าเกินไปใช่ไหม”
ดร.ชานนท์แวะเทเหล้าเข้าปากจนสมองเริ่มชา เมื่อผ่านไป 30 นาทีเสียงโทรศัพท์จาก เดียรเนียล สแปนเลย์ ก็ดังขึ้น
“ฮัลลลโหล…” เขากรอกด้วยน้ำเสียงตามระดับดีกรีในเลือด
(You อยู่ไหน Chanoon…น้ำเสียง ไม่ดี เอาซะเลย I ต้องไป สนาม บินแล้ว นะ)
“ฉาน จัดรถไว้ให้แล้วละ โชคดีนะเพื่อน”
(ไม่ต้อง ไม่ต้อง แฟนรักคนใหม่ ฉานจะไปส่ง ไม่ ต้อง เป็น ห่วง ดูแล ตัวเองด้วยนะ)
“ออกเสียงให้ชัวเดียรเนียล เฟรนรักโว้ย!….เออ เพื่อนใหม่ You เป็นใครกัน ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย” ดร.ชานนท์ถามกลับด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ขาดๆ เกินๆ
(You เมาใช่ไหม Chanoon) เดียรเนียล สแปนเลย์ เงียบไปสักพัก (ฉาน ต้อง กลับ จริงๆ แล้วนะ เพื่อ เพื่อนรักคนใหม่ของ I เป็นคนใกล้ตัว You นั้นแหละ โชคดีนะ เพื่อ เพื่อนรัก)
“ไม่ ม่าย ม่าย….ฉานไม่ได้เมา ฉันกำลังจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ โชคดีนะ ว่าแต่นายอย่าลืมของฝากอาตี้ด้วยละ ฉันวางไว้ข้างๆ กระเป๋าเดินทางนะ”
(Oh! Yes!….แล้วของฝาก ยิ๋งลัดดา ละ ไม่ มีเหรอ…แต่ไม่เป็นไร I เตรียมไปให้เธอแล้วด้วย You ต้องดูแลตัวเองนะ….Love You Chanoon)
“I’am Too. Good luck My Friend” ดร.ชานนท์บอกส่งก่อนจะกดวางสายแบบเงียบๆ หมองๆ “ฉันต้องกลับบ้าน Loft Love ที่มีแค่ฉันคนเดียวแล้วละเพื่อน….ฉันมีนายอยู่แล้วทำไมฉันต้องโหยหานายอีกคนไม่ทราบ….ฉันมีนายอยู่แล้วอนุชัย ฉันมีอาตี้อยู่แล้ว ทำไมฉันต้องโหยหานายอีก….อนุชัย อนุชาย…อ๊าก!”

ดร.ชานนท์กลับถึงบ้าน Loft Love เกือบจะบ่าย 4 โมงเย็นเข้าไปแล้ว ตะวันต้นฤดูหนาวอ้อมใต้เฉียงไปทางทิศวันตก เงาของบ้านสีปูนกับป่าต้นแคนาจึงโอนยืดไปทิศตรงข้าม หน้าบ้าน Loft Love จึงปรากฏลวดลายซึ่งเวลานั้นเป็นเส้นแสงผ่านก้อนเมฆไร้สาระเฉือนประตูรั้วไม้สักสีดำออกเป็นส่วนๆ เขานั่งมองมันราวกับ ดาบคาตานะ อย่างคนสิ้นหวัง ห้องนั่งเล่น ทำงาน ครัวฝรั่งเพดานสูงว่างเปล่าไร้ผู้คน ไร้ทุกๆ สรรพสิ่ง ความโดดเดี่ยวสุดทางจึงอยู่ครบ เงาชายที่กำลังมึนรักเมาแอลกอฮอล์โดดเดี่ยวจนเกือบจะเบลอค้าง
“ฉันยังมีอาตี้ ฉันยังมีนายอีกคน อนุชาย” เขาพึมพำก่อนจะลุกเดินไปนั่งลงเก้าอี้เปียโนสีดำหลังใหญ่ ขณะที่นิ้วเรียวๆ กำลังไล่ตัวโน๊ต ดวงตาก็หลับสู่วิมานที่พยายามสร้างขึ้นมาทดแทนเมื่อเหมอมองในมุม 45 องศา เขาก็ลืมตาเห็นหัวสกรูเพียงตัวเดียวในบ้านที่โผล่ออกมาจากผนัง Loft หน้าโต๊ะอาหาร
# “ติดมันไว้ตำแหน่งนี้แหละ ทุกๆ เวลาอาหารเช้า กลางวัน เย็น จะได้เตือนสติเราทั้งคู่ไง”#
เสียงจากความทรงจำเด้งขึ้นมาในหัว
“….ไม่ใช่ตำแหน่งกระดานชนวน ไม่ใช่ตำแหน่งของกฎเขกกะโหลก แต่เป็นตำแหน่งของรูปอาตี้….” น้ำตาไหลพรากปลายนิ้วก็บรรเลงเพลงทำนองพลิ้วๆ ไล่ตัวโน๊ตอ้อยอิ่งตามอารมณ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างในกระทั้งประตูกระจกอลูมิเนียมอบสีดำถูกสมใจพี่เลี้ยงของอาตี้เปิดออกกว้างๆ….มันกว้างกว่าปกติที่เธอเคยทำกระทั้งสายตาที่กำลังมัวเมาปะทะเข้ากับกระดานชนวนที่เขายังหามันไม่ได้ มันปิดบังใบหน้าของผู้ถือเดินขึ้นบันไดใกล้เข้ามาอย่างมิดชิด (เขาเป็นใคร…เอ้!…มันคือกระดานแผ่นนั้นเอง….กระดานชนวนแผ่นเดิม….ใคร เขาเป็นใครที่ยกเข้ามา…ใครกัน…ใครกันนะ) ดร.ชานนท์คิด เขารีบเช็ดน้ำตาเร็วๆ ขยี้ดวงตาแรงๆ กระทั้ง
“เชิญคะ…..”
“เอ้!….ใช่ๆ…..”
“กระดานชนวนแผ่นเดิมครับคุณชาย” เสียงลุงเย็นที่เดินประคองนำหน้ามาตอบแทน เขายิ้มจนเกือบจะเห็นน้ำตากระทั้งเสียงสมใจดังขึ้นอีก
“ติดไว้ตำแหน่งเดิมเลยนะคะคุณชาย” เธอถามอย่างคนกำลังมีความสุขเหลือล้น ดร.ชานนท์พยักหน้าสีแดงๆ เร็วๆ เขาจ้องไปที่นิ้วเรียวๆ ผิวขาวๆ ของคนยก…มัน รู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยลากผ่านตัวเขาไปมาหลายๆ รอบ จนกระทั้ง…..
“ฉันไปส่งเดียรเนียลเสร็จจึงเลยแวะไปค้นหาในโกดังบ้านตระกูลเชาว์ ไม่นึกว่ามันจะยังอยู่ที่เดิม” น้ำเสียงคุ้นๆ ดังก้องกังวาน
“นุ…..” ดร.ชานนท์อุทานทรุดฮวบสะอื้นอยู่กับพื้นกระเบื้อง เมื่อกระดานชนวนเข้าที่เข้าทางทั้งสมใจและลุงเย็นก็ปาดน้ำตาหลบออกไปข้างนอก ทิ้งไว้เพียงพวกเขาให้อยู่ภายในบ้าน Loft Love ตามลำพัง “นายมาช้า นายมาช้า”
“นายต่างหากที่มาช้า….ฉันรอนายตั้งแต่เที่ยงแล้วรู้ไหม” อนุชัยบอกขณะค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ใช้แผ่นหลังพิงกับเปียโนในลักษณะเดียวกัน
“นี่ๆ แสดงว่า….”
“เลิกประชุมฉันก็ตรงดิ่งมาหานายที่บ้านเลย นายไปไหนมา”
“ฉัน ฉัน ไปตามหานาย ไปทุกๆ ที่ที่นึกออก….” ดร.ชานนท์พูดขณะสายตาก็จ้องไปที่กระดานชนวนไม่กระพริบ
“ตามหาฉัน…อย่าบอกนะว่า….”
“ฉันหอบกุหลาบช่อใหญ่กะจะเซอร์ไพรส์ที่บริษัท….แต่…”
“หา! นาย นาย…..” อนุชัยหัวเสีย เขาจิ! ปากสูดลมเข้าปอดแรงๆ “เซอร์ไพรส์บ้าอะไรไปเปิดตัวฉันซิไม่ว่า”
ดร.ชานนท์ปาดน้ำตาอีกครั้งก่อนจะหันไปจ้องอนุชัยตรงๆ “เปิดตัวแล้วจะทำไม นายมีความลับที่นั่นรึไง”
อนุชัยยิ้มปลื้มๆ “เปล่า! ฉันดีใจมากๆ ต่างหาก….” แล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันกลม “ฉันคิดถึงนายชานนท์ ฉันคิดถึงนายที่สุดในโลก” อนุชัยน้ำตาแตกจนหยดลงหัวไหล่ ดร.ชานนท์พูดไม่ออก พวกเขาปล่อยให้เวลาบำบัดเกือบครึ่งชั่วโมง
“ถ้าฉันไม่ปวดหัวจนต้องเข้านอนโรงพยาบาลที่ฮ่องกง นายคงไม่ต้องเข้าใจฉันผิด”
อนุชัยดันร่างชานนท์จ้องในลักษณะตื่นตะลึง “นายว่าอะไรนะ….”
“ฉันปวดหัว….เลยนอนในโรงพยาบาลกว่า 3 วัน”
“คุณ ไอ้คุณ ไอ้เหี้ยคุณ ทำไมนายไม่บอกฉัน ทำไมนายไม่บอกฉัน ฮื้อๆ ชานนท์ ทำไมนายไม่บอกฉัน คุณ ไอ้คุณ นาย นายใจร้ายมากๆ….E-Mail ฉันก็มีทำไมนายไม่บอกฉัน” อนุชัยร้องไห้อย่างหนัก กระทั้งแผ่นหลังที่อยู่ตรงหน้าสะเทือนให้เห็น ดร.ชานนท์แปลกใจและตกใจไม่น้อย เขาค่อยๆ เชิดใบหน้าเละเทะขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ทีละข้าง
“ฉันก็แค่ปวดหัวนุ…”
“แค่ปวดหัว แค่ปวดหัว ฮื้อๆ ก็แค่นายปวดหัว ใช่ๆ ก็แค่นายปวดหัว ฮื้อๆ ชานนท์ คุณ….”
“ใช่ ฉันแค่ปวดหัวธรรมดา ไม่เป็นอะไรมากหรอก….” เขาเชิดใบหน้าของอนุชัยมาเช็ดน้ำตาให้อีก “นายรู้เรื่องอาตี้ ลูกชายของเราแล้วใช่ไหม” ดร.ชานนท์ถามเพื่อหวังจะเปลี่ยนประเด็น อนุชัยพยักหน้า
“นายทำให้ฉันเซอร์ไพรส์ได้ตลอด…ชานนท์ ฉันอยากเจอลูก ฉันอยากคุยกับเขา 15 ปี ฉันอยากจะขอโทษเขา”
“15 ปี นายโดดเดียวเกินไปแล้ว….ย้ายมาอยู่บ้านเราด้วยกันเถอะนะ” ดร.ชานนท์ไม่ปล่อยให้เวลาพิเศษนี้ผ่านไปเฉยๆ อนุชัยยกตัวขึ้นมานิ่งคิดหลายนาที “นุ หรือว่า นาย….” ในหัวดร.ชานนท์นึกถึงปกรณ์ขึ้นมา “นาย มี”
“ยังเผื่อพื้นที่สำหรับฉันด้วยเหรอ….”
ดร.ชานนท์กำมือหลวมๆ ปิดปาก น้ำตาก็ยังไหลทิ้งไหลขว้างอย่างไม่เสียดาย เขาพยักหน้าแทนคำพูดเร็ว “ฉัน ฉัน เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนายมา 15 ปี นุ แค่นาย แค่ตัวนาย ที่นี่มีครบทุกอย่างแม้กระทั้งถุงเท้า รองเท้าและกางเกงชั้นในที่นายชอบ….นุ”
“คุณ…คุณ…ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว” อนุชัยยกตัวก้มลงจูบกลางศีรษะเขาเบาๆ “ฉันจะไม่มีวันทิ้งนายไปไหนอีกเด็ดขาด” พร้อมกับดึงหัวที่กำลังสะอื้นเข้ามาแนบอก “ไม่มีวันไปไหนอีก ถึงแม้ฉันจะอยู่ในสถานะเมียน้อย ฉันก็จะขอเป็นอนุชายให้นายตลอดไป คุณ นายได้ยินฉันไหม นายจะไล่ฉันออกจากบ้านไหมถ้านายโมโหฉัน”
ดร.ชานนท์สะอื้นวงแขนก็โอบรัดร่างที่กำลังสะท้านจนไม่อยากปล่อย “ไม่ ไม่มีทาง นายคือรักเดียว นายไม่ใช่อนุชาย แต่นายคือภรรยาคนแรกและคนเดียวของฉัน”
ทั้งคู่กลับมาสบตากันอีกครั้ง แสงสุดท้ายก็ใกล้จะลับขอบฟ้าเงามืดภายในบ้าน Loft Love จึงครบถ้วนในเวลานั้น
“ฉันแก่แล้วนะนายยังจะรักฉันอีกเหรอ——>แล้วฉันไม่แก่รึไง นายจะรักฉันไหมละ——>อีกไม่กี่ปีหัวฉันก็จะล้าน——>แล้วหัวฉันไม่ล้านรึไง——>อีกไม่กี่ปีฉันก็จะลงพุงนายยังจะรักฉันไหวเหรอ——>ฉันก็จะลงพุงไปพร้อมๆ กับนาย——>อีกไม่กี่ปีผิวหนังของฉันก็จะเหี่ยวย่น——>แล้วผิวฉันไม่เหี่ยวรึไง ทำไมนายถึงเรื่องมากอย่างนี้นะอนุชาย——>เพราะ….เพราะฉันเป็นแค่เมียน้อย เป็นแค่อนุชาย นายทิ้งฉันเมื่อไรก็ได้….และนายก็ไม่ผิดด้วย——>อนุชาย (ดร.ชานนท์จ้องตาอนุชัยอยู่นาน) นายเข้าใจผิดแล้วละ——>ฉันเข้าใจผิด——>ใช่! นายเข้าใจผิดอย่างแรงเลยละ….นายคือพ่อของลูกชายฉันเพราะฉะนั้นนายลืมเรื่องนี้ไปได้เลย”
………รัตติกาล เนินนาน กระจ่างฟ้า………
………ห้วงเวหา เหินหาว ราวสวรรค์………
………ฉันถอดเสื้อ นายถอดผ้า พัลวัน……….
………อกของฉัน แทบไหม้ เพราะไฟทรวง………
……….รสสวาท วาบหวาม ยามรักเก่า………
………โลกของเรา วันของเรา หวนมาถึง……..
………รักสุดรัก หวงสุดหวง ห้วงคะนึง……..
………นายทึ้งดึง ฉันทิ้งร่าง กระชากกาย………
………ฉันจะจูบ นายก่อนหลับ จวบจนเช้า………
………ฉันจะเฝ้า รอนายตื่น ฟื้นจากฝัน………
………ภาวนา ขอเห็นหน้า วันต่อวัน………
………มุ่งหมายมั่น เพียงแสงเช้า ที่เฝ้ารอ………
….ตี 5 กับ 15 นาที
อนุชัยยกเก้าอี้ผ้านุ่มๆ มานั่งจับมือดร.ชานนท์ที่กำลังหลับลึกด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย ฝ่ามืออุ่นๆ กับสัญญาณชีพจรเต้นตุบๆ ทำให้ใจชื่นอยู่บ้าง กระนั้นคำภาวนามากมายก็ยังถูกส่งไปยังวงหน้าที่ไม่มีวันเบื่ออยู่ดี….
“ได้โปรดเถอะชานนท์ นายต้องตื่นมาเพื่อฉัน นายต้องตื่นมาเพื่อเรา นายต้องตื่นมาเพื่อลูก เพื่ออาตี้ลูกชายของเรา ชานนท์ ได้โปรดเถอะ ตื่นเถอะที่รัก ตื่นขึ้นมาคุยกับฉัน ตื่นขึ้นมากินอาหารเช้ากับฉัน” อนุชัยเงยหน้ามองผ่านกลีบผ้าม่านทางทิศตะวันออกที่ปิดไม่สนิท “ท้องฟ้ากำลังเรืองรองแล้วที่รัก แต่ละเฉดสี แต่ละเวลามีความหมายมากมาย ให้ความงามคนละแบบ นายต้องตื่นมาเห็นเอง ชานนท์ นายต้องตื่นขึ้นมาสัมผัสกับมัน มองมันด้วยตาของนายเอง นายถึงจะรู้ว่าสวยงามเพียงใด ชานนท์ คุณ คุณ ได้โปรดตื่นเถอะที่รัก ตื่นได้แล้ว ฉันรอนายอยู่ ฉันจะรอนายทุกๆ เช้าที่รัก ได้โปรด ชานนท์ ชานนท์” เมื่อสัญญาณชีพของคนกำลังหลับลึกค่อยๆ อ่อนลงเรื่อยๆ มือของเขาก็เริ่มสั่นดวงตาเบิกโพลงใบหน้าซีดฟุบสะอื้นกับแผ่นอกจนน้ำตาชื้นๆ ซึมสู่ผิว….ดร.ชานนท์จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเผชิญ
“นุ นุ นาย นาย”
“ขอบคุณ ขอบคุณชานนท์ ขอบคุณมากๆ ที่ตื่นมาเพื่อฉัน ขอบคุณ ขอบคุณ” อนุชัยพร่ำไม่หยุดกระทั้งชานนนท์ดึงลงนอนที่เดิม
“นายจะนั่งมองฉันทำไม ฉันอยากตื่นขณะที่นายอยู่ในอ้อมกอดฉันแบบนี้ทุกๆ เช้ามากกว่า….แต่เอ้!….ฉันจำได้เมื่อคืนเราไม่ได้นุ่งอะไรนี้หนา ทำไมตอนนี้นายกับฉันถึงได้….”
“ไอ้คนลามก”
“ไม่เอา….ถอดออกเลยนุ่งทำไมเกะกะจะตาย”
“คุณ ไอ้คุณหยุดนะ….ฉัน ฉันต้องลงไปทำอาหารเช้า”
“ไม่ต้อง น้าสมใจเตรียมให้เราทั้งคู่แล้วละ นายไม่ต้องมาเลี่ยงฉันให้ยากเลย”
“โอ้ย!….ชานนท์”
“นายเจ็บเหรอ” ดร.ชานนท์กระซิบข้างหู
“15 ปี ฉันไม่เคยมีอะไรกับใครเลย เบาๆหน่อย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า….มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ฉันได้นายเป็นครั้งแรกเลยว่าไหม”
“โอย! คุณ ไอ้คุณ ไอ้เหี้ยคุณ”
“ดีขึ้นยัง….ฉันจะนุ่มนวลที่สุด เป็นไงอุ่นไหม อนุชาย อนุชาย ฉัน ฉันมีความสุขเหลือเกิน…”
“อ้า….ชานนท์….”
“ฉันรักนายที่สุด…..”
“ฉันรักนายชานนท์….นาย นาย มาช้า…..”
“นายต้องได้อยู่ข้างบนซินะ” แล้วชานนท์ก็พลิกตัว-ดันร่างอนุชัยให้อยู่ข้างบน “เอาเลยที่รัก เอาให้สมกับ 15 ปีที่นายรอ….ฉันพร้อมแล้ว นุ อนุชัย อนุชาย”
“นาย นาย กำลังทำให้ฉันเป็นบ้า ชานนท์”
“เรียกฉันว่าที่รักเร็วเข้า….เด็กโง่เอ้ย เร็วเข้า”
“ฉันเป็นพี่นายนะ….”
“ที่รัก นายสุดยอด นาย นาย”
“ที่รัก ที่รัก ชานนท์ ชานนท์ ฉันรักนาย ฉันรักนาย ฉันรักนาย”

จบ อนุชาย2 บทที่13 นายมาช้า
อนุชาย2 บทที่12
อนุชาย2 บทที่11
อนุชาย2 บทที่10
อนุชาย2 บทที่10 รอคอย
อ่านเพิ่มเติม อนุชาย2 บทที่10